วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครเล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 11 วันที่ 19 ก.ค. 55

ภายในบ้าน นภาเดินไปมาพลางชะเง้อรอปารมีอย่างเป็นห่วง ปารมีเปิดประตูเข้ามา
        
       “อ้าว แม่ ยังไม่นอนอีกหรือคะ” ปารมีถาม
       “แม่จะหลับได้ยังไง ถ้าลูกยังไม่กลับ นี่ลูกไปไหนมา ไปเยี่ยมไอ้สมยศใช่มั้ย”
       “เปล่าค่ะ”
       “ลูกอย่าโกหก แม่รู้ว่าลูกต้องไปเยี่ยมมัน เพราะมันทำงานให้กับลูก”
       “หนูว่าแม่พูดอะไรเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เค้าจะเอาตำรวจมาจับหนูนะคะ นี่มันดึกมากแล้วแม่ไปนอนเถอะ”
       “ไม่ แม่ไม่นอนจนกว่าลูกจะยอมรับว่าลูกเป็นคนใช้ไอ้สมยศให้ไปลักพาตัวเมียตาภูกับนังเมย์”
       “แม่คะ”
       “บอกแม่มาสิว่าแกเป็นคนบงการมัน ใช่มั้ยแกเป็นคนบงการมัน”
       นภาจ้องหน้า ปารมีหมดความอดทน
       “ใช่ค่ะ หนูเป็นคนสั่งสมยศให้มันไปฆ่าไอ้อีพวกนั้น แล้วไงคะแม่รู้คำตอบแล้ว แม่ยังต้องการอะไรอีก”
       ปารมีย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน นภามองท่าทางไม่ยี่หระต่อความชั่วของปารมีอย่างปวดใจ ปารมีหันเดินขึ้นชั้นบน นภาตะโกนตาม
       “แล้วแกจะต้องติดคุก เค้าจะต้องเอาตำรวจมาจับแก ได้ยินมั้ย ตำรวจเค้าจะมาจับแก”
       ปารมีหยุดเดินหันมองแม่อย่างไม่พอใจก่อนถอนใจหันกลับเดินขึ้นห้องไป นภาสะอื้นร้องไห้
       “นี่ชั้นทำเวรกรรมอะไรไว้ ทำไมลูกถึงมีจิตใจโหดเหี้ยบแบบนี้ ทำไม ... ทำไม .. ฮือ..ฮือ ..ฮือ”
     
       ภายในห้อง ปารมีเดินมาหยุดถอนใจที่หน้ากระจกแล้วดึงต่างหูออกสีหน้าครุ่นคิด
       “ถ้าสมยศหักหลังแล้วบอกตำรวจว่าเราเป็นคนบงการล่ะ ...ไม่น่ะ สมยศต้องไม่ทำแบบนั้น ... แต่ถ้ามันทำล่ะ ... นี่ชั้นจะทำยังไงดีเนี่ย”
       ปารมีกระแทกตัวลงนั่ง คิดอะไรไม่ออก
     
