วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครชิงนาง ตอนที่ 12 วันที่ 11 ส.ค. 55

ศรีดารากับอนุตหัวใจสลายเมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินแล้วพบเพียงร่างไร้วิญญาณของ อรุณ ศรีดาราร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดก่อนจะเป็นลมล้มฟุบ เมฆารีบเข้าไปประคอง อนุตลูบหัวลูกรักน้ำตาคลอเบ้า ผลุนผลันออกจากห้องอย่างโกรธเกรี้ยว ปรี่เข้าไปตบหน้าภูผาซึ่งยืนน้ำตาซึมอยู่กับพฤกษ์หน้าห้องฉุกเฉิน

“แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า แกรู้ว่าอรุณรักเดือนมาก แกก็ยังลักพาตัวเดือนขึ้นเหนือ ทุกคนต้องพยายามมากแค่ไหนที่จะประคองอาการของอรุณ แล้วแกยังมีหน้ากลับมาฆ่าน้องอย่างเลือดเย็นอีก แกทำได้ยังไง”

ภูผาพยายามจะอธิบาย แต่พ่อไม่ฟัง โกรธจัดถึงขั้นตัดพ่อตัดลูกแล้วไล่ไปให้พ้นหน้า เขาจำต้องเดินน้ำตาซึมจากไป พฤกษ์กับวงเดือนจะตาม อนุตสั่งเสียงเฉียบ ถ้าใครตามไป แสดงว่าไม่เห็นหัวเขา...

ครู่ต่อมา ภูผากลับไปยังริมหาดตรงจุดที่พบศพน้อง พลันภาพความทรงจำดีๆระหว่างเขากับอรุณผุดขึ้นมาในความคิดของเขา วันนั้นเป็นวันที่เขาหัดให้น้องว่ายน้ำ อรุณสนุกมากเล่นน้ำจนจับไข้ ด้วยความกลัวว่าจะโดนเมฆาเอ็ดถ้ารู้ว่าเขาออกกำลังเกินตัว อรุณกับภูผาจึงรวมหัวกันโกหกเมฆาว่าไปตากฝนมา

ภูผายังจำภาพนั้นได้ติดตาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มเสียใจที่น้องต้องมาจากไป...

งานสวดอภิธรรมศพอรุณมีขึ้นในเย็นวันเดียวกัน อนงค์รีบเสนอหน้ามากับโฉมไฉไล ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นแขกเหรื่อในงานสักคน เพิ่งรู้จากเจ้าภาพว่าไม่อยากเชิญใครให้วุ่นวาย เธอหันไปโวยใส่ลูกสาวว่าทำไมไม่บอกว่าไม่ได้เชิญแขก เธอจะได้ไม่ต้องมาให้เสียเวลา โฉมไฉไลอ้างว่าไม่รู้มาก่อน

“ไม่รู้ๆๆๆ ไม่เคยรู้อะไรเลย โง่จริงๆ...แล้วนี่ใจคอแกจะปล่อยให้นังวงเดือนนั่งทำคะแนนกับพ่อผัวแม่ผัวแก อยู่อย่างนั้นหรือ...นังโง่” อนงค์ตวาดแว้ด โฉมไฉไลรีบลุกไปเสนอหน้าตามคำสั่งของแม่

พฤกษ์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังทนพฤติกรรมของสองแม่ลูกไม่ไหว หนีไปนั่งอีกด้านหนึ่ง เห็นภูผายืนหลบมุมอยู่ข้างศาลาสวดศพ รีบเดินไปหา แล้วชวนเขาไปหาที่เงียบๆคุยกัน พฤกษ์มีเรื่องค้างคาใจอยากจะรู้ว่าในเมื่อวงเดือนตัดสินใจไปหาเขาถึง เชียงรายแล้ว ทำไมถึงปล่อยให้เธอกลับมา หรือว่าเขามีคนอื่นอย่างที่วงเดือนบอก ภูผาอึกๆอักๆไม่กล้าพูด พฤกษ์ต้องขู่ถ้ายังเห็นตนเป็นพี่ให้เล่ามา เขาถึงได้ยอมเปิดปาก...

