วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครภูผาแพรไหม ตอน 10 วันที่ 1 ก.ค. 55

หลังจากเคยเห็นพันทิญาควงชายอื่นทำให้พิพิธเริ่มไม่ไว้วางใจที่พี่ชายของ ตนจะคบกับเธอต่อ แต่พิพัฒน์กลับไม่คิดเช่นนั้น  เพราะเขากำลังหลงใหลเธอสุดๆ แต่สำหรับพันทิญานั้นเธอกำลังจะสลัดเขาทิ้งเพราะจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนของเธอ คือ เจ้าแสงฉายผู้เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติและตำแหน่งอันสูงศักดิ์

แน่นอนว่าการจะได้เจ้าแสงฉายมา พันทิญาต้องทำให้เขาระแวงแพรไหมยิ่งขึ้น และภูผาก็เป็นหมากสำคัญของแผนการครั้งนี้

ด้าน เจ้าแสงมณีที่แอบรักภูผา เธออยากใกล้ชิดเขาบ่อยๆ แต่ทำไปทำมากลับเป็นทวีปที่เจอกันแทบทุกวัน และความใกล้ชิดนี่เองก่อเกิดเป็นความสนใจ ทวีปเริ่มเห็นมุมน่ารักของแสงมณี แต่ยังทำเป็นกวนประสาทไปตามเรื่อง พร้อมกันนี้ก็ยังพยายามจะล้วงความลับว่าเธอกับพี่ชายมีศัตรูที่ไหน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมคือไม่รู้ ถ้าอยากรู้อะไรให้ไปถามพี่ชายของตนเอาเอง

คำตอบนั้นทำให้ทวีปหงุด หงิดไม่น้อย แล้วยิ่งกลายเป็นไม่พอใจเมื่อจู่ๆพิพิธโผล่มาโดยไม่ได้รับเชิญ พิพิธแสดงออกชัดเจนว่าชอบแสงมณี แถมแสงมณีก็พูดคุยสนิทสนมกับนายคนนี้เสียจนน่าหมั่นไส้

วันต่อมา แสงมณีปรึกษาแสงฉายว่าตนอยากจะเลี้ยงอาหารเย็นขอบคุณภูผาเพื่อตอบแทนที่เขา ช่วยชีวิตพวกเราเมื่อคืนก่อน ตอนแรกแสงฉายจะไม่ยอมเพราะไม่ชอบหน้าภูผา แต่พอนึกอีกทีก็ตอบตกลงเพราะอยากจะเย้ยภูผาด้วยการไปรับแพรไหมมาด้วย และคราวนี้เขาจะได้รู้เสียทีว่าตนกับแพรไหมรักกันมากแค่ไหน

ทางกลุ่ม นักฆ่าจากเชียงทวายซึ่งนำโดยอโณทัยและเพื่อนชายหญิงอีกสี่คน พวกเขากำลังวางแผนปลิดชีพแสงฉายหลังจากทำงานพลาดมาแล้วหลายครั้ง พิมใจร้อนและมุทะลุกว่าใคร เธออยากให้งานเสร็จลงโดยเร็วจึงผลุนผลันออกจากบ้านเพียงคนเดียว แต่นทีเป็นห่วงจึงตัดสินใจตามไป

เมื่อแสงฉายมารับแพรไหมที่บ้าน ปรากฏว่าเธอโยกโย้จะไม่ไป แสงฉายเลยต้องพึ่งพาศุภลักษณ์ให้ช่วยบังคับอีกตามเคย ส่วนพันทิญาทั้งหมั่นไส้ทั้งอิจฉาแพรไหมที่เล่นตัวนัก จึงเข้ามายุแยงเกี่ยวโยงไปถึงภูผาเพื่อให้แสง–ฉายขุ่นมัวไม่พอใจแพรไหม

ที่ สุดแพรไหมก็ต้องนั่งรถออกไปกับแสงฉาย ขณะเดียวกัน ภูผาไปถึงแล้วและได้รับการต้อนรับจากแสงมณีเป็นอย่างดี แต่ยังไม่รู้ว่าเธอเชิญมาด้วยเหตุผลใด

“ไม่ทราบว่าเจ้ามีธุระอะไรกับผมครับ”

“รอให้พี่ชายกับคุณแพรไหมมาถึงก่อนนะคะ แล้วหญิงจะบอก”

พูดไม่ทันขาดคำ แสงฉายก็เดินจูงมือแพรไหมตรงมา เขาแสดงความเป็นเจ้าของเธอเต็มที่ ทั้งๆที่เธอไม่เต็มใจ จะดึงมือออกแต่ไม่สำเร็จ

