ต๋องหนีด้ามไม้กวาดของกิมฮวยไปตั้งวงเล่นที่อีกมุมหนึ่งในตลาด
รักเร่เห็นต๋องหน้ามุ่ย ถามว่ายังอารมณ์ค้างอยู่หรือ เลื่อนเปรยๆว่า
ก็รู้อยู่ว่ากิมฮวยเหม็นขี้หน้าตัวเองยังหาเรื่องใส่ตัวอีก
บ่นแกมประชดต๋องว่า
“ตั้งลำโพงเสียงดังขนาดนั้น ฉันว่าพี่เดินเข้าไปพังพิธีเสียเลยดีกว่า”
“ก็กะจะทำเหมือนกันถ้าไม่กลัวโดนประชาทัณฑ์เสียก่อน ไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นี่คิดอะไรกันอยู่ เชื่อกันเข้าไปได้...เจ้าพ่อสมันดำ”
“สมิงดำ” เลื่อนกับรักเร่บอกพร้อมกัน
ต๋อง
บ่นว่ามัวแต่ดูปาหี่แย่งกันรับน้ำมนต์ นี่หรือวิธีแก้ปัญหาชีวิต
เลื่อนบอกว่าคนมันทุกข์ หาทางออกไม่ได้ก็ต้องยึดไว้ให้อุ่นใจก็ยังดี
“เลื่อน...ทางออก
น่ะมันมี อยู่ที่เราอยากจะเดินไปเจอมันรึเปล่า” ต๋องบอก
รักเร่ติงว่าอยากเจอแต่มันไม่มาให้เราเจอมากกว่า ต๋องเลยชี้ว่า
“เราจะเจอมันได้ก็ต่อเมื่อเปลี่ยนวิธีคิดเว้ยไอ้รักเร่ ถ้าเปลี่ยนวิธีคิด
ชีวิตมันก็จะเปลี่ยน”
“ยังไง?...ยังงง...” รักเร่กับเลื่อนมองหน้าต๋อง
“อย่าง
แรกเลยนะ ต้องไม่นอนรอโชคชะตา หวังพึ่งเจ้าที่ไหนให้มาช่วยเสกคนเข้าตลาด
ขั้นต่อไป...ทุกคนก็ต้องหัดคิดถึงตัวเองให้น้อยลง
จะได้คิดถึงส่วนรวมให้มากขึ้น แต่ขั้นตอนนี้คงจะยากหน่อย”
เลื่อนถาม
ว่าทำไมล่ะ ต๋องชี้ให้ดูป้ายตลาด “แค่ป้ายชื่อตลาด
ขนาดสระอือหายไปยังไม่คิดจะช่วยกันแก้ไขเลย”
เลื่อนกับรักเร่เห็นชื่อตลาดกลายเป็น “ตลาดร่วมใจเก้อ”
จริงๆต๋องพูดต่ออีกว่า “ตลาดร่วมใจเกื้อ
กลายเป็นร่วมใจเก้อ ก็มัวแต่รวมตัวกันง่วนกับเรื่องงมงาย ทำอะไรมันถึงได้เก้อไง”
ต๋องพูดไม่ทันขาดคำ น็อตตัวหนึ่งที่ตัว อ.อ่างหลุด ทำให้ตัว อ.ห้อยร่องแร่ง ตลาดเลยกลายเป็นชื่อ “ตลาดร่วมใจเก้”
“เห็นแล้วหมดแรง ซ้อมเพลงเติมไฟกันดีกว่าเว้ยเฮ้ย...” ต๋องหันไปนับจังหวะให้ซ้อมเพลงกันต่อแก้เซ็ง
ooooooo
ต๋อง
ซ้อมเพลงได้ครู่เดียว
กิมลั้งก็โผล่มาอย่างได้จังหวะเหมือนนางเอกมิวสิกเดินออกมาเลยทีเดียว
ต๋องเห็นดังนั้นก็ยิ่งแผดเสียงร้องอย่างจัดหนัก เท่านั้นไม่พอ
เอื้อมมือไปเร่งเครื่องเสียงขึ้นอีก
ทันใดนั้น ไฟช็อตพรึ่บ
มืดไปทั้งบริเวณ ต๋องตกใจกระโดดไปทางกิมลั้ง
เลยพากันตกลงไปในเข่งใบใหญ่ที่วางอยู่แถวนั้น สองคนเบียดกันอยู่ในเข่ง
ต่างจ้องหน้ากันใจวูบวาบ...วูบวาบ...
ขณะนั้นเอง
กิมฮวยกับชาวตลาดและจะเด็ดเดินมาเห็นเข้า กิมฮวยร้อง “ไอ้หยา...อากิมลั้ง”
แล้วรีบเข้าไปดึงตัวกิมลั้งขึ้นจากเข่ง
ปากก็ด่าต๋องหาว่าฉวยโอกาสกับลูกสาวตน
ต๋องร้องเสียงหลงว่าทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ กิมลั้งก็ยืนยันว่า
“มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ เมื่อกี้อยู่ๆพวกเครื่องดนตรีก็ไฟช็อตขึ้นมา ต๋องเขากระโดดหนีเลยมาชนกับอั๊วเข้า ก็เลยล้ม”
“อ๋อ...ที่
แท้ก็ลื้อนี่เองที่ทำให้ไฟดับทั้งตลาด แล้วพรุ่งนี้จะขายของกันยังไงหา!”
