วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครเรื่อง ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 1 (ต่อ) วันที่ 2 ก.ค. 55

ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 1
      
       เสียงไก่ขันดังแหวกอากาศไปทั่วบริเวณ ขณะที่พระอาทิตย์เคลื่อนตัวขึ้นโผล่เหนือโค้งฟ้า ยามเช้าที่บ้านไม้เก่าๆ ของยายอุ่นมีห้องนอนห้องเดียวแต่มีมุ้งสองหลังกางอยู่ในห้องเดียวกัน...แก้ว ตาลุกขึ้นนั่ง หันไปมองกุ้งนางที่นอนหลับอยู่ แก้วตายิ้มเอื้อมมือไปลูบแก้มลูกอย่างรักใคร่แล้วก้มลงหอมแก้มลูก
      
       “กุ้งนางลูกแม่...หนูเป็นหัวใจของแม่”
       แก้วตายิ้มเศร้า ขยับผ้าห่มคลุมตัวให้กุ้งนาง แล้วค่อยๆลุกออกจากมุ้งไป กุ้งนางนอนหลับสนิท
       แก้วตาหันไปตักน้ำจากบ่อหิ้วกระป๋องน้ำมาในครัว ใส่ไว้ในตุ่ม แก้วตาเหนื่อยหอบหยิบข้าวมาซาว หันไปหยิบหม้อหุงข้าวเก่าๆลงมา หม้อหูขาดหล่นลงไปที่พื้น แก้วตาก้มลงเก็บหม้อขึ้นมาดู
       “ตายจริง หูหลุดซะแล้ว...ทำยังไงล่ะทีนี้”
       แก้วตามองหาหม้อดีกว่านี้ ไม่มี เธอถอนใจเซ็งๆ แล้วเอาข้าวเทใส่หม้อใบที่หูขาด ตั้งบนเตา แล้วหันหลังไปทำอย่างอื่นต่อ
      
       กุ้งนางพลิกตัวไปกอดแม่ตามความเคยชิน แต่ไม่เจอแม่ กุ้งนางลุกขึ้นงัวเงีย แล้วพับที่นอนเก็บ ยายอุ่นเปิดมุ้งลุกขึ้นจะเก็บ กุ้งนางเห็นเข้าก็รีบเข้าไปหายาย
       “มาจ้ะยายฉันช่วย”
       “แม่เอ็งเขาตื่นแล้วเหรอ”
       “จ้ะ...สงสัยไปหุงข้าวแล้ว”
       สองยายหลานช่วยกันเก็บที่นอนหมอนมุ้ง
      
       หม้อข้าวเดือดน้ำล้นออกมาท่วมเตา แก้วตาหันไปเห็นเข้าตกใจ หยิบผ้าขี้ริ้วยกหม้อออกจากเตา แต่ร้อนหม้อข้าวหกกระจายอยู่ข้างตัว แก้วตาร้องกรี๊ดเพราะน้ำร้อนลวกขา กุ้งนางกับยายอุ่นรีบมาดู
       “นังแก้ว!”
       “แม่จ๋า...แม่เป็นอะไรไปเนี่ย”
       “หม้อข้าวมันหลุดมือน่ะลูก”
       ยายอุ่นหันไปสั่งหลาน
       “ไอ้กุ้ง ไปเอายาสีฟันกับน้ำเย็นมาเร็ว”
       กุ้งนางรีบไปตักน้ำในตุ่มและหยิบยาสีฟันมา ยายอุ่นค่อยๆเอาน้ำเย็นราดล้างแผล แล้วเอาผ้าเช็ดขาให้ ก่อนจะหันไปบอกหลาน
       “เอายาสีฟันค่อยๆ ทานะ”
       กุ้งนางเริ่มลงมือทายาสีฟันให้แม่ตามแผลที่แดง
       “เดี๋ยวก็หาย” กุ้งนางเป่าแผล “เพี้ยง” แล้วหันไปเอ็ดหม้อหุงข้าว “เดี๋ยวจะเอาไปทำเป็นชามข้าวไอ้ด่างซะเลย...หนอยแนะ มาทำแม่ฉันได้”
       แก้วตากับยายอุ่นมองกุ้งนางอย่างเอ็นดู
       “อย่าไปว่ามันเลยลูก...หม้อมันเก่ามากแล้ว แม่ก็ซุ่มซ่ามเอง ไม่ทันระวัง”
       “งั้นแม่ก็ซื้อหม้อใบใหม่สิ”
       แก้วตาถอนใจ
       “ให้แม่เก็บเงินอีกสักหน่อยนะ ตอนนี้เรายังไม่ค่อยมีเงิน อะไรที่พอประหยัดได้ก็ใช้ไปก่อน”
       “งั้นฉันจะซื้อหม้อใหม่ให้แม่นะจ๊ะ เอาแบบสวยๆ เหมือนในโฆษณาเลย”
       ยายอุ่นมองหลานอย่างเอ็นดู
       “หม้อใบนึงตั้งแพงเอ็งมีปัญญาเหรอ”
       “นั่นสิ ตัวแค่นี้จะไปหาเงินมาจากไหน”
       แก้วตาดึงกุ้งนางมากอดไว้ กุ้งนางไม่ตอบ แววตาตั้งใจมาก
      
