วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 7 จบตอน วันที่ 16 ก.ค. 55

 เช้าวันต่อมา...เจ๊อึ่งพาเหล่ากุ้งนางและผองเพื่อน เดินมาตามทาง ชี้ให้ดูห้องทำงานต่างๆ ห้องเก็บชุด ห้องเก็บอุปกรณ์ ต่างๆ จนมาถึงห้องซ้อมเต้น
      
       “นี่ห้องซ้อมเต้น เข้ามา”
       เขียดเรียกด้วย
       “เข้ามาสิ”
       เจ๊อึ่งนำเข้าไปในห้อง ทุกคนเดินตามอย่างตื่นตาตื่นใจ เห็นเหล่าแดนเซอร์ ยืนโพส์ท่าพ้อยเท้าเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ทั้งหมดวอร์มร่างกายเตรียมซ้อม ชะเอม ลองหยิกหน้าดู แดนเซอร์หนุ่มร้องกรี๊ด
       “อ๊าย คนนะยะ ไม่ใช่หุ่น”
       ชะเอมสะดุ้ง ยิ้มแหยๆ
       “ขอโทษพี่ หนูไม่รู้เห็นพี่ยืนแข็งอยู่เลยลองจับดู”
       แดนเซอร์ปิดปากตกใจ
       “นางว่าอะไรฉันแข็งยะ หยาบคายมาก”
       กุ้งนางรีบเข้ามาเคลียร์
       “เอ่อ...พี่ขาหนูขอโทษแทนเพื่อนด้วย เค้าหมายถึงพี่ยืนตัวแข็งน่ะจ้ะ”
       ครูแจ๋เดินเข้ามา เจ๊อึ่งหันมาบอกกับทั้งสี่คน
       “เด็กๆ นี่ครูแจ๋ เป็นครูสอนแดนเซอร์ที่เก่งที่สุดในเวลานี้...กุ้งกับชะเอมมาเป็นผู้ช่วยเจ๊จ้ะ”
       เขียดสอดขึ้น
       “ส่วนผู้ชายสองคนนั่นด้วงกับก้าน จะมาเป็นเด็กคอนวอย ดูแลเครื่องดนตรี”
       ครูแจ๋ยิ้มแย้ม
       “ดีๆ วันนี้เรามีซ้อมเต้น พวกเธออยู่ดูด้วยแล้วกันนะ เจ๊ให้เด็กไปเอาขนนกที่จะพันตัวมาเลยแล้วกันนะ เดี๋ยวชามาดากับนทีทองมาแล้ว จะได้ซ้อมเลย”
       กุ้งนางชะงัก
       “วันนี้หนูจะได้เจอนทีทองด้วยเหรอคะ”
       “ใช่สิ ก็อับั้มชุดนี้ เราทำงานกับนทีทองแล้วก็ชามาดา”
       ด้วงดีใจ
       “นี่ โอ๊ย สวรรค์เป็นจริงได้เจอชามาดาตัวเป็นๆ ซะที”
       ชะเอมแอบค้อนหมั่นไส้ ครูแจ๋กับเจ๊อึ่งเห็นแล้วขำ เจ๊อึ่งมองหน้าด้วง
       “ไอ้ด้วงเอ๊ย เจอชามาดาแล้ว เจ๊ขอให้ดีใจจนถึงซ้อมจบเลยนะ”
      
