วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครปิ่นอนงค์ ตอน 19 วันที่ 17 ก.ค. 55

จอมจอดรถที่หน้าเรือนใหญ่ ก้าวลงจากรถทำท่าจะเดินไปบ้านพัก ครองสุขรีบลงมาวิ่งไปคล้องแขนจอมหมับ พูดอ้อนราวกับสาวสิบหก
     
       “คืนนี้จอมขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนฉันบนห้องหน่อยนะจ๊ะ”
       จอมดึงแขนออกอย่างเกรงใจ “ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องไปเกณฑ์คนงานเดินตรวจตราไร่ก่อน”
       จอมรีบชิ่งไป ครองสุขแห้วอีกตามเคย “ถ้าแกได้ลองแกงเผ็ดแซบๆ สักคำ ฉันรับรอง ว่าแกต้องลืมแกงจืดๆ อย่างนังปิ่นอนงค์ไปเลยแหละ”
     
       ปิ่นอนงค์แกล้งมานั่งรอที่โต๊ะหน้าเรือนคนงาน จอมเดินเข้ามา ปิ่นอนงค์รีบลุกยืน
       “เจออะไรมั้ยจอม ตามไปทันหรือเปล่า”
       “ปิ่นเห็นหน้ามันเหมือนคุณใหญ่จริงๆ หรือ”
       ปิ่นอนงค์คิดไปคิดมา ว่าจะตอบไงดี “เออ ปิ่นเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ที่กลัวเพราะได้ยินคนงานพูดกัน เลยคิดว่าเป็นผีคุณใหญ่”
       “ไม่ใช่ผีหรอก ผีอะไรเหยียบสะพานหักได้ น่าจะเป็นผีกำมะลอมากกว่า เราว่ามันต้องเป็นผู้ร้ายแต่ปลอมตัวเป็นผี”
       “แต่มันก็หนีไปแล้วนี่” ปิ่นอนงค์ลองหยั่งเชิง
       “เราต้องจับให้ได้ว่ามันเป็นใคร มันต้องกลับมาอีกแน่”
       ปิ่นอนงค์ชักหวั่นใจ
     
       หวานปั่นจักรยานเลียบแนวเขตรั้วไร่มา พลางชะเง้อชะแง้มองหาเปี๊ยก โดยไม่ทันสังเกตว่าเปี๊ยกกระโดดห้อยตัวลงมาจากต้นไม้ หวานตกใจเบรกรถเกือบล้ม
       หวานตั้งรถจักรยานได้ เตะเปี๊ยกไปที แล้วดึงหูลากมา “กำลังหน้าสิ่ว หน้าขวานดันมาทำตลกไอ้จอมมันไม่เชื่อเรื่องผีคุณใหญ่ มันกะจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย ไปบอกคุณใหญ่ อย่าเข้ามาในไร่ไพศาลเด็ดขาด”
       เปี๊ยกชี้หน้าอกตัวเองทำนิ้วโค้งข้ามรั้ว ทำหน้าตามือไม้จิ้มอกหวาน แล้วทำหน้าสงสัย
       หวานจิ้มหน้าผากเปี๊ยกหน้าหงายเงิบ “แกก็ด้วย ขืนข้ามมาแม่จะยิงให้เดี้ยงเลย”
       หวานรีบขี่จักรยานกลับไปทางเดิม
     
       ปิ่นอนงค์เดินถือไม้ไล่ลูกแพะตามฝูงอยู่ จอมแอบอยู่ที่พุ่มไม้มองตาม มือใครคนหนึ่งมาจับไหล่จอม
       จอมสะดุ้งหันกลับเงื้อหมัด กลายเป็นจินตนา จอมจ๋อย
       “ขอโทษ นึกว่าเป็นคนอื่น”
       “เธอมาสะกดรอยตามปิ่นเค้าทำไม” จินตนารู้ทัน
       จอมอึกอัก “ไม่ได้สะกดรอย คอยตามคุ้มครองปิ่นต่างหาก ตอนนี้มีคนร้ายเข้ามาป้วนเปี้ยนในไร่ เรากลัวปิ่นโดนทำร้าย”
       จินตนาหรี่ตามองคาดคั้น “เอาเถอะ ชั้นยอมรับในความตั้งใจดีของเธอก็แล้วกัน”
       “แล้วคุณจินล่ะ นัดกับปิ่นเอาไว้เหรอ”
       จินตนาคิดถึงเรื่องเจอปานเทพแล้วอ้ำอึ้ง “ก็มีเรื่องอยากจะคุยกับปิ่นเค้าหน่อย ทำนองนั้นแหละ”
       จอมมองจินตนาแล้วยิ้มกว้างออกมาเต็มยิ้ม
       “เรามีข่าวดีจะบอกคุณจิน เราได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการไร่แล้ว เราจะตั้งใจทำงาน เก็บเงิน เก็บทอง สร้างเนื้อสร้างตัว แล้วขอปิ่นแต่งงาน”
       จินตนาเซ็งสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะฝืนยิ้มให้ ตบไหล่จอมเบาๆ
       “ช่วงนี้อากาศมันแปรปรวน อย่าเข้าใกล้วัวมากเกินไป มันมีเขา”
       จินตนาเดินมุ่งไปทางปิ่นอนงค์ จอมงงมองตามเกาหัวแกรกๆ
       “เกี่ยวอะไรกับเขา...วัว”
     