กิมฮวยหาเรื่องโทษต๋องจนได้ พวกแม่ค้าที่มาด้วยเลยพากันโวยใส่ต๋อง
กิมฮวยบอกจะเด็ดว่ากำลังหาที่ปิดยันต์อยู่ใช่ไหม
หน้าไอ้ต๋องนี่แหละเหมาะที่สุดแล้ว
จะเด็ดบ้าจี้เอายันต์ไปติดที่หน้าผากต๋องแล้วเอาน้ำมนต์พรมจนแทบจะเป็นอาบ บอกว่าปัดเสนียดจัญไรให้
“น้า
จะเด็ด ขืนเข้ามาอีกก้าวเดียว ได้โดนฉันเอาก้านมะยมในมือน้าทั้งกำฟาดแน่”
ต๋องฉุนขาด พอจะเด็ดชะงักต๋องต่อว่ากิมฮวย “อะไรกัน...มีอะไรก็โทษฉัน
ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆไฟมันจะดับได้ยังไง
ฉันซ้อมดนตรีของฉันอยู่ทุกวันไม่เห็นว่าไฟมันจะเคยช็อต”
“ขอโทษด้วย
นะครับทุกคน” ยามของตลาดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอก ทุกคนพากันงง
ยามชี้แจงว่า “ที่ไฟมันดับน่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับต๋องหรอกครับ”
ยามอธิบายว่าตัวจ่ายไฟมันระเบิด เพราะใช้มาหลายปีแล้ว
เคยเสนอคุณนายสดศรีเจ้าของตลาดให้เปลี่ยนก็ไม่เปลี่ยนสักที
บอกทุกคนให้สบายใจว่า “เดี๋ยวผมจะไปบอกแกที่บ้านคืนนี้
พรุ่งนี้ขายของจะได้ไม่ลำบากกัน”
ต๋องยืดอกมองหน้ากิมฮวยและทุกคน
ถามว่า “เป็นไงล่ะ ทีนี้ยังจะมาโทษฉันอีกไหม ว่าไงน้ากิมฮวย
ฉันล่ะอยากจะเอานํ้ามนต์พรมที่ปากน้าจริงๆ ปากพาซวยแบบนี้
ต้องไล่เสนียดหน่อย”
“นี่ลื้อด่าอั้วเหรอไอ้ต๋อง
โธ่...ยังไงคนอย่างลื้อมันก็ตัวซวยวันยังคํ่าล่ะวะ ขนาดไฟจะช็อต
ยังเลือกมาช็อตที่ลื้อเลย จริงไหมพวกเรา” กิมฮวยอาศัยเสียงดัง พวกมาก
โยนความผิดให้ต๋องจนได้
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ไฟยังไม่ทันมา
คุณนายสดศรีก็มาเก็บค่าเช่าแผงแล้ว
ได้รับจากใครเต็มเม็ดเต็มหน่วยง่ายๆก็ชมเปาะ
ใครขอผัดผ่อนก็หยิบของบนแผงไปจนคุ้มค่าเช่า
แม่ค้าได้แต่ทำตาปริบๆกับความเค็มของคุณนาย
ครู่ใหญ่ ณดาลูกสาววัยรุ่นของคุณนายก็ตามมาที่ตลาด ทวงว่าแม่ยังไม่ได้เซ็นเช็คให้ตนเลย
“เดี๋ยวแม่จะเซ็นให้ แต่หนูต้องไปช่วยแม่เก็บค่าเช่าแผงสุดท้ายก่อน” คุณนายเดินนำไป ณดาทำหน้าเซ็งๆ เดินตาม
เดิน
มาถึงแผงสุดท้ายที่ว่านั้น
เป็นแผงขายผักที่ต๋องกำลังยกหนังสือขึ้นอ่านบังหน้าอยู่ พอคุณนายมาถึง
ต๋องลดหนังสือลง ณดาเห็นต๋องถึงกับตะลึงในความหล่อ
ส่วนคุณนายตั้งหน้าตั้งตาทวงค่าเช่าแผงลูกเดียว เลยถูกต๋องบ่นว่า
คุณนายสนใจแต่จะเก็บค่าแผง เลยไม่เคยรู้ว่าชาวตลาดเดือดร้อนอะไรกันบ้าง
ต๋องสาธยายว่า
“ไฟมันดับตั้งแต่เมื่อคืน
ป่านนี้ทำไมคุณนายยังไม่จัดการให้เรียบร้อยอีกครับ เห็นไหมว่าพอไฟไม่มี
ตลาดมันก็มืด ตลาดมืดแล้วลูกค้าที่ไหนจะเข้า”
คุณนายเถียงข้างๆคูๆดันทุรังจะเก็บค่าเช่าอย่างเดียว ต๋องเลยยื่นคำขาดว่า
“ไม่รู้ละ ถ้าวันนี้ไม่ซ่อมไฟให้เสร็จ ผมไม่จ่ายค่าเช่าคุณนายแน่”
พูดแล้วต๋องเดินออกไปอย่างไม่สนใจ คุณนายเดินตามทวงเงินยิกๆ ทำท่าจะโต้เถียงกันอีก ณดาเลยโพล่งขึ้นว่า
“ก็ได้...เดี๋ยวทางเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง”
คุณ
นายสดศรีหันขวับถามว่า ทำไมไปรับปากอย่างนั้น ณดาบอกแม่ว่า
ที่จริงมันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว
เพราะถ้าเขาขายของกันไม่ได้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเช่าเรา
“ดีจัง
ครับที่คุณเข้าใจอะไรง่าย” ต๋องชม ณดาขอให้ต๋องเข้าใจทางตนบ้าง
บางอย่างถ้าช่วยกันได้ก็ช่วยกันบ้าง
พลางเอานามบัตรให้ต๋องบอกว่าถ้ามีอะไรก็ติดต่อตนได้เลย
เพราะตนจะมาช่วยคุณแม่ดูแลที่นี่ ต๋องรับนามบัตรไปเอ่ยเสียงอ่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณณดา”
ณดาบอกว่า
เมื่อตนทำหน้าที่เจ้าของตลาดแล้วก็ให้เขาทำหน้าที่ผู้เช่าที่ดีด้วย
ต๋องควักเงินจ่ายค่าเช่าทันที ณดารับเงินไป ต่างมองกันด้วยความรู้สึกดีๆ
แต่ณดายังเก็บอาการอย่างถือตัว
ooooooo
แต่พอกลับถึงบ้าน
คุณนายสดศรีก็หัวเสีย
เมื่อเสี่ยชายศักดิ์อดีตคนรักควงรัศมีภรรยาของเขามาถามเรื่องจะขอซื้อตลาด
เพื่อขยายห้างของตนที่มาเปิดอยู่ข้างๆ
“ถ้าจะมาพูดเรื่องเดิม ฉันบอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า ยังไงๆฉันก็ไม่มีวันขายตลาดให้เธอแน่”
“ตกลงว่าไม่ยอมขายเพื่อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่เคยมีกับเสี่ยชายศักดิ์นี่เอง” รัศมียิ้มหยัน
เมื่อ
สดศรียืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ยอมขายตลาด
ไล่ทั้งสองออกไปและไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ชายศักดิ์เดินออกไป
ทิ้งคำขู่ไว้ว่า “แล้วเธอจะเสียใจ”
ชายศักดิ์เดินออกไปอย่างขัดใจ รัศมีรีบตาม วินาทีนั้นสดศรีถึงกับแสดงสายตาอ่อนแอออกมา...
