วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ภูผาแพรไหม ตอนที่ 7 วันที่ 23 มิ.ย. 55

ที่แผนกเครื่องเขียนภายในห้างฯ แสงมณีเลือกซื้ออุปกรณ์วาดรูปโดยมีภูผากับทวีปคอยอารักขาตามหน้าที่ แสงมณีหันมาถามภูผาว่าชอบวาดรูปหรือเปล่า ชายหนุ่ม ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพว่าตนไม่มีหัวทางศิลปะ
“ศิลปะอยู่ที่การฝึกฝนค่ะ ถ้าคุณอยากวาดก็บอกนะคะ ฉันพอจะแนะนำได้”
“ผมอยากวาด” ทวีปโพล่งขึ้น
แสง มณีเหลือบตามองเขาแวบเดียวก่อนเอ่ยว่า “คนที่จะวาดรูปได้ต้องเป็นคนจิตใจดี ภาพที่ออกมาจะได้ สะท้อนความคิดดีๆ อย่างคุณฝึกไปก็วาดไม่สวย อย่าเสียเวลาเลย”
“เจ้าว่าผมจิตใจไม่ดีเหรอ” ทวีปเสียงขุ่นไม่พอใจ

แสงมณีไม่ตอบ ยักไหล่ใส่แล้วหันหนี ทวีปยิ่งฮึดฮัดหมั่นไส้เหมือนจะไม่ยอม ภูผาเลยต้องเตือนสติเพื่อนโดยเร็วว่า

“อยู่ใกล้พยานปากเอกแล้วก็หยุดปากหมาซะบ้าง จะได้ไม่เสียโอกาสหาเบาะแสตามจับคนร้าย”

ทวีปรับ ฟังอย่างเซ็งๆ จำต้องเปลี่ยนท่าทีนอบน้อมเข้าไปหาแสงมณี ถามเธอว่าซื้อของเสร็จแล้วจะกลับบ้านหรือไปที่อื่นต่อ แต่คำตอบของเธอกลับทำให้เขาชักสีหน้าตั้งท่าจะเอาเรื่อง จนภูผาต้องกระแอมเตือน

“ถามทำไม” นั่นคือคำตอบแสนห้วนของเธอ ทวีปสะกดใจ เหลือบมองภูผาแวบหนึ่งก่อนพูดอย่างใจเย็นกับเธอ

“ก็เจ้าบอกว่าเวลาจะไปไหนให้ผมถาม ผมเลยถาม จะได้ขับรถพาเจ้าไปถูกไงครับ”

“ดีมาก” แสงมณียิ้มอย่างผู้ชนะ

“แล้วตกลงเจ้าจะไปไหนต่อครับ”

“แถวนี้แหละ...ทางนี้ค่ะคุณภูผา” แสงมณีเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง ภูผาหันมองทวีปอย่างขำๆ

เมื่อ เดินตามกันไปถึงหน้าร้านกาแฟ แสงมณีก็เล่นแง่กับทวีปอีก เธอชวนภูผาดื่มกาแฟแต่ไม่ชวนทวีป จึงโดนทวีปหาว่าลำเอียง เพราะตนกับภูผาต่างก็เป็นองครักษ์เหมือนกัน

“ก็มีแต่คุณภูผาที่พูดจาดีกับฉัน ฉันก็เลี้ยงเขาคนเดียวน่ะสิ เชิญค่ะคุณภูผา”

“ขอบคุณครับ”

แสงมณีเดินนำเข้าไป ทวีปโวยกับภูผาทันทีว่าตนพูดดีกับเธอแล้วนะ เธอนั่นแหละที่ไม่ยอมพูดดีกับตน

“ปากหมาใส่ตั้งหลายครั้ง พูดดีแค่สองประโยคจะให้เขาพูดดีด้วย แกนี่มันเอาแต่ใจจริงๆ เฝ้าหน้าร้านนะ ฉันจะระวังคนในร้านให้เอง”

ภูผา เดินตามแสงมณีไป ทวีปถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แล้วครู่ต่อมายิ่งหน้าบึ้งไปกันใหญ่ที่เห็นพิพิธซึ่งอยู่ภายในร้านลุกไปร่วม โต๊ะกับแสงมณี โดยที่ภูผาลุกออกมาอย่างมีมารยาท แต่มันทำให้แสงมณีเสียโอกาสที่จะได้พูดคุยกับภูผาตามลำพัง

