วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 3 วันที่ 20 ก.ค. 55

 พิมกับธีระเดินเล่นอยู่ในshopping mall พิมชี้ชวนให้ธีระดูของ ธีระพยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะเขากำลังคิดเรื่องแม่อยู่
       “ไปดูร้านนู้นดีกว่าค่ะ” พิมชวน
       พิมจูงมือธีระแล้วพาเดินไปร้านขายกรอบรูป
      
       พิมเดินดูของอยู่ในร้านขายกรอบรูป เธอหยิบกรอบรูปขึ้นมาสองอันแล้วยื่นให้ธีระดู
       “ธีว่าสองอันนี้ อันไหนเหมาะที่จะใส่รูปแต่งงานของเราคะ อันนี้ดีมั้ย” พิมถาม ธีระมอง “แต่พิมก็ชอบอันนี้”
       “แล้วแต่พิม พิมชอบอันไหนก็เอาอันนั้น” ธีระบอก
       “ไม่สิ พิมอยากให้ธีชอบด้วย”
       “อืมม์ งั้นอันนี้ก็ได้”
       “เอ๊ะ หรืออันนี้ดีคะ”
       “อันไหนก็ได้พิมเลือกไปเถอะ”
       พูดจบธีระก็ยืนเหม่อ พิมมองแล้วก็เอ่ยถาม
       “แล้วธีได้คุยกับสถาปนิกเรื่องบ้านรึยัง”
       “ยังเลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องแม่ เลยไม่ได้คุยซะที” ธีระบอก
       “พิมว่าควรจะคุยได้แล้วนะ เพราะกว่าจะปลูกบ้านก็อีกเป็นปี”
       “หรือว่าเราไม่ต้องปลูกดี”
       “อ้าว ทำไมล่ะคะ” พิมงง
       “ผมมาคิดๆดู แม่ผมก็ไม่สบายอยู่บ่อย ๆ แล้วไม่มีใครอยู่กับแก นอกจากเด็กรับใช้ผมก็เลยคิดว่าหรือเราควรจะไปอยู่บ้านแม่ ผมจะได้ดูแลแกด้วย”
       พิมนิ่งไป
       “พิมว่าไง” ธีระถามย้ำ
       “แต่พิมอยากอยู่ส่วนตัวมากกว่า แล้วบ้านที่ปลูกใหม่ก็อยู่ติดกับคุณแม่ ธีก็ไปดูได้ตลอดเวลานี่คะ”
       “อืมม์ ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้ผมจะคุยกับสถาปนิกแล้วกัน คุณดูของร้านนี้ก่อนนะ”
       “แล้วคุณจะไปไหน”
       “ผมจะไปซื้ออาหารมังสวิรัติให้แม่หน่อย คุณเอาอะไรมั้ย”
       “ไม่ค่ะ”
       ธีระเดินออกไปจากร้าน พิมมองตามแล้วหยิบกรอบรูปในมือขึ้นมาดูก่อนจะวางลง พิมมองตามไปก็เห็นธีระเดินห่างออกไป
      
       พิมนั่งเหม่อเพราะคิดเรื่องธีระอยู่ในบ้าน สุนีย์ถือขนมปังหน้าหมูเดินเข้ามาชะงักมองลูกสาวที่นั่งเหม่ออยู่
       “พิม” สุนีย์เรียก
       “ขา”
       “ขนมปังหน้าหมูลูก ร้อนๆเลย” สุนีย์บอก สาวใช้ถือกาแฟเย็นเดินตามมาให้ “นี่จ้ะกาแฟเย็น”
       “ขอบคุณค่ะแม่”
       พิมหยิบแก้วกาแฟเย็นมาแล้วเอาหลอดคนเล่น สุนีย์มองลูกสาวแล้วตัดสินใจถาม
       “คิดอะไรอยู่ลูก เล่าให้แม่ฟังได้มั้ย”
       “หนูรู้สึกไม่มั่นใจที่จะแต่งงานแล้วค่ะ” พิมบอก
       “อ้าว ทำไมล่ะลูก หรือว่าธีเค้าไม่อยากแต่ง”
       “ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูเพียงแต่คิดว่าธีเค้ารักแม่เค้ามากกว่าหนู”
       “ทำไมคิดเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ แม่บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติหรือหนูจะบอกว่าหนูรักธีมากกว่าแม่”
       “มันไม่ใช่อย่างงั้นค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะ แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องของแม่จะต้องสำคัญที่สุดทุกเรื่อง มันก็ต้องมีเรื่องของธีหรือเรื่องของหนูสำคัญมากกว่าในบางเรื่อง”
       “มันก็ถูกของลูก แต่ตอนนี้แม่เค้าไม่สบาย ธีเค้าก็ต้องให้ความสำคัญแม่เค้ามากกว่าหนูหน่อยนึง”
       “มันไม่หน่อยนะคะแม่ หนูว่าเค้าให้ทั้งหมดเลยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่เค้าต้องมาก่อน”
       “ถ้าใครได้ยินลูกพูดแบบนี้ เค้าจะคิดว่าลูกอิจฉาแม่เค้านะ”
       “หนูไม่ได้อิจฉานะคะ หนูแค่อยากให้ธีแชร์ความรู้สึกให้หนูบ้าง”
       “แม่ว่าเอาอย่างนี้ดีกว่ามั้ย ทางที่ดีหนูควรจะทำตัวให้ใกล้ชิดแม่เค้ามากกว่านี้ หนูจะได้รู้สึกเป็นส่วนนึงของครอบครัวเค้า”
       พิมมองหน้าแม่แล้วเอ่ยถาม
       “มันจำเป็นด้วยหรือคะ”
       “รู้มั้ย ตอนแม่แต่งงานกับพ่อ แม่ต้องใช้เวลาพิสูจน์กับคุณย่าตั้งสิบปี กว่าคุณย่าจะยอมรับแม่” พิมนิ่งฟัง “แม่ว่าตอนนี้ลูกกำลังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินของครอบครัวเค้า เชื่อแม่ เข้าไปใกล้ชิดแม่เค้าซักนิดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”
       “ก็ได้ค่ะ หนูจะทำตามที่แม่บอก” พิมบอก
       สุนีย์ดึงลูกสาวเข้ามากอด
      