ไม่
ทันข้ามวัน ทวีคนรับใช้บ้านคุณนายสดศรีก็ไปเม้าท์ที่ร้านเสริมสวย ทั้งชมพู่
น้อยหน่า และเครือฟ้าที่นั่งฟังอยู่ด้วย
ต่างขุดคุ้ยความหลังของคุณนายสดศรีกับชายศักดิ์กันอย่างเมามัน
ใครๆ
ก็รู้กันว่าสดศรีเป็นคนอุ้มชูชายศักดิ์ให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา
พอได้ดีก็ทิ้งสดศรีไปอยู่กับรัศมี อ้างว่าทำเธอท้อง
ส่วนสดศรีก็รีบแต่งงานและมีณดาทันทีจนคนพากันสงสัยว่า ณดาเป็นลูกใครกันแน่
แต่ทวีก็เถียงแทนคุณนายว่า
“คุณณดาก็ต้องเป็นลูกคุณกริชสามีใหม่ของคุณนายสิ”
ก่อนปิดฉากนินทา ทวีย้ำว่า “อ้อ...ชมพู่ น้อยหน่า ไอ้เรื่องที่เล่าวันนี้น่ะ เหยียบไว้ให้มิดเลยนะ อย่าบอกต่อล่ะ ถึงหูคุณนายล่ะยุ่ง”
“อุ๊ย...ไม่ต้องห่วง” ชมพู่กับน้อยหน่าตอบพร้อมกันอย่างหนักแน่นตามธรรมเนียมของทุกคนในวงนินทาทั่วไป
ooooooo
ทวี
คล้อยหลังไปเก้าอี้ที่นั่งยังอุ่นๆอยู่
ชมพู่ก็ออกไปเม้าท์ที่ร้านข้าวแกงของป้าพิณอย่างเมามัน
แล้วมีเขียวหวานผู้ช่วยสาวชาวกะเหรี่ยงและคำมูลพ่อค้าส้มตำร่วมวงด้วย
ป้าพิณที่รู้เรื่องของคุณนายสดศรีกับชายศักดิ์เป็นพื้นอยู่แล้ว
พอฟังชมพู่เล่าว่าชายศักดิ์พาเมียใหม่ไปขอซื้อตลาดจากคุณนายก็ตบเข่าฉาด
“บ๊ะ...เสี่ยชายศักดิ์นี่มันหน้าด้านจริงๆ จูงมือเมียใหม่ไปขอซื้อที่เมียเก่าถึงบ้าน เป็นผัวข้าหน่อยล่ะจะสาดด้วยต้มฟักร้อนๆให้”
เขียวหวานถามว่าแล้วคุณนายจะขายตลาดให้เสี่ยไหม
“จะ
มีเมียคนไหนยอมขายที่ให้ผัวที่ทิ้งตัวเองไปหาผู้หญิงคนใหม่ล่ะวะ เขียวหวาน
ถ้าเป็นแก...แกยอมไหม” ชมพู่ถาม หลังจากนินทากันพอหายเหงาปากคันใจแล้ว
ชมพู่กำชับป้าพิณกับเขียวหวานว่า “นี่...เรื่องนี้น่ะรู้แล้วเหยียบไว้นะ
เดี๋ยวพี่ทวีจะเดือดร้อน”
“อุ๊ย...ไม่ต้องห่วง”
ป้าพิณกับเขียวหวานตอบเป็นเสียงเดียวกัน พอชมพู่กลับไปที่ร้าน
มีลูกค้าคนใหม่สวนเข้ามาสั่งข้าวแกงเขียวหวานไข่ดาว
ป้าพิณตักไปก็กระซิบกระซาบไปทันทีว่า “เอ้อ...ว่าแต่นี่แกรู้ไหม
ไอ้เสี่ยชายศักดิ์เจ้าของห้างเวรี่แฮปปี้น่ะ...”
ooooooo
วันนี้กิมฮวยรู้สึกปวดเอวจึงกลับไปเอนหลัง ให้กิมลั้งเก็บแผงปลาคนเดียว
เหมือนทิ้งปลาย่างไว้ล่อแมว เพียงกิมฮวยออกจากตลาดไป
ต๋องที่กำลังเก็บแผงผักอยู่ก็หาทางเรียกความสนใจจากกิมลั้ง
พอดีวิทยุเปิดเพลงรัก ต๋องเลยเร่งเสียงหันวิทยุไปทางแผงของกิมลั้ง
พอฝ่ายนั้นหันมองก็รีบส่งยิ้มให้แถมยกมือทำรูปหัวใจส่งให้ด้วย
กิมลั้งเห็นแล้วแอบยิ้มขำๆ ความล้นของต๋อง
ต๋องจับตาดูกิมลั้งอยู่
เห็นกิมลั้งไปนั่งไล่ดูรูปหน้าคนที่เขียนบนนิ้วมือตัวเองในโทรศัพท์มืิอถือ
เหมือนนำเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ จะถ่ายใหม่ก็ไม่ถนัด
ต๋องเลยอาสาเข้าไปช่วยถ่าย เห็นรูปแล้วถามว่า ทำไมถึงชอบถ่ายรูป
นิ้วมือตามที่ต่างๆ
“อิืม...มันคงเป็นตัวแทนฉันที่อยากออกไปท่องโลก
มั้ง” ต๋องถามว่าท่องโลกอะไร เห็นแต่ละรูปมีแต่ในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น
กิมลั้งพูดเศร้าๆว่า “ทำไงได้ล่ะ นายก็เห็นว่าวันๆ
ชีวิตฉันก็เวียนวนอยู่แต่ในตลาด มีโอกาสได้ไปไหนกับใครเขาบ้างล่ะ”
“ไม่มีใครเลือกชีวิตให้ตัวเองไม่ได้หรอกกิมลั้ง” กิมลั้งบอกว่าตนนี่ไง “ถ้าเธอเลือกไม่ได้จริงๆ งั้นฉันช่วยเลือกให้”
กิมลั้ง
ถามว่าเป็นอะไรกับตนถึงจะมาเที่ยวจัดการนู่นนี่นั่นให้
ต๋องทำกะลิ้มกะเหลี่ยบอกว่าที่จริงก็อยากเป็นอยู่นะ
แล้วเจ้าเล่ห์ทำเป็นโทรศัพท์หาย ขอยืมโทรศัพท์
ของกิมลั้งโทรเข้าเบอร์ตัวเองดูซิว่ามันอยู่ไหน ปรากฎว่า
มันดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงนั่นเอง จากนั้นทำทีคืนให้ แต่แอบเมมเบอร์ไว้ว่า
“กิมลั้ง”
