วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 3 วันที่ 27 มิ.ย. 55

ที่หน้าร้านอะไหล่รถแทรกเตอร์ในเมืองเชียงใหม่ รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด ชายหนุ่มหล่อ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรูเก๊กท่านายแบบก้าวลงจากรถมายืนเท่อยู่ข้าง รถ เขาคือเวทางค์ ลูกชายผู้ว่าฯประเวทย์

ที่อีกด้านหนึ่งของรถ สาวน้อยแสนเปรี้ยว ก้าวลงมาในชุดกระโปรงสั้นโชว์เรียวขาถึงเหนือเข่า เสื้อกล้ามโชว์เนินอกใส่แว่นดำเก๋ไก๋ พอลงมาก็ถอดแว่นมองไปข้างหน้าด้วยท่านางแบบเช่นเดียวกัน  เธอคือวิยะดา น้องสาวของเวทางค์นั่นเอง...

วิยะดาชี้ให้พี่ชายดูพวกสาวแท้สาวเทียมที่กำลังกรี๊ดกันสติแตกมองมาทางนี้ เวทางค์พูดอย่างยโสว่า

“ขี้เกียจดู ไปไหนก็มีแต่ผู้หญิงกรี๊ด เบื่อแล้ว ไม่รู้จะกรี๊ดอะไรพี่นักหนา”

แต่ที่แท้บรรดาสาวแท้สาวเทียมเหล่านั้นไม่ได้กรี๊ดเวทางค์ แต่กรี๊ดคนที่อยู่ข้างหลังเขา คืออาทิจนั่นเอง

วิ ยะดามองเลยไปด้านหลังเวทางค์ เห็นอาทิจเดินเท่เข้าไปในร้านขายอะไหล่แทรกเตอร์ วิยะดากรี๊ดลั่นถามพี่ชายว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เวทางค์หันมองบอกว่าเข้าร้านแบบนั้นจะเป็นใครได้นอกจากช่างซ่อมรถ ชวนไปกันเถอะตนหิวแล้ว

ที่ร้านอาหารนี่เอง เวทางค์กับวิยะดาเจอดรุณี ต่างทักทายกันด้วยความยินดี สองพี่น้องนึกว่าดรุณีมาทาน อาหารร้านหรู สมเป็นหลานผู้ว่าจริงๆ ดรุณีชี้แจงว่าร้านนี้ไปรับส้มที่สวนเป็นประจำ เขาให้บัตรลด 50% ก็เลยมาใช้บริการ แล้วชวนนั่งด้วยกันตามมารยาท

น้า แก้วถือถุงน้ำปูมาเจออาทิจยืนอยู่หน้าร้านชวนเข้าไปด้วยกัน อาทิจบอกว่าเห็นดรุณีเจอเพื่อนเลยคิดว่ายืนรอข้างนอกดีกว่า แล้วเปลี่ยนใจขอเอาของไปเก็บที่รถ แล้วจะนั่งรอที่นั่นเลย เชิญน้าแก้วตามสบายไม่ต้องห่วงตน

น้าแก้วเข้าไปเห็นเวทางค์กับวิยะดา ก็เข้าไปทัก สองพี่น้องพยักหน้ารับอย่างถือตัว น้าแก้วถามดรุณีว่าไม่ทราบจะคุยกันนานไหม เพราะอาทิจไปรออยู่ที่รถ วิยะดาถามทันทีว่าใครคืออาทิจ หล่อไหม ดรุณีตัดบทว่าอย่าสนใจเลย แล้วถามเวทางค์ว่าจะเอาบัตรลด 50% ไว้ใช้ไหม

“ลูกผู้ว่าต้องจ่ายเต็ม เท่านั้นจ้ะ ใช้บัตรลด 50 เปอร์เซ็นต์ อายเขาตาย” เวทางค์ทำท่ารังเกียจ ดรุณีเลยเก็บบัตรใส่กระเป๋า หยิบกาแฟและถุงขนมปังเดินออกไปกับน้าแก้ว

ooooooo

ดรุณี เดินมากับน้าแก้ว พอใกล้ถึงรถก็ยื่นให้น้าแก้วเอาไปให้อาทิจ สั่งว่าห้ามบอกว่าตนเป็นคนฝากมาให้ เพราะจริงๆแล้วตนก็ไม่ได้อยากให้ แต่คุณย่าให้เงินมาแล้วเดี๋ยวไปอ้อนคุณย่าว่าไม่มีใครซื้อข้าวซื้อน้ำให้กิน ตนจะเดือดร้อน น้าแก้วได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างเอ็นดู กับความเฮี้ยวของเธอ