       สองสาวนั่งคุยกันบนรั้วคอกแพะ “นายจอมยังตามตื๊อเธออยู่อีกรึเปล่า”
       “ยังเหมือนเดิม ปิ่นคิดจะพูดตรงๆ ให้รู้เรื่องกันไปเลย ก็กลัวเค้าจะเสียใจ กลัวจะเสียมิตรภาพดีๆที่มีให้กันมาตั้งนาน”
       “ก็คงเพราะเธอเป็นแบบนี้มั้ง ใครๆ ถึงได้มารุมรัก ลองปากเสียอย่างเรา ผู้ชายคงเมินเป็นแถว”
       “จินก็”
       “เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ฉันเจอนายปาน”
       “จริงเหรอ ที่ไหนยังไง” ปิ่นอนงค์ตกใจจริงๆ
       “ที่โรงพยาบาลท่าทางลับๆล่อๆเหมือนเดิม ไม่รู้มีแผนอะไร ฉันกลัวว่าจะมีแผนจะแก้แค้นคุณนายแทนคุณใหญ่ต่อน่ะซิ”
       “คงไม่ใช่อย่างนั้น คุณปานเป็นนักกฎหมาย บู๊กับใครก็ไม่เป็นคงไม่ใช่อย่างที่เธอว่าหรอก เธอคงคิดมากไปเอง”
       จินตนากระโดดลงจากรั้ว ปิ่นอนงค์สลด นึกสงสารจินตนา
     
       จอมเดินมาใต้ต้นไม้ใหญ่เหลียวกลับไปมองอย่างเป็นห่วงปิ่นอนงค์ จอมขยับขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ เพ้อฝัน หลับตาพริ้ม
       นึกฝันว่าตัวเองขี่รถ มีปิ่นอนงค์ซ้อน และจินตนารั้งท้าย สนุกสนาน มีความสุข
       จอมลืมตา ยินเสียงมอเตอร์ไซค์บิดเครื่องเป็นจังหวะ แว่วเข้ามา จอมเหลียวขวับไปมอง
       ใหญ่นั่นเอง นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ ยืนบิดเครื่องไป มา ใหญ่ใส่ไหมพรมคลุมหน้าตา จอมตาลุก รีบสตาร์ทรถ ใหญ่ขี่ออกไป จอมรีบตาม
     
       ใหญ่ขับรถมาทางแคบคดเคี้ยวในป่า ผ่านลำธารตื้นๆ ลุยออกมาตรงเนินรถเหิน ทะลุโพรงพุ่มไม้สุดมันส์ ใหญ่ขับล่อหลอก ให้จอมขับไล่บี้ตาม
     
       จอมขี่รถตามเข้ามาในบริเวณนาข้าวหลังเขา จอดข้างรถใหญ่แล้วเหลียวหา เห็นใหญ่โผล่มาจากในทุ่งข้าว ทำท่าดัดไม้ ดัดมือยั่ว จอมยัวะวิ่งลุยเข้าไปรวบตัวใหญ่ กลิ้งกันไปมา จอมกับใหญ่ต่อสู้กันโชว์คิวบู๊ไม่มีใครยอมใคร จอมพยายามจะถอดหมวกไหมพรมตลอด แต่ไม่สำเร็จ
     