       รถตู้ขนเสื้อผ้านจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าบริษัทสยามซอง เจ๊อึ่งกับเขียดหยิบขนนกออกมาถือ ก่อนจะหันไปสั่ง
       “กุ้ง ชะเอมขนของที่เหลือ ตามเจ๊กับเขียดไปนะ”
       เจ๊อึ่งกับเขียดเดินเข้าตึกไป กุ้งนางกับชะเอมช่วยกันเปิดกล่อง ระหว่างนั้นมีรถตู้มาจอดใกล้ๆประตูรถเปิดออก ผู้จัดการลงมาจากรถ แล้วตามมาด้วยชามาดาใส่แว่นตากันแดดอันโต กุ้งนางกับชะเอมพอเห็นศิลปินก็สะกิดกันดู
       “ไอ้กุ้ง นั่นชามาดานี่ อู๊ย ดีใจสุดๆ เลย ไปเร็ว ไปดูกัน”
       สองสาวรีบทิ้งงานแล้ววิ่งไปดูด้วยความดีใจ
      
       ชามาดาเดินเข้ามาในล็อบบี้พอถอดแว่นตาออกหน้าตาเธอก็บึ้งตึง แต่พอเห็นกุ้งนางกับชะเอมจูงกันวิ่งตามมาก็หันไปยิ้มหวานทันที ชะเอมปลื้มสุดๆ
       “อ๊าย น่ารักจังยิ้มให้ด้วย...พี่ชามาดาคะ หนูเป็นแฟนเพลงพี่ค่ะ”
       “เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ เอ่อแล้วนี่จะถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นคะ”
       ชะเอมหันไปหากุ้งนาง
       “โอ๊ย ไอ้กุ้ง พี่จะเป็นลม ทำไมนิสัยดียังงี้ไม่ถือตัวเลย”
       “ตกลงจะถ่ายรูปรึเปล่าคะ พี่ต้องรีบไปซ้อม”
       กุ้งนางยิ้มให้
       “พวกเราไม่มีกล้องค่ะ”
       “งั้นลายเซ็นแล้วกัน ไหนคะกระดาษ”
       ชะเอมหน้าเจื่อน
       “เอ่อ...กระดาษก็ไม่มี ปากกาก็ไม่มีค่ะ”
       ชามาดายิ้มหวาน
       “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้จัดการพี่มี”
       ชามาดาหันไปทางผู้จัดการพอหันปุ๊บก็ชักสีหน้ากัดฟันพูดกับผู้จัดการเบาๆ
       “อีสองตัวนี่ท่าจะบ้ามาหาดาราไม่มีอะไรสักอย่าง” ชามาดาเปลี่ยนเป็นเสียงดัง “พี่วีวี่ขาขอกระดาษปากกาให้ดาด้วยค่ะ”
       วีวี่ส่งให้ชามาดาเซ็นให้
       “ด้วยรักจากพี่ ชามาดา”
       พอเซ็นเสร็จส่งให้ สองสาวก็กรี๊ดดีใจ ทันใดนั้นเสียงจิรายุก็ดังขึ้น
       “กฎข้อที่หนึ่งของบริษัท พนักงานทุกคนห้ามวุ่นวายกับศิลปิน”
       ทุกคนหันไปตามเสียง จิรายุเดินมา ชามาดาเสียงแว้ดทันที
       “อะไรนะ นี่แกสองคนเป็นคนงานเหรอ ทุเรศ อ๊าย...จิ มันมาโกหกดา ว่ามันเป็นแฟนคลับค่ะ”
       จิรายุตัดบท
       “ดาไปห้องซ้อมเถอะ”
       “ไปพร้อมกันนะคะจิ”
       ชามาดาคล้องแขนจิรายุก่อนจะหันไปบอกวีวี่
       “รีบตามมานะ หูย...พูดด้วย มาทำหน้านิ่งกวนประสาทอีกคนแล้ว”
       ชามาดาลากจิรายุเดินออกไป วีวี่รีบตามไป
       
       กุ้งนางกับชะเอมยืนนิ่งตกใจที่ชามาดาเปลี่ยนไปเป็นหลังมืออย่างรวดเร็ว
 ในห้องซ้อมเต้น ชามาดายืนจ้อง กุ้งนาง กับชะเอมที่ถือขนนกสำหรับซ้อมอยู่ด้วยสายตาพิฆาต
      
