วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครมณีแดนสรวง ตอนที่ 11

ชิโลรีบเดินหนีดรัณจนเกือบชนกับอุ้มสมที่มาตาม
      
       “ชิโลเจ้าหายไปไหนมาเนี่ย คุณป้าถามหาเจ้าอยู่”
       “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วอุ้มสม”
       “อ้าว...ทำไมล่ะ”
       “ชิโลแย่แล้ว...ผู้กองดรัณเพิ่งมาสารภาพรักกับเราเมื่อกี้นี้เอง”
       “ห๊า !!” อุ้มสมร้องลั่น
      
       สิริสุดาหน้าตึงตกใจรุนแรง
       “ห๊า!! ผู้กองดรัณพูดกับยัยบ้านั่นอย่างนั้นเหรอ”
       เอิงเอยพยักหน้ารับ
       “เต็มสองหูฉันเลยแก รับรองว่าชัดแจ๋วไม่มีผิดเพี้ยนแน่”
       “ทำไมแกถึงมั่นใจนัก”
       “อ้าว...ก็ที่ฉันไปโรงพยาบาลเพราะว่ามีแมลงมันบินเข้าหู ฉันก็เลยไปให้หมอช่วยแคะแล้วก็ล้างหูให้ นอกจากจะเจอแมลงแล้ว ขี้หูฉันยังเต็มสองหูอีกนะแก”
       “พอได้แล้ว ฉันไม่ได้อยากฟังเรื่องขี้หูแก”
       สิริสุดากอดอกหน้าเหวี่ยงวีนสุดๆบ่นพึมพำคนเดียว
       “หรือว่าที่ยัยมัดหมี่มาพูดกับฉันวันนี้ มันจะเป็นเรื่องจริง”
       เอิงเอยเสนอหน้าเข้าไปใกล้
       “มัดหมี่..มัดหมี่ไหนเหรอแก”
       “ก็ยัยมัดหมี่กิ๊กของผู้กองสการไง”
       “อ๋อ..ยัยผู้ประกาศข่าวเริ่ดๆเชิดๆ จี๊ดถึงใจอะไรนั่นน่ะเหรอ แกไปรู้อะไรจากยัยนั่นมา”
       สิริสุดาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ฟัง...
      
