วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 14 (จบตอน) วันที่ 20 ก.ค. 55

 
       อาทิจทำงานหน้านิ่งอยู่กับเกร็ง ต๊อด อึ่ง พัน คนงานอื่นทำงานอยู่ไกลๆ ดรุณีพาตุลยานีเข้ามาหา ตุลยานีฉอเลาะจ๊ะจ๋า ส่งตาหวาน
        
     
       “พี่อาทิจขา ไหนบอกวันนี้จะพาตุ่นไปเที่ยวน้ำตกไงคะ พี่อาทิจลืมนัดตุ่นแล้วเหรอ”
       ดรุณีฝืนยิ้ม
       “นัดสำคัญอย่างนี้ลืมได้ยังไงคะพี่อาทิจ...ฝากดูแลยายตุ่นดีๆนะคะ อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้”
       อาทิจเจ็บอกไม่น้อยกว่าดรุณี แต่หันไปพูดกับตุลยานีก่อน
       “ผมไม่ลืมครับคุณตุ่น แต่ผมเห็นว่าตอนนี้แดดยังแรงอยู่ ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวบ่ายแก่ๆ จะเข้าไปรับที่บ้าน” ชายหนุ่มหันมาบอกดรุณี “ส่วนเรื่องที่เราคุยกันไว้พี่ก็ไม่ลืม พี่รับปากว่าพี่จะทำตามนั้น...ทุกอย่าง แล้วแต่น้องณี”
       ดรุณีสะอึก นี่เธอเป็นอะไร ทำไมคำพูดของอาทิจถึงทำให้เธอเจ็บปวดได้ขนาดนี้ มันเป็นความต้องการของเธอเองไม่ใช่หรือ ลุงเกร็ง ต๊อด อึ่ง พัน แอบสังเกตการณ์...เกิดอะไรขึ้น ตุลยานีออเซาะประจบน่ารัก
       “ถ้างั้น...ตุ่นช่วยพี่อาทิจเก็บส้มก่อนนะคะ”
       “ครับ”
       หญิงสาวปรี่เข้าไปช่วยชายหนุ่มเก็บส้มทันที ดรุณีมองภาพเพื่อนรักกับอาทิจแล้วนึกถึงช่วงที่เคยมีความทรงจำดีๆด้วย กัน...ตอนนั้นเธอช่วยเขาเก็บส้มอย่างมีความสุข
       “เราจะช่วยกันทำงานอย่างนี้ตลอดไปนะคะพี่อาทิจ”
       “เมื่อไหร่น้องณีมีครอบครัว ก็อาจจะไม่มีเวลามาช่วยพี่แบบนี้”
       “พี่อาทิจก็เหมือนกัน”
       “ไม่...พี่พิสูจน์ให้เห็นแล้ว”
       “นั่นไม่ใช่ครอบครัวค่ะ พี่อาทิจไม่ได้แต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก พี่อาทิจก็พูดได้ แต่ถ้าพี่อาทิจเจอคนที่รักที่ใช่เมื่อไหร่ พี่อาทิจคงไม่มีเวลาทุ่มเทกับงานอย่างนี้ ดีไม่ดีอาจจะเลือกไปจากที่นี่เลยก็ได้”
       “พี่เคยบอกน้องณีแล้วใช่มั้ย พี่จะไม่มีวันไปจากที่นี่ ยกเว้นคนที่นี่จะไม่อยากให้พี่อยู่ สักวันน้องณีอาจจะไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่ก็ได้”
       “ไม่มีวัน แรงงานถึกๆอย่างพี่อาทิจไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ”
       อาทิจน้อยใจนิดๆ
       “เหตุผลหลักๆมีแค่นี้เองเหรอ”
       ดรุณีหัวเราะ
       “ไม่ใช่ค่ะ...พี่อาทิจเป็นหัวใจของเราทุกคนที่นี่ เราจะอยู่กันโดยไม่มีหัวใจได้ยังไง”
       อาทิจพูดเน้นๆซึ้งๆ
       “เรา...หมายถึงน้องณีด้วยรึเปล่า”
       “แน่นอนที่สุดค่ะ พี่อาทิจคือหัวใจของณี”
       ทั้งคู่ยิ้มให้กัน สดชื่นแจ่มใส หัวใจพองโต
     
       ดรุณียืนน้ำตารื้น ตุลยานีหันมาเรียก
       “ยายณี ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาช่วยพี่อาทิจเก็บส้ม มา”
       ดรุณีตื่นจากภวังค์ รีบยิ้มกลบเกลื่อนทันที
       “ตุ่นช่วยพี่อาทิจเก็บเถอะนะ ณีขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้ดีกว่า เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ”
       อาทิจแอบเหลือบมองดรุณีผ่านช่องว่างของส้มที่ห้อยระย้าตลอดเวลาแต่ ดรุณีไม่เห็น หญิงสาวคิดว่าชายหนุ่มไม่สนใจ จึงเดินเลี่ยงออกมา โดยที่น้ำตาแห่งความน้อยใจคลอหน่วยขึ้นมาอีก
     