       จินดาคุยกับธีระอยู่ในบ้านของเธอ
       “แม่ว่าลูกอย่าแต่งเลยนะ ลูกแต่งทีไรแม่เข้าโรงพยาบาลทุกทีสงสัยดวงแม่จะชงกับงานแต่งลูก” จินดาบอก
       “ไม่เกี่ยวหรอกครับแม่ แม่แก่แล้วสุขภาพมันก็ไม่แข็งแรงเป็นธรรมดา”
       “แล้วถ้าคราวนี้แม่เกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะ” จินดาถามลองใจ
       “แม่ไม่ต้องห่วง วันงานผมจะจ้างพยาบาลมาประกบแม่ไว้สองคนเลย”
       “ไม่ว่ายังไงลูกก็จะต้องแต่งใช่มั้ยล่ะ”
       “ใช่ครับ คราวนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะไม่ล้มเลิกงานแต่งงาน”
       “เอา ก็แล้วแต่ลูก ถ้าแม่ไปไม่ไหวก็อย่าว่าแล้วกันนะ”
       “ต้องไหวสิครับแม่ มันเป็นวันสำคัญของผม ผมอยากให้แม่ไปด้วยนะ” ธีระบอก
       “ถ้าลูกพูดอย่างงั้นถึงตายแม่ก็ต้องไป”
       จินดาฝืนยิ้มให้กับธีระ
      
       ธีระเดินออกมาที่หน้าบ้านจินดา โดยมีอรเดินตามมาส่ง
       “อร ดูแลคุณยายให้ดีนะ” ธีระกำชับ
       “ค่ะ” อรรับคำ
       “อย่าเอาขนมหวานหรืออะไรที่มีน้ำตาลให้คุณยายกิน เข้าใจมั้ย”
       “ค่ะ อรจะดูแลคุณยายให้ดีที่สุด ไม่ให้มดไต่ไรตอมเลยค่ะ”
       “ดีมาก เอา ชั้นให้แกกินขนมพิเศษร้อยนึง” ธีระหยิบเงินให้
       “ขอบคุณค่ะ”
       ธีระขึ้นรถแล้วขับออก อรมองตามจนรถแล่นพ้นสายตาไป
      