       ช่วงกลางวันที่ผ่านมา...สิริสุดากำลังนั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมสำหรับการถ่ายแบบ
       “แต่งหน้าเสร็จแล้ว พี่ช่วยไปเร่งทีมงานให้สิหน่อยได้มั้ย วันนี้สิเหนื่อย วิ่งรอกมาตั้งสามงานแล้ว อยากรีบๆถ่ายรีบๆกลับ”
       สิริสุดาบอก ช่างแต่งหน้าไม่ทันตอบ มัดหมี่ที่แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาสมทบ
       “คงจะยากหน่อยค่ะคุณสิ...ถ่ายแบบกับสุนัข คนต้องมานั่งรอให้มันพร้อม กว่ามันจะอึจะฉี่ จะกินเสร็จ เราก็ต้องรอไป”
       “ คุณมัดหมี่ ?...นี่คุณมาถ่ายแบบเซ็ตนี้ด้วยเหรอ”
       “ค่ะ โครงการหาบ้านให้ตูบน้อยเป็นโครงการของทางสถานี ก็เลยหนีไม่พ้นต้องให้ฉันมาร่วมรณรงค์เป็นพรีเซนเตอร์ในโปสเตอร์ด้วย”
       “ที่จริงถ่ายแยกกันแล้วค่อยใช้คอมพ์ตกแต่งภาพเอาก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
       “คุณสิมีนัดเดทเหรอคะ พอดีฉันได้ข่าวมาจากพวกน้องๆนักข่าวบันเทิงว่า ช่วงนี้คุณกำลังฮ๊อตจัด มีหนุ่มๆขออาสารักษาอาการอกหักให้เพียบ”
       สิริสุดาชะงักเพราะโดนพูดจี้แผลหัวใจเสียงแข็งกับช่าง
       “พอได้แล้วค่ะพี่ สิจะไปถามพี่โชนเอง ระหว่างคนกับหมา พี่โชนจะถ่ายใครก่อน”
       ช่างแต่งหน้ารีบเก็บของ สิริสุดาดึงกระดาษทิชชูมาซับหน้าแล้วเดินเชิดหน้าออกไป มัดหมี่รีบเดินตาม
       “คุณสิ...เดี๋ยวสิคะ ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ควรจะพูดจี้แผลใจคุณ”
       “ฉันไม่มีแผลใจอะไรให้ใครมาจี้หรอก แต่รำคาญพวกนักข่าว ไม่มีอะไรทำเหรอไงถึงได้ยุ่งแต่กับเรื่องที่มันจบไปแล้ว แต่ถ้ายังอยากฟื้นฝอยอยู่อีก จะให้พ่อไปคุยถึงสถานีเลย”
       “โอเคค่ะ ไว้ฉันจะบอกพวกน้องๆข่าวบันเทิงให้เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว แต่ว่า...ถ้าเกิดมีข่าวจากทางฝั่งผู้กองดรัณขึ้นมา เรื่องมันจะไม่จบน่ะสิคะ”
       สิริสุดาหันมาสนใจทันที
       “ข่าวอะไร”
       มัดหมี่ทำหน้าแบบหลุดพูด
       “อุ๊บส์...ฉันนี่ไม่น่าพูดขึ้นมาเลย”
       “คุณมัดหมี่ !!”
       “แหม...อย่าให้ฉันพูดเลยค่ะ ผู้กองดรัณเป็นเพื่อนสนิทกับแฟนฉันนะคะ”
       “ คุณป๋าของฉันก็มีเพื่อนสนิทหลายคนที่พอจะช่วยเสนอชื่อให้คุณได้รางวัลผู้ประกาศดีเด่น เอาไปนอนกอดเล่นก็ได้นะ”
       “แหม...คุณสิเนี่ย เห็นแก่ผู้หญิงด้วยกันนะคะ มัดหมี่ทนไม่ได้หรอกค่ะที่เห็นผู้ชายเจ้าชู้ เห็นทีไรมันจี๊ดขึ้นทุกทีเลย”
       มัดหมี่เอามือถือยื่นให้สิริสุดาดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ สิริสุดาเห็นแล้วอึ้ง เพราะเป็นภาพดรัณกับชิโลใกล้ชิดกันมากๆ
       “น้องๆข่าวบันเทิงเขาส่งรูปนี้มาให้ฉันดู แต่ฉันบอกไว้ว่าอย่าเพิ่งเอาไปเล่นข่าว เพราะมันคงจะเซ้นซิทีฟกับคุณมาก”
       “นังบ้าชิโล”
       “คุณสิรู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอคะ”
       สิริสุดาเชิด
       “ไม่...ฉันไม่รู้จักนังนั่น แล้วฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าผู้กองดรัณจะไปเรี่ยราด หรือลั่นล้ากับใคร เพราะฉันตัดหางปล่อยวัดผู้ชายเลวๆคนนี้ไปแล้ว”
       สิริสุดาพูดไปแต่มือกำแน่นจนเล็บแทบจิกก่อนจะสบัดหน้าเดินไป มัดหมี่มองตามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
      
       เอิงเอยตกใจ กับสิ่งที่สิริสุดาเล่า...
       “ขนาดพวกนักข่าวเอาหลักฐานมาให้แกดู แกยังเฉยเนี่ยนะยัยสิ”
       “ใครว่าฉันเฉย ที่ฉันข้าวปลาไม่กินเพราะฉันเครียดลงกระเพาะอยู่นี่แหละ...เอ่อ...แต่ฉันไม่ ได้เครียดเพราะรู้สึกหึงผู้กองนะ ฉันแค่เจ็บใจที่เขาดูถูกผู้หญิงเพอร์เฟคสุดๆอย่างฉัน แล้วหันไปสนใจนังบ้าที่เพ้อเจ้อว่าตัวเองเป็นนางฟ้า”
       สิริสุดาพูดไปก็ของขึ้นองค์เข้าหันขวับไปบีบไหล่ตีหน้ายักษ์เอาเรื่องกับเอิงเอย เขย่าอย่างแรง
       “แกบอกฉันสิยัยเอย นังบ้านั่นมันมีดีกว่าฉันตรงไหนถึงไปเชื่อมันเป็นตุเป็นตะว่ามันเป็นนางฟ้า”
       สิริสุดาเขย่าแรงอีก
       “นังนั่นมันต้องเป็นนังแม่มด ส่วนฉันต้องเป็นนางฟ้า เพราะฉันสวยกว่ามัน...แกได้ยินมั้ย...ได้ยินมั้ยยัยเอย”
       “โอ๊ย...หยุดเขย่าฉันซะที ฉันไม่ใช่เซียมซีที่เขย่าแล้วจะมีคำตอบให้แก โอ้ย..มึน จะอ้วก”
       สิริสุดาหันมาหน้าเหวี่ยงวีนเอาเรื่องไม่เลิก
       “คอยดูนะ...ฉันไม่ยอมแน่ คนอย่างสิริสุดา เสียอะไรเสียได้ แต่เสียหน้า...ยอมไม่ได้ !!”
      
       ชิโลนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องพัก เสียงโทรศัพท์ในห้องดัง ชิโลสะดุ้งโหยง อุ้มสมขำ
       “เราเพิ่งรู้นะเนี่ยว่านางฟ้าที่ไม่เคยกลัวแม้แต่พวกอสูรอย่างเจ้า จะกลัวเสียงโทรศัพท์”
       “อุ้มสม !! เราไม่ได้กลัวเสียงโทรศัพท์ แต่เรากลัวผู้กองดรัณที่โทรมาต่างหาก”
       “เจ้ายังไม่ทันรับแล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้กองดรัณ”
       “ตั้งแต่ถูกเนรเทศมาอยู่บนโลกมนุษย์ มีใครรู้จักเรากับเจ้ามั่ง แล้วยิ่งเวลาดึกๆดื่นๆแบบนี้ด้วย ไม่พ้นมีอยู่คนเดียว”
       “ใช่มั้ยใช่ เดี๋ยวก็รู้”
       อุ้มสมเดินไปรับสายให้รู้กันไปแล้วก็ทำตาโต..ทึ่ง
       “สวัสดีครับผู้กองดรัณ”
       ชิโลหันมาพูดกับชิโลเบาๆ
       “เห็นมั้ย เราบอกเจ้าแล้ว”
       อุ้มสมพูดกับดรัณ
       “พี่ชิโลเหรอครับ”
       ชิโลกระซิบ
       “บอกเขาไปว่าเราไม่อยู่”
       “นี่เจ้าให้เราผิดศีลมุสาอีกแล้วเหรอ”
       “เจ้าไม่ได้มุสา บอกเขาไปว่าเราหลับไปแล้ว”
       “แต่เจ้ายังไม่ได้หลับ”
       “ก็กำลังจะหลับอยู่นี่ไง”
       ชิโลรีบล้มตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาปี๋ทำเหมือนคนนอนหลับ
       “โห...เล่นแบบนี้เลยเหรอชิโล...เอ่อ...ผู้กองครับคือ...พี่ชิโล หลับไปแล้วครับ อ๋อ...ได้ครับ แล้วผมจะบอกพี่ชิโลให้ว่าผู้กองโทรมาว่าคิดถึง สวัสดีครับ”
       อุ้มสมวางสายไป ชิโลหรี่ตาข้างนึงขึ้นมามอง
       “นั่น...เจ้ามุสา เจ้าไม่ได้หลับ”
       “เราไม่ได้มุสา เมื่อกี้นี้เราหลับ แต่ตอนนี้เราตื่น”
       “ชิโล !! เราว่ายิ่งเจ้าอยู่ที่นี่นาน เจ้าชักเจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากมนุษย์เข้าไปทุกทีแล้ว”
       “พอเถอะ หยุดเทศนาเราซะที เราพยายามตัดปัญหาไม่ให้มันบานปลายมากไปกว่านี้”
       “ด้วยการหนีหน้าผู้กองดรัณเนี่ยนะ ไม่ได้ผลหรอก มนุษย์อย่างผู้กองดรัณถือคติตื้อเท่านั้นถึงชนะใจ ลองเคยตื้อคุณสิริสุดาจนยอมใจอ่อนมาแล้วก็ต้องคิดว่าได้ผลกับเจ้า”
       “งั้นเราจะทำยังไงดีล่ะ เรามาที่นี่เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้กองดรัณแต่งงานกับคุณสิริสุดา ไม่ใช่มาเป็นตัวปัญหาซะเอง”
       “งั้นก็ต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง”
       “วิธีอะไรของเจ้า”
       อุ้มสมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์...
      