       ในตลาดยามเช้าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เป็นแผงเล็กๆ กุ้งนางแอบดูแม่จัดผักอยู่ที่แผงขายผัก ครู่หนึ่งก้านกับชะเอมเข้ามา ชะเอมสะกิดกุ้งนาง
       “จะไปได้หรือยัง”
       “เดี๋ยวก่อนสิพี่...ฉันรอดูแม่อีกแป๊บนึง”
       “อย่าบอกนะว่าเอ็งเปลี่ยนใจแล้ว”
       “ดีแล้วกุ้ง พี่ว่าอย่าไปเชื่อชะเอมเลย คิดดูสิ ถ้าน้าแก้วรู้ว่ากุ้งหนีเรียนมีหวัง”
       ก้านทำท่าปาดคอ ชะเอมหันมาดุก้าน
       “ไอ้ก้าน นี่แกจะมาโทษฉันได้ไง กุ้งนางมันเป็นคนบอกจะไปเองนี่นา”
       “ถ้าแกไม่บอกข่าวกับกุ้งๆ มันจะรู้เรื่องได้ไง”
       “แต่ไอ้กุ้งมันก็ทำเพื่อแม่นะเว้ย”
       กุ้งนางเซ็งๆ
       “นี่หยุดเถียงกันได้แล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว เป็นไงเป็นกัน”
       ชะเอมหันไปหาก้าน
       “เอางี้ ถ้าเอ็งไม่อยากไป ก็ไปเรียนคนเดียว ไปกุ้ง เดี๋ยวไม่ทัน”
       ชะเอมลากกุ้งนางเดินหนีไป ก้านยืนครุ่นคิดมองตามตัดสินใจไม่ถูก
      
       ชะเอมเดินพากุ้งนางมายืนรอรถสองแถว ชะเอมหงุดหงิดใจบ่นงึมงำ
       “ไอ้ก้านมันจะฟ้องครู ฟ้องแม่ไอ้กุ้งหรือเปล่านะ ถ้ามันฟ้องนะ ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันเลย” ชะเอมหันมาหากุ้งนาง “เอ็งก็ด้วยนะกุ้ง ถ้าไอ้ก้านฟ้อง ก็ไม่ต้องไปเรียกมันว่าพี่”
       กุ้งนางหน้าเสีย
       “พี่ก้านคงไม่ทำมั้ง”
       ทันใดนั้นเสียงก้านดังขึ้น
       “พี่จะทำอะไร”
       เด็กหญิงทั้งสองหันไปเห็นก้านยืนอยู่ ทั้งสองมองก้านงงๆ
       “พี่ก้าน...ทำไมมาที่นี่ล่ะ”
       “ฉันไปด้วย เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ เพื่อนจะทิ้งเพื่อนได้ยังไงล่ะ”
       สองสาวดีใจที่ก้านมาด้วย ก้านยิ้มแต่แอบกังวลใจ รถสองแถววิ่งมาจอด เด็กทั้งสามรีบขึ้นรถไปนั่ง มีชาวบ้านขึ้นแล้วรถแล่นไป ก้านบ่นอย่างกังวล
       “ถ้าจับได้คงโดนตีกันน่วม”
       ชะเอมแย้ง
       “ไม่หรอก ถ้าเราปิดดีๆก็ไม่มีใครรู้”
      