พอน้าแก้วไปถึงก็ยื่นทุกอย่างที่ดรุณีใส่มือมา ให้อาทิจที่ยืนพิงตึกอยู่ข้างรถบอกว่า มีคนฝากมาให้ อาทิจหันมองดรุณี เธอสะบัดหน้ากระชากเสียงพูดลอยๆ “ไม่ใช่ฉัน!!”

อาทิจถามว่าน้าแก้ว ซื้อมาหรือ พลางจะยกมือไหว้ขอบคุณ น้าแก้วรีบยกมือห้ามบอกว่าไม่ต้องไหว้ไม่ใช่ น้าแก้ว อาทิจเลยแกล้งพูดว่า “อ๋อ...รู้แล้ว สงสัยจะเป็นเพื่อนชายของคุณณีซื้อให้”
ดรุณีหันขวับชักสีหน้าใส่แต่พูดผ่านน้าแก้วให้บอกผู้ชายคนนั้นว่าอย่าหา เรื่อง ตนมาหาซื้อหนังสือไม่ได้นัดแฟนออกมาคุย อาทิจนึกสนุกเลยพูดผ่านน้าแก้วบ้าง ให้ช่วยอธิบายกับคนนี้ด้วยว่าตนพูดว่า เพื่อนชาย ไม่ได้พูดว่าแฟน

ทั้งสองโต้เถียงกันผ่านน้าแก้วทั้งที่น้าแก้วไม่ได้พูดอะไรเลย กระทบกระแทกกันไปมาจนอาทิจอบรมผ่านน้าแก้วว่า

“ผม ว่าน้องคนนี้ของน้าแก้วท่าจะคิดมากนะครับ ผมจะหมายถึงแฟนได้ยังไง ในเมื่ออายุของน้องคนนี้สมควรจะตั้งใจเรียนอย่างเดียว ถ้าเป็นน้องสาวผม ผมจะสอนเขาว่าอย่าริอ่านมีแฟน”

อาทิจเห็นว่ายั่วดรุณีขึ้นก็ยิ่งยั่วจนเธอตอบโต้ไม่ออก น้าแก้วที่ยืนเป็นตัวกลางให้ทั้งสองโต้เถียงกันไปมาตัดบทว่า

“พอได้แล้วค่ะ ถ้าน้องคนนี้กับผู้ชายคนนั้นยืนทะเลาะกันอยู่อย่างนี้  แล้วทางคุณย่านู้นกับคนงานทางโน้นจะได้กินข้าวเย็นกันไหมคะ”

ทั้ง คู่เลยหย่าศึก น้าแก้วยื่นกาแฟกับขนมปังให้อาทิจกินรองท้องก่อนเพราะต้องขับรถอีกนาน เขาบอกว่าแวะกินที่ไปรษณีย์มาแล้ว ดรุณีบ่นลอยๆว่ากินแล้วทำไมไม่บอกแต่แรกจะได้ไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อ เลยถูกอาทิจจับเท็จว่า

“อ้าว...ตกลงนี่คุณเป็นคนซื้อให้ผมเหรอ แหม...ถ้าบอกเสียตั้งแต่แรก ผมกินฉลองศรัทธาไปนานแล้ว จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันเป็นเด็กๆต่อหน้าน้าแก้วด้วย”

ดรุณีโกรธจนทำอะไรไม่ถูกเลยค้อนไล่ตั้งแต่น้าแก้วไปถึงอาทิจแล้วตะบึงตะบอนไปขึ้นรถ

อาทิจได้แต่ขำ ที่ดรุณีมาทำให้ตนกลายเป็นเด็กไปด้วย

ooooooo

ประ เวทย์กับวิไลลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กับภรรยา พ่อแม่ของเวทางค์และวิยะดาเป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อ ฟู่ฟ่า วันนี้เวทางค์กับวิยะดาที่ไปเรียนกรุงเทพฯกลับมาเยี่ยมบ้าน