       เช้าวันต่อมา...ชิโลถูกอุ้มสมฉุดกระชากลากจูงมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
       “ไม่...เราไม่ทำตามแผนของเจ้า ไร้สาระ เพ้อเจ้อ เราไม่ทำ !!“
       “ถ้าเจ้าไม่ทำตามแผนของเรา งั้นบอกเรามาสิว่าเจ้าจะทำยังไง”
       “เราจะไปบอกผู้กองดรัณว่าให้เลิกคิดกับเราแบบนั้น”
       “งั้นก็ไปสิ...ถ้าเจ้าคิดว่าผู้กองดรัณจะยอมตัดใจจากเจ้าได้ง่ายๆ”
       ชิโลเชิดหน้าจะออกไปอย่างมั่นใจ แต่อยู่ๆก็ยืนนิ่งหันหน้ามาด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
       “เจ้าไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ หามนุษย์คนอื่นก็ได้ ทำไมต้องเป็นผู้กองหน้ายักษ์นั่นด้วย”
       “เป็นมนุษย์คนอื่นก็ไม่ได้ผล ต้องเป็นผู้กองสการเท่านั้น เพราะสองคนนั่นเป็นเพื่อนสนิทกัน ผู้กองดรัณต้องยอมตัดใจแน่ ถ้าเจ้ากับผู้กองสการคบหาเป็นคนรักกัน”
       “แต่เรากับผู้กองหน้ายักษ์นั่น...”
       ชิโลพูดไปก็รู้สึกใจเต้นตึกตัก มือขวาจับนิ้วนางซ้ายหมุนไปหมุนมา เพราะคิดถึงในฝันที่เธอตามเชือกสีเขียวไปเจอสการเป็นเนื้อคู่และเสียจูบให้ สการ
       “ชิโล”
       ชิโลสะดุ้ง
       “อะไร”
       “เราว่าเจ้าแปลกๆนะ หมู่นี้พอพูดถึงผู้กองสการทีไรดูเจ้าชอบเหม่อพิกล”
       “ไม่มีอะไรสักหน่อย ถ้าเราไม่มีทางเลือกต้องยอมทำตามที่เจ้าว่า เราก็ต้องขอเวลาทำใจ”
       “เจ้าทำใจได้ แต่อย่านาน เพราะเจ้าต้องรีบสลัดผู้กองดรัณให้หลุด ไม่อย่างนั้นเราจะหาทางดึงให้ผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดากลับมาคืนดีกันไม่ได้
       “รู้น่า”
       ชิโลรับปากไปแต่ยังกังวล ระหว่างนั้นนารีเข้ามาพบทั้งคู่พอดี
       “หนูชิโล..มาแต่เช้าเลยเหรอจ๊ะ”
       อุ้มสมตอบแทน
       “ครับคุณป้า พี่ชิโลเขาเป็นห่วงผู้กองกองสการเลยอยากมาเยี่ยมเร็วๆ”
       ชิโลพูดเบาๆ
       “อุ้มสม...ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าไม่มุสาไง”
       “ทีเจ้ายังเจ้าเล่ห์ เป็นศรีธนชัยได้ แล้วทำไมเราจะไม่ได้บ้างล่ะ”
       “นี่เจ้า”
       “ดีเลยจ้ะ ป้ามีธุระต้องกลับไปคอนโดพอดี จะได้ฝากให้หนูชิโลช่วยดูแลตาแซม”
       “ไม่ต้องห่วงครับคุณป้า พี่ชิโลเขาอยากดูแลผู้กองอยู่แล้ว ใช่มั้ยพี่ชิโล”
       ชิโลทำหน้าเข็ดเขี้ยวเจ็บใจใส่อุ้มสมที่ยุยงดีนัก
      
