วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครแสบสลับขั้ว ตอนที่ 8 วันที่ 19 ก.ค. 55

 ที่บริเวณลานจอดรถ น้ำเพชรวางข้าวของในรถเสร็จ แล้วหันกลับมาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสายพิณยืนกอดอกมองอยู่
      
       “มาทำไมอีกล่ะ ได้ข่าวว่าลาออกแล้วไม่ใช่เรอะ”
       “ไม่ได้ลาออก ... แต่ออกโดยไม่ลา...ออกโดยเจตนา ออกเพราะหงุดหงิดไม่พอใจ”
       “นั่นแหละเขาเรียกเป็นทางการว่าลาออก”
       “เอ๊ะ ก็ฉันบอกว่า ออกเองโดยไม่ได้ลาใคร แค่ประกาศว่าฉันจะออกใครจะทำไม”
       “ไม่มีใครเขาทำไมหรอก อาจจะโล่งใจเสียด้วยซ้ำเพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะกิจ ไม่มีเธอก็ประหยัดเงินไปอีกตำแหน่งนึง”
       สายพิณขยับไม้ขยับมือ
       “แหม ...”
       “มีธุระอะไร”
       “ฉันจับนายปลาใหญ่ขังไว้”
       “หา”
       น้ำเพชรทำเสียงตกใจ
      
       ทางด้านปลาใหญ่ ครรชิตและชายสี่ เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของปลาใหญ่ ปลาใหญ่ยกขาทั้ง2 ขึ้นวางบนโต๊ะด้วยท่าทางกวนๆ หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
       “ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
       “เอ็งต้องไปบอกป้าไหมให้ปล่อยปลาใหญ่ออกมา”
       “บอกสายพิณดีกว่า”
       “จ๊ะจ๋า จ๋าจ๊ะ...สายพิณมันดื้อจะตาย”
       “มันไม่ดื้อกับเอ็งหรอก มันรักเอ็ง” ชายสี่บอก ปลาใหญ่นิ่งอึ้งไป
       “นายเซียน ฉันขอร้องละนะ”
       “คุณคันจะต้องเดือดร้อนทำไมในเมื่อปกติปลาใหญ่ก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ป้าไหมก็ใจดี รับรองว่าปลาใหญ่ไม่มีอดอยาก เงินผมก็โอนไปให้ป้าไว้...”
       “ไอ้เซียน”
       เซียนหลบตา เจื่อนๆ
       “ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่หรอก ...”
       “ไม่ได้มากมายน่ะเท่าไหร่”
       “เหอะน่า”
       “ไอ้เซียน! ที่เอ็งทำนี่เท่ากับยักยอกเงินคนอื่นเขานะเว้ย” ชายสี่ต่อว่า
       “เงินคนอื่นที่ไหน เงินฉัน เวลานี้ฉันคือปลาใหญ่”
       “เท่าไหร่” ชายสี่ถามย้ำ
       “เรื่องนั้นตกลงกันได้ แต่แกต้องช่วยคุณปลาใหญ่ เข้าใจมั้ย!ไม่งั้นถ้ากลับเข้าร่างเดิมกันเมื่อไหร่ ฉันแจ้งความเอาผิดแกแน่” ครรชิตบอก ปลาใหญ่หัวเราะ
       “เมื่อไหร่ล่ะครับ อย่างเร็วที่สุดก็ชาติหน้า”
       ชายสี่กระชากคอเสื้อปลาใหญ่
       “ไอ้เซียน เอ็งชั่วกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะ”
       ปลาใหญ่ดึงมือชายสี่ออก และผลักไป
       “ข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก...ไอ้ชายสี่...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะ พรหมลิขิต!..เอ็งไม่คิดบ้างเรอะว่าอีตอนมาเกิด วิญญาณไอ้ปลาใหญ่ อาจจะแย่งข้ามาเกิดในท้องคนรวย ข้าเลยจำเป็นต้องไปเข้าท้องคนจน” ชายสี่และครรชิต มองหน้ากัน ปลาใหญ่ได้ทีพูดต่อ “พอถึงตอนนี้ก็ให้เกิดมีเหตุการณ์ประหลาดต้องสลับร่างกัน เป็นการเอาคืน...ไอ้เหตุการณ์พิลึกแบบนี้มีที่ไหนในโลก ช่วยกันคิดดูให้ดีซิ”
       “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แกก็ทำไม่ถูก”
       “แล้วปลาใหญ่ทำถูกหรือครับอีตอนที่มาแย่งท้องคนรวยไปจากผม”
       “เอ็งไม่มีหลักฐาน”
       “แต่มันเป็น มิเกิ้น”
       ครรชิตกับชายสี่ทำหน้างง
       “มิเกิ้นบ้าบออะไร”
       “มิเกิ้นคือความมหัศจรรย์”
       “มิราเคิล ไม่ใช่มิเกิ้น”
       “นั่นแหละ อย่างน้อยผมก็แปลถูก”
       ชายสี่ทำท่าจะพูดต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายสี่หยิบขึ้นมาดู
       “ตายละ...ลืมคุณรันไปเลย!” ชายสี่รีบกดรับ “ครับ...ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้แล้วละครับ คุณรัน”
       ชายสี่รีบเดินออกไป ครรชิตพยายามจะหว่านล้อมปลาใหญ่ใหม่
        “นายเซียน....ฉัน “
       “ปล่อยมันไปตามเวรกรรมดีกว่า คุณคัน ... ไม่มีใครฝืนพรหมลิขิตได้หรอก เชื่อผมเถอะ”
       ปลาใหญ่ลุกเดินออกไป ครรชิตมองตามฉุนๆ
      