       ในห้องนอนของภูบดี ญาดานั่งอยู่บนเตียงเหม่อคิดเรื่องการหายตัวของเจ๊อ้อย ธาวินเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นสีหน้าไม่สบาย ใจของญาดา วินเดินเข้ามาลงนั่งข้างยกมือแตะหน้าผากตาล
       “ไม่สบายรึเปล่า”
       “เปล่าค่ะ”
       “แล้วเป็นอะไร ผมเห็นตั้งแต่ตอนทานข้าวตาลดูเงียบๆไปแล้วก็ทานน้อยด้วย”
       “แม่ไม่รู้ไปไหนค่ะ ต้นหอมบอกว่าแม่หายไปตั้งแต่เมื่อวาน ตาลกลัวว่าแม่จะเป็นอะไร”
       “คิดมากไปรึเปล่า แกอาจจะไปหาเพื่อนหรือไปหาใครที่ไหนก็ได้”
       “แต่ถ้าแม่จะไปไหนแม่ต้องบอกตาล อย่างน้อยแม่ก็ต้องโทรหา แต่นี่แม่ไม่โทรแล้วก็ไม่รับโทรศัพท์ด้วย”
       “โทรศัพท์แกอาจจะหายก็ได้”
       ญาดาถอนหายใจแล้วบอก
       “แต่ตาลใจไม่ดีเลยกลัวว่าแม่จะเป็นอะไร”
       ธาวินดึงญาดาเข้ามากอดพลางปลอบใจ
       “ไม่หรอกน่า แม่ตาลเก่งจะตาย ผมว่าแกไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก พรุ่งนี้ผมจะช่วยตาลตามหาแม่เอง โอเคมั้ย”
       ญาดาพยักหน้า ธาวินจูบหน้าผากแล้วบอก
       “นอนเถอะดึกแล้ว”
       ธาวินลุกขึ้นจะเดินไปที่โซฟา ตาลมองตาม
       “คุณภู”
       ธาวินหันกลับมามองอย่างงงๆ
       “หือม์”
       “คุณภูนอนกับตาลได้มั้ย ตาลกลัวจังเลย ตาลไม่อยากนอนคนเดียว ตาลกลัวว่าตาลตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร” ญาดาพูดน้ำตาคลอ
       ธาวินยิ้มให้
       “ได้สิ”
       ธาวินเดินมาขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนข้างตัวญาดา
       “กอดตาลได้มั้ยคะ ตาลจะได้รู้ว่าคุณจะอยู่กับตาลไม่ไปไหน” ญาดาบอก
       ธาวินยิ้มพยักหน้าเอื้อมแขนไปกอด ญาดามองหน้าธาวินอย่างอบอุ่น
       “หลับเถอะ ผมสัญญา ผมจะไม่ไปไหน”
       ธาวินมองญาดาอย่างรักและห่วงใยในอ้อมกอด
     
       ภายในห้องนอน มณทกานต์เดินออกมาจากห้องน้ำมานั่งลงที่หน้ากระจก หยิบภาพถ่าย เอนก อนุทินและมณทกานต์มาดูแล้วน้ำตาซึม มณทกานต์วางรูปลงแล้วนึกถึงคำพูดของบุญทัน
       “นายสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ชั้นไม่อยากให้คุณปู่ต้องเสียใจและผิดหวังในตัวพี่เอเหมือนที่พ่อทำ”
       “ครับ ผมสัญญาผมจะไม่บอกคุณท่าน แต่คุณเมย์ต้องสัญญากับผมเหมือนกัน”
       “สัญญาอะไร”
       “สัญญาว่าคุณจะไม่คิดสั้นและทำร้ายตัวเองอีก ... นะครับ สัญญากับผมว่าเราจะเดินไปด้วยกัน”
       “ชั้นสัญญา”