ขายผักได้สองสามวัน ต๋องก็คิดจะทำสลัดผักไปขายด้วย
ติ๋มชมว่าขยันคิดโน่นคิดนี่เรียกลูกค้าดีจัง
แต่พอเต๋ามาเห็นก็เอ็ดน้องชายว่าพิสดารอะไรอีก มีเวลาเหลือเฟือนักรึไง
บ้านช่องไม่กวาดไม่ถูเหยียบเข้ามามีแต่ฝุ่น
ต๋องบอกว่าจัดผักเสร็จจะ
ไปถู เต๋าสั่งให้ทำเดี๋ยวนี้เลย ถ้ายังมัววุ่นอยู่กับสลัดบ้าบออะไรอยู่อีก
มีเรื่องแน่ ว่าแล้วก็ประคองติ๋มชวนไปนั่งกินอะไรกันหน้าบ้านดีกว่า
ตนซื้อขนมมาฝากเพียบเลย ต๋องเหลือบมองแล้วถอนใจเซ็งๆ
ooooooo
คืน
นี้กิมแชร้องคาราโอเกะในห้องนอน มีกิมลั้งนั่งฟังอยู่
เธอปล่อยพลังเสียงเต็มที่ กิมฮวยได้ยินพรวดเข้ามาด่าว่า
จะบ้าหรือดึกดื่นป่านนี้ยังแหกปากร้องเพลง ลั่นบ้าน
กิมแชหน้าจ๋อยขอโทษแม่ บอกว่าพรุ่งนี้จะไปประกวดร้องเพลง คืนนี้เลยซ้อมสักหน่อย กิมฮวยเลยมีเรื่องด่าต่ออีกว่า
“ดูสารรูปตัวเองให้ดีซิอากิมแช หุ่นเตี้ย ตัวตัน
แบบนี้ ใครเขาจะเอาลื้อไปทำนักร้องให้เปลืองแผ่น”
กิม
แชน้อยใจน้ำตาคลอ เคี้ยงเข้ามาถามว่าทำไมว่าลูกแบบนี้ เลยโดนไปอีกคนว่า
แล้วจะให้เยินยอให้ละเมอเพ้อพกไปวันๆงั้นหรือ แล้วด่ากิมแชต่อ
“นี่มันโลกแห่งความจริง ไม่ใช่ความฝัน คนอย่างลื้อน่ะ
ทำงานบ้านงานเรือนให้เก่งแล้วมีผู้ชายมาขอไปเป็นเมียก็บุญแล้ว”
ด่า
ลูก ว่าผัว แล้วกิมฮวยก็ออกไป กิมแชโผเข้ากอดกิมลั้งร้องไห้
บอกพี่สาวว่าแม่ไม่เคยให้กำลังใจตนเลย ไม่เคยส่งเสริมให้ตนทำอะไรสักอย่าง
นอกจากให้ขลุกอยู่กับงานบ้านแบบนี้
กิมลั้งบอกว่าตนก็ไม่ต่างกันหรอกเพราะตนก็ถูกขังให้อยู่แต่ในตลาดเหมือนกัน
“รู้ไหม...บางทีอั๊วเคยคิดจะหนีออกไปจากที่นี่เหมือนกันนะ”
“ไม่
ได้นะกิมแช ลื้ออย่าคิดอย่างนั้นเด็ดขาดนะ ถ้าลื้อหนีออกจากบ้านไป
ม้าจะเป็นห่วงแค่ไหน จำไว้นะ ถึงจะยังไงม้าก็รักเราสองคนมากที่สุดแล้ว”
“ที่ผ่านๆมานี่คือการแสดงความรักของม้าแล้วใช่ไหม” กิมแชถาม กิมลั้งอึกอักตอบไม่ถูกเหมือนกัน
ooooooo
จาตุรงค์
หรือที่เต็กไฮ้เรียกติดปากว่า อาใจอัง
เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ป๊าเรียกชื่อเก่า
ย้ำให้เรียกจาตุรงค์ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ วันนี้เขาตามมาถึงเขียงหมู
เพื่อขอเงินไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
เต็กไฮ้บ่นว่าเรียนจบยังไม่มีงานทำ
ก็เอาแต่สังสรรค์ใช้เงิน
จาตุรงค์อ้อนว่าเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันมีแต่พวกลูกคุณหญิงคุณนายทั้งนั้น
เผื่อตนจะได้งานดีๆทำบ้าง ลักษณ์บอกเต็กไฮ้ว่าให้ลูกไปเถอะ
เต็กไฮ้เชื่อฟังเมียอยู่แล้วยอมให้เงินแต่มีข้อแม้ว่า
ต้องเดินไปหากิมลั้งลูกกิมฮวยที่ผู้ใหญ่สองฝ่ายหมายมั่นว่าต้องแต่งงานกัน
ก่อน ถามว่าจำได้ไหม จาตุรงค์บอกว่าจำได้
เด็กผู้หญิงตัวดำๆสกปรกและซนเป็นลิงคนนั้น
เต็กไฮ้ย้ำความจำเป็นที่
ต้องไปพบว่า เพราะผลัดมาเรื่อยมาไม่ไปเจอกันเสียที
กิมฮวยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเราจะยอมเป็นทองแผ่นเดียวกับเขารึเปล่า
เพราะ
อยากได้เงินไปสังสรรค์ จาตุรงค์จำใจ เอานิ้วเกี่ยวถุงใส่หมูไปอย่างรังเกียจ
เอาไปที่แผงขายปลาของกิมฮวย พูดให้ดูดีว่า
“ป๊ากับม้าบอกว่าน้าอยากทำหมูสะเต๊ะเลยให้เอาหมูมาฝาก”
กิมฮวยดีใจมากรีบฟื้นความจำกันว่า
จำกิมลั้งที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆได้ไหม
“จำได้สิครับ
ผมไม่เคยลืมน้องกิมลั้งเลย ตอนเด็กสวยสดใสยังไง โตมาก็สวยอย่างนั้น
เป็นเพราะมีแม่พิมพ์ดีอย่างน้ากิมฮวยแท้ๆ” จาตุรงค์ชมลูกเลยไปถึงแม่
ทำเอากิมฮวยเขิน
ต๋องหมั่นไส้เลยทำเสียงคลื่นไส้
เดินเฉี่ยวจาตุรงค์ออกไป
ฝ่ายจาตุรงค์มาหยอดคำหวานแล้วรีบขอตัวบอกว่ามีนัดกับเพื่อน