“ทำไม กลัวใครเข้าใจผิดเหรอ” แสงฉายเสียงขุ่น

“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากให้คนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าจับมือ”

“แต่ผมชอบเอาชนะซะด้วยสิ” ว่าแล้วแสงฉายจูงมือเธอไปหาแสงมณีกับภูผา

“ขอบคุณมากนะคะคุณแพรที่ให้เกียรติฉัน” แสงมณีเอ่ยด้วยไมตรี

“ฉันต่างหากล่ะคะที่ต้องขอบคุณเจ้าที่ให้เกียรติเชิญฉันมาทานข้าวด้วย”

“เราต้องมาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงขอบคุณคุณภูผาด้วยกันนี่คะ”

แสงฉายมองหน้าภูผาพลางอธิบายเสริมว่า “น้องหญิงตั้งใจจัดเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อขอบคุณที่คุณเสี่ยงชีวิตช่วยเอาไว้”

“ที่จริงก็ไม่น่าลำบาก มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”

“อย่า เกรงใจเลยครับ แค่นี้เล็กน้อยมาก เทียบไม่ได้กับการที่คุณได้ช่วยคนที่ผมรักทั้งสองคนเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ผมก็เลยให้แสงมณีเชิญคุณมา”

ภูผาเข้าใจสถานการณ์ แต่นึกฉุนอยู่ในใจเมื่อเห็นแสงฉายโอบไหล่แพรไหมพาเดินเข้าไปในห้องอาหาร

แพรไหมไม่พอใจกับท่าทีของแสงฉายจึงจะเบี่ยงตัวออก แต่เขาไม่ยอม แถมยังส่งยิ้มหยันๆให้ภูผาก่อนเปรยขึ้นว่า

“ไม่ต้องอายหรอก อีกหน่อยเราก็แต่งงานกันแล้ว”

“แต่ตอนนี้ยังไม่แต่ง ฉันยังไม่คุ้น”

“อยู่ กันไปก็คุ้นเองครับ แต่งงานกันแล้วผมจะพาคุณแพรไปที่เชียงทวาย ที่บ้านผมมีภูเขาสวย อากาศเย็นสบายทั้งปี อาหารพื้นเมืองของเราก็อร่อย”

“คุณแพรไหมคงอยู่ได้สบายครับ เพราะเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย คบคนง่าย คงไม่ต้องปรับตัวมาก”

แพร ไหมรู้ทันทีว่าภูผาจงใจแขวะตน เลยประชดขึ้นมาบ้าง “ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย แต่คบคนง่ายคงไม่ใช่ ไม่อย่างงั้นฉันคงไม่เลือกเจ้าหรอกค่ะ”

แสงฉายยิ้มอย่างพึงใจ สายตาที่มองแพรไหมเปี่ยมไปด้วยความรัก “งานแต่งงานของเราคงต้องขอเชิญคุณภูผามาร่วมเป็นเกียรติด้วยนะครับ”

“ด้วยความยินดีครับ ถ้าหากวันนั้นมาถึงจริงๆ”

“แน่นอนครับ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว เราจะแต่งงานกันอย่างแน่นอนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า...จริงไหมครับคุณแพร”

“ค่ะ จริงๆแพรรู้สึกว่ามันนานเกินไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่เกรงใจคุณแม่ แพรอยากจะแต่งอาทิตย์หน้าด้วยซ้ำ จะได้ย้ายไปอยู่เชียงทวายเร็วๆ”

ภูผาอึ้งหนัก เหลือบมองแพรไหมด้วยความหมั่นไส้...

ขณะ ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ไม่คิดว่าพิมจะบุกเดี่ยวเข้ามายิงแสงฉาย แต่กระสุนพลาดเป้า และพิมโดนภูผายิงสวนเข้าที่แขน แล้วเกือบจะโดนธนากับลูกน้องจับตัวได้ถ้านทีไม่เข้ามาช่วยออกไปเสียก่อน

แต่ คราวนี้ลูกน้องคนหนึ่งของธนาก็บาดเจ็บสาหัส แสงฉายรีบสั่งการให้ธนาพาเขาส่งโรงพยาบาล แล้วอย่าให้เรื่องยุ่งยากมาถึงตนได้ ธนารับปากและขอโทษที่หละหลวม ตนไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าบุกเข้ามาถึงที่นี่

“หาทางจัดการมันซะ อย่ารอให้มันเล่นงานเราฝ่ายเดียว” สั่งเสร็จ แสงฉายเดินเลี่ยงมาหาแสงมณี แพรไหมและภูผา

