วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 4/3

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 4/3
“อ๋อ ไปสอบเหรอครับ..ฝากบอกดวงด้วยนะครับ..ว่าขอให้ได้เอทุกวิชา” เกียรติบดินทร์พูดกับเด่นทำหน้าตาเหมือนสนิทสนมกับดวงยิหวาเหลือเกิน แล้วหันมาหาบัญชา เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึงขัง “อืม..นายหัว..บริษัทปีเตอร์แอนด์เฟรนด์..ที่นายหัวอยากจะบี้ให้เละนี่..คือ บริษัทของมาดามพิณกับมิสเตอร์โจวใช่ไหมครับ”
“ดิน..แกไปกินอาหารเช้าไป๊.. แม่เขารออยู่” บัญชาบอกแกมสั่งอยู่ในที
เกียรติบดินทร์ยักไหล่“ทำไมนายหัวไม่ยอมให้ผมอยู่ในทีมด้วยล่ะครับ..นายหัวรักใคร ผมก็รักด้วย นายหัวเกลียดใคร ผมก็เกลียดด้วย”
“แกอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ ดิน..ชั้นไม่ได้เกลียดใคร แต่ชั้นไม่ต้องการให้บริษัทต่างชาติมาฮุบธุรกิจของพี่น้องเพื่อนฝูงของเราต่างหากล่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว มันเป็นเรื่องของส่วนรวม” บัญชาว่า


“โอ้โห..ยิ่งได้รู้แบบนี้ ผมก็ยิ่งอยากช่วยนายหัวใหญ่ นายหัวมีอะไรจะใช้ผมก็ใช้มาเลยนะครับ..ทีนายเด่น..เค้ายังไว้ใจลูกเค้า นายหัวก็น่าจะไว้ใจผมบ้าง” เกียรติบดินทร์ยิ้มให้ทุกคน แล้ววิ่งจากไป
บุรี นายเด่น มองหน้าบัญชา อยากรู้ว่าคิดไงกับลูกชายตัวเอง ส่วนบัญชามองตามลูกด้วยสีหน้าหนักใจ

อาหึ่งกำลังเคี่ยวน้ำซุปใหญ่ในหม้ออยู่ภายในครัวศาลเจ้า
เพื่อนสามคนของฟ้ากระจ่าง สมหมาย ปักเป้า และหมีใหญ่ กำลังง่วนอยู่กับช่วยงานกันคนละอย่างทั้ง หั่นผัก หั่นหมู และปอกกระเทียม
“อาจ้างมันไปไหนๆ” อาหึ่งถามหาลูกชายขณะใช้ทัพพีเคี่ยวน้ำซุปอยู่
“มันไปโรง’บาลครับ เดี๋ยวก็กลับครับ” ปักเป้าหันไปบอก
“มันไปทำไมโรงบาล แล้วเส้นก๋วยเตี๋ยวล่ะ มันเอามายัง อั๊วบอกให้ไปซื้อแต่เช้า” อาหึ่งบ่นงึมงำ
สมหมายเข้าไปลากตะกร้ามาส่งให้ “นี่ครับ อาหึ่ง เส้นใหญ่ เส้นหมี่ เส้นเล็ก..ครบเลย”
“มันหายไปๆไหนๆๆ” อาหึ่งหมุนหารอบทิศ
“หาอะไรเหรอ อาหึ่ง” หมีใหญ่ถาม
“กระดูกหมู โครงไก่ ตะกี๊มันอยู่ตรงนี้เยอะแยะ หายไปไหนหมด อาจ้าง อาจ้างมันเอาไปไว้ไหนหมด อาจ้างเว้ย อาจ้าง…” อาหึ่งร้องตะโกนหาลูกชายเสียงดังโหวกเหวก
เพื่อน 3 คนมองหน้ากัน แล้วส่ายหัว ก่อนพูดขึ้นพร้อมๆ กัน ประโยคที่เคยบอกไปแล้วอย่างเหลืออด “อาจ้างไปโรง’บาล เดี๋ยวมา”
“โครงไก่กับกระดูกหมูอาหึ่งก็เคี่ยวอยู่ในหม้อซุปนั่นไงละคร้าบ” สมหมายว่า
“ป้ำๆ เป๋อๆ แบบนี้ ทำกับข้าวอร่อยได้ไงวะ ย้ำคิดย้ำทำแบบนี้ เดี๋ยวก็ใส่เกลือ ใส่น้ำตาลทีละสองสามรอบหรอก” ปักเป้าแอบนินทาอาหึ่ง