       “จิคะ ดาไม่ชอบหน้าสองคนนี่เลย ไล่ออกได้มั้ย”
       ทุกคนในห้องตกใจ ก้านกับด้วงรีบเดินมาหากุ้งนางกับชะเอม ก้านพยายามขอร้อง
       “อย่าเพิ่งไล่ออกนะครับ กุ้งกับชะเอมยังไม่รู้กฎระเบียบน่ะครับ”
       ชามาดาไม่สน
       “รู้ไม่รู้ไม่สำคัญ แต่ฉันรำคาญ เห็นหน้าแล้วทำงานไม่ได้”
       กุ้งนางมองหน้า
       “แค่เราชื่นชมคุณมากนี่มันผิดเหรอคะ ถ้าคุณไม่ชอบชื่นชม งั้นเราเปลี่ยนเป็นเกลียดคุณแทนก็ได้”
       ชามาดาโกรธ
       “อ๊าย นังนี่ แกเป็นใคร ถึงจะกล้ามาเกลียดฉัน เห็นมั้ยคะจิ เห็นมั้ยทุกคน นังนี่มันยะโสโอหังกับดา มันบ้า”
       ชะเอมเถียง
       “คุณสิบ้า อยู่ๆ ก็โวยวาย ร้องกรี๊ดๆ”
       “แกสิบ้า อ๊าย”
       ชามาดาจะพุ่งไปตบชะเอม แต่เจ๊อึ่งเข้ามาขวาง จิรายุก็ช่วยดึงไว้
       “พอได้แล้วดา”
       “จิต้องลงโทษให้พวกมันนะคะ มาวันแรก มันก็ปากเสียขนาดนี้แล้ว”
       “น้องดาจ๋า ใจเย็นนะคะ ไว้เจ๊จะอบรมลูกน้องเจ๊เอง”
       ชามาดาจ้องหน้าเจ๊อึ่ง
       “เจ๊ชื่อจิเหรอ”
       เจ๊อึ่งหน้าหงาย จิรายุขัดขึ้น
       “นี่เพิ่งเป็นความผิดครั้งแรก ผมจะตักเตือนให้”
       ชามาดาไม่ยอม
       “แค่ตักเตือนเหรอคะ ดาบอกแล้วไงไล่ออกไปเลย”
       จิรายุพูดเสียงแข็งจริงจัง
       “เรื่องนิดหน่อยเอง ไว้เค้าเรียนรู้ระเบียบบริษัทก่อน ถ้ายังทำผิดอีก ค่อยว่ากัน”
       พอเห็นจิรายุเอาจริงชามาดาก็เงียบ เจ๊อึ่งหันไปหากุ้งนางกับชะเอม
       “ไป เราสองคนไปคอยเจ๊ที่ห้องคอสตูมไป เดี๋ยวเจ๊เสร็จทางนี้ แล้วจะเข้าไปอธิบายงาน”
       กุ้งนางกับชะเอมออกไป ชามาดามองตามไม่พอใจ ก้านกับด้วงจะเดินออกไปด้วย ครูแจ๋รีบเข้ามากระซิบสองหนุ่ม
       “หายดีใจแล้วเหรอ”
       ด้วงถอนใจ
       “เปลี่ยนเป็นขนพองสยองเกล้าเลยคร๊าบพี่น้อง”
       ก้านกับ ด้วงเดินตามออกไป จิรายุก็จะเดินไปด้วย ชามาดาดึงไว้
       “จิจะไปไหน ดาอยากให้จิอยู่ดูดาซ้อมนะคะ”
       จิรายุหันไปหาครูแจ๋
       “ถ้าพี่นทีมา ครูให้เด็กไปตามผมด้วยนะครับ”
       “ฮ่ะ”
       “ดาไปเตรียมตัวซ้อม เดี๋ยวนี้เลย”
       จิรายุแกะมือชามาดาออกแล้วเดินไป ชามาดามองตามไม่พอใจ
      