“เจ้าน่าจะไปแจ้งความนะครับ” ภูผาแนะนำ

“ไม่ จำเป็น ผมดูแลตัวเองได้ คุณมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แสงมณี คุณก็ควรจะทำตามหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคุณ”

“ถ้าผมไม่รู้ว่าศัตรูของเจ้าเป็นใคร ผมคงวางแผนรักษาความปลอดภัยให้น้องสาวเจ้าได้ไม่ดีนัก เจ้าไปใช้บริการคนอื่นเถอะ”

แสงฉายโกรธมาก แต่ภูผาไม่สนใจหันหลังเดินจากไป แสงมณีละล้าละลังก่อนก้าวตามไปดักหน้าเขาไว้

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณภูผา อย่าเพิ่งลาออกเลยนะคะ ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าคุณเลย ช่วยฉันด้วยนะคะ แล้วฉันจะคุยกับพี่ชายให้”

“ถ้า ได้ข้อสรุปยังไงค่อยโทร.ไปแจ้งผมแล้วกัน ผมขอยืนยันว่าถ้าจะให้ผมดูแลความปลอดภัยให้เจ้า ผมต้องรู้ว่าผมกำลังสู้กับใคร จะได้ประเมินกำลังได้ถูก”

แสงมณีอึ้งไป ส่วนแพรไหมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะกลับยังไง พอแสงมณีบอกว่าจะให้คนรถไปส่งเพราะพี่ชายของตนคงยุ่ง ภูผาหันขวับกลับมาทันที

“ถ้าไม่รังเกียจจะติดรถผมกลับก็ได้นะ”

แพรไหมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินตามภูผาไปขึ้นรถ แสงฉายกำมือแน่น โกรธแค้นภูผาอย่างที่สุด

ooooooo

จาก เหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นในบ้านแสง-ฉายทำให้แพรไหมยังตื่นตระหนกตกใจ ไม่หาย ขณะนั่งรถออกมาด้วยกันภูผาสังเกตเห็นจึงได้โอกาสแขวะเธอว่า ถ้าอยากเป็นเจ้าหญิงแห่งเชียงทวายก็ต้องทำใจหน่อย...แพรไหมไม่พอใจแต่สวน กลับด้วยท่าทีนิ่งๆว่า

“ฉันเชื่อว่าเจ้าจะดูแลฉันได้”

ภูผา เจ็บใจตำหนิเธอแรงๆ ขณะที่แพรไหมก็เริ่มโมโหบ้างเหมือนกัน ทำมาทำไปสองคนเลยทุ่มเถียงกันตลอดทาง แพรไหมคับแค้นใจถึงที่สุดจะกระโดดลงจากรถ ภูผาไม่ห้าม กลับท้าทายเสียด้วยว่า

“ถ้าอยากตายก็โดดลงไปเลย ก็ดีเหมือนกัน วิญญาณพี่ชัยจะไม่ต้องเจ็บปวดที่ผู้หญิงที่เขารักนักรักหนากำลังจะหนีไปแต่งงานกับคนอื่น”

“คุณต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”

“ใช่ ผมมันบ้าเพราะคนเลวๆอย่างคุณ อยากรู้นักหัวใจคุณทำด้วยอะไร ถ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมายผมไม่ไว้ชีวิตคุณแน่”

“ก็ฆ่าฉันเลยสิ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น”

“มันง่ายไป...ตายไปคุณก็ไม่รู้รสชาติของความเจ็บปวดทรมาน ผู้หญิงหลอกลวงอย่างคุณต้องตายทั้งเป็นมันถึงจะสาสม”

ภูผา เร่งความเร็วขึ้นอีก แต่ทางที่พุ่งไปนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้าน แพรไหมใจคอไม่ดีหยิบมือถือจะโทร.หาแสงฉาย แต่ภูผากระชากมันเขวี้ยงออกไปนอกรถ พอเธอเข้าแย่งพวงมาลัย เขาผลักเธอพร้อมตะโกนใส่อย่างฉุนเฉียวว่า อยากตายนักหรือไง เดี๋ยวก็ได้ตายสมใจหรอก

แพรไหมทั้งกลัวทั้งคับแค้นใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่...ทางด้านพิมกับนทีเมื่อกลับไปถึงบ้าน พิมถูกอโณทัยตบหน้าโทษฐานทำงานโดยพลการ

“นี่คือการลงโทษสำหรับคนที่ทำนอกเหนือคำสั่ง”

