วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 1 วันที่ 25 ก.ค. 55

ควันดำพวยพุ่งออกจากหลังโรงเก็บของ ม้วนตลบ กระจายไปทั่วตลาดสดร่วมใจเกื้อ

ท่าม กลางควันที่พวยพุ่งนั้น ผู้คนวิ่งกันอลหม่าน เสียงร้องอย่างตกใจ เสียงตะโกนเรียกกัน อื้ออึงจนฟังกันไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร

คิตตี้ สาวนะยะเจ้าของร้านขายดอกไม้ ออกมายืนเต้นเร่าๆ เอาแต่ร้อง “อ๊าย...อ๊าย...” ขวางทางแม่ค้าที่วิ่งไปมา จนแม่ค้าคนหนึ่งตะโกนถามว่า

“อี คิตตี้...จะยืนให้ไฟมันตามมาเผาตรงนี้รึ จะไปทางไหนก็ไปสักทางสิ” ว่าแล้วก็คว้าถังน้ำแช่ดอกไม้สาดคิตตี้จนเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ คิตตี้จึงได้สติวิ่งเตลิดไปทางหน้าตลาด

ที่เขียงหมู เต็กไฮ้ เห็นควันพวยพุ่งก็พยายามขนหมูหนี จนลักษณ์เมียคนไทยของเฮียตะโกนด่าว่าจะขนไปทำไมนักหนา เห็นหมูมีค่ากว่าชีวิตรึไง ด่าว่า “ตายเสียก็ดี ฉันจะได้มีผัวใหม่” ว่าแล้ววิ่งออกไป เต็กไฮ้ยกหมูพาดบ่าวิ่งตามไป ปากก็ร้อง “รออั๊วด้วย...อาลักษณ์...”

ที่ทางเดินในตลาด กิมฮวย เจ้าของแผงขายปลาทะเลสดกำลังวิ่งอ้าวมา แต่ก็พะวักพะวนหันมองข้างหลัง พลันก็วิ่งย้อนกลับไปลากกิมลั้งลูกสาววัยกำดัดที่ตามมาไม่ทัน ถามว่า “เรี่ยวแรงลื้อหายไปไหนหมดหา” แล้วลากแขนกิมลั้งที่เห็นหญิงแก่หนีไฟล้มลง เลยวิ่งกลับไปประคองหญิงแก่ขึ้นมาบอกให้ทำใจแข็งไว้ตนจะพยายามออกไป

กิมฮวยด่ากิมลั้งว่า อยากตายเป็นผีเฝ้าตลาดรึไง กิมลั้งถามว่า “แล้วม้าจะให้ยายนอนตายตรงนี้หรือ”

“แต่อีจะทำให้อั๊วกับลื้อตายตามไปด้วยเข้าใจไหม ญาติโยมก็ไม่ใช่ ปล่อยอีไว้ตรงนี้แหละ” พลางฉุดกิมลั้งไป

“ถ้าวันนี้คนที่ล้มเป็นม้า ม้าจะอยากให้คนอื่นช่วยไหม” กิมลั้งขืนตัวตะโกนถาม กิมฮวยเลยโวยวายกลบเกลื่อนว่า

“โอ๊ย...ก็ถ้าอยากจะช่วยอี ลื้อก็รีบๆ เข้าสิ” แล้วกิมฮวยก็เข้าไปช่วยประคองยายลุกขึ้น

ที่ แผงขายผัก ติ๋มเมียเต๋าพี่ชายของต๋อง เจ้าของแผงซึ่งกำลังท้องแก่ กำลังประคองท้องตัวเองหนีไฟสะดุดอะไรบางอย่างล้มลง โชคดีที่เต๋าพุ่งเข้ามารับไว้ทัน ติ๋มดีใจโผเข้ากอดเต๋าจนเกือบล้มไปด้วยกัน ดีแต่เต๋าขืนตัวไว้ได้ ประคองเมียพาหนีออกจากตลาดอย่างทุลักทุเล
ที่หน้าตลาด ป้าพิณแม่ค้าขายข้าวแกงเห็นคนในตลาดวิ่งกรูกันออกมาก็ถามว่ามันเกิดขึ้นได้ ไง ตนอยู่ตลาดนี้มานานร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องไฟไหม้ เขียวหวานผู้ช่วยป้าพิณบ่นว่าไฟไหม้ตลาดแบบนี้ตนตกงานแน่ คำมูล คนขายส้มตำชวนให้มาขายส้มตำด้วยกัน เลยถูกป้าพิณด่าว่าจะสอยลูกจ้างตนไปต่อหน้าต่อตาเลยหรือ