สมควรแก่เวลา แสงมณีกับพิพิธจึงแยกย้าย พิพิธกลับมาที่ร้านเพชรของตนและบอกเล่าให้พี่ชายฟังว่าเจอแสงมณีที่ร้านกาแฟ

“โดนคนตามฆ่ายังออกจากบ้านอีก ใจกล้าจริงๆ”

“เจ้าบอกว่าไม่อยากใช้ชีวิตบนความกลัวน่ะครับ”

“บอกตรงๆนะว่าเฮียไม่อยากให้แกอยู่ใกล้เจ้าแสงมณีเลย เฮียกลัวว่าเกิดอะไรขึ้นแกจะพลอยฟ้าพลอยฝนถูกลูกหลงไปกับเขาด้วย”

“ผมน่ะมีวิชา ดูแลตัวเองได้ แล้วก็มั่นใจว่าดูแลเจ้าแสงมณีได้ด้วย”

“เออ...เย็นนี้กินอะไรกันดี”

“เฮียอยากกินอะไรก็ตามสบายเลยครับ เพราะผมไม่อยู่ ผมนัดกินข้าวกับเพื่อนน่ะครับ” ว่าแล้วพิพิธหันไปเตรียมตัว...

เย็น วันเดียวกัน ปรางแก้วซื้อข้าวของมามากมายเพื่อฉลองที่ชัยคืนดีกับคนรัก แต่บุญศรีบอกตรงๆว่ากลุ้มใจ เพราะวันก่อนที่วนิดามาหา เธอพูดเองว่าแพรไหมเจ้าชู้ ตนเลยกลัวว่าแพรไหมจะทำให้ชัยเสียใจอีก

“คุณแพรทั้งสวยทั้งรวยน่าจะมีผู้ชายเข้ามาให้เลือกเยอะ แต่เขาเลือกคืนดีกับพี่ชัย แก้วว่าเขาต้องรักพี่ชัยจริงค่ะ”

“ป้าก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น  ชัยจะได้มีความสุขซะที”

ooooooo

ส่ง แสงมณีถึงบ้านด้วยความปลอดภัยแล้วสองหนุ่มองครักษ์จึงลากลับ ฝ่ายแสงมณีทำท่าจะโดนดวงใจคาดคั้น เพราะไม่พอใจที่เธอไม่รีบกลับบ้าน ทั้งๆที่อยู่ในช่วงต้องระมัดระวังตัว แต่แสงมณีก็มีวิธีหลีกเลี่ยงด้วยของฝากสวยๆงามๆ ทำให้ดวงใจลืมเรื่องอื่นไปชั่วขณะหนึ่ง

ใกล้ค่ำแล้ว พันทิญายังอ้อยอิ่งไม่เตรียมตัวทั้งที่มีนัดกับชัย เธอคุยโทรศัพท์กับพิพัฒน์อย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลิก กระทั่งแพรไหมต้องเดินมาส่งสัญญาณเตือนว่าเลยเวลานัดแล้ว พันทิญาจึงวางสายอย่างหงุดหงิด
เมื่อไปถึงร้านอาหารที่เป็นแหล่งนัดหมาย ชัยรอรับพันทิญาอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าพิพิธจะนัดเพื่อนมาที่นี่ด้วย พิพิธเห็นเต็มตาว่าพันทิญาเดินไปกับผู้ชาย แล้วก็เห็นว่าทั้งคู่พากันออกจากร้านทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงนั่งเลยด้วยซ้ำ

พัน ทิญามาเพื่อบอกเลิกชัย เธอจึงไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ ขณะเดินไปถึงลานจอดรถชั้นสี่ภายในตึก พันทิญาตัดสินใจคืนแหวนให้ชัยด้วยหวังจะจบเรื่องให้เร็วที่สุด แต่ชัยตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง

“คืนแหวน...คุณหมายความว่าไง”

“แก นี่มันโง่เกินควายจริงๆ ผู้หญิงเอาแหวนมาคืน ยังไม่รู้อีกว่าหมายความว่ายังไง ไม่รู้ก็ยืนคิดให้ตายอยู่ตรงนี้แหละ” พันทิญาปาแหวนใส่ชัยแล้วเดินออกไปทันที

ชัยเก็บแหวนก่อนวิ่งตามมารั้งเธอไว้อย่างเว้าวอน “คุณจะเลิกกับผมเหรอ”

“อย่าใช้คำว่าเลิก เพราะเราไม่เคยคืนดีกัน”