       กุ้งนางกับชะเอมเดินคอตกมาตามทางเดิน ก้านกับ ด้วง เดินตามมา ชะเอมถอนใจ
       “เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าหน้าตาสวยๆ มีเงินมีทอง จะนิสัยแบบนี้”
       ก้านมองหน้าด้วง
       “เป็นไงล่ะพี่ด้วง ศิลปินในดวงใจไม่ใช่เหรอ”
       ด้วงเซ็งๆ
       “โอ๊ย...ไม่เอาแล้ว ขอปันใจกลับไปรักแม่ผ่องศรีเหมือนเดิมดีกว่า”
       กุ้งนางที่เดินๆอยู่ก็หยุดทันที ทุกคนหยุดตาม ก้านถามอย่างสงสัย
       “มีอะไรเหรอกุ้ง”
       “ฉันกำลังคิดว่า พ่อจะเป็นยังไง”
       ชะเอมมองหน้าเพื่อน
       “กุ้งคิดว่า นทีทอง พ่อกุ้ง จะนิสัยเหมือนชามาดานี่น่ะเหรอ”
       กุ้งนางกังวล
       “ไม่รู้สิพี่ชะเอม ถ้าพ่อดีแล้วทิ้งแม่ทำไม”
       ก้านปลอบ
       “เอาน่า ยังไม่ได้เจอกันก็อย่าเพิ่งไปคิดเลย ถึงจะเป็นยังไงเราก็คงเข้าใกล้นทีทองไม่ได้อยู่ดี”
       ชะเอมไม่เข้าใจ
       “แปลกเนอะ คนเค้ารักเค้าชื่นชม แต่กลับห้ามเข้าใกล้”
       จิรายุเดินตามมาทันประโยคสุดท้ายพอดี
       “ถ้าไม่ห้าม ก็เป็นแบบเมื่อกี๊ไง”
       ชะเอมตกใจ
       “ท่าน...ทะ...ท่านมาก็ไม่บอก”
       จิรายุยิ้ม
       “พนักงานไม่ควรบ้า...กรี๊ดที่เจอศิลปิน ศิลปินจะไม่มีความเป็นส่วนตัว เสียเวลาทำงานทั้งพนักงานทั้งศิลปิน”
       กุ้งนางไม่ชอบใจนัก
       “คุณไม่ต้องห่วง ต่อไปพวกเราจะอยู่ห่างๆ ศิลปินเทวดาของคุณ จะไม่ยุ่งไม่พูดไม่คุยด้วยเลย พอใจมั้ย”
       “ถ้าทำแล้วเป็นผลประโยชน์บริษัท ฉันก็พอใจ”
       จิรายุจะเดินไปแต่แล้วก็หันกลับมา
       “อ้อ...จำไว้อีกอย่างนะ ศิลปินไม่ได้เหมือนกันหมดทุกคน บางคนเค้าก็ใจดีไม่ถือตัว ถ้าเค้าอนุญาต แล้วงานพวกเธอไม่เสีย บริษัทก็ไม่ว่าอะไร”
       พูดจบจิรายุก็เดินไป ทุกคนมองตาม ด้วงเปรยๆ
       “ดูๆ ไปท่านจิรายุ ก็น่าจะเป็นคนดีนะ”
       กุ้งนางเบ้ปากไม่เห็นด้วย
      
       รถตู้อีกคันแล่นมาจอดด้านหน้าบริษัท นทีทองลงมาจากรถพร้อมซองจูผู้จัดการ
       “ซองจู พี่ยังพอมีเวลาใช่มั้ย”
       “15 นาทีครับพี่ พี่จะไปไหนครับ”
       “จะไปหากาแฟกินหน่อย”
       “พี่ไปรอที่ห้องซ้อมก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมชงไปให้”
       “อย่าเลย แวะไปกินที่ห้องคอสตูมของเจ๊อึ่งดีกว่า จะได้คุยเรื่องเสื้อสูทที่พี่จะใส่วันสัมภาษณ์ทีวีด้วย”
       ผู้จัดการพยักหน้ารับ แล้วนทีทองกับผู้จัดการเดินเข้าตึกแล้วแยกย้ายกันไป
      