       ชายสี่เดินแกมวิ่งตรงมาลานจอดรถของผู้บริหาร ซึ่งรัญญายืนกอดอกหน้าหงิกรออยู่
       “ขอโทษครับ คุณรัน...”
       ชายสี่ร้องบอกตั้งแต่ยังมาไม่ถึง
       “หายไปไหนมา”
       “เอ้อ...”
       รัญญาเปิดประตูขึ้นรถขณะพูด
       “เอ้ออ้าอยู่ได้ขี้เกียจฟัง”
       ชายสี่หน้าจ๋อยรีบขึ้นรถขับออกไป
      
       ขณะนั้นสายพิณยังอยู่กับน้ำเพชร น้ำเพชรขับรถพาสายพิณมาหามุมเงียบๆ คุยกัน
       “ว่าไง! จะร่วมมือกันไหม เธอก็ได้นายปลาใหญ่คืนไป ส่วนฉันก็ได้พี่เซียนคืนมา”
       “แต่วิธีที่เธอจะทำให้ทั้ง 2 คน รถคว่ำ มันอันตรายเกินไป”
       “อันตรายก็ต้องเสี่ยง เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ดวงวิญญาณทั้ง 2 คนออกจากร่างโดยไม่รู้ตัว”
       “แล้ว ... ถ้าเผื่อ นายเซียนแย่งเข้าร่างคุณปลาใหญ่ได้อีกล่ะ”
       “ก็ถือว่าคุณปลาใหญ่ของเธอซวยซ้ำซาก”
       “นั่นยังไม่เท่าไหร่...แต่ถ้า 2 คนนั่น เกิดตายจริงๆ”
       “ก็ถือว่าถึงฆาต”
       “เฮ้ย พูดง่ายๆ ผสมพล่อยๆ ฉันไม่ยอมเป็นฆาตกรไปกับพวกเธอด้วยหรอก ถึงจะสลับร่างกันเขาก็ยังมีตัวตนอยู่ ...ยังพูด..ยังไม่หายไปไหน แต่ถ้าตายไปละก็จะไม่ได้เจอทั้งร่างกายและวิญญาณเลยนะ”
       “บอกแล้วว่าต้องเสี่ยง”
       “ฉันไม่เสี่ยง”
       “ก็ตามใจ! แต่ฉันจะยืนยันความตั้งใจเดิม”
       สายพิณลงจากรถก้าวออกไปจากที่นั้นทันที
       “นังฆาตรกรนี่ต้องเอาจริงแน่”
       น้ำเพชรมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
      