ระหว่างนั้น จะเด็ดเจ้าของร้านขายของชำ และคนทรงเดินเข้ามาถามว่ามีใครเรียกรถดับเพลิงรึยัง ชมพู่น้องสาวของน้อยหน่าเจ้าของร้านเสริมสวยถามว่าจะเด็ดเรียกแล้วรึยังล่ะ จะเด็ดตอบหน้าตาเฉยว่านึกว่ามีคนเรียกแล้ว เลยต่างมองกันอย่างตำหนิที่ไม่มีใครยอมเรียกรถดับเพลิงสักคน

“เอ๊า!!... แล้วมายืนนิ่งกันอยู่ทำไมล่ะเนี่ย ทำไมไม่ไปช่วยกันหาน้ำมาดับไฟ จะปล่อยให้ไฟมันไหม้ทั้งตลาดก่อนรึไงหา!” เสียงเลื่อนเด็กขนของในตลาดที่กำลังเข็นน้ำมาตะโกนถาม ถูกจะเด็ดย้อนถามว่าน้ำที่ขนมามันจะพอดับไฟรึไง

“ถึงมันจะน้อยยังไง ก็ยังมากกว่าน้ำใจคนแถวนี้ก็แล้วกัน รีบไปกันเถอะไอ้เลื่อน เสียเวลา” รักเร่เด็กขนของอีกคนเร่งเพื่อน แล้วช่วยกันเข็นน้ำไป ปล่อยให้พวกที่เอาแต่เกี่ยงกันมองหน้ากันกร่อยๆ เพราะโดนเด็กด่า

ooooooo

ที่ โรงเก็บของหลังตลาด เลื่อนกับรักเร่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเอาน้ำที่เข็นมาสาดสวนเข้าไปในควันโขมง ที่พุ่งออกมีเสียงตะโกนออกมาจากควันไฟอย่างหัวเสียว่า

“เฮ้ย...อะไรกันวะเนี่ย”

“เฮ้ย...หยุดดดดด!”

เลื่อนกับรักเร่หยุดสาดน้ำ มองหน้ากันงงๆ ถาม

กัน ว่า “อะไรวะ?” เขม้นมองเข้าไปในควันที่พุ่งออกมา เห็นบะหมี่กับเกี๊ยวกำลังแหวกควันออกมาหน้าตามอมแมม เลื่อนถามว่าสองคนไปทำอะไรกันในนั้น บะหมี่ทำหน้าขึงขังย้อนถามว่า

“ข้าซิต้องถามว่าพวกเอ็งทำอะไร อยู่ๆ เอาน้ำมาสาดพวกข้าทำไมเนี่ย”

“ก็พวกข้ามาดับไฟ เอ็งก็เห็นนี่ว่าไฟมันไหม้ควันโขมงออกอย่างนี้” รักเร่ทำเสียงเข้ม

“ไอ้ โง่เอ๊ย...ใครบอกว่าไฟไหม้ ข้ากับไอ้บะหมี่กำลังเผาข้าวของที่พวกชาวบ้านเอาไปสะเดาะเคราะห์ไว้กับ อาจารย์จะเด็ดต่างหาก” เกี๊ยวทำหน้าจะบ้าตาย

เลื่อนเซ็งจนบอกไม่ถูก บ่นว่า นึกว่าจะเผาตลาด ถามว่าแล้วคิดจะบอกใครบ้างไหม ตอนนี้คนในตลาดหนีตายกันเพราะคิดว่าไฟไหม้ รักเร่สะอึกออกไปขู่ว่า “ถ้าวันนี้มีคนหัวใจวายหรือเหยียบกันตายก็ให้รู้ไว้เลยว่าเพราะเอ็งสองคน!”

บะหมี่กับเกี๊ยวที่หน้ามอมแมมอยู่แล้ว พอโดนขู่ก็หน้าจ๋อยคิ้วตก เลยยิ่งดูไม่จืด...

ooooooo

บะหมี่ กับเกี๊ยวเข็นรถออกมาหน้าบูด บ่นกันกะปอดกะแปด แต่ก็เห็นว่าดีเหมือนกัน พอเกิดเรื่องคับขันแบบนี้ขึ้น มันทำให้เราเห็นธาตุแท้ของคนในตลาดมากขึ้นด้วย เพราะทุกคนมีแต่หนีเอาตัวรอด คิดถึงแต่ตัวเองทั้งนั้น
เดินมาถึงหน้าตลาด เห็นเต๋ากำลังประคองติ๋มหนีไฟทุลักทุเล เลื่อนเลยบอกเอาบุญว่าไม่ต้องหนีไฟแล้ว เต๋าถามงงๆ ว่า “ทำไมวะ”