       ในห้องเสื้อผ้า ชะเอมเอาชุดสวยๆมาลองใส่แล้วเดินมาให้กุ้งนางดู
       “ไอ้กุ้ง ชุดนี้พี่ใส่แล้วสวยมั้ย”
       “สวยจ้ะสวยมาก แต่เดี๋ยวเจ๊อึ่งมาเห็นจะสวยกว่านี้นะพี่ระวังด้วย”
       ชะเอมค้อน
       “แหม...ก็ลองนิดเดียวเอง ถอดก็ได้วะ”
       ชะเอมจะรูดซิปลงแล้วซิบเกิดติด
       “ไอ้กุ้ง ตายล่ะ มาดูหน่อยเร็วพี่ถอดไม่ได้”
       กุ้งนางเดินมาดู
       “อุ๊ย พี่ ซิปมันกินผ้าน่ะ”
       กุ้งนางพยายามจะดึงแรงๆ
       “เฮ้ย...อย่าดึงแรง เดี๋ยวขาดไปไม่มีเงินซื้อใช้เค้านะ เอางี้ไปเอาเข็มมาค่อยๆเกี่ยวออกดีกว่า”
       กุ้งนางกับชะเอมพากันเดินหายไปหลังราวเสื้อผ้าแล้วลงนั่งช่วยกันแกะ นทีทองเปิดประตูเข้ามา
       “เจ๊...เจ๊อึ่ง อยู่รึเปล่า ยู้ฮู้...ยู้ฮู้...”
       กุ้งนางกับชะเอมตกใจตามเสียง ชะเอมกระซิบกระซาบ
       “ตายละ ทำไงดีล่ะ พี่จะโดนไล่ออกมั้ยวะ”
       กุ้งนางกระซิบ
       “ไม่เป็นไรพี่ ฉันไปรับหน้าเอง”
       นทีทองยังคงร้องเรียก
       “เจ๊อึ่ง...ตกลงมีใครอยู่รึเปล่า”
       “มีค่ะ”
      
       กุ้งนางลุกขึ้นออกมาจากหลังราวเสื้อผ้า นทีทองหันมา กุ้งนางตกตะลึง ทั้งสองจ้องมองหน้ากันไปมา
 กุ้งนางยืนจ้องนทีทองไม่วางตา นทีทองยิ้มให้
      