       ในห้องพักผู้ป่วย สการบิดตัวไปมาอยู่บนเตียงคนไข้เพราะอาการปวดปัสสาวะ แต่ติดที่มือข้างนึงเข้าเฝือกอยู่
       “อู้ยย..เอาไงดีวะเนี่ย”
       ระหว่างนั้นพยาบาลเอาอาหารเข้ามาให้
       “อาหารเช้าค่ะผู้กอง”
       “ขอบคุณครับ”
       พยาบาลมองสงสัย
       “ผู้กองปวดปัสสาวะเหรอคะ ให้ดิฉันช่วยได้มั้ยคะ”
       สการสะดุ้งโหยง
       “อุ้ย...ไม่เป็นไรครับ ผมว่าผมจัดการเองได้ ขอบคุณมากครับ”
       พยาบาลยิ้มรับแล้วเดินออกไป สการรีบเดินบิดเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำการปลดทุกข์เบา เมื่อปลดทุกข์ได้ก็ตัวเบา
       “โอ้ย....ค่อยยังช่วยหน่อย”
       สการกดชักโครกแล้วดึงกางเกงคนไข้ขึ้น แต่ชะงักเพราะมือข้างเดียวจะผูกเชือกได้ยังไง
      
       “เอาแล้วไง...ทำไมชุดคนไข้มันต้องผูกเชือกด้วยวะ”
อุ้มสมดันหลังชิโลมาถึงหน้าประตูหน้าห้องสการ
       
       “ไปสิ...จะโอ้เอ้รออะไรอยู่อีก”
       “แต่...”
       “ไม่ต้องแต่แล้ว เจ้าช้าไปนาทีนึง เราก็ต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกนาทีนึงเหมือนกัน หรือว่าเจ้าไม่อยากกลับไปสวรรค์”
       “ใครบอก เราอยากกลับไปสวรรค์เต็มแก่แล้ว”
       “งั้นก็เข้าไปทำตามแผน เราจะไปรอฟังผลอยู่ที่คอนโด โอเคนะ”
       อุ้มสมยัดช่อดอกไม้ใส่มือชิโลแล้วเดินออกไปเลย
       “อุ้มสม...เดี๋ยวสิ....โธ่เอ้ย...ชิโลแย่แล้ว”
       ชิโลหน้าเสียเอาไงดี มองช่อดอกไม้ในมือแล้วคิดๆๆๆก่อนจะตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน
      
       สการยังยุ่งวุ่นวายอยู่กับเชือกผูกกางเกงด้วยมือข้างเดียวไม่เลิก
       “ทำไมถึงได้ยุ่งวุ่นวายแบบนี้เนี่ย..เอาวะ แค่นี้ก็คงอยู่”
       สการผูกเชือกกางเกงไปตามมีตามเกิดกะว่าพอได้อยู่ ชิโลเปิดประตูเข้าไปในห้อง
       “ผู้กองหน้ายักษ์..ฉันมาเยี่ยมคุณ”
       ชิโลเอาช่อดอกไม้บังหน้า แต่เห็นห้องเงียบเชียบ ชิโลลดดอกไม้ลงแล้วงงๆ
       “อ้าว...ไม่อยู่เหรอ”
       ชิโลมองหาสการได้ครู่ สการก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ
       “อ้าว...ยัย 18 มงกุฎนี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
       “ผู้กองหน้ายักษ์ ฉันไม่ใช่ 18 มงกุฎนะ จะต้องให้ฉันตะโกนกรอกหูคุณใช่มั้ยคุณถึงจะเลิกกล่าวหาฉัน”
       “ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น 18 มงกุฎ ใช่สิ...ฉันลืมไปว่าเธอสวมชฎาเป็นนางฟ้า”
       “นี่คุณ !!”
       “ทำไม จะทำอะไรฉัน อย่าคิดว่าแขนฉันเดี้ยงไปข้างแล้วฉันจะจัดการกับเธอไม่ได้นะ”
       “ฉันไม่กลัวคุณหรอก...ต่อให้คุณงัดอาวุธอะไรออกมาเล่นงานฉัน ฉันก็ไม่กลัว”
       “เก่งนักนะ งั้นเธอโดนฉันเล่นงานแน่”
       สการขยับจะรุกใส่ชิโลแต่ทันใดนั้นเชือกผูกกางเกงก็หลุด กางเกงร่วงมากองกับพื้น ชิโลชะงักมองต่ำที่ปิกกาจู้ของสการแล้วอึ้งตะลึง..ตึงๆๆๆ
       “เฮ้ย !! ชิบหายแล้ว”
       สการรีบก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาก่อนที่จะอุจาดมากไปกว่านี้ ส่วนชิโลนิ่งงันทำตากระพริบปริบๆถี่ๆ
       “ยัยชิโล”
       ชิโลพูดไม่ออกหน้าเหวอๆเหมือนวิญญาณออกจากร่างเดินเอาช่อดอกไม้ไปใส่ แก้วน้ำแทนที่จะปักใส่แจกันแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างลอยๆ...เหวอๆ
      