“แต่คุณบอกว่าจะคืนดีกับผม”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

“คุณโดนแม่คุณบังคับให้เลิกกับผมอีกแล้วใช่ไหมครับ พาผมไปหาคุณแม่คุณเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ผมจะคุยกับคุณแม่คุณเอง”

“ฉัน จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าแม่ฉันไม่เกี่ยว ฉันอยากเลิกกับแกเพราะฉันไม่ได้รักแก”  พันทิญามองชัยอย่างรำคาญ สะบัดแขนแล้วเดินต่อ ชัยวิ่งไปดักหน้าน้ำตาคลอ

“คุณแพร...บอกมาว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะรักผม...ผมยอมทำทุกอย่าง”

“รวยให้ล้นฟ้า มีพ่อแม่เป็นไฮโซ...ถ้าแกทำได้ในชั่วข้ามคืน ฉันจะรักแก”

“ถึงผมจะจนมีพ่อแม่ผมจะเป็นคนธรรมดา แต่ผมก็รักคุณมากนะครับ”

“ความรักมันทำให้ชีวิตสุขสบายไม่ได้...ฉันไม่สนหรอก”

“ผมจะทำงานให้มากกว่านี้ผมจะหาเงินให้ได้มากๆ ผมสาบานว่าจะเลี้ยงดูคุณให้สุขสบาย อย่าเลิกกับผมเลยนะครับ”

“เจ้า ของร้านมือถืออย่างแกต่อให้ทำงานมากกว่านี้ร้อยเท่าก็ไม่มีวันรวยเท่าพ่อค้า เพชรแฟนใหม่ฉัน ฉันคงโง่มากถ้าเลิกกับเขากลับมาคบกับแก”

“แต่ผมอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้”

“อยู่ไม่ได้ก็ไปตายซะ” พันทิญาตะโกนด้วยความหงุดหงิดโมโห

เสียงนั้นทำให้พนักงานโบกรถตกใจวิ่งมาดู แต่ไม่กล้าเข้ามาห้ามเพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัว

ชัยเริ่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ และไม่ว่าเขาจะวิงวอนขอร้องเธอยังไงก็ไม่สำเร็จ ที่สุดชัยตัดสินใจขึ้นไปยืนบนขอบกำแพง

“คุณ แพร...ไม่มีคุณชีวิตผมก็ไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ผมรักคุณ...ผมรักคุณมาก” พูดขาดคำ ชัยกระโดดหายลงไปเบื้องล่างท่ามกลางเสียงหวีดร้องของพันทิญากับเสียงตะโกน ของพนักงานโบกรถ

พันทิญาไม่คิดไม่ฝันว่าชัยจะโดดตึกฆ่าตัวตาย เธอชะโงกหน้าลงไปเห็นชัยนอนจมกองเลือดแล้วรีบวิ่งขึ้นรถขับออกไปโดยเร็ว

หลัง จากนั้นไม่นาน บุญศรีที่กำลังกินข้าวอยู่กับภูผา ทวีป และปรางแก้ว ก็ได้รับแจ้งข่าวร้ายนี้ บุญศรีถึงกับ เข่าอ่อนจะเป็นลม ส่วนคนอื่นๆพอรู้เรื่องก็ตกใจกันใหญ่

ขณะที่พวกภูผาพากันไปถึงโรงพยาบาล ฝ่ายพันทิญากลับมาถึงบ้านพอดี เธอนั่งหน้าซีดในรถ ท่าทางยังตื่นตระหนกตกใจไม่หาย

“ไอ้ บ้าชัย ไอ้โง่...แกทำแบบนี้ทำไม ถ้ามีคนจำหน้าฉันได้แล้วตำรวจตามตัว ฉันจะทำยังไง ตายตกนรกหมกไหม้ไปเลยนะ จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตฉันอีก”

พัน ทิญาสาปแช่งชัยด้วยความโมโห...วนิดากับแพรไหมเห็นพันทิญาไม่ลงจากรถเสียที จึงพากันออกมา แล้วซักถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม พันทิญาไม่กล้าพูดแต่มองเข้าไปในบ้านอย่างระแวง กลัวแม่จะรู้เห็น แพรไหมกับวนิดาจึงให้ความมั่นใจว่าท่านเพิ่งเข้าห้องทำงาน อีกนานกว่าจะออกมา

“แล้วเรื่องนายชัยเป็นไงบ้าง” วนิดาเร่งเร้า

“พันเอาแหวนคืนมันแล้วก็บอกเลิกมันค่ะ”