       “เจ๊อึ่งล่ะหนู”
       กุ้งนางยังยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินที่นทีทองพูด แต่ตาจ้องด้วยความแค้นใจกำหมัดแน่น นึกถึงความลำบากของแม่ที่ผ่านมา ชะเอมที่นั่งซ่อนตัวอยู่เห็นมือของกุ้งนางแล้วแปลกใจ เงยหน้ามองเพื่อนด้วยความสงสัย นทีทองยังคงยิ้มให้
       “เอ่อ...หนู...เจ๊อึ่งอยู่รึเปล่า”
       กุ้งนางยิ่งจ้องจนนทีทองเริ่มงง ชะเอมที่นั่งลุ้นซ่อนตัวอยู่ทนไม่ไหวลุกขึ้นยืนคุยกับกุ้งนาง
       “เป็นอะไรไอ้กุ้ง ทำไมไม่ตอบ”
       ชะเอมหันมองตามสายตากุ้งนางไปก็ต้องอึ้งตกใจ
       “นทีทอง”
       นทีทองยิ้มให้ชะเอม
       “พี่มาหาเจ๊อึ่ง เขาอยู่ไหน”
       “เอ่อ...มะ...ไม่อยู่ค่ะ อยู่ห้องซ้อม”
       “ไม่เป็นไร แล้วหนูสองคนมาใหม่เหรอ ชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
       ชะเอมจะอ้าปากตอบแต่กุ้งนางชิงตอบก่อน
       “คุณจะรู้ไปทำไม คนอย่างพวกเรา คงไม่มีค่าพอจะให้คุณรู้จักหรอก”
       นทีทองตกใจ ชะเอมต้องรีบดึงแขนกุ้งนางสะกิดให้ระวัง
       “เฮ้ย ไอ้กุ้ง”
       นทีทองงงๆ
       “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เราอยู่บริษัทเดียวกัน หนูมาใหม่ ฉันอยู่มาก่อน ก็น่าจะทำความรู้จักกันไว้ เผื่อต่อไป เราต้องร่วมงานกัน จะได้ดูแลกัน”
       “ฮึ...ดูแล...อย่าพูดถึงสิ่งที่คุณไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่าดีกว่า”
       ชะเอมรีบปรามเพื่อน
       “ไอ้กุ้ง...พอเถอะ เอ้อ...พี่นทีทองคะ หนูขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ”
       “ไม่เป็นไร วันนี้เพื่อนหนูคงอารมณ์ไม่ดี ไว้วันหน้าเราค่อยคุยกันนะ”
       นทีทองจะเดินออกไปแล้วนึกได้ หันกลับมามองจ้องกุ้งนางแล้วเดินมาหาใกล้ๆ กุ้งนางเริ่มมองสงสัย
       “หนูนี่หน้าตาเหมือนใครสักคนที่ฉันรู้จัก...เฮ้อ นึกไม่ออก...เวลาคิดอะไรไม่ออกนี่มันกวนใจจริงๆ หนูว่ามั้ย”
       นทีทองยิ้มใจดีแล้วเดินออกไป กุ้งนางมองตามด้วยความอัดอั้นตันใจแค้นใจ
       “ไอ้กุ้ง เอ็งนี่ไม่ได้เลยนะ เขายังไม่รู้ว่าเอ็งเป็นลูก ไปต่อว่าเขาซะแล้ว”
      