       แก้วถอนใจหนัก ก่อนจะตัดสินใจขยับเข้าไปหาดรุณีซึ่งกำลังเตรียมเครื่องแกงหองอยู่
       “น้าแก้วอยากให้คุณณีคิดดีๆนะคะ เรื่องคุณอาทิจ”
       ดรุณีสะท้อนใจ
       “เราพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะคะน้าแก้ว พี่อาทิจไม่ได้รักณีค่ะ ณีเป็นแค่น้องสาว เป็นแค่เด็กในปกครองของพี่อาทิจเท่านั้น”
       “คุณณีไม่รู้ใจคุณอาทิจจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ค่ะ”
       “รู้สิคะ ณีรู้ว่าพี่อาทิจชอบยายตุ่น เขา สองคนเหมาะกันมาก ณีว่าอีกไม่นานเขาคงแต่งงานกัน แล้วก็ช่วยกันดูแลที่นี่ พี่อาทิจรักที่นี่คงไม่ย้ายไปไหน ยายตุ่นเองก็น่าจะปรับตัวให้อยู่ที่นี่ได้เพราะรักพี่อาทิจมาก”
       “แล้วคุณณีล่ะค่ะ จะแต่งงานกับคุณเวแล้วไปอยู่บ้านท่านผู้ว่าอย่างนั้นหรือคะ”
       ดรุณีผ่อนลมหายใจยาว
       “พี่เวก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่คะน้าแก้ว ใครๆก็บอกว่าเขาเหมาะสมกับณีทุกอย่าง”
       “ใครๆของคุณณีหมายถึงใครคะ”
       ดรุณีนึกถึง หน้าอาทิจ ลอยมา
       “ความเหมาะสมไม่ได้สำคัญมากไปกว่าความรักนะคะ น้าแก้วอยากให้คุณณีตัดเรื่องความเหมาะสมทิ้งไป แล้วลองถามใจตัวเองก่อนว่าคุณณีรักคุณเวรึเปล่า ที่สำคัญ...คุณณีพร้อมจะเสียคุณอาทิจให้คุณตุ่นไปจริงๆมั้ย ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไปนะคะ”
       ดรุณีอึ้ง...ตอนนี้ทุกอย่างมันยังไม่สายเกินไปอีกหรือ
     
       น้ำที่ตกจากเบื้องสูงกระแทกตัวสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ละอองน้ำฟุ้งกระจาย อาทิจจับมือตุลยานีซึ่งเดินทรงตัวไม่ถนัดนัก ลัดเลาะมาตามโขดหิน ทั้งคู่ยืนมองน้ำตกสวยงามด้วยกัน
       “สวยจังเลยค่ะพี่อาทิจ”
       “ผมดีใจนะครับที่คุณตุ่นชอบ”
       ตุลยานีจ้องตาอาทิจหวานเยิ้ม
       “ตุ่นชอบทุกอย่างที่นี่ ธรรมชาติ สายลม แสงแดดผู้คน โดยเฉพาะ” หญิงสาวชี้ที่ชายหนุ่ม “พี่อาทิจทำให้ตุ่นอยากลืมตาขึ้นมาดูความสวยงามของที่นี่ทุกวัน...รู้มั้ย”
       อาทิจหน้าแดง ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรให้เขาหน้าแดงได้เสมอ ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องพูดกลบเกลื่อน
       “เมื่อก่อนผมกับน้องณี แล้วก็คนงานชอบมาเล่นน้ำที่นี่ แต่ตอนนี้งานล้นมือจนไม่มีเวลามาเล่นสนุกแบบเดิมแล้ว”
       “ว้า...ว่าจะชวนพี่อาทิจลงเล่นน้ำสักหน่อย” ตุลยานีช้อนตาหวานใส่ “ไม่มีเวลาเลยหรือคะ”
       อาทิจใจเต้นตึกตัก
       “ก็...คือ...” อาทิจคิดว่าควรเปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า “ตอนนี้ผมกำลังขยายพื้นที่ทำสวนออกไป”
       ตุลยานีหัวเราะ ทั้งขำทั้งเอ็นดูเขาที่หาทางเปลี่ยนเรื่องพูดอีกจนได้
       “เปลี่ยนเรื่องคุยได้ แต่สุดท้ายตุ่นจะทำให้พี่อาทิจลงเล่นน้ำกับตุ่นให้ได้...บอกไว้เลย”
       อาทิจหน้าแดงเข้มขึ้นมาอีก อายสุดๆที่เธอจับไต๋เขาได้ และพุ่งพล่านในใจ หญิงสาวประกาศจะทำให้เขาลงไปเล่นน้ำกับเธอให้ได้ ด้วยวิธีไหน ชายหนุ่มสุดจะเดา
       “เล่ามาสิคะ ตุ่นจะตั้งใจฟัง”
       “คือ...ผมก็เลยขอทุนไปดูงานที่ออสเตรเลีย มันเป็นโครงการแลกเปลี่ยนเกษตรกรเยาวชนระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาผลผลิตของกันและกันน่ะครับ”
       ตุลยานีตาโต
       “จริงๆเหรอคะ ตุ่นก็จะไปเรียนต่อที่นั่นพอดี คุณแม่ตุ่นอยู่ที่นั่น”
       อาทิจยิ้มๆ
       “บังเอิญจังเลยนะครับ”
       ตุลยานีส่งสายตาเชื่อม
       “ตุ่นว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราสองคน เป็นพรหมลิขิต มากกว่าค่ะ”
       อาทิจเขินหูแดงแก้มแดง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่โดนผู้ชายอ้างเรื่องพรหมลิขิตจีบซึ่งๆหน้า
     
