วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครธรณีนี่นี้ใครครอง ตอน5 วันที่ 2 ก.ค. 55

สายวันนี้ ตุ๊ทำลับๆล่อๆ วิ่งจู๊ดเข้ามาในร้านทองประศรี ทุกคนมองกันอย่างแปลกใจ บรรยงถามประสาตำรวจว่าเป็นอะไรทำท่าอย่างกับตีนแมวไปฉกของใครเขามา

ตุ๊ ป้องปากบอกว่ามีเรื่องเด็ด ทุกคนหูผึ่ง สิงห์ทองถามว่าเรื่องเด็ดอะไร ตุ๊ทำท่าตื่นเต้นเล่าว่า นังซ่อนกลิ่นลูกสาวผู้ใหญ่ทองกับน้าจิต แอบไปอุ๊บอิ๊บกับหนุ่มเซลส์ขายยา พอมันฟันแล้วทิ้งเลย

สิงห์ทองโพล่งไปทันทีว่าอีหรอบเดียวกับไอ้ทองใบเลย ตุ๊เล่าต่ออย่างมันในอารมณ์ว่า

“อื้อ หือ...บ้านแทบระเบิด เพราะไม่ใช่ลูกสาวจะเสียตัวอย่างเดียว ดันโอ้กอ้ากขึ้นมาด้วยน่ะสิ อุตส่าห์ตั้งชื่อลูกสาวว่าซ่อนกลิ่น ตอนนี้ซ่อนไม่ทันแล้วกลิ่นมันหึ่งไปทั้งหมู่บ้านเลย จะออกไปไหนทีแทบต้องเอาปี๊บคลุมหัวแทนหมวกกันเลยล่ะ”

สิงห์ทองคำราม ว่า ถ้าเป็นลูกสาวบ้านนี้พ่อจะฆ่าให้ตายคามือเลย คนระดับนี้ถ้ามาข้องแวะกับลูกสาวตน จะจับเจี๋ยนเสียให้เข็ด พูดแล้วของขึ้น ลุกขึ้นคว้าบรรยงไปขึ้นเข่าแทงศอกกระทืบเท้าใส่ แต่พอปล่อยบรรยงก็ร้องหายาดม

ทองประศรีนั่งสะดุ้งเฮือกๆ นึกหวั่นใจขึ้นมา บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปสั่งของในเมือง จะรีบไปรีบมา ตุ๊รีบลุกบอกว่าตนก็จะไปซื้อยาพอดี เลยออกไปด้วยกัน
ระหว่างทองประศรีเดินไป สิงห์ทองมองสะโพกลูกแล้วเปรยๆกับคำมาผู้เป็นเมียว่า

“ทำไมสะโพกนังศรีมันผายนักวะ ยังกับโดนของมาแล้วงั้นล่ะ”

ooooooo

อาทิ จตั้งหน้าตั้งตาลงหน่อกล้วย ไม่ไปกินข้าวกินปลา จนต๊อด อึ่งกับพันเป็นห่วงเอาข้าวเอาน้ำมาส่ง อาทิจขอบใจบอกให้วางไว้เดี๋ยวจะขึ้นไปกินเอง ให้กลับไปทำงานกันเถอะ

ระหว่างนั้น พันสะดุดตาว่าทำไมหน่อกล้วยที่อาทิจปลูกใบมันลีบก้านมันเล็กอย่างนั้น ถามว่าไปซื้อมาจากไหน

“ไม่ได้ซื้อ มันมีอยู่ในที่คุณย่าเป็นดง แค่ออกแรงขุดเท่านั้นเอง”

ต๊อด นึกออก แต่ไม่ทันพูดอะไร ไพฑูรก็มาเร่งให้กลับไปทำงาน เดี๋ยวทางนี้ตนจัดการเอง ต๊อดยังคันปากยิบๆ ไพฑูรทั้งร้องห้ามและปรามด้วยสายตา แล้วลากทั้งสามไปทำงานที่สวนส้มคุณย่า

ทั้ง อึ่ง พัน และต๊อด ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำของไพฑูรว่าทำให้อาทิจเหนื่อยเปล่า หน้าแตกด้วย ต๊อดจะไปบอกอาทิจ พันกับอึ่งเอาด้วย ไพฑูรถามว่าสามคนจะเดือดร้อนอะไรนักหนา เรื่องนี้ก็แค่ดรุณีจะแหย่อาทิจเล่นๆ กระทั่งขู่ว่า

“ถ้าพวกเอ็งบอก ก็เท่ากับพวกเอ็งตั้งตัวเป็นศัตรูกับคุณดรุณี เอ็งคิดว่าใครจะขึ้นมาดูแลที่นี่แทนคุณย่า ใครที่จะเป็นคนจ้างพวกเอ็งทำงานต่อไป คิดดูให้ดี”

ถูกไพฑูรเอาไม้นี้มาขู่ ทั้งสามเลยจุกพูดไม่ออก

ooooooo
อาทิจยังปลูกกล้วยอย่างอดทนมุ่งมั่น เวลาพักเหนื่อยก็ไปนั่งเขียนจดหมายที่ใต้ต้นไม้ เล่าถึงการปลูกกล้วยอย่างมีความสุข บอกว่าคุณย่านอกจากสนับสนุนโครงการนี้แล้วยังจะให้เงินเดือนและส่วนแบ่งจาก การขายกล้วยให้ตนด้วย ชมทุกคนที่นี่ว่าเป็นมิตร และร่วมแรงร่วมใจทำงานกับตนดีมาก สุดท้ายเขาเขียนว่า

“...นับวันผม ยิ่งรักที่นี่มากขึ้นทุกที แต่ก็ไม่มีวันลืมบ้านของเรา บ้านที่มีพ่อ แม่ และน้องรอผมอยู่...คิดถึงคุณพ่อคุณแม่และน้องๆทุกคนสุดหัวใจครับ...อาทิจ”

จน กระทั่งเย็น เลิกงานแล้ว คนงานบ้างเดินบ้างขี่จักรยานกลับบ้าน อาทิจทักทายอย่างอัธยาศัยดีว่าเลิกงานกันแล้วหรือ คนงานเข้ามายืนดูอาทิจที่กำลังปลูกกล้วย แล้วหันมองหน้ากันอย่างงวยงง

แล้วเรื่องก็ถึงหูคุณย่า เมื่อน้าแก้วมาบอกว่า จิ๋วแจ๋วเล่าว่าคนงานคุยกันถึงเรื่องอาทิจเอากล้วยป่ามาปลูกในแปลง

คุณ ย่าหน้าเครียด ดุทุกคนที่มายืนเงียบกริบอยู่ข้างหลังว่าสนุกมากไหม เห็นหลานตนเป็นตัวตลกหรือไง ปล่อยให้ปลูกกล้วยป่าเป็นไร่ๆ อย่างนี้ได้ยังไง ถามเสียง เครียด “หัวใจพวกแกทำด้วยอะไรหา!!”

อาทิจทั้งเสียใจ เสียความรู้สึก เขาขอโทษคุณย่า สบตาดรุณีแล้ววิ่งหนีไปอย่างสุดที่จะทนกับสายตาของทุกคนได้ คุณย่าเรียกไพฑูรมาดุว่า ให้มาช่วยอาทิจขุด หน่อกล้วยแล้วทำไมไม่บอกว่ามันเป็นกล้วยป่า ไพฑูร อึกอักแล้วโยนกลองว่าดรุณีไม่ให้บอก ทำเอาดรุณีเสียวสันหลังวาบ
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น