       ห้าดอกสุดท้าย ใหญ่พลาดท่าโดนจังๆ วิ่งหนีสุดชีวิตไปทางหมู่บ้านนาข้าว
 ควันจากการเผาข้าวหลามตลบอบอวล ใหญ่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา แล้วรีบพุ่งเข้าไปหลบในกระท่อมป้าทอง จอมวิ่งจี้ตามมาติดๆ หมายจะเข้ากระท่อม แต่ป้าทองถือฉมวกกับพวงปลาเข้าขวาง จอมหยุดกึก
     
       “มาหาใครหรือ ไอ้ทิด” ป้าทองถามหน้านิ่ง
       “ผมตามคนร้ายมามันหนีเข้าไปในกระท่อม”
       “กลับไปซะไอ้ทิด มาทางไหน ไปทางนั้น วันนี้ข้าไม่อยากฆ่าสัตว์อีกแล้ว”
       ป้าทองค่อยๆ วางปลาทั้งพวง กระชับฉมวกในมือ จอมฉุนกึก
       “อ้าวป้า...ให้ที่พักหลบซ่อนกับผู้ร้าย ป้าต้องติดคุกด้วยนะ คิดดีๆ ผมไม่อยากให้ป้าเดือดร้อนไปด้วย”
       จอมเดินกร่างเข้าหาป้าทองช้าๆ ฉกคว้าฉมวก
       ชาวบ้านสวมชุดเดียวกับใหญ่พุ่งออกมาถีบจอมกระเด็นล้มลง ชาวบ้านเข้าซ้ำ จอมบิดตัวเอี้ยวเตะตัดขาด้วยขาสองข้าง ชาวบ้านล้ม จอมโดดขึ้นคร่อมต่อยหน้าซ้าย ขวา
       จอมเอาเข่ากดแขนชาวบ้านทั้งสองข้าง ขยุ้มไหมพรมกระชากออก
       ชาวบ้านตาปริบๆ เลือดกบปาก จมูก
       ป้าทองเดินเข้ามา “ไอ้เล็กหลานชั้นเอง มันเพิ่งออกจากคุก”
       จอมลุกกระชากคอเสื้อชาวบ้านให้ลุกตามตะคอกถาม “แกเข้าไปในไร่ไพศาลทำไม”
       “จะไปขโมยเงิน เข้าไปกี่ครั้งๆ ก็มีคนเห็น แต่จับข้าไม่ได้สักทีกะจะเอาให้ได้สักวัน”
       จอมผลักปล่อยมือที่ขยุ้มคอเสื้อชาวบ้านจอมยืนจ้องชาวบ้าน ชั่งใจ
       “อย่าแจ้งตำรวจเลยไอ้ทิด ป้าแก่แล้ว มีแต่มันนี่แหละ ที่คอยดูแลข้า กราบขอขมาลาโทษก็แล้วกัน”
       ป้าทองค่อยๆ ทรุดตัว จอมรีบพยุงให้ป้าทองยืนเหมือนเดิม
       จอมหันไปชี้หน้าชาวบ้านคนนั้นขู่ “อย่าให้ชั้นเห็นหน้าแกในไร่ไพศาลอีก จำเอาไว้”
       จอมออกไปเร็วรี่
     
       ใหญ่นับเงินสามพันพับใส่กระเป๋าชายชาวบ้านคนเมื่อครู่ ชาวบ้านไหว้ขอบคุณ ใหญ่รับไหว้ กอดกันตบหลังตบไหล่ ชาวบ้านออกไป
       ใหญ่รีบไปหาป้าทองที่นั่งฝานมะนาว อยู่ตรงหน้า ปลาถูกหั่นอยู่ในจาน เครื่องเคียงพร้อม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ หม้อแกงน้ำกำลังเดือดได้ที่
       ใหญ่กราบที่ตักป้าทอง “ผมต้องกราบขอบคุณป้าแล้วก็ต้องขอโทษป้าด้วย ที่ต้องมาเล่นละคร โกหกคนให้ผม”
       “มุสา โกหกเพื่อความถูกต้องมันไม่ผิดศีล หรอกไอ้ใหญ่เอ๊ย ข้าขออวยพรให้เอ็งทวงไร่ได้คืนเร็วๆ นะ ลูกเอ๊ย...”
       ใหญ่ไหว้อีกที แล้วรีบใส่ปลา เครื่องเคราลงหม้อ
     