       ดรุณีเดินมาตามทาง หญิงสาวคิดถึงคำพูดของแก้ว
       “น้าแก้วอยากให้คุณณีตัดเรื่องความเหมาะสมทิ้งไป แล้วลองถามใจตัวเองก่อน ว่าคุณณีรักคุณเวรึเปล่า ที่สำคัญคุณณีพร้อมจะเสียคุณอาทิจให้คุณตุ่นไปจริงๆมั้ย ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไปนะคะ”
       ดรุณีชะงักแล้วยืนยันกับตัวเอง
       “เราตัดสินใจแล้ว ความสุขของพี่อาทิจกับยายตุ่นคือ ความสุขของเรา”
       ดรุณียิ้มเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
     
       เย็นนั้น สามเกลอเก็บข้าวโพดกันอย่างพะวักพะวง ต๊อดบ่นงึมงำ
       “ทำไมหายไปนานจังวะ ไหนบอกจะแวะมาเช็คยอดที่นี่”
       อึ่งยิ้มล้อๆ
       “กำลังเช็คยอดอย่างอื่นอยู่น่ะสิ”
       ต๊อดประชด
       “กะเอาโขดหินแทนเตียงนอน เอาน้ำตกแทนเสียงดนตรี เอาท้องฟ้าต่างมุ้งเลยมั้ง”
       พันตาโต
       “ยิ่งพูดยิ่งสยิว ตามไปเป็นพยานรักให้นายกันดีกว่า”
       สามเกลอจะเดินออกมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อ ลุงเกร็งโผล่เข้ามายืนชี้หน้าด่า
       “เฮ้ย...อย่าสอดเรื่องของเจ้านายนะเว้ย”
       อึ่งแย้ง
       “โธ่...น้าเกร็ง แค่ตามไปดูว่าคราวนี้จะลุ้นคุณณีขึ้นรึเปล่าแค่นั้น”
       ลุงเกร็งนิ่งคิดแอบอยากรู้ สักครู่ก็เก็กเสียงเข้ม
       “ส่งตัวแทนไปคนเดียว ห้ามเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเกิน 200 เมตร ดูแค่ประเมินสถานการณ์ ไม่ใช่เอาเป็นเอาตาย”
       พันเซ็งเลย
       “โห...น้าเกร็งอะ”
       “ถ้าไม่ตกลงก็อดทั้ง 3 คน”
       ลุงเกร็งก้มมองหาเศษไม้ที่พื้นขึ้นมาหักเป็นสามท่อนแล้วกำไว้ ก่อนจะยื่นไปตรงหน้า สามเกลอจ้องมาที่ไม้ในมือลุงเกร็งเขม็ง ทุกคนใช้ความคิดกันหนักมากเพื่อเดาว่าไม้ไหนจะยาวที่สุด
     