       ในห้องซ้อมเต้น...ชามาดานั่งเล่นเกมไอแพดอยู่มุมหนึ่ง เหล่านักเต้นจับกลุ่มคุยอยู่กลางห้อง บ้างก็วอร์มร่างกาย ครูแจ๋กับเจ๊อึ่งยืนคุยกันอยู่มุมหนึ่ง ครูแจ๋ถือขนนกเส้นหนึ่งอยู่ เอาพันตัวแล้วหมุนหนึ่งรอบให้เจ๊อึ่งดู
       “เห็นมั้ยเจ๊ ต่อให้หมุนยังไงมันก็ไม่สะดุด ยาวอีกครึ่งยังได้เลย”
       “ถ้าเจ๊ทำมายาวกว่านี้ ตอนที่เต้นรอบๆ นทีกับชามาดา มันจะไม่เหยียบกันเหรอ”
       “อุ๊ย...ก็ให้ผู้ชายที่เต้นคู่มันช่วยยกสิ เริ่ดจะตาย”
       นทีทองเปิดประตูเดินเข้ามา ชามาดาปิดหนังสือทันทีแล้วเริ่มเตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อจะซ้อมเต้น แล้วมาวอร์มร่างกายกับเหล่านักเต้น นทีทองเดินไปที่เจ๊อึ่งกับครูแจ๋
       “ไม่รู้ว่าเจ๊อยู่นี่ ผมไปหาที่ห้องคอสตูม”
       เจ๊อึ่งแปลกใจ
       “นทีมีอะไรรึเปล่า”
       “จะถามว่าสูทที่จะใส่สัมภาษณ์รายการทีวีวันพรุ่งนี้มารึยัง จะได้เอาไปเลย”
       “มาแล้ว เดี๋ยวเลิกซ้อมเจ๊เอามาให้นะ”
       นทีทองนึกได้
       “เออเจ๊ เมื่อกี้ผมเจอกับเด็กผู้หญิงสองคนในห้อง ลูกน้องใหม่เหรอ”
       “ใช่...เพิ่งเริ่มงานวันนี้เอง”
       “มีคนหนึ่งผมรู้สึกคุ้นหน้ามากเลย เหมือนเคยเห็น หรือหน้าเขาเหมือนใครสักคน”
       ครูแจ๋คิดนิดนึง
       “แฟนคลับสาวๆ รึเปล่า เห็นชอบมาล้อมหน้าล้อมหลังจนตาลาย”
       “ไม่นะครูแจ๋” นทีทองหันไปถามเจ๊อึ่ง “เด็กสองคนนั่นชื่ออะไรล่ะ”
       “คนหนึ่งชื่อกุ้งนาง อีกคนชะเอม เอ...แต่ว่าไป พอนทีบอกหน้าคุ้น เจ๊ก็รู้สึก
       เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้เหมือนใคร”
       ครูแจ๋แย้ง
       “แหม...คนสมัยนี้หน้าตาเหมือนกันเยอะไป ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
       ชามาดาเดินเข้ามาผ่ากลางวง
       “ตกลงจะซ้อมหรือจะเมาท์กัน ไม่ทราบคะ มาช้าแล้วยังจะมาเมาท์อีก”
       “ก็ซ้อมซีค้า น้องดาแอนเจิล นางฟ้านางสวรรค์...” ครูแจ๋ตบมือเรียกแดนเซ่อร์รวมตัว “เอ้าทู้กคน มารวมกันกลางห้อง”
       ครูแจ๋เดินไป ชามาดามองนทีทองทำหน้าเชิ่ดใส่แล้วเดินไป เจ๊อึ่งหมั่นไส้
       “หือ...นังนี่มันน่ากระชากไส้มากขึ้นทู้กกกกวัน ตกเมื่อไหร่คอยดูนะนที เจ๊จะยำ
       ให้เละเลย”
       “ไม่เอาน่าเจ๊ เอาธรรมะเข้าข่มซะนะ ผมไปซ้อมก่อนนะ”
       นทีทองเดินไป เจ๊อึ่งมองชาดามาอย่างเหลือทน
      
       ก้านกับด้วงนั่งเช็ดเครื่องเป่าอยู่ในห้องเก็บเครื่องดนตรี กุ้งนางกับชะเอมเดินเปิดประตูเข้ามา ชะเอมถามทันที่เมื่อพบหน้า
       “ไอ้ก้าน พี่ด้วง ยุ่งอยู่เหรอ”
       ด้วงหันมาตอบกวนๆ
       “ไม่ยุ่งจ้ะ เตะตะกร้อกันอยู่”
       ชะเอมฉุนกึก
       “แหม...ถ้าไม่ติดว่าคนตอบหน้าหล่อขั้นเทพ ชะเอมยันตกตึกไปแล้วนะเนี่ย”
       ด้วงสะดุ้งหน้าเสีย ก้านมองชะเอม
       “มีอะไรเหรอชะเอม”
       “ก็เรื่องไอ้กุ้งน่ะสิ”
       ก้านกับด้วงมองไปที่กุ้งนางเห็นหญิงสาวยืนหน้ามุ่ยอยู่
      