       ขณะที่ปิ่นอนงค์เดินออกมาจากเรือนคนงาน จอมเข้ามาขวาง
       “ปิ่น เราจับผู้ร้ายที่บุกเข้ามาป่วนไร่ได้แล้วนะ ไม่ใช่ผีสางอะไรหรอก คนเหมือนๆเรานี่แหละ”
       “คนที่ไหน ชาวบ้านแถวนี้รึเปล่า หรือคนงานจากไร่อื่น”
       “พวกบนเขานู่น พ้นโทษจากคุกมาไม่มีเงินใช้ เลยเข้ามาจะขโมยเงินคนงานในไร่เรา จอมอัดมันซะเละเลย ต่อไปนี้มันไม่กล้ามาแล้วล่ะ ปิ่นสบายใจได้ เราก็หมดห่วงซะที กลัวปิ่นจะเป็นอันตรายเพราะมัน”
       ปิ่นอนงค์ยิ้มให้จอม แต่แอบกังวลถึงใหญ่ขึ้นมาครามครัน
     
       เย็นวันนั้น...ขณะที่ใหญ่ต้อนฝูงแพะเข้าคอก เปี๊ยกวิ่งเข้ามาหน้าตื่น สักครู่หนึ่งก็ทำหน้าตาเลียนแบบปิ่นอนงค์ แล้วหน้าเครียด เอานิ้วคู่กันแล้วชี้ใหญ่ ใหญ่ยิ้มเยาะมองแพะไม่ใส่ใจ
       “ก็มาห้ามเองไม่ให้ไปหา”
       เปี๊ยกทำท่าทำทางบอกว่าใหญ่เป็นผู้ชาย ไม่ใช่กะเทย จะมางอนไม่ได้
       ใหญ่ครุ่นคิด “ก็ได้...ไม่งอนก็ได้ เล่นกันแมนๆ เลย”
       ไกลออกมาสองคนคุยกันไม่ได้ยินเสียง
      
       ใหญ่ทำท่าทำทางบอกเปี๊ยกว่าตัวเองไม่ว่างต้องเลี้ยงสัตว์ เยอะเอาไว้อีกเดือนค่อยไปหาปิ่นอนงค์ เปี๊ยกสะดุ้งเกาหัวแกรกๆ เซ็งเห็นใหญ่งอน เพราะตัวเองต้องอดไปหาหวานด้วย
เวลาต่อมาไม่นาน สารจากใหญ่ถูกถ่ายทอดให้ปิ่นอนงค์ฟังโดยหวาน ซึ่งพอปิ่นอนงค์ฟังแล้วก็หน้าเสีย มองจ้องหวานนิ่ง
     
       “อะไร งานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วไม่มีข้อความอื่นฝากมาด้วยเหรอจ้ะ
       สีหน้าปิ่นอนงค์ยังพอมีความหวัง หวานทำท่านึก “มีๆเกือบลืมแน่ะ คุณใหญ่บอกว่าจะมาหาปิ่นเดือนละครั้งตามที่ปิ่นต้องการ”
       ปิ่นอนงค์ตกใจ แล้วรีบทำทีกลบเกลื่อน “เดือนละครั้งเนี่ยนะ ใครต้องการ คนใจร้าย...”
     
       เช้าวันต่อมา จิ๋วสอนปิ่นอนงค์ น้อยทำแซนด์วิช อยู่ในครัวอย่างสนุกสนาน ทรรศนะแอบมองอยู่ไกลๆ อมยิ้ม ขยับจะไปร่วมในครัว ยกถ้วยกาแฟดื่ม
       อรสอางค์โผล่เข้ามาขวาง ทรรศนะเกือบสำลักกาแฟ “จะไปไหนคะ”
       “จะไปเอาอาหารในครัว”
       “เดี๋ยวอรไปสั่งให้เอง คนออกเต็มครัว เกะกะเค้าเปล่าๆ”
       ทรรศนะเซ็งเดินชิ่งไปอีกทาง
     