พิม ก้มหน้านิ่งน้ำตาคลอ นาราซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันได้ทีสมน้ำหน้าพิมว่าอยากอวดเก่งดีนัก ถ้าไม่ได้นทีไปช่วยคงไม่รอดกลับมา นทีเห็นใจพิมและไม่อยากให้พวกเราแตกคอกัน อีกอย่างพิมก็ทำงานเกือบสำเร็จ

“ถ้าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำแล้วจะมีหัวหน้าไว้ทำไม ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ ต่อไปถ้าใครจะทำอะไร ต้องได้รับอนุมัติจากผมก่อน ไม่อย่างงั้นเราก็ร่วมงานกันไม่ได้” อโณทัยประกาศกร้าว

พิมมองอโณทัย อย่างตัดพ้อ แล้วฮึดฮัดออกไปด้วยความเสียใจที่เขาไม่เห็นค่าในสิ่งที่ตนทำ ส่วนอรัญแสดงความเห็นว่าการกำจัดแสงฉายไม่ใช่เรื่องง่าย นทีเห็นด้วยเพราะแสงฉายมีบอดี้การ์ดฝีมือดี อโณทัยจึงคิดว่าเราควรจะจัดการกับบอดี้การ์ดพวกนี้ก่อน

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านศุภลักษณ์ ทุกคนกำลังรอการกลับมาของแพรไหม...วนิดากับพันทิญาเห็นว่าดึกแล้วก็ได้ที ตำหนิแพรไหมต่างๆนานา ทำให้ศุภลักษณ์ไม่พอใจศอกกลับเข้าให้บ้าง ระหว่างนี้เองแสงฉายโทร.มาที่บ้าน หลังจากโทร.หาแพรไหมแล้วไม่ติด

พันทิญารับสายเสียงใส บอกว่าแพรไหมยังไม่ถึงบ้าน บางทีอาจจะไปเที่ยวต่อกับเพื่อน ถ้ากลับมาจะบอกให้โทร.ไปหาเขาทันทีเลย

เมื่อแสงฉายวางสายไปแล้ว พันทิญาหันมาพูดคุยกับศุภลักษณ์และวนิดาเชิงตำหนิแพรไหมว่า

“ยัยแพรชักทำตัวแปลกๆขึ้นทุกวัน ไปกับเจ้าอยู่ดีๆแท้ๆ กลับหายตัวไปไม่ยอมกลับบ้าน ปล่อยให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ได้”

“ก็คงจะหนีไปเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ถึงตอนนี้พี่ศุน่าจะตามใจยัยแพรนะคะ”

“นั่นน่ะสิคะคุณแม่ ถ้ายัยแพรไม่ได้รักเจ้าจริงๆ แต่งงานกันไปก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ”

“แต่เจ้ารักยัยแพร แม่เชื่อว่าวันหนึ่งความดีของเจ้าจะทำให้ยัยแพรใจอ่อน” ศุภลักษณ์กล่าวอย่างมั่นใจ

แล้วผละไป...พันทิญาแอบพูดกับวนิดาลับหลังว่า

“มันอยู่ที่ว่าเจ้าจะได้แต่งงานกับยัยแพรหรือเปล่าน่ะสิคะ ถ้ามีผู้หญิงอื่นที่น่าสนใจกว่า”

“อย่าบอกนะว่าเจ้าแสงฉายเริ่มจะหลงเสน่ห์พันของน้าเข้าให้แล้ว”

“ถ้า พันอยากได้ซะอย่าง คนอย่างเจ้าไม่มีทางรอดมือไปได้หรอกค่ะ” สีหน้าท่าทางพันทิญามาดมั่นมาก... วนิดาถึงกับยิ้มแก้มปริ ที่หลานรักได้ดังใจจริงๆ

ooooooo

ดึกแล้ว ภูผาไม่ได้พาแพรไหมไปส่งบ้าน แต่ขับรถออกนอกเมืองห่างไกลไปทุกที เธอถามอะไรเขาก็ไม่ตอบ ที่สุดจึงต้องออกอุบายว่าปวดท้องขอเข้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน

แต่อุบาย ของเธอก็ไม่สำเร็จ เพราะภูผารู้ทันคอยระวังแจอยู่แล้ว เมื่อเขาจับเธอกลับมาขึ้นรถได้คราวนี้เลยตะบึงไปโดยไม่สนอะไรอีกแล้ว แม้เธอจะหวีดร้องร่ำไห้เพียงใด เขาก็ไม่ใส่ใจ...ทางด้านบุญศรีที่ยังเฝ้ารอการกลับมาของลูกชาย ยิ่งดึกก็ยิ่งเป็นห่วง ห่วงจนนอนไม่หลับต้องลุกออกมาชะเง้อมองประตูบ้านอยู่บ่อยครั้ง