พอจาตุรงค์เดินไป กิมฮวยที่ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ก็หันมาบอกกิมลั้งว่า
“อาจาตุรงค์นี่ไง ลูกชายคนเดียวของเต็กไฮ้ที่ม้าหมายมั่นจะให้เป็นผัวลื้อ”
“อะไร
นะม้า?” กิมลั้งรับไม่ได้ ไม่อยากฟังอีก ลุกไปล้างมือที่ข้างตลาด
ล้างมือไปบ่นไปอย่างสะอิดสะเอียนว่า “ยี้...อาจาตุรงค์เนี่ยนะ
ขี้หลี...ขี้ประจบ...ท่าทางจะขี้เกียจด้วย”
ระหว่างนั้น
ณดานุ่งกางเกงขาบานเดินมาอย่างรีบร้อนกวาดตามองหาต๋อง
ปีกกางเกงขาบานปาดหัวกิมลั้งที่นั่งล้างมืออยู่
กิมลั้งไม่พอใจแต่ไม่พูดอะไร
ล้างมือเสร็จก็สาดน้ำที่พื้นเพื่อราดเศษปลาไหลลงท่อทำให้ขากางเกงณดาเปียก
ณดา
โวยวาย กิมลั้งขอโทษ แต่ยังถูกด่าว่าทำอะไรไม่รู้จักระวังทุเรศจริงๆ
กิมลั้งเลยลุกขึ้นถามว่าแล้วจะเอายังไง
ทีตัวเองเดินขากางเกงปาดหัวตนยังไม่ว่าสักคำ ด่าคืนว่า นิสัยแย่
ต่อ
ปากต่อคำ กลายเป็นด่าทอทะเลาะ กระทั่งณดาจะตบ
เลยถูกกิมลั้งผลักล้มลงไปนั่งกองกับพื้น เป็นจังหวะที่ต๋องเดินมาเห็นพอดี
เขารีบเข้าประคองณดาขึ้นถามกิมลั้งเหมือนตำหนิว่า “ทำอะไรน่ะกิมลั้ง”
กิมลั้ง
โมโหตวาดว่าไม่รู้เรื่องก็อย่ามายุ่ง ส่วนณดาพอเจอต๋องก็อ้อนให้ช่วย
ต๋องจึงประคองเธอออกไปข้างนอกท่ามกลางเสียงซุบซิบของแม่ค้าว่า
งานนี้ต๋องอาจจะเป็นหนูตกถังข้าวสารเสียแล้วก็ไม่รู้
แล้วพากันหัวเราะคิกคัก
ในขณะที่กิมลั้งเห็นแล้วเจ็บแปล๊บๆที่ใจยังไงบอกไม่ถูก
ต๋องถามณดา
ว่าเกิดอะไรขึ้น ณดาบอกว่ากิมลั้งร้ายน่าดู
ต๋องติงว่าปกติเธอไม่ใช่คนแบบนั้น ณดาเลยบอกว่าอย่าไปพูดถึงมันเลย
แล้วถามเรื่องไฟฟ้าในตลาด ต๋องบอกว่าเรียบร้อยแล้วขอบคุณที่ช่วยเป็นธุระให้
ณดาส่งสายตาให้พูดเสียงหวานพอกับสายตาว่า “ถ้าคุณพอใจ ฉันก็ยินดีค่ะ”
ooooooo
วันนี้
รัศมีกำลังดูเครื่องเพชรอยู่ที่ร้าน สดศรีเข้าร้านเดียวกัน
เจ้าของร้านต้อนรับอย่างเร่าร้อน
ทำให้รัศมีหมั่นไส้เลยแกล้งพูดโทรศัพท์เสียงดัง
ทำทีคุยกับชายศักดิ์ว่าอยู่ร้านเพชร แต่ละชุดสวยๆทั้งนั้น
แล้วทำเสียงตื่นเต้นถามปลายสายว่า
“อะไรนะคะ...จะให้รัศมีเหมาหมด... แหม เหลือให้คนแถวนี้ซื้อไปใส่หลอกตาคนอื่นว่ายังมีฐานะดีอยู่บ้างดีกว่ามังคะ”
สดศรีรู้ว่าถูกกวนประสาท เลยบอกเจ้าของร้านดังๆว่าตนเอาทั้งเซ็ต แล้วให้รูดบัตรเครดิตทันที
รัศมี
ยังหาเรื่องต่อ เยาะเย้ยว่าไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับสดศรี มีตลาดสด
คนก็พากันหนีเข้าห้างข้างๆหมด มีสามี สามีก็ทิ้งมาอยู่กับตน
ซ้ำยังหลงหัวปักหัวปําอีกด้วย
“รู้ไหม
ฉันไม่เคยเสียดายเลยที่ชายศักดิ์เลือกไปอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอ
มันเป็นเรื่องธรรมดาน่ะ ขยะก็ต้องเลือกอยู่กับขยะ”
พูดแล้วสดศรีสั่งเด็กให้เอาเครื่องเพชรไปส่งให้ที่บ้านด้วย
ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานเดี๋ยวตัวจะสกปรก
“แกรู้จักฉันน้อยไปเสียแล้ว” รัศมีคำรามอย่างเจ็บใจ
สด
ศรีกลับถึงบ้านไม่นาน ชายศักดิ์ก็ตามมา ทวีไม่ยอมให้เข้าบ้าน
ยืนโต้เถียงกันอยู่ครู่หนึ่ง สดศรีให้ทวีปล่อยเข้ามา
ชายศักดิ์มาเสนอให้ราคาที่ดินที่ตลาดเพิ่มอีกเป็นสองเท่าตัว
หมายจะเอาเงินฟาดหัวซื้อให้ได้
เมื่อสดศรีไม่ยอมขายก็หว่านล้อมว่าน่าจะเอาเงินก้อนนี้ไว้ให้ลูกดีกว่า เพราะชาตินี้เธอจะไม่มีโอกาสหาเงินได้ก้อนโตอย่างนี้แน่
สด
ศรีไล่ให้กลับไปเสีย ถามว่าจะไปเองหรือจะให้ตำรวจมาลากไป
ชายศักดิ์โมโหเดินฮึดฮัดไป
พอชายศักดิ์ไปแล้วสดศรีเดินกลับมาดูรูปณดาในวัยต่างๆที่ใส่กรอบวางอยู่
พึมพำอย่างเจ็บปวด
“ชายศักดิ์ เธอไม่มีทางรู้หรอกว่า เด็กผู้หญิงคนนึงเป็นยังไงเวลาที่ไม่มีพ่อ...”