       ปิ่นอนงค์กำลังรื้อชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าครองสุข แหวกนั่นดูนี่ง่วนอยู่ ทรรศนะโผล่เข้ามารีบปิดประตู
       ปิ่นอนงค์ตกใจรีบทำเป็นพับเสื้อผ้าครองสุข จัดให้เป็นระเบียบ
       ปิ่นอนงค์รีบทำหน้าปกติ ปิดประตูตู้เสื้อผ้า ทรรศนะขยับตัวเข้าประชิด
       “พี่ยังไม่ได้ขอโทษปิ่นให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย เรื่องที่พี่เมาวันนั้น พี่ขาดสติไปจริงๆ”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ปิ่นลืมไปแล้ว คุณนะสบายใจได้ ปิ่นไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไรคุณนะอีกแล้ว”
       “พี่อยากอธิบาย อยากระบายอะไรกับปิ่นบ้าง แต่อรเค้าตามพี่ทุกฝีก้าว จะขยับไปไหนบ้างไม่ได้เลย”
       ปิ่นอนงค์แตะแขนทรรศนะ ทำหน้าเห็นใจ และเข้าใจ
       “เอาเป็นว่าปิ่นรับคำขอโทษจากคุณนะแล้ว ก็แล้วกัน คุณนะรีบออกไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณอรเธอมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิด เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก”
       ทรรศนะจับมือปิ่นมาทาบอก “ปิ่นต้องรับปากกับพี่ ว่าปิ่นจะไม่รับรักไอ้จอม พี่จะหย่ากับอรให้ได้ปิ่นต้องรอพี่ สัญญาสิ สัญญากับพี่”
       ปิ่นอนงค์ชักมือกลับ ทรรศนะกุมหัว “คุณนะอย่าทำให้ปิ่นลำบากใจสิคะ”
       จากนั้นปิ่นอนงค์ก็เดินออกจากห้องไป
     
       ปิ่นอนงค์เดินท่าทีร้อนรนเข้ามาตรงระเบียงชั้นบนเรือนใหญ่ อรสอางค์เข้ามาขวาง
       “คุณนะอยู่ไหน”
       “อยู่...อยู่ในห้องคุณนายค่ะ”
       “แกเพิ่งออกมาจากห้องนั้นหยกๆ นังปิ่น แกจะเอาชนะชั้นให้ได้ใช่มั้ยนังปิ่น แกตาย”
       อรสอางค์ถลันเข้าจิกผม จับคอปิ่นอนงค์ ดันไปตรงขอบระเบียง กดปิ่นอนงค์หงายหน้าลงไป
       ปิ่นอนงค์ร้องไม่ออก มองลงไปข้างล่าง มือไขว่คว้าไปมา
       ครองสุขกับจอม เดินอยู่ข้างล่าง จอมมองเห็น รีบก้าวพรวดวิ่งขึ้นชั้นบนเร็วรี่
       ทรรศนะเดินออกจากห้องครองสุข เห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปช่วย
       จอมกับทรรศนะ ช่วยกันดึงตัวอรสอางค์ ออกจากปิ่นอนงค์
       อรสอางค์สติแตกอีกแล้ว “ปล่อยๆ ชั้นจะฆ่ามัน มันแย่งผัวชั้น”
       จอมดึงอรสอางค์ออกมาได้ อรสอางค์ดิ้นสุดฤทธิ์ จอมกอดเอาไว้ อีกมือจับแขนอรสอางค์บีบแน่น
       ส่วนทรรศนะจับปิ่นอนงค์เอาไว้ ปิ่นอนงค์ทรุดลงนั่งจับคอ เพราะเจ็บ สูดลมหายใจลึกๆ
       ครองสุขเดินหน้าตื่นเร็วรี่เข้ามา
       จอมปล่อยอรสอางค์ พอหลุดมาอรสอางค์กลับหันไปตบจอม ซ้ายที ขวาที
       “ไอ้บ้า ไอ้บ้านนอก แกมากอดชั้นทำไม”
       อรสอางค์โผเข้าหาทรรศนะ ที่กำลังประคองปิ่นอนงค์ลุกอย่างบ้าคลั่ง
       จังหวะนั้นอรสอางค์เงื้อหมายจะตบทรรศนะ แต่ครองสุขคว้ามือไว้ได้ ตบอรสอางค์ ซ้ายที ขวาที อรสอางค์หน้าหันไปตามแรงตบ ร้องกรี๊ดๆ ทรุดลงนั่ง ตาขวาง
       ครองสุขโผเข้าไปจับแขนจอม อีกมือลูบแก้มซ้าย ขวาอย่างห่วงใย พลางหันไปสบตากับปิ่นอนงค์ เย้ยอยู่ในที “เจ็บมั้ยจอม อย่าไปถืออีพวกบ้าผู้ชายมันเลย”
       จอมมองปิ่นอนงค์ และพยายามแกะมือครองสุข ครองสุขเกาะแน่นเป็นปลิง
       อรสอางค์ยิ้มเหยียด ชี้หน้าด่าครองสุขอย่างไม่ยำเกรง “ก็สันดานบัดสี กับผู้ชายไม่เลือกหน้า นะถึงได้นิสัยเสียเหมือนกัน เลียนแบบกันมาทางสายเลือดชัดๆ เชื้อไม่ทิ้งแถว”
       ครองสุขโกรธจัด ปรี่เข้าจิกผมอรสอางค์ ตบไปมา
       “ปากดีนักใช่มั้ย นี่ๆ...นี่”
       ทรรศนะ ปิ่นอนงค์ และจอม เข้ามาดึงครองสุขออกไป ยืนหอบ
       จิ๋วเข้ามาหน้าตื่นวิ่งไปประคองอรสอางค์ “คุณหนู พวกแกทำไมรุนแรงกับคุณหนูขนาดนี้”
       อรสอางค์ปัดมือจิ๋ว ลุกยืนแววตาดุดัน จ้องครองสุข เดินเข้าไปหา
       “เอาสิ ตบสิ ด่าสิ ให้นะมีเมียเป็นนังปิ่น หรือจะหาอีคนงานนอกคอกแพะ คอกแกะมาอีกก็เอาเลย ถ้าชั้นหมดความอดทนเมื่อไหร่ ชั้นจะไม่เย็บปากเงียบอีกต่อไปแล้ว คุณน้าครองสุข”
       ครองสุขอึ้งกล้าๆกลัวๆ หมู่มวลเครียดไปกันหมด ปิ่นอนงค์จับกิริยาครองสุข กับอรสอางค์
     