       รถสองแถวแล่นมาจอดที่ด้านหน้าสถานีวิทยุชุมชน เด็กทั้งสามเดินลงมาจากรถแล้วหยุดยืนมองด้วยความตื่นเต้น กุ้งนางลังเล ชะเอมมองๆ
       “ไอ้กุ้ง เป็นอะไรไปอีกล่ะ มาถึงที่แล้ว จะเปลี่ยนใจหรือ”
       “ไม่ใช่...มันตื่นเต้นน่ะ”
       ก้านรีบแนะนำ
       “นึกถึงน้าแก้วไว้สิกุ้ง จะได้หายตื่นเต้น”
       กุ้งนางหลับตาพึมพำ
       “แม่...แม่...ฉันทำเพื่อแม่”
       ก้านกับชะเอมมองกุ้งนางเอาใจช่วย จนกุ้งนางลืมตา ก้านถามทันที
       “เป็นไง หายตื่นเต้นแล้วใช่ไหม”
       กุ้งนางส่ายหน้า
       “ยัง”
       ชะเอมตัดบท
       “ไม่เอาแล้ว เอ็งจะตื่นจะเต้นก็ต้องไปแล้ว ไป...”
       สองคนช่วยกันทั้งผลักทั้งดันกุ้งนางเข้าไปที่สถานีวิทยุ
เด็กทั้งสามคนยืนอ่านป้ายของรางวัลที่เต็นท์อำนวยการหน้าสถานี อย่างตื่นเต้น ชะเอมตาลุก
       “วู๊ย...รางวัลที่หนึ่งได้เงินตั้ง 3000 พร้อมถ้วยรางวัล ขอแค่รางวัลที่ สองก็พอเนอะ กุ้ง”
       ชะเอมหันไปทางกุ้งนาง แต่ไม่เห็น กุ้งนางไปยืนมองหม้อหุงข้าวไฟฟ้าอย่างตื่นเต้น ชะเอมมองไปเห็นแล้วส่ายหน้าเซ็งๆ
       “นี่...กุ้งนาง แกไปจ้องหม้อหุงข้าวทำไม นั่นมันรางวัลที่ 3 ทำแบบนี้เป็นลางร้ายนะ ไปจ้องโน่น รางวัลที่ 1”
       “แค่ได้รางวัลที่สาม ฉันก็พอใจก็พอแล้วล่ะ”
       “ไม่ได้...ไม่ได้...แกสัญญาแล้วว่าถ้าได้รางวัลที่ 1 จะแบ่งให้ฉันคนละสองร้อย ถ้าได้หม้อหุงข้าว จะผ่าแบ่งกันยังไงล่ะ”
       ก้านขัดขึ้น
       “ยังกะจะได้ง่ายๆ”
       ชะเอมหันไปจ้องหน้าก้านดุๆ
       “ปากเสีย...แช่งเพื่อนได้ไง”
       เด็กทั้งสามเดินไปจะหยิบใบสมัครแต่มีมือเจ้าหน้ามาจับกล่องขวางไว้
       “หนูๆ ถ้าเป็นเด็กต้องมีผู้ปกครองพามาหรือโรงเรียนพามานะ หนีเรียนกันมาหรือเปล่า”
       สามคนพูดพร้อมกันทันที
       “เปล่า”
       “งั้นผู้ปกครองหรือครูของพวกหนูอยู่ไหนล่ะ”
       เด็กทั้งสามพร้อมใจกันชี้ แต่ดันชี้ไปคนละทิศละทาง เจ้าหน้ามองตามแล้วงง
       “ตกลงคนไหนกันแน่”
       เจ้าหน้าที่มองคาดคั้นสงสัย ชะเอมชี้ไปมั่วๆ
       “อ๋อ...คนนั้นคุณครูหนูค่ะ”
       ก้านชี้บ้าง
       “มากับแม่ผมด้วยครับ แล้วก็แม่กุ้งนางด้วย”
       เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับรู้
       “งั้นประกวดหมดสามคนนะ ก็เอาไปสามใบ”
       กุ้งนางรีบบอก
       “เปล่าค่ะหนูประกวดคนเดียว”
       “อ้าว...แล้วคนอื่นๆล่ะ”
       ชะเอมยิ้ม
       “มาเชียร์ค่ะ หนูพาครูมาเชียร์”
       ก้านรีบบอก
       “ผมพาแม่มา เอ่อ...แล้วก็พาแม่กุ้งนางมาเชียร์ด้วยครับ”
       เจ้าหน้าที่ยิ้มเอ็นดู
       “แหม...น่ารักกันจริงๆ ขอให้ชนะนะจ๊ะ”
       เจ้าหน้าที่ส่งใบสมัครให้กุ้งนางแล้วเด็กทั้งสามก็รีบเดินออกไป
      