       ม่านน้ำตกสวยงาม...ตุลยานีนั่งห้อยเท้าอยู่บนโขดหินข้างๆอาทิจ หญิงสาวเอียงคอ ระบายความในใจให้ชายหนุ่มฟังด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
       “ตั้งแต่ตุ่นเจอพี่อาทิจตอนอยู่ปี 1 ตุ่นฝันถึงพี่อาทิจตลอด แล้วเชื่อมั้ยคะตอนอยู่ปี 2 ปี 3 ตุ่นก็ยังเจอพี่อาทิจ เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าไปคุย”
       ผู้ชายที่ไม่เคยรู้ว่าตัวเองอยู่ในความฝันของสาวสวยตรงหน้ามาก่อนถึงกับอึ้ง และไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก
       “หรือครับ”
       “ค่ะ มันคลาดกันไปมาจนตุ่นถอดใจแล้วว่า คงไม่มีโอกาสได้รู้จักพี่อาทิจแน่ๆ ใครจะไปคิดล่ะคะว่าพี่ชายที่ยายณีเชียร์ให้ตุ่นตลอดเวลา คือผู้ชายคนเดียวกับที่ตุ่นตามหามานาน”
       ตุลยานีมองอาทิจเปี่ยมไปด้วยความรัก ชายหนุ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
       “คุณตุ่น”
       “พี่อาทิจเป็นผู้ชายในฝันของตุ่นนะคะ”
       อาทิจเขินจนแทบสลบ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ ถ้าขืนอยู่ตรงนี้อีกแค่นาทีเดียว เขาคงฝืนตัวเองไม่ได้ อาทิจตัดความรู้สึกไหลไปตามอารมณ์ฉับ
       “เราเดินไปเล่น...เอ๊ย...ไปเดินเล่นทางโน้นมั้ยครับ ตรงนั้นสวยและน้ำก็ ใสมาก”
       อาทิจลุกขึ้นยืน ตุลยานียิ้มตาจิกเยิ้มใส่เขาประมาณ ฉันจะมัดให้แน่นเชียว ก่อนจะส่งมือให้ชายหนุ่ม...อาทิจดึงมือหญิงสาวขึ้นมา ตุลยานีแกล้งเซ เสียหลักปะทะกับอกเขา อาทิจไม่ทันตั้งตัวทำให้ทั้งคู่ตกลงไปในน้ำ อาทิจโผล่ขึ้นจากน้ำได้ก่อน มองหาตุ่นไม่เจอ ชายหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาว
       “คุณตุ่น”
       ดรุณีซึ่งได้ยินเสียงคนตกน้ำผสานกับเสียงอาทิจเรียกตุ่นก็ตกใจ กลัวเพื่อนจมน้ำ หญิงสาวรีบจ้ำเท้าลัดเลาะมาตามโขดหิน ตุลยานีโผล่ขึ้นจากน้ำทางด้านหลังอาทิจแล้วโผเข้าไปกอดชายหนุ่มแน่น เนื้อแนบเนื้อ หญิงสาวเรียกอาทิจเสียงกระเส่าเหมือนโหยหามานาน
       “พี่อาทิจ”
       อาทิจหันมาหา
       “ตุ่นบอกแล้วไงว่าจะทำให้พี่อาทิจลงมาเล่นน้ำกับตุ่นให้ได้”
       “เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ”
       “ตรงนี้ค่ะ” หญิงสาวเอามือชี้ที่หัวใจ “พี่อาทิจช่วยดูหน่อยได้มั้ยคะว่าตุ่นเป็นอะไร”
       อาทิจทำอะไรไม่ถูก เกิดมาไม่เคยเจอสตรีเพศรุกรานเย้ายวนยั่วให้หลงอย่างมีจริตอย่างนี้มาก่อน
       “ตุ่นรักพี่อาทิจนะคะ รักมาก”
       อาทิจยืนตัวแข็งทื่อ ปากคอสั่น...ในที่สุด ตุลยานีก็เป็นฝ่ายอดใจไม่ไหว หญิงสาวเอามือโน้มคออาทิจลงมาแล้วบรรจงจูบอย่างดูดดื่มเป็นจูบที่เจ้าตัวใฝ่ ฝันมานานแสนนาน ดรุณีโผล่เข้ามาเห็นภาพจูบสะท้านโลกเต็มตา หญิงสาว ช็อก รู้สึกเหมือนอุกกาบาตพุ่งชนโลกแล้วตัวเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สักครู่จึงค่อยๆถอยหลัง แล้ววิ่งออกไป
     
       ดรุณีวิ่งหน้าซีดออกมาจากน้ำตก ต๊อดซึ่งเดินสวนมาเห็นดรุณีก่อน รีบกระโดดหลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ดรุณีวิ่งหน้าตื่นผ่านต๊อดไป ต๊อดประมวลเหตุการณ์ ดรุณีต้องเจออะไรมาแน่ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปที่น้ำตก...ต๊อดวิ่งเข้ามาเห็นอาทิจจูบกับตุลยานีอย่างดูด ดื่มก็ตาโต
     