เวทางค์ กับวิยะดาบอกแม่ว่าเจอดรุณีที่ตลาดเมื่อครู่นี้ วิไลลักษณ์คาดว่าสิ้นเดือนพอดีดรุณีคงเอาเงินมาเข้าธนาคารให้คุณย่า แล้วเตือนลูกทั้งสองว่า ต้องอยู่ติดคุณย่าเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นดรุณีจะได้จากคุณย่าไปหมด ชวนพรุ่งนี้ไปหากันเลยไหม

เวทางค์ ไม่ไปเพราะนัดเพื่อนโยนโบว์ไว้แล้ว ส่วน วิยะดาก็ไม่ไปเพราะไปที่นั่นเหมือนอยู่หลังเขา ไม่มีสัญ– ญาณโทรศัพท์ จะบีบีกับใครก็ไม่ได้ ไปถึงคุณย่าก็คุยแต่เรื่องทำไร่ทำสวนน่าเบื่อจะตาย

“เบื่อ ยังไงก็ต้องไป ท่องเอาไว้สิ เงิน...เงิน...เงิน มรดกคุณย่ามีไม่ใช่น้อยนะ ลูกจะปล่อยให้ยายณีคว้าไปครองคนเดียวหรือจ๊ะ” วิไลลักษณ์หว่านล้อมแกมขู่ ลูกทั้งสองเลยมองหน้ากันเซ็งๆ

ooooooo

วันนี้ อาทิจกับต๊อดไปเล่นน้ำที่น้ำตกกัน แล้วทั้งสองก็ถูกดรุณีแหวใส่ว่าใครอนุญาตให้มาเล่นน้ำในที่ส่วนตัวของตน อาทิจทำหน้างงบอกว่าตนมาอาบน้ำที่นี่ทุกวันตั้งแต่แรกที่มาถึงไม่เห็นมีใคร มาอ้างสิทธิ์เลย

ดรุณีไล่ให้ไปเล่นที่ปลายน้ำหรือที่มุมไหนก็ได้ อาทิจไม่อยากมีเรื่องเลยชวนต๊อดหลบไปเล่นอีกฟากหนึ่ง แต่แกล้งพูดดังๆให้เข้าหูดรุณีว่า
“ย้ายมาอาบปลายน้ำก็ดีเหมือนกัน เผื่อมีใครขึ้นไปเล่นน้ำตกชั้นบน หรือไม่ก็พวกช้างที่อาจจะฉี่ระหว่างเดินข้ามน้ำมันก็จะโดนพวกที่อยู่ต้นน้ำ ก่อน”

ซ้ำต๊อดยังประสานเสียงเป็นปี่เป็นขลุ่ยว่าถ้าเป็นช้างก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นคนนี่สิเรียกว่าฝันร้ายเลยละ

เป็น จังหวะเหมาะพอดีที่มีอะไรเป็นก้อนๆสีทองลอยตุ๊บป่อง...ๆมาสองสามก้อน สองหนุ่มทำเสียงสยองว่ามาแล้ว จิ๋วแจ๋วมองไปร้องบอกดรุณีว่าอึลอยมา ดรุณีร้องอย่างขยะแขยง แต่พอเพ่งมองดีๆกลายเป็นซังข้าวโพด อาทิจกับต๊อดหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็งที่หลอกดรุณีได้สำเร็จ

ดรุณี เจ็บใจที่ถูกหลอก กลับไปฟ้องคุณย่าว่าอาทิจ บุกรุกเข้าไปในที่ส่วนตัวของตน เลยถูกคุณย่าอบรมว่าน้ำตกเป็นที่สาธารณะ เราไม่มีสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของแม้ว่ามันจะอยู่ในที่ของเราก็ตาม

ooooooo

ที่ ร้านขายของชำของทองประศรี สาวเปรี้ยวเปลี่ยวเหงา เธอเป็นอีกคนที่ดีอกดีใจมากเมื่อรู้จากตุ๊ลูกหนี้ที่เป็นคนงานที่สวนส้มของ คุณย่าว่ามีหลานชายของคุณย่ามาอยู่ด้วย ถามอย่างตื่นเต้นว่าหล่อไหม