ระหว่างนั้นฟ้ากระจ่างกับสาลี่ ช่วยกันเข็นรถคนป่วยมีตัวหนังสือสกรีนเขียนชื่อคนบริจาคให้มูลนิธิฯ มีสารภีนั่งอยู่ ผ่านประตูครัวไป สารภีครวญครางออกมา
“อือ.. เอ็บอ้าก..อวดอากกกก..ไอ้ไอ๋แอ๊วๆๆ อือๆๆๆ - ฮือ..เจ็บมาก.. ปวดมาก ไม่ไหวแล้วๆๆ ฮือๆๆ”
“โอ๋ๆๆ แม่ อย่าร้องนะ เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพัก..แม่ก็ค่อยยังชั่ว..เชื่อผมสิ” ฟ้ากระจ่างพยายามปลอบ
“จุ๊ๆๆ สารภี เบาๆ หน่อย คนเขามาไหว้เจ้ากันเยอะแยะ เดี๋ยวเค้าก็นึกว่าศาลเจ้าเราเป็นโรงฆ่าสัตว์”
อาม่าสาลี่จุ๊ปากบอก แล้วช่วยฟ้ากระจ่างเข็นสารภีผ่านไป
“อีสารภี อีนี่..อีตัวการ...” อาหึ่งได้ยินเสียงสารภี ฉุนสุดขีด ควงทัพพีในมือ รีบตามไป

ฟ้ากระจ่างกับสาลี่ช่วยกันประคองสารภีให้นอนลงบนเตียงเล็กราคาถูก สภาพที่นอนก็แบนติดพื้นเตียงหาความนุ่มไม่เจอ สารภีครางครวญหงิงๆ อยู่อย่างนั้น
“อาจ้าง ไปหาข้าวต้ม หาอะไรมาให้แม่กินไป..จะได้กินยาหลังอาหาร” สาลี่บอก
“ครับ อาม่า”
ทันใดนั้น อาหึ่งก็โผล่พรวดเข้ามา เอาทัพพีชี้หน้าอย่างโมโห
“อีสารภี อีนี่ เป็นอะไรไปอีกแล้วล่ะ ทำให้ลูกกูต้องลำบากอีกแล้ว อาจ้าง ไป ไปทำงานในครัว คนมาไหว้เจ้าเยอะแยะจะไม่มีอะไรกิน เดี๋ยวได้อดกันหมด ลื้อไม่ต้องมายุ่งกะมัน ให้มันตายๆ ไปซะเลย จะได้หมดเรื่องหมดราว”
ฟ้ากระจ่างเข้ามาขวางไว้
 “ป๊า...ใจเย็นๆ อย่าไปด่าแม่เค้าสิครับ มาๆๆอั๊วกลับมาแล้ว อั๊วไปช่วยนะๆๆ”
“เอาข้าวต้ม หรือเกาเหลาอะไรก็ได้นะ เร็ว” สาลี่เร่ง
“ครับๆๆ อาม่าสาลี่ แป๊บนึงครับ” ฟ้ากระจ่างรับคำ
เสี้ยวท้ออยู่ในชุดเดินทางถือกระเป๋า ได้ยินเสียงเอะอะ จึงโผล่ออกมาดู
“ข้าวต้มอะไร เกาเหลาอะไร จะให้ลูกอั๊วจัดมารับใช้อีเนี่ยเหรอ” อาหึ่งยังไม่ยอมให้ฟ้ากระจ่างไป
“ป๊า..มาเถอะน่า...” ฟ้ากระจ่างรีบลากอาหึ่งออกไป “ไปๆๆ รีบไปช่วยกันทำกับข้าวให้คนมาไหว้เจ้ากัน..ไป เดี๋ยวไม่ทันนะ ป๊า จะเที่ยงแล้ว”