       ดรุณีวิ่งกลับเข้ามานั่งหอบที่ระเบียง เหนื่อยเพราะวิ่งกลับมาแต่นั่นยังน้อยกว่าใจเต้นแรงเพราะ เห็นภาพสวีทหยุดโลกของอาทิจกับเพื่อนสาว เวทางค์เดินหา เมื่อเห็นหญิงสาวก็หน้าบาน ปรี่เข้ามาหาเพื่อทำคะแนน
       “น้องณี” เวทางค์สังเกตสีหน้า “เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่าหน้าซีดเชียว”
       “ณี...เอ่อ...ณีปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
       “พี่ว่าจะพาน้องณีไปกินข้าวฟังเพลง ฉลองกันตามลำพังสองต่อสองสักหน่อย”
       “ฉลองอะไรคะ”
       “อ้าว...ก็วันนี้วันเกิดน้องณีไม่ใช่เหรอ”
       ดรุณีนึกขึ้นได้
       “จริงสิ...ณีลืมไปเลย”
       “อ้าว...แล้วเมื่อเช้าแก้วไม่ได้ปลุกน้องณีใส่บาตรเหรอ”
       “ณีใส่บาตรแทนคุณย่าทุกวันอยู่แล้วค่ะ เลยลืมวันเกิดตัวเองไปเลย”
       แก้วเดินยกถาดน้ำสตรอเบอรี่ปั่นเข้ามาให้เวทางค์กับดรุณี
       “แต่น้าแก้วไม่ลืมนะคะ แอบนัดคนงานที่สนิทๆกัน ทำกับข้าวมาเลี้ยงวันเกิดให้คุณณีคืนนี้แล้วค่ะ”
       “ขอบคุณมากนะคะน้าแก้วที่ยังอุตส่าห์จำได้”
       “ไหนบอกจะไปตามคุณอาทิจกับคุณตุ่นมากินของว่างไงคะ แล้วสองคนนั่นไปไหนซะล่ะ”
       อาทิจเดินตัวเปียกเข้ามากับตุลยานีที่พูดนำมาเสียงเจื้อยแจ้ว
       “มาแล้วค่า” ตุลยานีเห็นเวทางค์เลยแซวดรุณี “รู้แล้วว่าทำไมณีไม่ไปเล่นน้ำกับตุ่น ที่แท้ก็ว่าที่คู่หมั้นมานี่เอง”
       ดรุณีมองหน้าอาทิจด้วยสายตาตัดพ้อโดยไม่รู้ตัวภาพที่น้ำตกยังทำให้หัวใจเต้นแรงไม่หาย
       “ถึงพี่เวไม่มา ณีก็ไม่อยากไปเป็นส่วนเกินของใครหรอก เล่นน้ำสนุกมากล่ะสิ”
       “สนุกม๊าก น้ำใส ฟ้าสวย” ตุลยานีมองอาทิจเยิ้มหยด “ทุกอย่าง...โรแมนติกม๊าก”
       แก้วกับ เวทางค์ หมั่นไส้อาทิจกับตุ่น ดรุณีเจ็บแปล๊บ ในขณะที่อาทิจวางหน้าไม่ถูก เขารีบตัดบท
       “คุณตุ่นขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมจะกลับไปที่บ้านพักคนงานก่อน”
       “ค่ะ”
       ตุลยานีเดินขึ้นห้องไปอย่างว่าง่าย อาทิจเดินออกไป แก้วร้องทัก
       “คืนนี้เราจะกินข้าวฉลองวันเกิดให้คุณณีกัน คุณอาทิจคงไม่ลืมวันเกิดคุณณีนะคะ”
       อาทิจหันกลับมาพูดโดยไม่มองหน้าดรุณี
       “ผมจำได้เสมอ ไม่เคยลืม ขอตัวก่อนนะครับ”
     
       อาทิจเดินออกไป ทิ้งภาพที่ดรุณี ถ้าเป็นเวลาอื่น เธอคงรู้สึกดีกับคำพูดของเขาไม่น้อย...แต่ไม่ใช่เวลานี้
     
       เมื่อมาอยู่ต่อหน้าทุกคน...ต๊อดบิ้วอารมณ์ เหมือนกำลังดูหนังเอ็กซ์ช่วงสำคัญ...
       “หลังจากนั้น...”
       ลุงเกร็ง อึ่ง พัน ซึ่งนั่งกอดคอสุมหัวกันอยู่ฝั่งตรงข้าม ทำหน้าและท่าทางลุ้นจัด พันถามอย่างอยากรู้มาก
       “หลังจากนั้นอะไร”
       “หลังจากนั้น อื้อหือ”
       อึ่งอึดอัด
       “อื้อหืออะไรวะ”
       “นายก็...”
       อึ่งกับพันลุ้นพร้อมกัน
       “ก็...”
       ต๊อดบิ้วถึงขีดสุด
       “ก็...ผละออกมา แล้วก็ชวนคุณตุ่นกลับบ้าน”
       ทุกคนเสียอารมณ์ อึ่งเซ็ง
       “โธ่...ไอ้ต๊อด จูบกันแค่นี้ เล่ายังกับได้เสียเป็นเมียผัว”
       “ก็นายน่ะสิ ไม่รู้ใจทำด้วยอะไร ถึงได้ตัดไฟฉึบได้ขนาดนั้น เป็นข้านะ พาขึ้นสวรรค์ไปถึงชั้นไหนๆแล้ว”
       พันหันไปด่า
       “นายเขาไม่ใช่ผู้ชายเลวๆอย่างเอ็งนี่”
       ลุงเกร็งหนักใจ
       “ถ้างั้นคุณหนูณีก็...”
       ต๊อดส่ายหน้า
       “ลุ้นยากแล้วล่ะน้าเกร็ง ถึงขั้นนี้แล้ว คุณตุ่นคงไม่ปล่อยนายหรอก”
       อาทิจเดินเข้ามา ลุงเกร็งรู้สึกผิดหวังนิดๆ
       “เสียดาย ถ้าคุณหนูณีลงเอยกับคุณอาทิจ ทุกคนที่สวนคุณย่าคงมีความสุข”
       ลุงเกร็งหันมาถอนหายใจเฮือก แต่พอเห็นอาทิจยืนอยู่ตรงหน้าก็สะดุ้ง สะกิดให้ทุกคนหยุดพูด ต๊อดยิ้มแหะๆแกล้งถาม
       “เล่นน้ำมาหนุกหนานมั้ยนาย”
       อาทิจไม่ตอบ เดินเลี่ยงเข้าบ้านไป พันมองงงๆ
       “คนกำลังมีความรักน่าจะมีความสุขนะ ไหงหน้าบูดยังงี้ล่ะ”
       อึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
       “เออว่ะ...ตกลงสุขแบบไม่สุดหรือไม่สุขเอาซะเลยว่ะเนี่ย”
       ทั้งหมดมองตามอาทิจไปอย่างงงๆ
     