       ชิโลเดินลอยๆออกมาจากห้องสการ กระพริบตาถี่ๆสติไม่อยู่กับตัวเดินไปชนเตียงคนไข้ ชนรถเข็น ชนประตู ชนกำแพงอย่างไม่รู้ตัว พวกพยาบาลพากันมองชิโลด้วยความแปลกใจ
       สการออกมาจากห้องหลังจากหลังจากผูกกางเกงเรียบร้อยแล้ว มองหาแล้วเห็นชิโลยืนตัวแข็งทื่อ เอ๋อๆ คอยเอาหัวโขกกำแพงซ้ำไปซ้ำมา..โป๊กๆๆๆ
       “ชิโล !!”
       สการเข้าไปจับตัวชิโลด้วยความเป็นห่วง ชิโลหันมามองหน้าสการแล้วตาลอยกระพริบตาปริ๊บๆ
       “ชิโล...เป็นอะไร เฮ้ย...ถึงกับต๊องไปเลยเหรอ” สการตบแก้มเรียกสติ “ชิโล...ชิโล !!”
       สการตบแก้มซ้ายทีขวาทีจนชิโลสติกลับคืน มองหน้าสการแล้วมองต่ำที่เป้าก่อนจะมองหน้าสการอีกทีก่อนจะร้อง
       “อ๊ายยยยย”
       ชิโลร้องสุดเสียงแล้วสลบเหมือด สการเข้าไปรับอย่างตกใจ
      
       ชิโลนอนอยู่บนเตียงคนไข้ของสการซะเอง สการพยายามเรียกสติ
       “ชิโล...ชิโล”
       ชิโลค่อยๆลืมตามองสการเบลอๆ
       “ผู้กอง”
       “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะไม่ฟื้นแล้วซะอีก”
       ชิโลรู้สึกเต็มที่แล้วนึกขึ้นได้ รีบเด้งพรวดถอยหนีสการทันที
       “อย่านะ !! อย่าเข้ามา...น่าเกลียด ทุเรศ บัดสี ต่ำ !!”
       “เอ้า...ด่าเป็นชุดเลย มันเป็นอุบัติเหตุฉันไม่ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย”
       “ฉันไม่เชื่อ...คุณบอกจะเล่นงานฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นมนุษย์ใจสกปรก ชั่วช้า ลามก คอยดูนะ ลงนรกเมื่อไหร่คุณต้องถูกสั่งให้ปีนต้นงิ้ว ขึ้นๆลงๆชั่วกัปชั่วกัลป์”
       “หยุด !! พอซะทียัยติงต๊อง ฉันแค่กางเกงหลุดให้เธอเห็นของสงวน แต่เธอมาแช่งอย่างกับฉันไปปล้ำข่มขืนเธอ เดี๋ยวก็ทำจริงๆซะหรอก”
       “อย่านะ !!”
       ชิโลถอยหนีแล้วรู้สึกเจ็บหัวขึ้นมา
       “อู้ยยยย....เจ็บ นี่...ตอนฉันหมดสติ คุณทำอะไรฉัน แอบเอาถาดมาตีหัวฉันเหรอ”
       “โอ้โห...โยนมาแต่ละเรื่องดีๆทั้งนั้น ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักอย่าง แต่เธอนั่นแหละ อยู่ๆก็เอ๋อเดินออกไปเอาหัวโขกกำแพงเล่น”
       “ฉันเนี่ยนะ”
       “ใช่...หึๆๆ ถามจริงๆเถอะ อย่างเธอดูไม่น่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดไม่เคยเห็น...แบบว่า...อะไรที่มันน่ารักๆ”
       “หยุดเลย ไม่ต้องพูดถึงอีก จบข่าวแค่นั้นแหละ...อู้ย...เจ็บ”
       ชิโลแตะหัวตัวเองที่สงสัยจะโน สการขำท่าทางของเธอที่ดูน่ารักซะไม่มีเลยหันไปหยิบยาหม่องเดินเข้าไปให้
       “เอ้า ทายาหม่องซะ หรือจะให้ช่วยทาให้”
       “ไม่ต้อง !!”
       ชิโลคว้ายาหม่องจากมือสการแล้วไม่ยอมสบตา สการหรี่ตามองชิโลแล้วมองที่ช่อดอกไม้
       “ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะก็ ทีนี้ตอบฉันมา เธอมาหาฉันทำไม ถึงขนาดลงทุนซื้อดอกไม้มาเยี่ยมแบบนี้ คิดจะมาติดสินบนอะไรฉัน”
       ชิโลนิ่งไปครู่
       “ฉันจำเป็นต้องมาหาคุณ เพราะเรื่องผู้กองดรัณ”
      