ooooooo
ที่
ร้านเสริมสวยของน้อยหน่า
ชมพู่นั่งทำเล็บให้ลูกค้าคนหนึ่งที่ใส่แว่นดำเข้ามาและไม่ยอมถอด น้อยหน่า
ชมพู่ และเครือฟ้า มือทำงานไปปากก็นินทากันไป
น้อยหน่าพูดอย่างเห็น
ใจสดศรีว่า ผัวเก่าทิ้งไปไม่ทันไรผัวใหม่ก็มาตายตามไปอีก
เครือฟ้าบอกว่าสงสารสดศรีที่ต้องแบกภาระหนี้และเลี้ยงลูกคนเดียว
ชมพู่เสนอว่าให้หาผัวคนที่สามให้ดีไหมเผื่อคุณนายจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง
ทวี
ที่เป็นขาเม้าท์ประจำของร้านขัดขึ้นว่า “บ้าเหรอ
มันอาจจะทำให้คุณนายโมโหจนต้องเพิ่มค่าเช่าพวกแกก็ได้
เพราะถ้าเกิดคุณนายไปได้ผัวเหมือนเสี่ยชายศักดิ์เข้าอีกคน
แล้วไปคว้าเมียน้อยหยำฉ่าแบบนังรัศมีอะไรนั่นมาให้ช้ำใจอีกล่ะ”
พอ
เอ่ยถึงรัศมีเมียใหม่ของชายศักดิ์ ทุกคนก็หันมานินทาว่า
นังนี่น่ะแสบตัวแม่เลยล่ะ ผู้หญิงที่ไปหิ้วมาแบบนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม
ไม่งั้นจะให้เสี่ยสร้างห้างหยามหัวใจคุณนายถึงหน้าตลาดหรือ
เครือฟ้าบอกว่ามีคนเห็นรัศมีมาด้อมๆมองๆแถวตลาด
สงสัยจะมาดูว่าตลาดเราจะเจ๊งเมื่อไหร่
ชมพู่หมั่นไส้บอกว่าอย่าให้เจอก็แล้วกัน เจอเมื่อไหร่จะตบให้รัศมีดับเลย
จู่ๆลูกค้าใส่แว่นดำก็กำมือแน่น ชมพู่บอกว่ากำแบบนี้ทำเล็บไม่ได้
เธอก็ลุกพรวดบอกว่าไม่ทำมันแล้ว พลางควักเงินวางไว้ 500 บาท
แล้วกระแทกเท้าออกไป ทุกคนพากันงง
รัศมีถอดแว่นดำไปยืนโทรศัพท์ที่มุมตลาด ครู่เดียว ชาวตลาดก็พากันวิ่งกรูมา รัศมีเห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีแทบไม่ทัน
ooooooo
เมื่อ
ชายศักดิ์ซื้อตลาดไม่ได้ ศักดิ์ชายจึงอาสาช่วย โดยจะเข้าทางณดา
บอกว่าถ้าตนจีบณดาติด ทุกอย่างก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ว่าแล้วก็ไปที่ตลาดสด
กิมลั้งหมั่นไส้ณดาที่ทำกรีดกรายเลยล้อเลียน
ให้พวกแม่ค้าในตลาดดูเป็นที่ตลกขบขัน ขณะนั้นเอง
ศักดิ์ชายเดินมาได้ยินกิมลั้งกำลังล้อเลียนและเรียกตัวเองว่า ณดา
ก็กระหยิ่มว่าเจอตัวแล้ว รีบเข้าไปทำทีว่าติดต่อลุงอ่ำเช่าแผงผลไม้ไว้
อยากรู้ว่าแผงของตนอยู่ตรงไหน กิมลั้งเลยรับสมอ้างเป็นณดา พาไปชี้มั่วๆ
ความ
มาแตกเมื่อจตุรงค์มาเจอเลยจับได้ว่าที่แท้เธอคือกิมลั้ง
ศักดิ์ชายเสียหน้าแต่ไม่ยอมแพ้ยังจะเดินหน้าต่อไป
เรียกจาตุรงค์ไปเล่าแผนการว่าจะปลอมตัวเป็นพ่อค้าขายผลไม้เพื่อตีสนิทณดา
แล้วหลอกซื้อตลาดให้แม่กับพ่อขยายห้าง
ทั้งสองตกลงกันว่าจะปิดเรื่อง
นี้เป็นความลับโดยมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ถ้าจาตุรงค์ช่วยทำให้สำเร็จ
ศักดิ์ชายก็จะให้เต็กไฮ้กับลักษณ์ไปขายของในห้าง
ไม่นานนัก
ณดาตัวจริงก็มาที่ตลาด
จาตุรงค์รีบเข้าไปแนะนำตัวและแนะนำให้รู้จักกับศักดิ์ชายบอกว่าเป็นเพื่อนจะ
มาขายผลไม้ที่ตลาด ณดามองศักดิ์ชายอย่างไม่สนใจ ศักดิ์ชายพยายามขอเบอร์โทร.