       ดรุณีเดินเข้าห้องมา ตุลยานีซึ่งแต่งตัวสวยงามเสร็จเรียบร้อยแล้วโผเข้ามาโอบกอดเพื่อน
       “แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ้ะณี ขอให้ณีมีความสุขมากๆนะ”
       “ขอให้ตุ่นมีความสุขมากๆเหมือนกัน แต่ไม่ต้องขอ ณีว่าตุ่นก็ต้องมีความสุขมากๆอยู่แล้ว จริงมั้ย”
       “รู้ได้ยังไง”
       “สายตามันบอก รอยยิ้มมันฟ้อง”
       “ตุ่นมีความสุขจริงๆจ้ะณี พี่อาทิจเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษที่สุดเท่าที่ตุ่นเคยเห็นมา”
       “ถ้างั้นลงไปรอรับสุภาพบุรุษแสนดีได้เลยจ้ะ ณีขออาบน้ำก่อน ทำกับข้าวจนตัวเหนอะไปหมดแล้ว”
       “ตุ่นยังไม่มีของขวัญให้ณีเลย เดี๋ยวร้องเพลงให้ฟังก็แล้วกันนะ”
       ดรุณีพยักหน้ายิ้มให้เพื่อน ตุลยานีคว้าอูคูเลเล่ที่วางอยู่บนเตียงติดมือออกไปด้วย รอยยิ้มดรุณีค่อยๆจางหายไปจากใบหน้าอีกครั้ง
     