       สการถึงกับตกใจ เมื่อชิโลเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
       “ว่าไงนะ ไอ้รัณน่ะเหรอมาสารภาพว่าชอบเธอ”
       “ใช่...และฉันก็มองไม่เห็นทางออกที่จะปฏิเสธเขานอกจากต้องพึ่งคุณ”
       “ไม่...ฉันไม่เชื่อ”
       “ผู้กอง !! ที่คุณไม่ยอมเชื่อ เพราะหึงเหรอ”
       “บอกกี่ครั้งแล้วฉันกับไอ้รัณไม่ใช่คู่เกย์ หึ..ฉันรู้แล้ว ไอ้รัณมันแพ้ทางผู้หญิงสวยๆ ตอนนี้มันกำลังอกหักจากว่าที่เจ้าสาว มันก็เลยคิดสั้น หันไปเห็นใครง่ายก็คว้าเอาไว้ก่อน”
       ชิโลโกรธ...อึ้ง...
       “ผู้กอง...นี่คุณ...ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ กล้าดูถูกผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้”
       “ปกติฉันให้เกียรติผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับเธอ ดูแต่ละอย่างที่เธอทำสิ มีเรื่องดีๆสักเรื่อง มั้ย อย่านะ...เมื่อไหร่ที่ฉันกระชากหน้ากาก 18 มงกุฎของเธอได้ ฉันเอาเธอเข้าคุกแน่”
       ชิโลหงุดหงิดเจ็บใจ
       “โธ่เอ้ย...อุ้มสมนะอุ้มสม บอกแล้วว่าไม่ได้ผล ก็ได้ คุณอยากจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ เอาเป็นว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว”
       ชิโลจะออกไป แต่สการเข้าไปจับมือเธอรั้งเอาไว้
       “เดี๋ยว !!”
       “อะไรอีก ถ้าฉันมันทั้งเลวทั้งร้ายกาจ แค่เพื่อนคุณหันมาชอบฉันก็เหมือนเดินเฉียดขุมนรก คุณก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
       สการอึ้งไปเพราะแววตาที่ชิโลพลั่งพรูออกมา แสดงถึงความน้อยใจ
       “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าเธอขนาดนั้น”
       “นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ลองถ้าตั้งใจขึ้นมา ฉันคงกลายเป็นพวกนางอสูรนางปีศาจไปแล้ว”
       สการไม่รู้จะตอบโต้ยังไง เลยต้องออกแรงดึงชิโลเข้ามาประชิดจนตัวติดกับเขา ชิโลตกใจ
       “จะทำอะไรฉัน”
       “มือฉันเดี้ยงไปข้างแบบนี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ฉันแค่อยากให้เธอมองตาฉัน เวลาที่เราคุยกัน”
       “ทำไมต้องมองด้วย”
       “อย่าดื้อได้มั้ย เดี๋ยวจับใส่กุญแจมือเลย สั่งให้มองก็มองสิ...มอง !!”
       ชิโลพยายามดิ้นไม่ทำตามสั่ง แต่โดนสการใช้มือบีบแขนบังคับทำให้เธอต้องมองตาเขา หญิงสาวชะงักเมื่อมองเห็นแววตาที่จริงจังของสการ สองคนสบตากันเหมือนมีมนต์สะกด
       “ฟังฉันนะชิโล...ฉันไม่ใช่ผู้ชายหวานแหว๋ว ไม่ใช่พวกปากหวาน แต่ฉันเป็นพวกขวานผ่าซาก ที่ไม่ชอบโกหกแม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง เธอสวยฉันก็ชมว่าสวย เธอร้ายฉันก็บอกว่าเธอร้าย แต่ยังไม่มีคำไหนสักคำที่ฉันบอกว่า …ฉันเกลียดเธอ”
       ชิโลถึงกับอึ้งไป เพราะแววตาของสการดูจริงใจและตรงกับคำพูดของเขามาก ทำให้เธออดคิดถึงคำพูดของรัศมิพรรณรายที่ได้เคยบอกเอาไว้ไม่ได้...
       ‘....ตอนนี้มีคนมาช่วยน้องแล้ว’
       ‘??? ใครเหรอพี่’
       ‘มนุษย์ที่น้องควรมองให้ลึกในจิตใจเขามากกว่าการกระทำและคำพูด’
      