       เจ้าหน้าที่ยืนรอรับชาตรีอยู่ที่หน้าอาคารสถานี สักครู่รถของชาตรี นักแต่งเพลงชื่อดัง ซึ่งปั้นศิลปินมากมาย และต้องมาทำหน้าที่เป็นกรรมการในเวทีนี้ วิ่งมาจอด ชาตรีลงจากรถ แฟนเพลงรีบวิ่งมาขอลายเซ็น
       “ครูชาตรี ช่วยเซ็นให้หนูหน่อยค่ะ...หนูเป็นแฟนเพลงของพี่กระแต”
       ชาตรียิ้มรับสมุดมาเซ็นแล้วส่งคืนให้แฟนๆ
       “เพลงฮิตของพี่กระแต เพราะจังเลยค่ะ โดนมั่กมาก”
       เจ้าหน้าที่เข้ามากัน
       “ขอตัวก่อนนะครับ ครูต้องไปเตรียมตัวแล้ว เจ้าหน้าที่กันตัวชาตรีเข้าไปในอาคารเดินผ่านเด็กทั้งสามไป ชาตรีเดินผ่านไปโดยเหลือบมองกุ้งนางนิดหนึ่งแต่ไม่ได้สนใจ กุ้งนางเองก็มองชาตรีแต่ก็ยืนนิ่งๆ ก้าน มองอย่างชื่นชม
       “โห...เท่ห์อ่ะ เป็นคนเก่งนี่มันดีจัง มีคนต้อนรับอย่างดีเลย”
       ชะเอมหันมาถาม
       “เอ็งรู้เหรอก้านว่าเขาเป็นใคร”
       “ก็นี่ไงครูชาตรี นักแต่งเพลงชื่อดัง ปั้นมาหลายคนแล้ว”
       “ท่าทางครูแกใจดีเน๊อะพี่”
       กุ้งนางมองตามชาตรีที่เดินห่างออกไปด้วยสายตายิ้มๆ
ชะเอม เดินมาส่งกุ้งนางที่ข้างหลังเวที เจ้าหน้าที่อีกคนรีบเข้ามาขวาง
       “น้อง ตรงนี้เขาได้เฉพาะคนที่ประกวดนะ”
       กุ้งนางเริ่มใจไม่ดีด้วยความกลัว ก้านเข้าไปขอร้อง
       “ขอผมเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนน้องไม่ได้เหรอครับ”
       “ไม่ได้หรอก ที่ข้างในมันแคบ ถ้าทุกคนพาคนนอกเข้าไปหมดมันจะลำบาก”
       กุ้งนางหันมาบอกก้านกับชะเอม
       “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ๆ ฉันอยู่ได้”
       ชะเอมปลอบใจ
       “ไม่ต้องกลัวนะ พวกพี่จะยืนให้กำลังใจข้างหน้าเวทีเลย พี่จะช่วยกันตบมือให้ดังที่สุดด้วย”
       กุ้งนางกับเพื่อนๆยิ้มให้กันแล้วเด็กหญิงก็เดินเข้าหลังเวทีไป ก้านกับชะเอมเดินแยกไป ก้านหันมามองด้วยความเป็นห่วง
       ผู้สมัครร้องเพลงในแต่ละมุมกำลังซ้อมเพลงที่ตัวเองเลือก ผู้สมัครคนหนึ่งกำลังเต้นเพลงของตัวเอง กุ้งนางยืนมองผู้เข้าประกวด อย่างตื่นเต้นเพราะทุกคนล้วนแต่งตัวสวยงาม แต่งหน้ากันเต็มที่ กุ้งนางมองดูตัวเอง มาในชุดนักเรียนอย่างไม่มั่นใจ ชาตรีเดินเข้ามาพร้อมเจ้าหน้าที่ ชนกับกุ้งนางจนกระเป๋านักเรียนตก กุ้งนางตกใจรีบยกมือไหว้
       “อุ๊ย...ขอโทษนะคะ หนูไม่ทันได้มอง”
       ชาตรีเก็บใบสมัครส่งให้กุ้งนาง มองเห็นเธออยู่ในชุดนักเรียน
       “ตัวแค่นี้มาประกวดกับเขาด้วยเหรอ อายุเท่าไหร่เนี่ย”
       “10 ขวบค่ะ”
       ชาตรีจับหัวเอ็นดู
       “ขอให้ชนะแล้วกันนะเด็กน้อย”
       “ขอบคุณค่ะครู”
       ชาตรีแปลกใจ
       “รู้จักฉันด้วยเหรอ”
       “พวกพี่หนูเขาบอกค่ะ”
       ชาตรียิ้ม
       “ฉันต้องไปแล้ว เดี๋ยวเจอกัน”
      