“แล้วคุณชัยเข้าใจพี่พันไหมคะ เขาโกรธพี่มากรึเปล่า”

“ไม่โกรธ...แต่มันเสียใจมาก...มากจนเป็นบ้า”

“คลั่งขนาดนั้นแล้วมันทำอะไรพันรึเปล่า”

“มันไม่ได้ทำพันค่ะ แต่มันทำตัวเอง”

วนิดากับแพรไหมสงสัยว่าชัยทำอะไร แล้วต้องตกใจ แทบช็อกเมื่อได้ยินพันทิญาบอกว่าชัยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

“แล้ว...แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ”

“พี่ไม่รู้ เห็นมันโดดพี่ก็ตกใจเลยรีบขับรถออกมา... ถ้าไอ้ภูผารู้ว่าไอ้ชัยฆ่าตัวตายเพราะพัน มันอาละวาดแน่ๆ”
แพรไหมหน้าเจื่อนกลัวภูผาเอามากๆ  ขณะที่พันทิญากับวนิดาก็ร้อนใจมากเช่นกัน
ทาง ด้านพิพิธที่ยังอยู่ร้านอาหารภายในตึกที่ชัยกระโดดลงมา พิพิธไม่ทราบว่าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ที่เห็นพันทิญากับชัย เขาได้แอบถ่ายรูปทั้งคู่เอาไว้แล้วส่งต่อไปให้พี่ชายเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏ ว่าภาพนั้นทำให้พิพัฒน์โกรธมาก โกรธที่พันทิญาโกหกว่าไม่รู้จักชัย แต่ในภาพบ่งบอกว่าทั้งคู่รู้จักกันแน่ เพราะไม่เช่นนั้นพันทิญาคงไม่รับช่อดอกไม้จากชัยมา...
แต่ที่พิพัฒน์ ยังไม่รู้ก็คือเวลานี้ชัยกำลังโคม่า เขาถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินโดยมีคนในครอบครัว รวมทั้งทวีปเพื่อนรักของภูผายืนกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าห้อง ส่วนปรางแก้วใช้สิทธิ์ความเป็นพยาบาลที่นี่เข้าไปด้านใน
ภูผาแสดงความ โมโหก่นด่าแพรไหมซึ่งเขาเข้าใจว่าเธอคือตัวการทำให้พี่ชายของเขาคิดสั้น  แต่บุญศรียังไม่ปักใจจึงไม่อยากให้ภูผาปรักปรำเธอ เพราะถ้าเธอไม่ได้ทำจะบาปกรรมเปล่าๆ
“พี่ชัยออกไปเจอเขาแล้วก็โดดตึก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแพรจะเป็นเพราะใคร” ภูผาลงนั่งอย่างหงุดหงิด ทวีปต้องเข้ามาปลอบให้ใจเย็น
“ยัง ไม่ต้องหงุดหงิดได้ไหมวะ ลูกน้องฉันกำลังสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ถ้าคุณแพรเป็นต้นเหตุจริง หงุดหงิดตอนสรุปปากคำแล้วก็ยังทัน”
ภูผา นั่งหน้าหงิกไม่ยอมพูดกับทวีป อีกครู่ ปรางแก้วเปิดประตูห้องฉุกเฉินออกมารายงานอาการของชัยว่า อวัยวะภายในเขาบอบช้ำมากต้องผ่าตัดด่วน ซึ่งหมอ บอกว่าห้าสิบห้าสิบ บุญศรีได้ฟังถึงกับเข่าอ่อน ภูผาต้องประคองพาไปนั่ง
“พี่ภูคะ แหวนวงนี้อยู่ในมือพี่ชัย”
ภูผา รับแหวนนั้นมาจากปรางแก้ว คิดว่าคงเป็น แหวนที่พี่ชัยให้แพรไหม และตอนคืนแหวนเธอต้องพูดอะไรให้เขาเสียใจมากแน่ๆ เขาถึงประชดด้วยการโดดตึก
คิด แล้วภูผายิ่งโมโห เก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อจะผลุนผลันไปเอาเรื่องแพรไหม แต่พอได้ยินปรางแก้วบอกว่าตอนนี้พี่ชัยกำลังจะผ่าตัดต้องการเลือดเพื่อต่อ ชีวิต ภูผาจึงหยุดชะงักเพราะตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับพี่ชาย