เธอบอกว่าเรื่องเช่าแผงให้ติดต่อลุงอ่ำเอง
ศักดิ์ชายอ้างว่ามีกระเช้าผลไม้จะฝากไปให้คุณนาย ณดาบอกว่าให้ไปฝากลุงอ่ำ
ไว้เพราะตนไม่ใช่เมสเซนเจอร์แล้วเดินไปเลย
“เล่นของสูงเสียแล้วเว้ยไอ้ชาย” จาตุรงค์หนักใจแทน ศักดิ์ชายพูดอย่างมุ่งมั่นว่าคอยดูก็แล้วกันว่าใครจะสูงกว่าใคร
ooooooo
ศักดิ์
ชายต้องการสร้างภาพตัวเองให้เด่น เมื่อเกิดไฟไหม้ที่หลังตลาด
เห็นต๋องวิ่งฝ่าไฟเข้าไปช่วยไอ้บอยลูกแม่ค้าคนหนึ่ง
ศักดิ์ชายเห็นณดามายืนดูเหตุการณ์อยู่ เลยวิ่งฝ่าไฟเข้าไปให้เธอเห็นบ้าง
แต่
พอเข้าไปเจอต๋องกำลังอุ้มบอยที่หมดสติจะออกมา ศักดิ์ชายจะเข้าไปรับบอย
ต๋องบอกว่าไม่เป็นไรให้รีบออกไปก่อน ศักดิ์ชายร้องบอกต๋องว่าคานจะล้ม
แล้วแย่งบอยไปอุ้มพร้อมกับผลักต๋องไปทางคานที่จะล้ม
เขาอุ้มบอยฝ่าไฟออกไปเยี่ยงวีรบุรุษ ได้รับคำชมเชยอย่างมาก
แต่ไม่ได้รับความสนใจจากณดา เพราะเธอมัวแต่ชะเง้อมองหาต๋องด้วยความเป็นห่วง
ครู่หนึ่งต๋องเดินโผเผออกมาทำท่าจะล้ม กิมลั้งอยู่ใกล้กว่าเพื่อนพุ่งเข้าไปรับร่างต๋องไว้ทัน
เมื่อดับไฟจนเหตุการณ์สงบแล้ว ณดาขอบคุณชาวตลาดทุกคนที่ช่วยกันดับไฟ เต็กไฮ้พูดอย่างโล่งใจว่า
“เฮ้อ...โชคดีไปนะที่วันนี้ไม่เกิดเรื่องเลวร้าย คงเป็นเพราะเราทำพิธีแก้เคล็ดล้างซวยตลาดไว้แท้ๆเรื่องหนักถึงกลายเป็นเบาแบบนี้”
“มัน
ไม่ใช่เพราะพิธีหรอกเต็กไฮ้
เป็นเพราะฮีโร่อย่างพี่ต๋องต่างหากที่รีบมาป่าวประกาศให้พวกเรารู้ตั้งแต่
เนิ่นๆถึงได้ดับไฟกันทัน” ชมพู่ขัดคอ
กิมฮวยถามต๋องว่าจำหน้าพวกนั้นได้ไหมว่าเป็นใคร
ต๋องบอกว่าจำไม่ได้เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
กิมฮวยถามอีกว่าไม่เห็นหรือว่าไม่มีใคร พูดเป็นนัยว่าต๋องเป็นคนวางเพลิงเอง
ด่าต๋องว่าเป็นตัวซวย มาอยู่ไม่ทันไรก็มีแต่เรื่องร้ายๆเกิดขึ้น
พอต๋องโต้ก็ถูกกิมฮวยและจะเด็ดรุมกันว่าจนไม่มีโอกาสเถียง
ณดาหย่า
ศึกบอกว่าเรื่องสำคัญแบบนี้จะมากล่าวหากันลอยๆไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน
ตอนนี้ไปขายของกันก่อนดีไหม กิมฮวยพูดอย่างไม่ยอมจบง่ายๆว่า
“งั้นทุกคนดูต่อไปแล้วกัน ตัวซวยอย่างไอ้ต๋องน่ะมันไม่หยุดสร้างปัญหาให้เราแค่นี้หรอก”
“ไปเถอะม้า” กิมลั้งรีบลากแม่ออกไป ต๋องมองตามกิมฮวยไปเซ็งๆ ส่วนศักดิ์ชายมองต๋องอย่างใช้ความคิด
แต่
พอกลับมาที่แผง ปรากฏว่าปลากะพงของกิมฮวยหายไปหลายตัว
หมูที่แผงของเต็กไฮ้ก็หายไปเยอะ พวกแม่ค้ารีบพากันไปดูของที่แผงของตัวเอง
กิมฮวยได้ทีโยนความผิดให้ต๋องอีกตามเคยว่าเป็นตัวซวย
ไปอยู่ที่ไหนก็มีเรื่องที่นั่น หันไปถามจะเด็ดว่าจริงไหม จะเด็ดพึมพำว่า
“หรือว่าไอ้ต๋องมันจะเป็นกาลกิณี”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่ลื้อว่าจริง เราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะ” กิมฮวยหาทางเล่นงานต๋องอีก
คืน
นี้ ขณะกิมลั้งเป็นห่วงต๋องที่หายเงียบไป จู่ๆก็มีเสียงเตือนข้อความดังขึ้น
กิมลั้งดีใจรีบกดดู แล้วก็เซ็งกับข้อความที่ว่า “ดูดวง ถ่วงกรรม ขย้ำทุกข์
กด 1901*”
ส่วนต๋องก็กลุ้มใจเดินไปแถวหน้าบ้าน ตรงห้องกิมลั้ง แหงนมองขึ้นไปพึมพำ
“กิมลั้ง...เธอจะเหมาว่าฉันเป็นอย่างแม่เธอคิดไหมนะ”
ศักดิ์
ชายกลับบ้าน
เห็นรัศมีกำลังจ่ายเงินให้ชายสามคนที่จ้างไปวางเพลิงโรงเก็บของที่ตลาด
แต่จ่ายไม่ครบอ้างว่าทำงานไม่สำเร็จ ศักดิ์ชายหงุดหงิดบ่นแม่ว่า
ทำแผนของตนเสียหมด บอกว่าถ้าตนจัดการกับลูกสาวสดศรีสำเร็จตลาดก็ไม่พ้นมือเราแน่ รัศมีตาเป็นประกายกับแผนลึกซึ้งของลูกชาย
ooooooo
แม้
ว่าต๋องจะถูกกิมฮวยเล่นงานทุกแง่มุม
แต่ต๋องก็ยังมีเลื่อนกับรักเร่และบรรดาสาวร้านเสริมสวย
ร้านขายดอกไม้เป็นแฟนคลับแน่นเหนียว ดังนั้น
เมื่อจะเด็ดขึ้นไปเหยียบย่ำผักบนแผงของต๋องเพื่อทำพิธีปัดรังควาน
จึงมีบรรดาแฟนคลับเหล่านั้นยืนเคียงข้างเขา
ระหว่างต๋องปะทะกับพวก
กิมฮวยที่มาย่ำผักบนแผงจนเละนั้น
บังเอิญต๋องผลักเต็กไฮ้เซไปชนมุมแผงหัวแตกเลือดออก
จาตุรงค์หาว่าต๋องทำร้ายป๊าตน ลุยเข้าไปต่อย
ถูกต๋องต่อยคืนจนปากแตกลงไปน็อกกับพื้น
“อาต๋อง
อั๊วไม่ปล่อยลื้อไว้แน่ๆ พวกเรา...จับมันส่งตำรวจ” กิมฮวยอาศัยพวกมาก
ช่วยกันจับต๋องส่งตำรวจ บรรดาแฟนคลับที่มีจำนวนน้อยกว่าก็ช่วยต๋องไม่ได้
กิมลั้งเองได้แต่มองอยู่อย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก
ระหว่าง