       พิธีกรบนเวที เริ่มประกาศแนะนำรายชื่อกรรมการที่นั่งเรียงสลอนอยู่ที่โต๊ะหน้าเวที
       “ตอนี้ผมขอแนะนำกรรมการผู้ทรงเกียรติของเราก่อนนะครับ ท่านแรก นายอำเภอนิพนธ์ครับ”
       ผู้คนปรบมือ
       “ต่อมาก็ดีเจชื่อดังของสถานีของเรา ดีเจพิณทอง และ สุดท้าย ต้องบอกว่าเป็นเกียรติมากๆที่อุตส่าห์เดินทางมาให้สถานีเรา ครูชาตรี นักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่งของประเทศไทยครับ”
       คนดูปรบมือกันเกรียวกราว
       “ณ บัดนี้ เวลาแห่งการค้นหาเพชรมาประดับวงการเพลงลูกทุ่งของเราเริ่มขึ้นแล้ว ขอเชิญผู้ประกวดคนแรก...”
 ผู้เข้าประกวด เริ่มขึ้นมาร้องเพลงกรรมการให้คะแนน จดคะแนน คนดู ด้านหน้าเวที ปรบมือเกรียวกราว ผู้เข้าประกวด ร้องเพลง เสียงหลง คนดูอุดหู บางคนส่งเสียงโห่...ชะเอมกับก้าน ยืนมองดูอย่างลุ้นสุดตัว
       “ไม่รู้กุ้งนางเป็นยังไงบ้าง”ก้านมองบนเวทีอย่างเป็นห่วง
       “ไม่ต้องห่วง ไอ้ที่ขึ้นเวทีมา ยังสู้ไอ้กุ้งของเราไม่ได้ซักคนแล้วไอ้กุ้งก็จะแบ่งเงินให้พวกเราไหมก้าน”
       “เฮ้ย...นี่ตกลงจะเอาเงินน้องมันจริงๆเหรอ”
       “แหม...เขาเรียกค่านายหน้าโว้ย ถ้าเอ็งไม่เอาก็เอามาให้ข้าแล้วกัน”
       “ฉันน่ะไม่เอา แต่จะคืนให้กุ้งมัน กินแรงน้องไม่ลง”
       ชะเอมค้อนทันที
      