       กุ้งนาง ชะเอม ก้าน ด้วง นั่งดื่มกาแฟเย็นกันอยู่ที่โรงอาหารในบริษัทสยามซอง ก้านกับด้วงตกใจโพล่งออกมาพร้อมกัน
       “ห๊า...เจอกับนทีทองแล้ว”
       กุ้งนางพยักหน้า
       “จ้ะพี่”
       ก้านรีบถาม
       “แล้วได้คุยกันรึเปล่า”
       กุ้งนางกับชะเอมพยักหน้าพร้อมกัน ก้านกับด้วงตกใจอีก ร้องขึ้นพร้อมกันอีก
       “ห๊า...ได้คุยกันด้วย”
       ด้วงตื่นเต้น
       “แล้วพี่นทีทองเขาว่ายังไง”
       กุ้งนางพูดเรียบเฉย
       “ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
       ก้านกับด้วงร้องพร้อมกันอีกครั้ง
       “ห๊า...ไม่ได้ว่าอะไร”
       ชะเอมระอา
       “โอ๊ย...หาอยู่ได้...ตกลงจะหาเจอมั้ยเนี่ย”
       “หุบปากไปเลยนังชะเอม” ก้านหันไปถามกุ้งนาง “แล้วตกลง พ่อกุ้งเขายอมรับกุ้งรึเปล่า”
       กุ้งนางถอนใจบางๆ
       “ฉันยังไม่ได้บอกเขาเลยพี่ก้าน”
       ด้วงแปปลกใจ
       “ทำไมล่ะ เอ็งอุตส่าห์ดั้นด้นเดินมาถึงนี่ ก็เพื่อจะเจอเขาไม่ใช่เหรอ”
       “ตอนแรกฉันก็ตั้งใจแบบนั้น แต่พอได้เห็นหน้าเขา ก็พูดไม่ออก”
       ชะเอมเบ้หน้า
       “โอ้โห...พูดไม่ออก ต่อว่าเขาไปเป็นชุดเลย”
       “ก็ฉันนึกถึงความเจ็บปวดของแม่ที่เขาไม่เคยสนใจ ฉันก็โกรธนะสิ”
       ชะเอมหันไปหาสองหนุ่ม
       “นี่พวกพี่ ไอ้กุ้งมันจะมาปรึกษาว่าจะเอาไงต่อดี แต่ฉันคิดว่า น่าจะบอกไปเลยนะ”
       ด้วงขัดขึ้น
       “แต่ถ้าบอกไปแล้วเขาไม่ยอมรับล่ะ จะทำยังไง”
       ชะเอมจ๋อยไป ก้านจ้องหน้ากุ้งนาง
       “กุ้ง...พี่ขอถามหน่อย ตกลงกุ้งต้องการอะไรจากเขา”
       “ฉันอยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งแม่ไป และเพราะเขาแม่ต้องตายอย่างอนาถา ฉันอยากให้เขารู้ว่าเขาทำลายชีวิตแม่ ฉันเกลียดเขา”
       พูดจบกุ้งนางก็ร้องไห้ชะเอมต้องกอดปลอบ ก้านครุ่นคิดก่อนจะแนะ
       “ถ้ายังงั้นกุ้งต้องค่อยๆ บอกเขา”
       ด้วงไม่เข้าใจ
       “ทำไมต้องค่อยๆ บอกวะไอ้ก้าน”
       “ก็กุ้งมันกำลังโกรธ เสียใจ แค้นใจ จะยอมรับฟังเขาเหรอพี่ เราก็ยังไม่รู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อยี่สิบปีก่อน กุ้งต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ สืบหาความจริงก่อน”
       ด้วงเห็นด้วย
       “เออก็จริงของไอ้ก้านมัน ถ้าไปบอกไปถามเขาตรงๆ พี่ว่าพี่นทีทองต้องไม่ยอมรับ หรือเขาก็ต้องกลัวว่า ไอ้กุ้งมันมาแอบอ้างเป็นลูก”
       “ใช่...กุ้งต้องทำให้พี่นทีทองยอมรับกุ้งว่าเป็นลูกเขาก่อน ถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะ
       เปิดเผยออกมาเอง”
      
       กุ้งนางครุ่นคิดตามที่ก้านพูด
ขอขอบคุณจาก manager.co.th   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น