ตลอด เส้นทาง แพรไหมเอาแต่ร้องไห้ ร้องจนภูผาชักจะรำคาญ ตวาดสั่งให้หยุดเสียที เลิกเล่นละครน้ำเน่าได้แล้ว...แพรไหมเม้มปากแน่นแต่น้ำตายังรินไหล ภูผาเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิดขับรถเร็วขึ้น ครู่หนึ่งก็จอดพรืดลงมากระชากแขนเธอด้วยความโมโห

“หยุดร้องไห้ซะที ร้องไปมันก็ไม่ช่วยให้คุณเป็นนางเอกขึ้นมาได้หรอก คนที่ฆ่าคนอื่นจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็เลวพอๆกัน”

“ฉันไม่ได้ฆ่าเขา”

“แต่ คุณเป็นตัวการ คุณรู้นี่ว่าพี่ชัยรักคุณมาก แต่พอเห็นว่าเขาจน ด้อยกว่าเจ้าแสงฉายทุกอย่าง คุณก็หาทางกำจัดเขาออกไปจากชีวิต เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องมาขัดขวางงานแต่งงานของคุณ...ใช่มั้ย”

ยิ่งพูด ภูผาก็ยิ่งบันดาลโทสะ เขย่าตัวเธออย่างแรงแล้วผลักเซถลาไปกองกับพื้น ก่อนที่ตัวเองจะไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่อีกทาง...

ฝ่ายแสงฉายก็ว้าวุ่นกระวนกระวายใจจนหลับไม่ลง ทั้งห่วงแพรไหมทั้งโกรธแค้นภูผาเพราะเห็นกับตาว่าทั้งคู่ขึ้นรถไปด้วยกัน

“เจ้ายังไม่นอนอีกเหรอครับ” ธนาเดินมาทัก

“ฉันข่มตาหลับไม่ลงหรอก จนกว่าจะได้ข่าวคุณแพร”

“ผมสั่งคนของเราติดตามแล้วครับ อีกไม่นานคงรู้ว่ามันพาคุณแพรไหมไปไหน”

“มันหยามน้ำหน้าฉันมากเกินไปแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าคุณแพรกำลังจะแต่งงานกับฉัน มันยังเข้ามายุ่ง”

“ก็สั่งสอนมันสิครับเจ้า มันจะได้รู้สำนัก ไม่กล้ายุ่งกับผู้หญิงของเจ้า”

“คุณ แพรไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงของฉัน เขาเป็นผู้หญิงที่ฉันรักและคู่ควรที่ฉันจะยกย่องให้เป็นเจ้าหญิงแห่งเชียง ทวาย แล้วที่สำคัญถ้าฉันแต่งงานกับคุณแพร เงินของเราก็จะถูกส่งมาฟอกที่เมืองไทยผ่านธุรกิจที่เรากำลังสร้าง ขึ้น...เบี่ยงเบนความสนใจของตำรวจไทยได้แน่ๆ”

“ฉลาดหลักแหลมมากครับเจ้า”

“แต่ไอ้ภูผามันกำลังจะทำลายแผนการของฉัน นี่ถ้าไม่ติดว่ามันช่วยแสงมณี ฉันไล่มันออกไปแล้ว”

“แต่เราเตือนมันได้นี่ครับเจ้า”

ฟังมือขวาแล้ว...แสงฉายนิ่งคิดอย่างเห็นด้วย

ooooooo

เช้า ตรู่ แพรไหมลืมตาตื่นพบว่าตัวเองนอนอยู่ในรถริมทะเลกว้าง...เมื่อเห็นภูผายังหลับ เธอค่อยๆเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะหนี แต่เดินได้สองสามก้าวก็เจ็บแปลบข้อเท้าจนล้มลงเสียงดัง ทำให้ภูผาสะดุ้งตื่นลุกพรวดลงมา

ข้อเท้าแพรไหมบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด ภูผาจับต้องสำรวจดู แต่เธอขยับหนีอย่างไม่ไว้ใจ เขาตวาดสั่งให้อยู่เฉยๆ ก่อนเดินกลับไปที่รถหยิบยาแก้ฟกช้ำที่พกไว้ประจำออกมาทาและนวดคลึงข้อเท้า ให้เธอ

“โอ๊ย...เบาๆหน่อยสิ ฉันเจ็บนะ”

“สำออย แค่นี้มันยังเจ็บน้อยกว่าที่พี่ชายผมถูกคุณทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ”
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น