“อา อ้างๆ อ่าทิ้งแม่ไอ แอ่เอ็บเอื๋อเอิน..อาอ้วดไอ้แอ้อ่อย - อาจ้างๆ อย่าทิ้งแม่ไป แม่เจ็บเหลือเกิน มานวดให้แม่หน่อย” สารภีอ้อนจะไม่ยอมให้ฟ้ากระจ่างไป
“หนอยๆๆ..มานวดให้แม่หน่อย..พูดออกมาได้ ลื้อไปเป็นแม่อาจ้างตั้งแต่เมื่อไหร่ เคยเลี้ยงมันบ้างไหม อั๊วะตะหาก ที่ป้อนข้าวป้อนน้ำมันมา ลื้ออ่ะ ก็ดีแต่ไถตังค์ กะไถข้าวไถขนมมันกินไปวันๆ แล้วนี่ยังจะมันมารักษาพยาบาลลื้ออีกเหรอ” อาหึ่งพูดอย่างมีโมโห
“อั๊นเอ็นแม่อาอ้างๆๆ - ชั้นเป็นแม่อาจ้างๆๆๆ” สารภีเถียงเสียงดังลั่น
“ครับๆๆ แม่เป็นแม่ผม ไป..ป๊า..ขอร้อง ไหว้ล่ะ อย่าทะเลาะกันเลยนะ” ฟ้ากระจ่างรีบห้ามทัพ
“ลื้อไม่ต้องยุ่งกะมันอีก” อาหึ่งสั่งลูกชายพลางด่ากระทบสารภี “เดี๋ยวอั๊วจะโทรศัพท์เรียกเทศบาล มาเอานังสารถีไปทิ้งขยะ อย่างมันนี่ไม่ใช่ขยะรีไซเคิลหรือขยะแห้งนะ มันเป็นขยะเปียก..ต้องเอาไปทำปุ๋ย!!”
สารภีของขึ้นโต้กลับทันที
“อื๊ออะอิ อะอะเอียก อ้าอ่างอื๊ออ้อไอ้ไอ้อ้ออาอ้าง - ลื้อน่ะสิ ขยะเปียก หน้าอย่างลื้อ ก็ไม่ใช่ พ่ออาจ้าง” สารภีบอก
“อั๊วเป็นพ่ออาจ้างๆๆๆ” อาหึ่งเถียง
“อั๊วอ้อเอ็นแอ้อาอ้างๆๆ - อั๊วก็ป็นแม่อาจ้างๆๆ” สารภีโต้
“พ่อแม่ก็เป็นพ่อเป็นแม่ผมทั้งสองคนแหละครับ นะๆๆ”
ฟ้ากระจ่างโอ๋สองคนไปมา ระหว่างนั้นเสี้ยวท้อก็ดึงแขนอาม่าสาลี่เข้ามาพอดี
“ดูอาจ้างสิ ม้าเกิดมา เคยเห็นอะไรน่าทุเรศ เคยเห็นใครน่าสมเพชไปกว่านี้อีกไหม” เสี้ยวท้อพูด อย่างขัดเคืองใจ
“ม้าไม่เห็นอะไรแบบที่ลื้อว่าเลย เสี้ยวท้อ อั๊วเห็นแต่เด็กน่ารัก เด็กดี ที่เป็นลูกของเทพเจ้าตะหาก” สาลี่เอ่ยชื่นชมฟ้ากระจ่างขึ้นมา
“งั้นเราก็จบกัน ม้ากะหนูพูดกันไม่เคยรู้เรื่อง แล้วหนูจะส่งเงินมาให้นะ แต่ถ้าไม่เด่นไม่ดัง หนูไม่กลับมาแน่ แม่อย่าว่าก็แล้วกัน” เสี้ยวท้อไหว้สาลี่ แล้วเดินไปหาครอบครัวฟ้ากระจ่าง พูดเสียงก้าวร้าว ไม่เกรงใจใคร “นี่!!อาหึ่ง น้าสารภี หยุดตีกันซักนาทีได้ไหม”
สารภี กับอาหึ่งเงียบเสียงไปทันที
“อาจ้าง ชั้นลาก่อนนะ เธอเองก็คิดให้ดีก็แล้วกัน..หัดถามตัวเองซะบ้างนะ ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่”
เสี้ยวท้อพูดแค่นั้นก็สะบัดหน้าแล้วเดิน เริดๆ เชิดๆ จากไป
สาลี่ อึ้ง สารภี อาหึ่ง มองตามไปอย่างงงๆ แล้วหันมามองหน้าฟ้ากระจ่างที่มองเสี้ยวท้อ ด้วยสายตาสมเพชใจ