       ด้านหลังเวที...นักร้องร้องเพลงเสร็จ กำลังลงจากเวที กุ้งนางนั่งจ๋องอยู่ที่เก้าอี้ตื่นเต้น เธอนั่งมองคนรอบข้างแบบตื่นๆ ผู้เข้าประกวดเดินเข้ามาอย่างมั่นใจมาก เจ้าหน้าที่เดินมามองหากุ้งนาง
       “เบอร์ 32 ด.ญ. กุ้งนาง”
       กุ้งนางยกมือขึ้น
       “หนูค่ะ”
       เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหา แล้วจูงมือกุ้งนางไปที่ประตูหลังเวที
       “เตรียมตัวนะ หนูเป็นคิวต่อไป พอพิธีกรประกาศชื่อแล้ว เดินออกไปได้เลย ขอให้โชคดีนะ”
       กุ้งนางยกมือไหว้
       “ขอบคุณค่ะ”
       บนเวทีพิธีกรกำลังประกาศชื่อ
       “และสุดท้าย...แต่ไม่ท้ายสุด ผู้เข้าประกวด หมายเลข...32...เด็กหญิง กุ้งนาง”
       กุ้งนางเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าปอด
       “พ่อจ๋า...พ่อช่วยเป็นกำลังใจให้กุ้งนางด้วยนะจ๊ะ”
       กุ้งนางเดินขึ้นเวทีไป แล้วยกมือไหว้สวัสดีอย่างเรียบร้อย ชาตรี มองอย่างเอ็นดู กรรมการคนอื่นมองหน้ากันแบบแปลกใจ นายอำเภอเปรยขึ้น
       “มาชุดนักเรียนเลยหรือนี่”
       ดีเจพิณทองงงๆ
       “มาผิดงานหรือเปล่าเนี่ย ครูว่าไงครับ”
       ชาตรียิ้มๆ
       “คนเรา อย่าดูกันที่เปลือกนะครับ แม่หนูคนนี้อาจมีอะไรดีๆก็ได้”
       พิธีกรประกาศ
       “น้องกุ้งนาง จะมานำเสนอ บทเพลง...ให้เราได้ฟังกันนะครับ”
       ชาตรียิ้มอย่างพอใจที่กุ้งนางเลือกเพลงเหมาะสมกับตัว กรรมการคนอื่นส่ายหน้า ก้านตื่นเต้น ชะเอมกรี๊ดค้าง...
       “งี้จะชนะได้ไง เลือกเพลงง่ายๆแบบนั้น โธ่เอ๊ย”
       สองคนหันไปมองคนดูรอบๆ โห่แบบไม่เชื่อถือ ชะเอมขวัญเสีย ก้านชะเง้อมองบนเวที
       บนเวที กุ้งนางเริ่มต้นร้องเพลง ทุกคนจากเสียงวิจารณ์ดังค่อยๆเงียบลง นิ่งฟัง กรรมการนิ่งอึ้ง ชาตรียิ้มชื่นชม คนดูตะลึงเงียบกริบไปทั้งห้อง กุ้งนางร้องเพลงจนจบเสียงปรบมือดังกึกก้อง ชาตรีลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างชื่นชม กุ้งนางยืนยิ้มชื่นใจ ก้านปรบมือชื่นชมออกนอกหน้า ชะเอมท่าทางไม่แน่ใจ ก้านตะโกนขึ้น
       “กุ้งนาง...กุ้งนางๆๆๆๆ...”
       กุ้งนางเดินกลับเข้ามาหลังเวที ท่าทางตื่นๆ เจ้าหน้าที่ยิ้ม ยกนิ้วโป้งให้
       “เยี่ยมมากหนู”
       กุ้งนางยกมือไหว้
       “ขอบคุณค่ะน้า”
       กุ้งนางเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ ตื่นเต้นจนขาอ่อน ชะเอมกับก้านเข้ามาถึงที่กั้น กุ้งนางเห็นก็รีบวิ่งมาหาเพื่อนทันที ชะเอมถามเสียงเขียวไม่พอใจ
       “กุ้ง...ทำไมถึงเลือกเพลงง่ายล่ะ งี้จะชนะได้ไง”
       กุ้งนางอธิบาย
       “ถ้าเลือกเพลงอื่น ฉันกลัวตื่นเต้นแล้วจะจำเนื้อไม่ได้น่ะสิ”
       ก้านตัดบท
       “ช่างมันเหอะ...ร้องไปแล้วนี่ แพ้ก็ช่างมัน”
       กุ้งนางยิ้มมีหวัง
       “แต่ฉันอยากได้ที่สาม”
       ชะเอมงง
       “นี่เอ็งอย่าบอกนะว่ามาตั้งไกล ไม่เอาเงิน แต่จะเอาหม้อหุงข้าว”
       กุ้งนางพยักหน้ารับ ชะเอมเซ็งเลย
       “เวรกรรม”
       ก้านหัวเราะ ทันใดนั้นเสียงพิธีกรประกาศดังเข้ามา
       “ต่อไปนี้เป็นการประกาศผลรางวัลการประกวด ในครั้งนี้ ที่สาม...ได้แก่...”
       กุ้งนางพอได้ยินชื่อ ไม่ใช่ตัวเองก็ผิดหวัง ชะเอมหงุดหงิด
       “ไงล่ะ ที่สามก็ไม่ได้ กลับเถอะ เอ็งคงชวดหมดทุกรางวัลแล้ว”
       พิธีกรประกาศต่อ
       “ที่สองได้แก่...”
       ชะเอมจะลากกุ้งนางกลับ แต่เสียงพิธีกรดังขึ้น
       “และ...ผู้ที่รางวัลชนะเลิศในวันนี้ ได้แก่...แหม ม้ามืดจริงๆนะครับ...เด็กหญิง กุ้งนาง ขอเชิญขึ้นมารับรางวัลบนเวทีครับ”
       ชะเอมชะงักหันไปมองหน้ากุ้งนาง ก้านดีใจสุดๆ
       “กุ้ง...เขาเรียกชื่อกุ้ง...ได้ยินไหม...เขาเรียกชื่อกุ้ง”
       ชะเอมกรี๊ดลั่น
       “ไปเร็วสิไอ้กุ้ง ไปรับรางวัล”
      
       กุ้งนางตะลึง แล้วร้องไห้โฮ ก้านกับชะเอม มองกุ้งนางงงๆปนตกใจ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น