       ค่ำนั้น งานเลี้ยงเล็กๆจัดขึ้นที่ลานอเนกประสงค์...แก้วกับจิ๋วแจ๋วทยอยเอาอาหารและ ผลไม้มาวางที่โต๊ะ...รอบๆบริเวณงานมีคบไฟ ลูกโป่ง และดอกไม้ดอกหญ้าประดับตามมุมต่างๆ ดูน่ารักจุ๋มจิ๋มเป็นกันเอง ตุลยานีเดินไปเดินมา ตาก็คอยชะเง้อหาอาทิจ โดยมีแก้วแอบค้อนไม่พอใจทางด้านหลัง สักครู่ เวทางค์เข้ามา เมื่อเห็นตุลยานี ชายหนุ่มก็ถึงกับตะลึง ตุลยานีหันมาเห็นเวทางค์
       “พี่เว...เดี๋ยวยายณีลงมาค่ะ”
       เวทางค์ยิ้มหวาน
       “วันนี้น้องตุ่นสวยจัง”
       ตุลยานียิ้มหน้าบาน
       “ขอบคุณค่ะ พี่เวก็ดูดีนะคะ อ้อ...ต้องหล่อสิ วันเกิดว่าที่คู่หมั้นนี่นา มีของขวัญอะไรมาเซอร์ไพร์สยายณีรึเปล่าคะ”
       “ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพร์สสิจ๊ะ”
       ทั้งคู่หัวเราะให้กัน เวทางค์มองตุลยานีเพลิน อะไรบางอย่างในตัวหญิงสาวทำให้เขาดีใจทุกครั้งที่ได้เจอ อาทิจเดินหล่อเข้ามาพร้อมกับ ลุงเกร็ง ต๊อด อึ่ง พัน ตุลยานีเหลือบเห็นอาทิจ ผละจากเวทางค์มาหาทันที
       “พี่อาทิจ”
       ดรุณีในชุดกระโปรงยาวเดินเข้ามาในงาน สามเกลอตะลึง เพราะคืนนี้ดรุณีสวยมากจริงๆ
       “คุณณี”
       เสียงของสามคน ทำให้อาทิจ เวทางค์ ตุลยานีและทุกคนที่อยู่ในงานหันไปมองดรุณีเป็นตาเดียว อาทิจตะลึงเมื่อเห็นดรุณี แก้ว ลุงเกร็ง ต๊อด อึ่ง พันพากันเดินร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์เข้ามาหาดรุณี โดยที่อาทิจยังยืนตะลึงอยู่กับที่ ตุลยานีหันไปมองอาทิจ เห็นสายตาชายหนุ่มจับจ้องที่ดรุณี หญิงสาวรีบควงแขนของเขาแสดงความเป็นเจ้าของก่อนจะพาชายหนุ่มเข้ามารวมกลุ่ม ร้องเพลงกับทุกคนอย่างเนียนๆ ดรุณีหันไปเห็นแขนเพื่อนสาวที่คล้องอยู่ในวงแขนอาทิจและเนื้อตัวของหญิงสาว ที่อิงแอบชายหนุ่มจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกันก็ใจหาย เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จบลง ทุกคนตบมือเฮ ดรุณียิ้มแย้มให้ทุกคน
       “ขอบใจทุกคนมากนะ”
       เวทางค์ทำซึ้งเซอร์ไพร์สดรุณีตัดหน้าทุกคนด้วยการหยิบกล่องแหวนเพชรออกมาเปิด แหวนเพชรน่ารักส่องประกายอยู่ในกล่อง
       “ของขวัญวันเกิดครับน้องณี”
       เวทางค์หยิบแหวนเพชรขึ้นมาจะสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย แต่ดรุณียื่นมือขวาให้ ทำให้เวทางค์ต้องสวมแหวนที่นิ้วนางข้างขวาแทน
       “สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องณี”
       เวทางค์ยกมือดรุณีขึ้นมาหอม ลุงเกร็ง แก้ว ต๊อด อึ่ง พัน ตวัดหางตาเหล่มองอาทิจพร้อมกัน ตุลยานีเองก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เธอกอดเกี่ยวแขนเขาไว้ อาทิจรู้สึกเหมือนใครเอาเหล็กร้อนๆมานาบใจ ชายหนุ่มอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่ที่ทำได้คือ ฝืนยิ้มแล้วปรบมือนำทุกคนให้ปรบมือตาม แก้วทนให้เวทางค์สวีทใส่ดรุณีไปมากกว่านี้ไม่ไหว รีบชวนจิ๋วแจ๋วแจกเครื่องดื่มให้ทุกคน
       “เอ้า...ดื่มฉลองให้คุณณีหน่อยพวกเรา”
       ต๊อดกล่าวอวยพร
       “ขอให้คุณณีมีความสุขมากๆคร้าบ”
       ทุกคนชนแก้วดื่ม
       “เย้ๆ”
       อึ่งตะโกนบอกอาทิจ
       “คุณเวให้ของขวัญคุณณีแล้ว ทีนี้ก็ตานาย”
       ทุกคนหันมามองอาทิจเป็นตาเดียว อาทิจล้วงกระเป๋าเสื้อ จะหยิบแหวนที่ถักจากหญ้าแห้งขึ้นมา แต่แล้วชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจ
       “พี่...เป่าแคนให้ฟังดีกว่า”
       ตุลยานีเสนอตัวทันที
       “ตุ่นแจมด้วยค่ะ”
       พันส่งแคนที่สะพายมาด้วยให้อาทิจ ตุลยานีเดินไปหยิบอูคูเลเล่มานั่งข้างชายหนุ่ม อาทิจเป่าแคนนำไปก่อน ตุลยานีเล่นอูคูเลเล่แจมตามแล้วร้องเพลงคลอ เป็นเพลงจังหวะน่ารักๆ เสียงหญิงสาวกังวานใส ดูเป็นคอนเสิร์ตหนุ่มสาวที่ดูน่ารักๆในบรรยากาศขุนเขา ทุกอย่างน่าจะอบอวลไปด้วยความสุขและสนุกสนาน ถ้าผู้สังเกตการณ์อันได้แก่ ลุงเกร็ง แก้ว ต๊อด อึ่ง พัน จิ๋วแจ๋ว จะไม่เหลือบตามองตามคู่รัก สองคู่ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน แล้วเห็น...เวทางค์นั่งข้างดรุณี แต่แอบเหล่มองตุลยานี อาทิจนั่งเป่าแคนอยู่ข้างตุลยานี แต่ตาคอยชำเลืองมองดรุณี ตุลยานีซึ่งทั้งร้องเพลงทั้งเล่นอูคูเลเล่ แต่ปรายตามองที่อาทิจกับดรุณี ดรุณีแอบหลบตาอาทิจ แล้วทำเป็นสนใจเวทางค์ ผู้สังเกตการณ์แอบขยี้ตาเพราะมองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วตาแทบเหล่ เวียนหัวกับเรื่องรักสี่เส้าเวลานี้
     