ภายในครัวบริเวณด้านหลังศาลเจ้าค่ำคืนนั้น ฟ้ากระจ่างล้างจานคว่ำซ้อนเป็นตั้งๆ อยู่ ในขณะที่อาหึ่งก็เก็บกวาดครัวไป ลอบมองฟ้ากระจ่างไป จังหวะหนึ่งฟ้ากระจ่างมีอาการสะดุ้ง ยุงกัด รีบวางจานลง ตบยุงเสียงดังเปี๊ยะโดยอัตโนมัติ
พอได้สติ ฟ้ากระจ่างจึงจับซากยุงมาดู ทำหน้าตาเสียใจ
“เย้ย!! ไอ้ยุงชั่ว..ทำอั๊วผิดศีล 5 เลย โหย..เซ็งว่ะ”
อาหึ่งเห็นแล้วยิ้มๆ ออกมา
“ดีแล้วล่ะ ยุงมันอายุสั้นไม่กี่วันเอง มันตายซะจะได้ไปเกิดใหม่..เป็นสิ่งที่ดีกว่า”
“สิ่งที่ดีกว่ายุง..สงสัยจะเป็นมด เพราะถ้าเกิดเป็นแมงวัน ต้องไปตอมของสกปรก” ฟ้ากระจ่างว่า
“มันอาจจะเกิดเป็นคนก็ได้” อาหึ่งออกความเห็น
“จากยุงเป็นคน มันจะข้ามช็อตไปนะป๊า..ผมว่ามันน่าจะเป็นแมลงซักสิบชาติ แล้วต้องไปเป็นปลา เป็นนก เป็นจระเข้ กว่าจะมาเป็นพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แล้วก็มาถึงขั้นลิง..ก่อนจะเป็นคน”
อาหึ่งหัวเราะชอบใจ “แล้วถ้าเราเกิดชาตินี้เป็นคน ชาติหน้าจะถอยไปเป็นยุงได้ปะวะ”
“เออ..เนอะ อาจจะต้องทำบาปมากๆ อ่ะครับป๊า..เช่นพวกสูบเลือดสูบเนื้อคนอื่นมากๆ..ตายไป เลยไปเกิดเป็นยุง ต้องดูดเลือดคนต่อไปเรื่อย” ฟ้ากระจ่างบอก
อาหึ่งคิดแล้วคิดอีก “แล้วลื้อล่ะ ชาติก่อนไปทำอะไรมา ถึงได้มาเกิดเป็นลูกอั๊ว”
ฟ้ากระจ่างพูดแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย
“เราอาจจะเคยเป็นพ่อเป็นลูกกันมาหลายชาติแล้วก็ได้นะป๊า”
“งั้น..ชาติหน้า ลื้อมาเกิดเป็นลูกอั๊วอีกนะ” อาหึ่งพูดซื่อๆ
ฟ้ากระจ่างหัวเราะ “ได้เลย”
“อั๊วทำอาหารเลี้ยงคนยากจนมากๆแบบนี้ ชาติหน้าอั๊วอาจจะเป็นเจ้าของกิจการ มีบ้านของตัวเอง แล้วพอลื้อเกิดมา ลื้อก็จะได้สบาย” อาหึ่งทำหน้าฝันหวาน
ฟ้ากระจ่างนิ่งไปนิดหนึ่ง แล้วหัวเราะก๊ากออกมา
“งั้นชาติหน้า ถ้าป๊ามีกิจการเป็นของตัวเอง ป๊าช่วยอย่าทำกิจการร้านอาหารละกันนะ ไม่งั้นผมว่า...ชีวิตเราคงคล้ายๆ เดิมนี่แหละ ผมว่า...ป๊าเป็น...” ฟ้ากระจ่างคิดไปคิดมา “เจ้าของกิจการขายเสื้อผ้าดีกว่า..ขายกางเกงยีนส์นะ กางเกงยีนส์ เสื้อยืดแหล่มๆ เอารองเท้าผ้าใบด้วย เอาแบบร้านสมาร์ทเทเล่อร์ในตลาดเลย...ใช่แล้ว” ฟ้ากระจ่างตบเข่าฉาดใหญ่ “ผมนึกได้แล้ว ถ้าเลือกเกิดได้..ผมอยากเกิดเป็นลูกเจ้าของร้านสมาร์ทเทเล่อร์นี่แหละ”
“โอเคๆ ได้ๆๆ” อาหึ่งชอบใจเห็นดีด้วย

สองพ่อลูกหัวเราะกันคิกคักๆ อย่างมีความสุข

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 4/3
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น