       จินดานั่งหน้าเครียดอยู่ในบ้านเพราะนึกถึงคำที่ลูกชายบอก
       “คราวนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะไม่ล้มเลิกงานแต่งงาน”
       อรถือยาเข้ามายื่นให้จินดา
       “คุณยายขา ถึงเวลาทานยาแล้วค่ะ”
       จินดาปัดทิ้ง “ชั้นไม่กิน”
       “อ้าว คุณยาย ทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ” อรงง
       “ก็ชั้นบอกว่าชั้นไม่กิน”
       “ไม่กินไม่ได้นะคะ เดี๋ยวน้ำตาลขึ้น ช๊อคตายนะคะ”
       “ช๊อคตายสิดี จะได้ไม่ต้องไปงานแต่งงาน”
       “คุณยายคะ หนูถามจริงๆเถอะ ทำไมถึงกีดกันไม่ให้เค้าแต่งงานกัน”
       “ใครบอกเอ็งว่าข้ากีดกัน” จินดาย้อนถาม
       “หน้าต่างมีหูประตูมีปากนะคะ หนูได้ยินคุณยายพูดกับก๊วนเพื่อนทั้งหมดแหละค่ะ”
       “นี่แกแอบฟังงั้นหรือ”
       “หนูไม่ได้แอบฟังนะคะ คุณยายพูดออกดัง อยู่ข้างนอกก็ได้ยิน แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ หนูจะไม่บอกคุณธีหรอก”
       “จริงนะ สาบานให้เอ็งตกนรก”
       “ค่ะ สาบาน แล้วบอกได้รึยังว่าทำไมไม่อยากให้เค้าแต่งงานกัน” อรถามย้ำ
       “พูดไปเอ็งก็ไม่รู้หรอกเพราะเอ็งไม่เคยมีผัว”
       “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคะ”
       “เกี่ยวสิ ไม่มีผัวก็ไม่มีลูก เอ็งไม่มีลูก เอ็งก็ไม่รู้หรอกกว่าการอุ้มท้องเก้าเดือนมันเป็นยังไง เราเลี้ยงเราฟูมฟักของเรามาแต่อ้อนแต่ออก อยู่ๆก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาควักสิ่งที่เรารักไป”
       “มันน่าหวงขนาดนั้นเลยหรือคะ”
       “เอ็งลองคิดดู ถ้าเอ็งเป็นมะเร็งเต้านม แล้วหมอเค้าคว้านนมเอ็งออกไป เอ็งจะรู้สึกยังไง”
       อรมองหน้าอกตัวเอง “มันก็ใจหายนะคะ เรามีสองเต้าของเรามาตั้งแต่เกิด อยู่ๆถูกตัดทิ้งไป หนูคงทำใจไม่ได้”
       “นั่นแหละ เข้าใจแล้วใช่มั้ย ว่าทำไมข้าไม่อยากให้ลูกข้าแต่งงาน”
       “แล้วคุณแดงล่ะคะ ทำไมถึงยอมให้แต่ง เอ๊ะ หรือคุณแดงไม่ใช่ ลูกคุณยาย”
       “มันไม่เหมือนกัน นังแดงมันเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเราต่อให้แต่งงานมีผัวมันก็ไม่ทุ่มเทหัวใจให้ผัวมันคนเดียว แต่ผู้ชายสิพอมันมีเมีย มันก็จะลืมแม่มันก็จะเห็นเมียมันดีกว่าแม่”
       “อืมม์ ก็จริงของคุณยาย ถึงวันนึงหนูมีผัวหนูก็คงรักคุณยายมากกว่าผัว”
       “เอ็งอย่ามาสอพลอ หนอย จะมาหลอกไถเงินข้าล่ะสิ หน้าอย่างเอ็งต้องหลงผัว” จินดาว่า อรมองค้อน
      
       เช้าวันใหม่ ธีระยื่นการ์ดแต่งงานให้เพื่อนที่อยู่ในออฟฟิศ
       “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าครั้งหน้าไม่ไปแล้วนะ” เพื่อนแซว
       “รับรองครั้งนี้แต่งแน่” ธีระบอก
       “เออ แล้วเจอกัน”
       เพื่อนเดินแยกออกไป ธีระพูดกับแอร์โฮสเตสอีกคน
       “พี่เอียดต้องไปนะครับ”
       “ไปอยู่แล้วจ้ะ สองครั้งที่แล้วพี่ก็ไปนะ แน่ะว่าที่เจ้าสาวมาแล้ว”
       พิมลากกระเป๋าเดินเข้ามาหาพร้อมกับถือถุงของที่ซื้อมาจากduty free
       “หวัดดีค่ะพี่เอียด” พิมทัก
       “หวัดดีจ้ะ” เอียดรับคำแล้วก็เดินแยกไป
       “เหนื่อยมั้ยไฟลท์นี้” ธีระถาม
       “ไม่เลยค่ะ เห็นหน้าคุณก็หายเหนื่อยแล้ว”
       “นี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
       “เป๋าฮื้อน่ะค่ะ พิมจะให้เด็กที่บ้านตุ๋นไปให้แม่ธี แล้วธีไม่ต้องห่วงนะคะระหว่างที่ธีไม่อยู่ พิมจะไปดูแลคุณแม่แทนคุณ”
       “จ้ะ ขอบคุณมากจ้ะ ผมฝากแม่ด้วยนะ”
       “ค่ะ ไม่ต้องห่วง แม่คุณก็เหมือนแม่พิม”
       ธีระจับมือพิม “ผมดีใจจริงๆ ที่พิมรักแม่ผม”
       ธีระดึงพิมมากอด พิมฝืนยิ้มให้
       “ผมไปนะ เจอกันวันพุธ”
       “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
       “จ้ะ”
       ธีระจูบหน้าผากพิมก่อนจะเดินออกไป พิมมองตามแล้วหันมาดูถุงเป๋าฮื้อในมือก่อนจะยิ้มกับตัวเอง
       “หวังว่าแม่คุณคงจะชอบเป๋าฮื้อนะ”
      