       ที่บ้านสายไหม สายไหมยกกับข้าวเข้ามาวางในห้องเซียน เซียนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมโดยไม่ได้สนใจ
       “ป้าทำแกงจืดฟักให้ เห็นว่าชอบ”
       เซียนยังคงง่วนอยู่กับคอมขณะพูด
       “ตบหลังแล้วลูบหัว”
       “อะไรนะ”
       “ป้าน่ะตบหลังแล้วลูบหัว”
       “ตบหัวแล้วลูบหลัง”
       “ก็ใกล้เคียงกันนั่นแหละ”
       “คุณปลาใหญ่ต้องเข้าใจป้านะ” สายไหมเสียงอ่อนลง
       “อ๋อ! ผมเข้าใจทุกคนเลยครับ แล้วผมก็มีวิธีของผมด้วย “ สายไหมชะงัก
       “วิธีอะไร”
       เซียนไม่ตอบง่วนกับงานของตนต่อ
สายไหมเดินออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งหน้าบ้าน สายพิณเดินตรงมา
       “ป้าไหม”
       “พิณ ป้ากำลังจะโทร.ตามแกพอดี”
       “ทำไม มีอะไรเหรอป้า ปลาใหญ่ออกฤทธิ์”
       “เปล่า แต่ดูเขาใจเย็นผิดปกติ ไม่เห็นมีท่าทางว่าจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไร”
       “พิณไปดูเอง”
       สายพิณเดินเข้าไปในห้องเซียน ขณะนั้นเซียนกำลังนั่งกินข้าวอย่างปกติ
       “เป็นไงบ้าง”
       “สบายดี! ป้าไหมแกทำกับข้าวอร่อย อยากจะชวนเธอกินเหมือนกันแต่มันจะหมดแล้ว”
       สายพิณมองเซียนอย่างจับผิดขณะที่เซียนดื่มน้ำ
       “นายต้องมีแผนแน่”
       “ผมเป็นคนฉลาด เพราะฉะนั้น...”
       “นายจะทำอะไร จะแหกปากตะโกนเรียกคนช่วย...หรือว่าจะ...”
       “ธรรมดาเกินไป”
       สายพิณเดินเข้ามาใกล้
       “นายปลาใหญ่”
       “อีกไม่นานเท่าไหร่ คุณก็รู้เอง”
       สายพิณจ้องปลาใหญ่เขม็ง เซียนกระพริบตาตามปกติขณะมองตอบ
       
       ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ร้านทองกินฮวย กิมฮวยกำลังคุยกับลูกค้าเสียงแจ๋ว
       “เวลานี้นะฮะ ซื้อทองดีที่สุดฮ่ะ”
       ปลาใหญ่เดินเข้ามา เติมศักดิ์รีบกุลีกุจอต้อนรับ
       “อาคุณปลาใหญ่ อาฮวย อาคุณปลาใหญ่มา”
       “อาคุณปลาใหญ่มา นี่ ...นี่...นี่...พวกลื้อทุกคนสวัสดีทักทายคุณปลาใหญ่หรือยัง”
       ทุกคนรวมทั้งพิชิตรีบไหว้ปลาใหญ่
       “ลมอะไรหอบมาครับ คุณปลาใหญ่” พิชิตถาม
       “ลมบ้าหมู”
       “ลมบ้าหมูเชียวหรือครับ”
       “เชิญคุณปลาใหญ่ inside ข้างในดีกว่าฮ่ะ”
       “เชิญ...เชิญ...คุณปลาใหญ่”
       กิมฉวยกับเติมศักดิ์ช่วยกันต้อนรับปลาใหญ่เข้าไปด้านใน
      
       ปลาใหญ่เข้ามาในห้องรับแขกแล้วนั่งลง กิมฮวยกุลีกุจอรินน้ำชาให้
       “เจี๊ยะเต๊ฮ่ะ คุณปลาใหญ่”
       “คุณน้ำเพชรกลับมาหรือยังครับ”
       “อ๋อ มาแล้วฮ่ะ เพิ่งมาเมื่อสักครู่ อาเติมลื้อขึ้นไปตามอาน้ำเพชร”
       “ไม่ต้องครับ... ผมมีธุระสำคัญจะคุยกับป่าป๊าแล้วก็หม่าม้าก่อน”
       “หม่าม้าเลยหรือฮะ”
       กิมฮวยหัวเราะชอบอกชอบใจ แล้วหันไปสะกิดเติมศักดิ์ให้หัวเราะด้วย เติมศักดิ์รีบผสมโรงหัวเราะ ปลาใหญ่ผสมโรงหัวเราะเอาใจ... ทั้งสามคนหัวเราะจนเหนื่อย
       “คุณปลาใหญ่มีธุระอะไรหรือฮะ”
       “คือ ...ผมอยากจะทาบทามสู่ขอคุณน้ำเพชร”
       “สู่ขออาน้ำเพชร”
       “ครับ”
       “เอาไปเลย อั๊วยกให้เลย” กิมฉวยบอก เติมศักดิ์ถึงกับสะดุ้ง
       “อาฮวย ลื้อยกให้ง่ายๆ ได้ไง มันต้องมีลีลาหน่อย”
       “ไม่ต้องลีลงลีลาแล้ว อั๊วยกให้เลย สมกันยังกับกิ่งทองใบหยก”
       ปลาใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ
      