       มณทกานต์ยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีกำลังใจ แล้วเดินจากหน้ากระจกไปนั่งที่เตียงหยิบโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงมาดูอย่าง ลังเลนิดนึงก่อนจะตัดสินใจกดโทรหาบุญทัน
       บุญทันหลับอยู่ในห้องพักคนงานสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอเห็นเป็นเบอร์มณทกานต์ก็รีบรับอย่างตกใจ แล้วถามอย่างห่วงใย
       “ฮัลโหล .. คุณเมย์”
       “นายหลับแล้วหรือ”
       “เพิ่งจะหลับน่ะครับ ... คุณเมย์มีอะไรรึเปล่า”
       “ตายจริง ชั้นขอโทษ นายนอนเถอะไม่มีอะไรหรอก”
       “ไม่เป็นไรครับ ไหนบอกผมซิว่ามีอะไร”
       “ชั้นแค่นอนไม่หลับก็เลยอยากคุยกับนาย”
       “เรื่องอะไรครับ”
       มณทกานต์รู้สึกเขินๆแล้วบอก
       “ไม่รู้เหมือนกันแค่อยากได้ยินเสียงนายก่อนนอน”
       บุญทันยิ้มขำ
       “จริงหรือครับ ไม่ยักรู้ว่าเสียงผมแทนยานอนหลับได้”
       มณทกานต์ยิ้มกับคำหยอกล้อของบุญทัน
       “บุญทัน”
       “ครับ”
       “เล่าเรื่องของนายให้ชั้นฟังบ้างสิ”
       “เรื่องอะไรครับ”
       “ก็ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวนาย พ่อแม่พี่น้องครอบครัวนายเป็นใครอยู่ที่ไหน”
       บุญทันอึ้ง
       “ครอบครัวผมหรือครับ”
       “ใช่ ชั้นยังไม่เคยรู้เรื่องของนายเลย ไหนบอกมาซิว่านายมีพี่น้องกี่คน”
       “ผมเป็นลูกคนเดียว”
       “แล้วพ่อแม่ล่ะอยู่ที่ไหน”
       “พ่อแม่ผมตายหมดแล้วครับ”
       “แล้วญาติคนอื่นล่ะ”
       “ผมเหลือคุณปู่อยู่คนเดียว แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนนึงเป็นผู้หญิง”
       “ไม่น่าเชื่อ ชีวิตนายคล้ายชั้นนะ ชั้นก็เหลือคุณปู่อยู่คนเดียว แต่มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนเป็นผู้ชายคือพี่ภู อ้อ มีพี่ตาลอีกคนเป็นพี่สะใภ้”
       บุญทันอมยิ้มขำ
       “บุญทัน”
       “ครับ”
       “ทำไมเงียบไป”
       “ผมกำลังฟังคุณเมย์พูดอยู่น่ะครับ”
       “ไหนบอกมาซิว่านายชอบอะไรไม่ชอบอะไร เรียนจบจากที่ไหน มีแฟนมาแล้วกี่คน”
       “ให้ผมเล่าให้หมดเลยหรือ”
       “ใช่ เล่ามาให้หมดโดยเฉพาะเรื่องแฟนเล่ามาให้ละเอียด”
       “ก็ได้ครับ ... ผมชอบสีน้ำเงิน ชอบกินอาหารไทย ชอบผู้หญิงผมยาว ...มีแฟนมาแล้วสามคน คนแรกเป็นแฟนตอนปอสาม”
       “อะไรมีแฟนตั้งแต่เด็กเลยหรือ นายนี่แก่แดดจริง”
       บุญทันเล่าเรื่องต่างๆมากมายจนมณทกานต์หลับคาโทรศัพท์ไป
     