       จินดาเปิดสมุดโทรศัพท์ เธอไล่ตามตัวอักษรไปเรื่อยๆ อรเดินเข้ามามองด้วยความสงสัย
       “คุณยายหาอะไรอยู่คะ” อรถาม
       “หาเบอร์คิตตี้ เอ็งเคยเห็นบ้างมั้ย ว่าจดไว้ที่ไหน” จินดาถามกลับ
       “คุณยายก็เปิดอักษรคอควายสิคะ”
       “ก็เปิดอยู่นี่ไง มันไม่มี”
       อรชะโงกหน้าเข้ามามอง
       “มันใช่ที่ไหนล่ะคะคุณยาย นี่มันศอศาลา มาค่ะ หนูหาให้” อรเปิดหาจนเจอชื่อและเบอร์คิตตี้ “นี่ไง คิตตี้”
       จินดาหยิบโทรศัพท์ “เอ็งอ่านมาซิเบอร์อะไร”
       “เดี๋ยวค่ะคุณยาย คิตตี้นี่ใครคะ”
       “แฟนเก่าคุณธีเค้าสมัยเรียนหนังสือ”
       “แล้วจะโทรหาเค้าทำไมคะ”
       “ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง อย่าสอด บอกมาซิเบอร์อะไร”
       “0 8 1 …” อรบอกหมายเลขจนครบ
       จินดากดหมายเลขโทรออกทันที
      
       คิตตี้นั่งพิมพ์งานในโน้ตบุ๊คอยู่ในกาแฟ สักพักเสียงมือถือของเธอก็ดัง พิมกดรับ
       “ฮัลโหล”
       “หนูคิตตี้หรือจ๊ะ”
       “ค่ะ ขอโทษค่ะนั่นใครพูดสายคะ”
       “นี่แม่กัปตันธีจ้ะ”
       “อ้าว สวัสดีค่ะคุณแม่ นี่คุณแม่หายดีแล้วหรือคะ”
       “จะว่าดีก็ยังไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกลูก”
       “คุณแม่มีอะไรให้ตี้รับใช้หรือคะ”
       “ไม่มีอะไรหรอกลูก อยู่ๆก็คิดถึงหนูตี้ขึ้นมา ก็เลยโทรมาขอบคุณที่วันนั้นอุตส่าห์ไปเยี่ยมแม่”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่”
       “ช่วงนี้แม่อยู่บ้านคนเดียวเหงาๆ ตาธีเค้าก็ไปบินไม่มีเพื่อนคุย อยู่ๆแม่ก็คิดถึงหนูขึ้นมา ทำไมมันถึงรู้สึกผูกพันกับหนูก็ไม่รู้”
       อรมองจินดาอย่างสงสัย
       “จริงหรือคะ” คิตตี้ดีใจ
       “จริงสิ ถ้าไม่คิดถึงแม่จะโทรหาหนูทำไม”
       “งั้นบ่ายนี้ตี้ว่าง ตี้ไปหาคุณแม่ดีมั้ยคะ คุณแม่อยากทานอะไรคะตี้จะซื้อไปฝาก”
       “ไม่ต้องหรอกลูก ขอแค่หนูมาแม่ก็อิ่มสุขแล้ว”
       อรมองแล้วส่ายหน้าด้วยความหมั่นไส้ในน้ำเสียงอ่อนหวานของจินดา
       “งั้นเดี๋ยวเจอกันค่ะ” คิตตี้พูดแล้ววางสาย
       จินดาปิดโทรศัพท์
       “นี่คุณยายมีแผนใช่มั้ยคะ” อรถาม
       “แผนอะไร”
       “ก็คิดจะยืมมือคุณคิตตี้ทำลายงานแต่งงานลูกชายเป็นครั้งที่สามใช่มั้ยคะ”
       “แกนี่ก็ฉลาดไม่เบา ถ้าแกสวยกว่านี้ซักหน่อย ชั้นเอาเป็นลูกสะใภ้แล้ว”
       จินดาเดินออกไป อรมองตามแล้วพึมพำกับตัวเอง
       “คุณยายนี่ นางมารตัวแม่เลยนะเนี่ย”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น