       ขณะนั้นน้ำกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิดอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกิมฮวยดังแจ่มแจ๋ว
       “อาน้ำ อาน้ำ เปิดประตูให้อาหม่าม้าหน่อย”
       น้ำเพชรเดินไปเปิดประตู แล้วมองหน้าตาตื่นเต้นดีใจของกิมฮวยอย่างแปลกใจ
       “ถูกล็อตเตอรี่เหรอ หม่าม้า”
       “เปล่า ถูกล็อตเตอรี่ อั๊วยังไม่ดีใจเท่ากับลื้อจะเป็นฝั่งเป็นฝาเลย”
       น้ำเพชรซึ่งกำลังยิ้มแย้มชะงักงัน
       “เป็นฝั่งเป็นฝา”
       “อ้อ ลื้อกำลังเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว อาน้ำ...อาท่านประธานปลาใหญ่มาเจรจาสู่ขอลื้อกับอาหม่าม้าแล้วก็อาเตี่ย เมื่อกี้นี้เอง นั่นแน่! ดีใจจนหน้าเขียวหน้าเหลืองเลย”
       น้ำเพชรโกรธจนพูดไม่ออก
      
       ปลาใหญ่และเติมศักดิ์เหลียวมองไปทางประตูทางเข้ามา
       “ใจเย็นๆ อาท่านประธาน อาน้ำคงดีใจจนพูดไม่ออก อีกประเดี๋ยวต้องมีเสียงเฮออกมา ลื้อเงี่ยหูฟังดีๆ”
       “เงี่ยหูฟัง...”
       “นี่ ทำแบบนี้”
       เติมศักดิ์ทำท่าเงี่ยหูฟังให้ดู ปลาใหญ่ทำตาม...ทุกอย่างเงียบสนิท
       “เงียบเหมือนป่าช้าเลย”
       “ปากอัปมงคล”
       ทันใดมีเสียงน้ำเพชรแหกปากร้องดังก้อง
       “จ๊าก ...ก...ก...ก”
       เติมศักดิ์ชอบอกชอบใจ
       “นั่นไง”
      
       กิมฮวยกำลังพยายามยื้อยุดฉุดน้ำเพชรอยู่ในห้อง
       “อาน้ำ...ใจเย็นๆ ก่อน ใจเย็น”
       “ปล่อย หม่าม้า น้ำจะไปฆ่ามัน”
       “ไอ๊หยา ฆ่าคนก็ติดคุกน่ะซี”
       “ติดเป็นติด อย่างน้อยน้ำต้องเอาเลือดหัวมันออก”
       “อาน้ำ นั่นมันอาท่านประธานนะ” น้ำเพชรดิ้นรน เปิดประตูจนได้ แล้ววิ่งลงไปทันที “อาน้ำ”
       กิมฮวยรีบตามไป
      