ตุ๊ เลยฉวยโอกาสขอเซ็นสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้งฝุ่น และยาทาเต่าด้วย ทองประศรีถามตุ๊ว่าแล้วเมื่อไรจะพาไปรู้จักหลานชายคุณย่า เสนอว่าพรุ่งนี้เลยได้ไหม

“จ้ะ...แต่สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้งฝุ่น แล้วก็ยาทาเต่าน่ะขอเดี๋ยวนี้เลยนะ” ตุ๊เล่นทีเผลอเลยได้เซ็นของไปอีกเพียบ

ooooooo

วันนี้ คุณย่าทำข้าวเหนียวมะม่วง ดรุณีชมว่าหน้าตาน่ากินจัง คุณย่าบอกว่าใกล้เสร็จแล้วให้ไปตามอาทิจมากินข้าวก็คงเสร็จพอดี ดรุณีบอกว่าอาทิจฝากจิ๋วแจ๋วบอกมาแล้วว่าจะกินกับคนงาน เพราะอยากซ่อมแทรกเตอร์ให้เสร็จ คุณย่าเลยเอาใส่ปิ่นโตให้ดรุณีขี่จักรยานไปส่ง มีทั้งกับข้าวและข้าวเหนียวมะม่วง

ดรุณีถึงกับเซ็ง เพราะคิดว่าวันนี้ไม่ต้องไปเป็นแจ๋วของอาทิจแล้วเชียว จำต้องเอาปิ่นโตแขวนที่แฮนด์จักรยานปั่นไปให้

อาทิ จทำงานเพลินจึงมาเข้าแถวรับอาหารเป็นคนสุดท้าย ปรากฏว่ากับข้าวหมดเหลือแต่ติดก้นหม้อ เขาบอกน้าแก้วว่าไม่เป็นไรตนกินได้ จิ๋วแจ๋วรีบบอกว่าอย่าเพิ่งกิน เพราะดรุณีกำลังเอาปิ่นโตมาส่ง อาทิจเลยต้องหิ้วท้องรอทั้งที่หิวมาก

ดรุณีขี่จักรยานมาหลับตาสูด อากาศยามเย็นอย่างชื่นอกชื่นใจจนเกือบชนรถกระบะขนส้มที่สวนมา หักหลบเลยล้มทั้งคนทั้งรถ แต่น่าอัศจรรย์ที่ปิ่นโตทั้งเถากลับตั้งอย่างดีที่พื้น แทนที่จะดีใจ ดรุณีกลับคิดแก้เผ็ด

เมื่อไปถึงก็ทำทีเดินกะเผลกๆ จูงจักรยานเข้าไปบอกว่าจักรยานล้มอาหารในปิ่นโตหกหมด อาทิจหน้าแห้งเพราะหิวจัด ดรุณีแอบยิ้มที่แกล้งอาทิจได้ แม้แค่เพียงอาหารมื้อเดียวก็สะใจ๊...สะใจ...

ooooooo

วันนี้ วิไลลักษณ์พาเวทางค์กับวิยะดามาหาคุณย่าที่บ้าน ปากหวานทั้งแม่ทั้งลูกว่า คิดถึงคุณย่ามาก ถึงมากที่สุดในโลก คุณย่าขอบใจที่คิดถึงคนแก่ ถามถึงเรื่องเรียนของสองคน วิไลลักษณ์ต้องกล้อมแกล้มตอนแทนลูกว่า “ก็ดีค่ะ...”

คุณย่าบอกว่าดีแล้ว เพราะเรียนเก่งๆทางโรงเรียนก็มีทุนให้ อย่างดรุณีก็ได้รับทุนมาตั้งแต่อยู่ ม.3 ย่าแทบไม่ต้องช่วยออกอะไรให้เลย ช่วยแค่ตำราเรียนนิดๆ หน่อยๆ ปีละไม่กี่พัน ถามว่าแล้วสองคนล่ะเป็นอย่างไร
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th    

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น