       สการมองตาชิโลอย่างจริงใจ...
       “ชิโล...ชิโล”
       “เอ่อ...” ชิโลพูดไม่ออก
       “เอาเป็นว่าฉันจะยอมเล่นตามน้ำอย่างที่เธอว่ามา เราจะมาคบกันแบบคนรักกัน เพื่อช่วยให้ไอ้ดรัณมันตัดใจจากเธอแล้วกลับไปคบกับคุณสิริสุดา”
       “คุณ..คุณทำได้เหรอผู้กอง”
       “ฉันไม่รู้ เพราะฉันยังไม่เคยคบผู้หญิงคนไหน...แบบ...แบบคนรักกันสักที แต่ถ้าเธอทำได้ ฉันก็คงทำได้”
       ชิโลนิ่งไป
       “ว่าไง...แผนของเธอไม่ใช่เหรอ”
       “ฉัน...ฉันทำได้”
       “งั้นฉันก็ทำได้”
       พูดไปพูดมาสองคนก็มองตากันอีก คราวนี้หัวใจเต้นตึกๆเพราะตัวยังใกล้ชิดกันอยู่ ชิโลเรียกสติตัวเองได้ก็รีบแกะมือสการแล้วถอยห่างออกมา
       “เอ่อ...ฉันขอบคุณคุณมาก หมดธุระฉันแล้ว ฉันกลับล่ะ”
       ชิโลรีบออกไปจากห้องทันที สการเองก็ได้แต่ยืนงงๆกับตัวเอง
      
       ชิโลเดินมาตามทางเดินด้วยความรู้สึกมึนๆงงๆ ไม่เข้าใจตัวเอง สติไม่อยู่กับตัวเผลอเตะถังขยะล้ม เหยียบเท้าผู้ป่วย จนต้องยกมือไหว้ขอโทษขอโพยตลอดทาง
       “ขอโทษค่ะ..ขอโทษ...ชิโลไม่ตั้งใจ ขอโทษค่ะ”
       ชิโลเดินมาจนถึงหน้าลิฟต์ก็ยังรู้สึกอยู่เลยว่าหัวใจเต้นแรงและหน้าแดงผ่าวๆ พยาบาลเห็นก็สงสัยเข้ามาเป็นห่วง
       “คุณคะ...เป็นอะไรรึเปล่า”
       “คุณพยาบาล”
       “ไม่สบายรึเปล่าคะ”
       “ชิโลไม่รู้ค่ะ...เวลาที่พวกมนุษย์ได้ยินเสียงหัวใจเต้น เขาเรียกว่าไม่สบายรึเปล่าคะ”
       พยาบาลชะงักงงๆ
      
       สการนั่งที่เตียงแล้วหันไปมองดอกไม้ที่ชิโลซื้อมาฝาก สการเองก็รู้สึกไม่ต่างจากชิโลแต่เป็นคนแข็งกว่า
       “เว้ย...ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนั้นออกไปได้ ใครรู้เข้าอายตายชักเลย”
      
       สการบ่นไปแต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้
ขอขอบคุณจาก manager.co.th    
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น