       ปิ่นอนงค์ปั่นจักรยานหน้าเครียดมาตามแนวรั้วไร่ไพศาลติดกับฟาร์มแพะ ท่าทีเร่งรีบ ปิ่นอนงค์เหลียวไปเห็นรั้วไม้หัก รีบขี่เข้าไปจอด ปิ่นอนงค์ไม่สนใจใครเอาจักรยานซ่อนตรงพุ่มไม้ แล้วปีนรั้วข้ามไป
     
       เวลานั้นใหญ่ยืนดูฝูงม้าฝูงแพะ เห็นคนงานเข็นรถบรรทุกฟาง ผ่านใหญ่ไป ปิ่นอนงค์เขวี้ยงก้อนหิน
       โดนใหญ่ที่หลัง ใหญ่เหลียวมองไปมา
       จนเห็นปิ่นอนงค์ผลุบโผล่ อยู่ที่พุ่มไม้ กวักมือเรียกหน้าเครียด
     
       ที่เพิงขายส้มตำริมถนน มีลูกค้าชาวบ้านละแวกนั้น 5 คนนั่งอยู่แล้ว 1 ในนั้น เป็นโต๊ะ เจิดกับก้าน กินอาหารอย่างแซบนัวกันอยู่ และแขกพิเศษคือครองสุขที่ใส่หมวกปีกกว้าง สวมแว่นตา พรางตัว นั่งอยู่ด้านตรงข้ามสองแสบ
       ครองสุขหยิบเงินส่งให้ เจิดกับก้าน คนละสองหมื่น สองคนรีบเก็บเงินใส่กระเป๋า มองครองสุขฟังคำสั่ง
       “เรียกค่าไถ่ ฆ่าเหยื่อทิ้ง งานนี้เอาให้เนียนนะ”
       “ใครครับ อยู่ที่ไหน” เจิดถาม
       “อรสอางค์” ครองสุขบอก
       ก้านสะดุ้ง เหลียวลอกแล่กไปมา “ฮ้า เมียคุณทรรศนะน่ะเหรอครับ”
       “เออสิ...ทำไม ผัวชั้นกี่คนต่อกี่คนก็ฆ่ามันมาหมดแล้ว”
       เจิดกับก้านสยอง สบตากัน กลืนน้ำลายเอื๊อก ฟังครองสุขพ่นต่อ “มันจาบจ้วงชั้น ข่มขู่ สร้างปัญหาให้ชั้นตลอดเวลา กำจัดซะถึงเวลาที่ชั้นต้องบูรณาการจัดระเบียบในครอบครัวใหม่แล้วตานะจะได้มี ความสุขซะที”
     
       ครองสุขยิ้มร้าย เจิดกับก้าน สบตากัน
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
  

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น