       ค่ำคืนนั้น...ดรุณีเข้ามานั่งที่หน้ารูปย่าแดง แล้วก้มลงกราบอย่างงดงาม
       “หนูมาขอพรค่ะคุณย่า ขอให้จิตหนูสงบและเข้มแข็ง ขอให้เรื่องทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ขอให้พี่อาทิจมีความสุขกับยายตุ่น”
       อาทิจขยับเข้ามา พูดแทรกขึ้นมา
       “และก็ขอให้คุณเวรักน้องณีมากๆด้วย”
       ดรุณีหันไปมองอาทิจ
       “พี่อาทิจ”
       “ขอบคุณนะที่นึกถึงพี่ พี่เข้าใจแล้วว่าน้องณีต้องการให้พี่ลงเอยกับคุณตุ่นมากแค่
       ไหน”
       “ค่ะ...ทุกคนกลับไปหมดแล้วใช่มั้ยคะ”
       “ครับ...น้องณีกลับไปอยู่กับคุณตุ่นเถอะ”
       “คืนนี้พี่อาทิจจะค้างที่นี่เหรอคะ”
       “พี่ขึ้นมาส่งคุณตุ่น แล้วจะไปนอนบ้านพักคนงาน”
       ทั้งคู่ยืนมองกันอยู่ครู่นึง ต่างคนต่างรู้สึกตื้อๆเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรกันอีก
       “หลับฝันดีนะ”
       ขาดคำอาทิจก็เดินออกไป ดรุณียืนนิ่งงันต่อจากนี้ไป โลกของเราสองคน คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
       ดรุณีเปิดประตูด้านที่ติดกับห้องน้ำเข้ามาในห้องนอน หญิงสาวมองหาตุลยานี แต่ไม่เห็นอยู่ในห้อง
     
       อาทิจเดินลงมาจากชั้นบน กำลังจะออกจากบ้าน สักครู่ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นตุลยานี ก้าวมายืนตรงหน้า ชายหนุ่มมองอย่างแปลกใจ
       “คุณตุ่น...ลงมาทำไม ลืมอะไรรึเปล่าครับ”
       ตุลยานียิ้มหวาน
       “ลืมค่ะ ตุ่นลืมลาพี่อาทิจ”
       ดรุณีเดินมองหาตุลยานีมาทางด้านหลังอาทิจ หญิงสาวเห็นเพื่อนรักในจังหวะที่โผเข้ามากอดและจุ๊บอาทิจที่หน้าผากอย่างน่ารักพอดี
       “กู้ดไนท์นะคะพี่อาทิจ อย่าลืมฝันถึงตุ่นนะคะ”
       ดรุณีเหมือนถูกปั้นจั่นตอกแผลในใจย้ำซ้ำสอง หญิงสาวค่อยๆหันหลังกลับและเดินจากไปในเงามืด อาทิจยืนนิ่งชายหนุ่มทำตัวไม่ถูก บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆให้หญิงสาว ตุลยานีสบโอกาสพูดให้อาทิจรู้สึกผิดอย่างเนียนๆ เพราะไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วอาทิจกับดรุณีรู้สึกยังไงต่อกัน
       “ตุ่นรู้ค่ะว่าผู้หญิงถ้าแสดงออกมากเกินไปมันไม่ดี มีแต่จะเสียหาย เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พี่อาทิจอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่เรื่องธรรมดาของผู้ชาย”
       อาทิจรู้สึกผิด
       “ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น”
       ตุลยานีมองอาทิจตาเป็นประกาย
       “ที่ตุ่นกล้าพูดกล้าอยู่ตามลำพัง กล้าปล่อยตัวปล่อยใจให้พี่อาทิจก็เพราะตุ่นรัก”
       อาทิจชะงักอึ้ง จะทำยังไงดี
       “ผม...”
       แก้วถือถาดใส่แก้วและจานชามเที่ยวสุดท้ายจากงานเลี้ยงเข้าบ้านมาเบรกตัวโก่งเมื่อได้ยินคำถามของตุลยานี
       “พี่อาทิจก็รักตุ่นใช่มั้ยคะ”
       อาทิจนิ่งอึ้ง..
       “ผม...” อาทิจกลั่นกรองหนัก “ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีและมีทุกอย่างพร้อม ไม่ว่าจะฐานะเรื่องส่วนตัว ภาระต่อครอบครัว คุณตุ่นจะรับตัวตนของผมได้เหรอ”
       ตุลยานีตอบทันทีโดยไม่คิด
       “ได้สิคะ”
       “ขอบคุณครับที่ให้เกียรติผม”
       “เราจะสร้างครอบครัวด้วยกันนะคะพี่อาทิจ”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น