ต๋องถูกขังอยู่ที่โรงพัก กิมลั้งแอบเอาข้าวกล่องและน้ำไปให้
ต๋องดีใจมากบอกว่า นึกว่าเธอจะเกลียดตนเหมือนคนอื่นเสียอีก กิมลั้งบอกว่า
“แต่ฉันไม่ได้ปลื้มกับสิ่งที่เธอทำหรอกนะ”
กิมลั้งบอกต๋องว่า
เขาหลีกเลี่ยงที่จะมีเรื่องกับพวกนั้นได้แต่เขาไม่ทำ
ที่ตนพูดก็แค่อยากให้เขาใช้ความถูกต้องต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง
ต๋องถามว่าแล้วแม่เธอกับพรรคพวกรู้บ้างไหมว่า ความถูกต้องคืออะไร
“ถ้า
อยากให้เขารู้ว่ามันคืออะไร เธอต้องเป็นคนทำต๋อง
ใครจะมองว่าเราเป็นยังไงไม่สำคัญเท่ากับตัวเราเป็นคนยังไงหรอก
เชื่อฉันนะ...เธอต้องอดทน รอเวลา แล้ววันนึง
ทุกคนจะต้องเห็นเธอเหมือนที่ฉันเห็น”
กิมลั้งเห็นต๋องเครียด
เธอบอกเขาว่าพาเพื่อนมาเยี่ยมด้วย แล้วชูนิ้วที่เขียนหน้าคนขึ้นมาทักทาย
ให้ต๋องช่วยถ่ายรูปให้ด้วย กิมลั้งแหย่จนต๋องหัวเราะออกมา
เธอก็พลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย
เมื่อณดารู้ว่าต๋องถูกตำรวจจับขังอยู่ที่โรงพัก ก็ติดต่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ปล่อยตัว อ้างว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน
กิมลั้ง
ส่งข้าวส่งน้ำให้ต๋องแล้วกลับไป
เดินผ่านร้านขายยาจึงแวะซื้อยาเอามาให้ต๋องทาแผลที่หน้า
พอมาถึงเห็นณดารอต๋องอยู่หน้าห้องขัง พอต๋องออกมาก็ขอบใจที่เธอช่วย
“ไม่เป็นไร ณดาทำเพื่อความถูกต้องต่างหาก แปลกจัง...ทำไมคนในตลาดถึงจ้องจะมีเรื่องกับคุณนักนะ” ณดาสงสัย
ต๋อ
งบอกว่าตนมีส่วนทำให้เกิดเรื่องเหมือนกันเพราะชอบคิดและทำอะไรไม่เหมือนคน
อื่นเขา ระหว่างนั้น ณดาเห็นแผลที่หน้าเขาเธอจึงพาไปโรงพยาบาล
ต๋องไม่อยากไป ณดาจึงจับมือเขาพาไปขึ้นรถขับออกไป
เป็นจังหวะที่กิมลั้งถือถุงยามาเห็นพอดี เธอชะงักกึก มองถุงยาในมือแล้วหันหลังกลับ หงอยไปถนัดใจ
ooooooo
เกิด
เรื่องครั้งนี้ ต๋องมีคู่ปรับเพิ่มขึ้นอีกสองคน
คือจาตุรงค์ที่ถูกต๋องชกจนปากเจ่อ
และศักดิ์ชายที่เห็นต๋องสนิทสนมจากณดาตัดหน้าตน
นอกจากนั้นก็มีเต็กไฮ้และจะเด็ดที่เพิ่มดีกรีความไม่พอใจต๋องมากขึ้น
เมื่อ
ต๋องไปที่ตลาดก็ถูกกิมฮวยนำพรรคพวกขับไล่
แต่แฟนคลับของต๋องก็พากันมาตะโกนตอบโต้ กิมฮวยด่าแฟนคลับของต๋องว่า
“เข้าข้างกันเข้าไปเถอะ
อีกหน่อยพวกลื้อจะทำมาหากินไม่ได้เพราะกาลกิณีอย่างมัน”
“พอได้แล้ว
ฉันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ได้ยินชัดไหม” ต๋องตะโกนขึ้น
จะเด็ดถามว่าแล้วจะหน้าด้านอยู่ต่อไปทำไม
“เพราะฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นไงว่าไอ้ตัวซวยจริงๆที่ทำให้ตลาดแย่ลงอย่าง
ทุกวันนี้น่ะมันเป็นใคร”
“ได้...งั้นอั๊วจะให้เวลาลื้อไม่เกินสามวัน ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ คราวนี้ลื้อก็ต้องลากกระเป๋าออกไปจากบ้านเอเอฟทันทีตกลงไหม”
“ได้” ต๋องตอบ จ้องหน้ากับกิมฮวยแบบไม่มีใครยอมใคร
หลัง
จากนั้น ต๋องก็ให้เลื่อนและรักเร่ซึ่งมีพวกแก๊งใต้สะพานเป็นเพื่อนร่วมรุ่น
นอกจากเพื่อนแล้วยังมีเมียเพื่อนอีก ให้พวกนี้ช่วยกันออกไปทำงาน โดยทำที
ไปซื้อของตามแผงในตลาดโดยเฉพาะพวกแกนๆที่เป็นพรรคพวกของกิมฮวย
ซื้อของแล้วถ่ายรูปจับผิดไว้เป็นหลักฐาน
เมื่องานขั้นแรกเสร็จเรียบ
ร้อย ต๋องก็ให้เลื่อนป่าวประกาศว่า วันนี้ลุงชวนชมใจดีฉายหนังฟรีให้ดู
ใครอยากดูหนังฟรีให้ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย
ชาวตลาดพากันตื่นเต้นกับของฟรีพากันหยุดขายของไปเข้าโรงหนังกันจนตลาดแทบ
ร้าง
ปรากฏว่าฉายหนังได้ไม่กี่อึดใจก็หยุดอ้างว่าเครื่องขัดข้อง ระหว่างรอแก้ไขต๋องก็ประกาศให้ทุกคนดูอะไรเพลินๆกันไปก่อน
อะไร
เพลินๆของต๋อง
คือฉายภาพที่ก๊วนของเลื่อนกับรักเร่ไปซื้อของตามร้านที่เป็นแกนๆของกลุ่ม
กิมฮวย แล้วถ่ายภาพจับผิด ทั้งเรื่องเอาของหมดอายุ
มาขาย
เอาของเสียสอดไส้ ขายปลาก็ตักน้ำแข็งติดไปด้วย
เอาหมูสกปรกที่ถูกหนูแทะมาขาย
กระทั่งขายมะพร้าวขูดก็แอบเติมน้ำเข้าไปให้หนักตาชั่ง
บรรดาพวกที่
ถูกเปิดโปงต่างอายหน้าม้านไปตามกัน เมื่อฉายคลิปแฉจนหมดแล้ว
มีเสียงบ่นว่าแบบนี้เองคนถึงไม่เข้าตลาดกัน ต๋องได้ที ประกาศกลางโรงหนังว่า
“ทีนี้ทุกคนก็คงรู้กันแล้วนะว่า ตัวซวยของตลาดน่ะเป็นใคร”
ooooooo
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่2 วันที่ 29 ก.ค. 55
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น