       เช้าวันใหม่ พิพัฒน์วางแก้วชาร้อนลงแล้วนั่งคุยกับปรารภ
       “ไม่ยอมรับทั้งๆที่มีหลักฐานมัดตัวมันแน่นหนางั้นหรือ”
       “ใช่ครับ ตำรวจบอกว่าสมยศจะไปให้การในชั้นศาล”
       “คุณคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรารภ”
       “ผมกำลังสงสัยว่าสมยศทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว หรือว่ามีคนอื่นร่วมด้วย”
       “ชั้นก็กำลังคิดเหมือนคุณ บางทีอาจจะมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
       “แล้วท่านคิดว่าใครครับ”
       “ชั้นก็ไม่รู้คงต้องเป็นหน้าที่คุณ ทำยังไงก็ได้ให้สมยศยอมบอกความจริง”
       “ครับ”
       ปรารภพยักหน้า นภาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
     
       นภาเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็วและขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ปารมีเปิดประตูออกมาเจอนภาพอดี
       “อ้าวแม่”
       “แม่ว่าแกควรจะรีบไปสารภาพกับคุณปู่ตอนนี้นะว่าแกทำอะไรลงไป” นภาว่า
       “ถ้าแม่จะมาพูดเรื่องนี้ หนูไม่อยากฟัง”
       “แต่แกต้องฟังนะ เพราะตอนนี้คุณปู่กำลังสงสัยว่ามีใครอีกคนที่ร่วมมือกับสมยศ”
       ปารมีชะงักอึ้งไป
       “คุณปู่บอกแม่หรือ”
       “เค้าคุยกับคุณปรารภ เชื่อแม่นะปา ไปสารภาพความจริงซะก่อนที่สมยศมันจะบอกตำรวจ”
       “ไม่มีทางหรอกค่ะ มันจะไม่มีโอกาสไปบอกตำรวจแน่”
       ปารมีจะเดินออกไป นภาขวางไว้
       “แกจะไปไหน”
       “ก็ไปจัดการไอ้สมยศให้มันหมดโอกาสพูดน่ะสิคะ”
       นภาอึ้งไป
       “ไม่นะ ปารมี”
       นภาวิ่งตามออกไปคว้าแขนปารมีไว้
       “ไม่นะลูก อย่าทำแบบนี้อีกเลย”
       “ปล่อยหนูนะแม่”
       “ไม่ แม่ไม่ปล่อย แม่จะไม่ยอมให้ลูกฆ่าใครอีกแล้ว”
       “หนูบอกให้ปล่อย”
       “ไม่ แม่ไม่ปล่อย”
       “หนูบอกให้ปล่อย”
       ปารมีสะบัดแขน นภาเซเสียหลักล้มกลิ้งตกบันได ปารมีมองตะลึง
       “แม่ ...”
       นภากลิ้งตกลงมาชั้นล่าง ปารมีวิ่งลงมาดูเห็นนภาหมดสติ
       “แม่ .. แม่คะ ... แม่”
       ในเวลาต่อมา ภายในโรงพยาบาล นภานอนอยู่บนเตียงพยาบาล บุรุษพยาบาลเข็นเตียงมาตามทางอย่างเร็ว ปารมีเดินตามมาบุรุษพยาบาลเข็นรถเข้าห้องฉุกเฉิน ปารมียืนมองอยู่ที่หน้าห้องด้วยสีหน้าห่วงใยนภา
       ปารมีนึกถึงคำพูดนภา
       “แต่แกต้องฟังนะเพราะคุณปู่กำลังสงสัยว่ามีใครอีกคนที่ร่วมมือกับสมยศ”
       ปารมีนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน คิดทบทวนเรื่องสมยศไปมา ปารมีบอกตัวเอง
       “ใช่ เราต้องกำจัดมันก่อนที่มันจะทำให้เราเดือดร้อน”
       ปารมีตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
       ภายในห้องขังของสถานีตำรวจ สมยศเดินไปเดินมาพลางชะเง้อมองออกไปนอกห้องขัง เมื่อเห็นตำรวจผ่านมา สมยศถาม
       “จ่า”
       “ครับ”
       “มีใครมาเยี่ยมชั้นบ้างมั้ย”
       “ยังไม่เห็นมีเลยครับ”
       สมยศพยักหน้ารับรู้
       “ขอบใจ”
       จ่าตำรวจเดินออกไป สมยศมองตามหลังแล้วถอนใจ
       “ปารมี หวังว่าคุณจะไม่ทิ้งผมนะ”
       สมยศเดินไปนั่งในห้องอย่างวังเวง
     
       ใครคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนโรงพัก มองซ้ายขวาแล้วเดินไปที่โต๊ะจ่าเวรที่กำลังพิมพ์งานสำนวนคดี จ่าเงยขึ้นมองหน้า
       “มีอะไร”
       เด็กชายวัยไม่เกิน 15 ปีที่แต่งตัวเหมือนเด็กขายพวงมาลัยยกถุงกล่องอาหารกับน้ำดื่มให้
       “ฝากข้าวให้สารวัตรสมยศด้วย”
       “แล้วเอ็งเป็นอะไรกับเค้า” จ่าถาม
       “ไม่ได้เป็นอะไรครับ มีคนเค้าฝากให้ผมเอามาให้” เด็กบอก
       “แล้วคนฝากอยู่ไหน”
       “วันนี้เค้ามาเยี่ยมไม่ได้ เค้าให้บอกสารวัตรสมยศว่าจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้”
       “เออ เดี๋ยวจะบอกเค้าให้”
       “ขอบคุณครับ”
       จ่าหิ้วกล่องอาหารเดินไปที่ห้องขัง
       ปารมีใส่แว่นดำคลุมผมพรางตัวยืนซุ่มอยู่มุมหนึ่ง เด็กเดินเข้ามา
       “เรียบร้อยมั้ย” ปารมีถาม
       “เรียบร้อยครับ”
       ปารมีหยิบเงินแบงค์ร้อยส่งให้
       “ขอบคุณครับ”
       เด็กชายเดินออกไป ปารมีมองเข้าไปในสถานีตำรวจแล้วยิ้มอย่างอำมหิต
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น