       น้ำเพชรถลาเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าแววตาถมึงทึง สองมือสั่นเทาเตรียมพร้อม
       “นั่นไง ดีใจจนตาถลนเลย”
       “ไอ้เซียน”
       ปลาใหญ่รีบทยานกระโดดจับเติมศักดิ์เป็นโล่ห์กำบัง
       “ไอ๊หยา อาท่านประธาน อาน้ำ นี่มันอะไรกัน”
       “อาเตี่ย ถอยมา น้ำจะฆ่ามัน”
       “อาท่านประธาน ลื้อรีบกลับไปก่อน” กิมฮวยรีบบอก
       “อาเตี่ย กับ อาหม่าม้า ช่วยจับตัวคุณน้ำแน่นๆ นะครับ”
       “เออน่า ลื้อรีบออกไป”
       “สวัสดีครับ อาเตี่ย.... สวัสดีครับอาหม่าม้า สวัสดีครับ...อาน้ำ”
       ปลาใหญ่รีบออกไป น้ำเพชรดิ้นเต็มที่
       “จะไปไหน ไอ้เซียนมาให้ฉันตบก่อน”
       “อาเซียนที่ไหน นั่นมันอาท่านประธาน”
       “นั่นแหละ ไอ้เซียน”
       เติมศักดิ์และกิมฮวย ทำหน้างงๆ
  ปลาใหญ่รีบวิ่งตรงมาที่รถ กดรีโมท แล้วเข้าไปนั่งพลางถอนใจเฮือก
       “เฮ้อ เข้าทางผู้ใหญ่ก็ไม่สำเร็จ ... เอาไงดี”
       ปลาใหญ่นิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วขับรถออกไป
       ส่วนน้ำเพชรเธอแค้นใจจนน้ำตาไหล
       “นั่นมันไอ้เซียน ไม่ใช่คุณปลาใหญ่”
       “อาน้ำ...ลื้อเป็นอะไรไป อาเติมอั๊วกลุ้มจริงๆ อาน้ำเห็นอาท่านประธานเป็นอาเซียน”
       “สงสัยจะผีเข้า”
       “อาเตี่ย หม่าม้า วิญญาณไอ้เซียนมันเข้าสิงคุณปลาใหญ่”
       “ไอ๊หยา” กิมฮวยกับเติมศักดิ์ร้องออกมาพร้อมกัน
       “อาเตี่ยกับหม่าม้าไม่เข้าใจ”
       “อาฮวย ...ลื้อพาอาน้ำขึ้นไปก่อน อั๊วจะไปปิดประตู” เติมศักดิ์บอกแล้วเดินออกไป
       “ไป อาน้ำ”
       น้ำเพชรพยายามอธิบายขณะกิมฮวยพาขึ้นข้างบน
      
       กิมฮวยพาน้ำเพชรเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู
       “อาน้ำ...”
       “หม่าม้าคิดว่าน้ำบ้าใช่มั้ยล่ะ”
       “บางทีลื้ออาจจะแค่เพี้ยน”
       “โธ่! หม่าม้าฟังน้ำหน่อยซิคะ”
       “อั๊วก็พยายามจะเชื่อ แต่มันไม่น่าเชื่อ”
       น้ำเพชรสูดลมหายใจยาว พยายามตั้งสติ
       “เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดน้ำจะเชิญคุณครรชิตมายืนยันกับหม่าม้า คุณครรชิตก็รู้เรื่องนี้ดี”
       “ไอ๊หยา! เพี้ยนกันหมดเลย”
       น้ำเพชรเริ่มจะท้อ แต่ก็พยายามใหม่
       “งั้นหมอแม่นก็ได้ หม่าม้าสนิทกับหมอแม่น”
       “อาหมอแม่นก็ไม่ได้เต็มเต็ง”
       “เฮ้อ ...”
       “อาน้ำ”
       “หม่าม้า...พรุ่งนี้น้ำจะเชิญคุณครรชิตมา ยังไงหม่าม้าก็ลองฟังแกดูคุณครรชิตแกรักและสนิทสนมกับคุณปลาใหญ่มาก...ก... แกต้องเข้าข้างคุณปลาใหญ่วันยังค่ำ นะคะหม่าม้า...”
       กิมฮวยถอนใจเฮือก มองน้ำเพชรเพ่งพิศและหนักใจ
      
       กิมฮวยเดินออกมาขณะที่เติมศักดิ์รออยู่พอดี
       “เป็นไงบ้าง”
       กิมฮวยรีบยกนิ้วแตะปากแล้วกระซิบกระซาบเล่าขณะพากันเดินกลับห้อง
       พอเข้ามาในห้องเติมศักดิ์ตกใจสุดๆ กับสิ่งที่กิมฮวยเล่าให้ฟัง
       “ไอ๊หยา ...อาน้ำอีบ้าบอไปแล้ว”
       กิมฮวยถีบเติมศักดิ์โครม
       “อาเติม ลื้อว่าลูกบังเกิดเกล้าบ้าได้ยังไง อาน้ำอีไม่ได้บ้า! อีแค่อาจจะเพี้ยนๆ”
       “อูย” เติมศักดิ์ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น “ เพี้ยนมันก็แปลว่าบ้า”
       “ไอ้เติม” เติมศักดิ์สะดุ้ง “ไหนลื้อพูดตามอั๊วซิ...เพี้ยน”
       “เพี้ยน”
       “บ้า”
       “บ้า”
       “เหมือนกันมั้ย”
       “ไม่เหมือน แต่เพี้ยนมันแปลว่า ...”
       “ไอ้เติม อย่าบังอาจเถียงอั๊ว ไม่อย่างนั้นลื้อได้นอนเฝ้าหน้าร้านแน่” เติมศักดิ์จำต้องนิ่ง “อั๊วต้องหาวิธีให้อาน้ำยอมโอเค กับอาท่านประธานให้ได้”
       สีหน้ากิมฮวยมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
      