ครู่ ต่อมา ปรางแก้วเดินนำภูผาไปที่ห้องบริจาคเลือด เธอบอกให้เขานอนบนเตียง เดี๋ยวจะมีพยาบาลเข้ามาเจาะเลือดให้ ภูผาพยักหน้าเข้าใจแต่ดูเหมือนท่าทางเขายังปรับอารมณ์โกรธให้คลายลงไม่ได้ ปรางแก้วจึงต้องเตือน
“อารมณ์มีผลกับความดันเลือด...ทำใจให้สบายนะคะ ความดันพี่ภูจะได้กลับมาปกติ”
“พี่จะพยายาม”
“แก้วไม่ได้เป็นพยาบาลห้องผ่าตัดแต่ขออนุญาตคุณหมอเข้าไป แก้วไปเปลี่ยนชุดแล้วเข้าไปดูพี่ชัยก่อนนะคะ”
ภูผาพยักหน้าอีกครั้ง แล้วนอนมองเพดาน พยายามสูดหายใจลึกๆเพื่อตั้งสติ
ooooooo
ขณะ เดียวกันนั้นที่บ้านศุภลักษณ์...พันทิญากดรีโมตทีวีเปลี่ยนช่องไปมาเพื่อ เช็กข่าวชัยโดดตึก แต่เช็กอยู่ครู่ใหญ่ๆก็ไม่เห็นมีข่าวเลยสักช่อง
พัน ทิญาร้อนใจและหงุดหงิดเป็นอันมาก กลัวพนักงานโบกรถที่เห็นเหตุการณ์จะให้ปากคำตำรวจเกี่ยวพันมาถึงตน ส่วนแพรไหมแสดงความเห็นด้วยท่าทีกลัวๆว่า
“ไม่ว่าใครจะพูดยังไง คุณภูผาก็ต้องคิดว่าคุณชัยฆ่าตัวตายเพราะแพรอยู่ดี”
“ตอน นี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดว่านายภูผาจะคิดอะไรกับแพร แต่เราต้องมาช่วยกันคิดว่าทำยังไงนายภูผาถึงจะไม่มาอาละวาดจนทำให้คนอื่นรู้ ว่ายัยพันเป็นคนหลอกนายชัยมากกว่า” วนิดาเอ่ยหน้าเครียด
“แพรว่าเราควรไปโรงพยาบาลเพื่อขอโทษครอบครัวคุณภูผา”
“ทำไมต้องไป ในเมื่อไอ้ชัยมันอ่อนแอแล้วฆ่าตัวตายเอง” พันทิญาเสียงแข็งไม่รับผิดชอบ
“แต่ ถ้าเราไม่ไปแล้วคุณภูผาเอาเรื่องคุณชัยไปบอกเจ้า...เจ้าก็ต้องให้คนสืบจนรู้ อยู่ดีว่าคนที่คบคุณชัยเป็นพี่พัน เราไปคุยกับครอบครัวคุณภูผาก่อนที่เรื่องจะบานปลายใหญ่โตดีกว่านะคะ”
พัน ทิญาไม่พอใจ แต่วนิดาวิเคราะห์คำพูดแพรไหม แล้วคล้อยตามว่าเราอาจต้องทำอย่างนั้น แพรไหมจึงรวบรัดทันทีว่า งั้นพรุ่งนี้เราไปหาภูผาแต่เช้าเลย
วนิดาตอบรับด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้ แพรไหม ขณะที่พันทิญาหงุดหงิดเป็นบ้า ก่นด่าชัยด้วยความเจ็บแค้นที่เขาทำให้ชีวิตของตนต้องวุ่นวาย พอดีศุภลักษณ์เข้ามาได้ยินแว่วๆ ถามพันทิญาว่าใครทำอะไรให้วุ่นวาย
ทุกคนหน้าเจื่อนไปตามกัน กลัวศุภลักษณ์รู้เรื่อง วนิดารีบแก้ตัวให้หลานรักว่า
“คือ...ยัยพันกำลังเล่าว่าช่วงนี้งานยุ่งมาก ชีวิตเลยวุ่นขึ้นน่ะค่ะ”
“เพิ่งเริ่มงานก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอย่างนี้แหละ ทำไปเรื่อยๆพอพันเข้าใจงานมากขึ้นทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางเอง”
“ค่ะคุณแม่”
“ดึกแล้ว...เลิกคุยเรื่องงานแล้วก็พักผ่อนกันได้แล้ว”

 ขอขอบคุณจาก  thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น