ฟัง เลื่อนกับรักเร่เล่าแล้ว เต๋าประคองติ๋มกลับบ้านอย่างผ่อนคลายขึ้น แต่ในใจเคืองบะหมี่กับเกี๊ยวถึงขนาดเต๋าบอกว่า ถ้าติ๋มเป็นอะไรไปตนจะไปฆ่าบะหมี่ถึงที่เลย ติ๋มที่ท้องแก่จนเดินแทบไม่ไหวแทนที่จะห้ามกลับยุว่า

“ดีพี่ พี่จัดการไอ้บะหมี่ ฉันฆ่าไอ้เกี๊ยวเอง”

แต่ ที่ทั้งสองเห็นพ้องกันคือ คนที่ตลาดใจดำ ไม่มีน้ำใจช่วยคนท้องกันเลย เต๋าบอกว่าโชคดีที่วันนี้ตนปิดอู่ครึ่งวันแวะมาหาติ๋มเลยเข้าไปรับตัวไว้ทัน ติ๋มบอกว่าต่อไปตนต้องระวังให้มากขึ้น

เต๋าไม่ให้ติ๋มไปขายผักอีก ติ๋มบอกว่าไม่ขายผักรายจ่ายไม่พอแน่ เต๋าจึงบอกว่า ไม่ได้หมายความว่าเราจะหยุดขายผัก

“ก็ถ้าฉันไม่ขาย แล้วใครจะขายล่ะ”

“ไอ้ต๋องไง” เต๋าบอกอย่างมั่นใจที่จะให้ต๋องน้องชายที่กลับบ้านในช่วงปิดเทอมไปขายแทน

ooooooo

ฝ่าย “ไอ้ต๋อง” ที่เต๋าเอ่ยถึง กำลังขี่อยู่บนหลังสีดาควายคู่ใจอยู่กลางทุ่ง ทำท่าเหมือนเป่าขลุ่ยอยู่บนหลังควาย มีเสียงขลุ่ยพลิ้วกังวานไปทั้งทุ่ง มีฟองสบู่ลอยฟ่องไปรอบตัว แต่พอเข้าใกล้ กลายเป็นว่า ต๋องถือก้านใบมะละกอเป่าฟองสบู่แต่ทำท่าเหมือนเป่าขลุ่ย ส่วนเสียงขลุ่ยที่ไพเราะเพราะพริ้งนั้น ดังจากทรานซิสเตอร์ที่ห้อยอยู่ที่เขานังสีดานั่นเอง...

ไอ้แกละย่อง มาข้างหลัง เอาหนังสติ๊กยิงใส่หลายลูกติดกัน ต๋องหันไปเห็นไอ้แกละก็ด่าลั่น “ไอ้แกละ ไอ้เด็กเว...” ด่าไม่ทันจบก็โดนลูกดินยิงเข้าที่คางอีกนัด คราวนี้ต๋องไม่ด่า แต่กระโดดลงจากหลังนังสีดาเดินย่างสามขุมเข้าหา ไอ้แกละวิ่งหนีซ้ำยังหันมาทำหน้าลิงหลอกเจ้าท้าให้ไล่ตามด้วย

ต๋อง วิ่งไล่ไอ้แกละมาถึงใต้ถุนบ้าน กำลังจะพุ่งเข้าไปตะปบ ก็ถูกต่ิงผู้เป็นพ่อคว้าไหล่หมับ ต๋องหันไปเห็นแม่ยืนอยู่หลังพ่อ ไอ้แกละหัวเราะเยาะที่ต๋องทำอะไรตนไม่ได้ ต๋องจะเข้าไปเตะถูกต่ิงตวาดให้หยุดเดี๋ยวนี้ ถามว่ารังแกเด็กไม่อายรึไง

“มัน ต่างหากที่รังแกฉัน” ต๋องเถียง ต่ิงสวนทันทีว่า ก็ใช่ไง เอ็งรังแกมัน ต๋องทำหน้าเมื่อยพูดเสียงดังเพราะต่ิงหูตึงว่า “ไม่ใช่ ฉันบอกว่าไอ้แกละมันรังแกฉันก่อน”

ต่ิงย้อนถามว่าถ้าไม่ใช้วิธีนี้แล้วต๋องจะยอมกลับบ้านรึ ต๋องบอกว่า “บอกกันดีๆไม่เป็นรึไงพ่อ”

“อะไรนะ...เอ็งไม่เห็นว่าข้าเป็นพ่อ” ต่ิงโวยวาย ต๋องอยากจะบ้าตาย ตะโกนให้พ่อได้ยินชัดๆว่า

“ฉันบอกว่าจะเรียกกลับบ้านก็บอกกันดีๆ ไม่เห็นต้องส่งไอ้แกละไปทำร้ายฉันเลย”
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th  

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น