        คืนนั้นครรชิตคุยโทรศัพท์กับเซียนด้วยสีหน้าลังเลเมื่อรู้ว่าเซียนคิดทำอะไร
       “เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ คุณปลาใหญ่”
       “นี่ยังแค่มาตรการเริ่มแรก ปลาใหญ่ยังมีหนักกว่านี้เตรียมไว้ให้อีก ต่อไปนี้ผมจะกดดันทั้งนายเซียนแล้วก็ยัยสายพิณมากขึ้นเรื่อยๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ใครมาเคาะประตู”
       “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
       “ไปเปิดประตู แล้วเปิดโทรศัพท์ไอ้อย่างนี้ให้ผมได้ฟังด้วย”
       “ครับ”
       ครรชิตจัดวางโทรศัพท์ไว้ในมุมที่ไม่มีใครสังเกต แล้วเดินไปที่ประตู
       ปลาใหญ่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ ครรชิตเปิดประตูเดินออกมาเล็กน้อย
       “คุณคัน ...ช่วยผมหน่อย”
       “เข้ามาข้างในซิ”
       ปลาใหญ่เดินตามครรชิตเข้ามาในห้อง
      
       ปลาใหญ่เดินมาทรุดตัวลงนั่งสไตล์เซียน ขาเขย่าเร็วขึ้นตามความเครียดที่เพิ่มขึ้น ครรชิตทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น
       “มีอะไร”
       “คุณน้ำเพชร...ผมไปบ้านเขามา”
       “ไปทำไม”
       “ไปสู่ขอกับคุณพ่อคุณแม่” ครรชิตถึงกับสะดุ้ง
       “เฮ้ย”
       เซียนขยับมุมปากเยาะๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
       “ลืมตีนเหมือนวัวลืมตีน “
       “ไอ้ที่นายทำน่ะ เขาเรียกว่าหลอกลวงนะเว้ย” ครรชิตบอกกับปลาใหญ่
       “ทำไงได้ ผมรักเขา แอบรักมาตั้งนานแล้ว”
       “นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นายเข้ามาสิงร่าง คุณปลาใหญ่”
       “ก็ใช่ครับ ...”
       “แล้วไง”
       “อาเตี่ยกับอาหม่าม้าเขาดีใจแทบจะส่งตัวให้เดี๋ยวนั้น”
       “ก็ดีนี่”
       “ดีกับผีอะไรล่ะ พอคุณน้ำรู้เข้าผมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด”
       “แล้วนายมาบอกฉันทำไม”
       “ผมมาขอคำแนะนำจากคุณคันว่า ผมควรจะทำยังไงดี”
       ครรชิตมองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าทำเป็นใคร่ครวญ
      
       ปลาใหญ่ออกมาจากห้องครรชิตแล้วยืนพิงประตูด้วยสีหน้าลังเลเมื่อนึกถึงคำแนะนำของครรชิต
       “เป็นฉัน...ฉันจะโทรไปขอโทษแล้วก็ปรับความเข้าใจ”
       “โอย จะดีหรือครับ คุณน้ำเพชรเขายิ่งเกลียดขี้หน้าผมอยู่”
       “นายต้องใช้ความจริงใจเข้าสู้”
       “จ๊ะจ๋า...จ๋าจ้ะ ... ถึงผมจะถ่อย...เถื่อน! ทุเรศขนาดไหน แต่สำหรับคุณน้ำแล้ว ผมจริงใจใสกิ๊งเลย”
       “ฝรั่งเขามีคำพูดว่า “ความรักเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่าง” ซึ่งจะคล้ายๆ กับของไทยเราที่ว่า “ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก” แล้วนายจะมัวลังเลอะไร โทรเลย...ตื้อเลย”
       ครรชิตแนะนำด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น