ขณะเมฆายืนซึมอยู่ในห้องอรุณ พฤกษ์ตามมาชำระแค้น ต่อยเขาจนล้มคว่ำ ตำหนิเขาอย่างแรงที่ไปดึงวงเดือนกลับมาโดยไม่สนใจว่าภูผาจะต้องเจ็บปวดแค่ ไหน และถ้าเขาไม่โกหกว่าภูผาลักพาวงเดือน อรุณคงไม่ต้องทะเลาะกับภูผา น้องต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัวของเขา เมฆาเถียงว่าไม่เป็นความจริง

“จริง...เพราะแกทำให้พ่อตัดภูผาจากบ้านแสนสมุทร เพราะแกทำให้ฉันต้องแต่งงานกับโฉมไฉไล แกทำลายชีวิตทุกคนในบ้านแสนสมุทร” พฤกษ์อารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดจนยั้งไม่อยู่ ศรีดาราได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาดู เห็นลูกๆหน้าตาเคร่งเครียด ถามว่ามีอะไรกัน ทั้งสองคนไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ ต่างปิดปากเงียบไม่พูดอะไร...

หนูนาเริ่มมีอาการวิงเวียนหน้ามืดให้เห็นบ่อยครั้ง ได้กลิ่นอาหารเมื่อไหร่เป็นต้องคลื่นไส้อาเจียน ดอยอดสงสัยไม่ได้ว่าลูกพี่เป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า แนะให้ไปหาหมอ แล้วอาสาจะไปบอกลุงสว่างให้ เธอรีบปฏิเสธ ว่าไม่ต้อง ไม่สบายแค่นิดหน่อย กินยาเองก็ได้ไม่ต้องถึงมือหมอ

ooooooo

พิธีเผาศพศรีเรือนและศพอรุณจัดขึ้นพร้อมกัน อนุตยอมให้ภูผามาร่วมงานเผาศพด้วยแม้จะไม่เต็มใจนัก ทันทีที่เขาวางดอกไม้จันทน์ลงในเตาเผาศพ อนุตบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาให้เขาไปจากที่นี่แล้วไม่ต้องกลับมาอีก ภูผามองพ่อด้วยสายตาเจ็บปวด ก่อนจะเดินลงเมรุ วงเดือนสงสารขยับจะตาม
แต่เมฆาคว้ามือไว้ ขอร้องให้ช่วยดูแลศรีดาราให้ เธอจำต้องรับคำ อนุตทนรับความเครียดไม่ไหว ปวดหัวจนยืนไม่อยู่จะล้ม ศรีดารากับวงเดือนเข้าไปช่วยประคอง พฤกษ์หันไปกระซิบกับเมฆาเบาๆว่าเห็นแล้วใช่ไหมว่าเขาทำอะไรกับทุกคนในบ้าน แสนสมุทร เขาถึงกับอึ้ง...

เสร็จงานศพก็ได้เวลาที่ภูผาต้องกลับ เชียงราย เขาไม่ลืมแวะไปบอกลาวงเดือน ให้สร้อยหนังถักไว้แทนความรักที่มีต่อเธอ หญิงสาวไม่รับอ้างว่าคนที่ควรจะได้สร้อยเส้นนี้คือหนูนาไม่ใช่เธอ เขาเอามันวางลงบนมือเธอ

“สร้อยเส้นนี้ฉันตั้งใจทำขึ้นเพื่อเธอ มันจะเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น” เขามองสบตาเธอด้วยความรัก ก่อนจะหันหลังจากไป เธอหยิบสร้อยถักขึ้นมาแนบอกน้ำตาคลอเบ้า เจ็บปวดที่ความรักต้องจบลงเพียงเท่านี้...

วงเดือนถูกโฉมไฉไลพูดแทง ใจดำว่าเป็นตัวซวยของบ้านแสนสมุทร ทำให้คนในบ้านตายไปแล้วถึงสองคน ตอนนี้อรุณไม่อยู่แล้ว เธอก็ควรจะไปจากที่นี่ วงเดือนตัดสินใจขออนุญาตอนุตไปอยู่ที่อื่น อ้างว่าเป็นตัวซวยทำให้อรุณกับศรีเรือนตาย ไม่อยากให้ใครต้องเป็นอะไรไปอีก เขาไม่ยอมให้เธอไปเพราะเรื่องไร้สาระพวกนี้...

ในเมื่อวงเดือนไม่มี ภาระผูกพันทางใจกับใครอีกแล้ว เมฆาอยากให้เธอหันมามองตนเองบ้าง เธอปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยว่าเธอไม่ได้รักเขา ทำให้เขาช้ำใจมาก ต้องใช้เหล้าดับความทุกข์จนเมามายไม่ได้สติ โฉมไฉไลสบโอกาสย่องเข้าหาเขาถึงในห้อง เมฆาเมาหนักเห็นเธอเป็นวงเดือนกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความรัก โฉมไฉไลไม่ปัดป้อง ปล่อยให้เขาทำตามใจ

ooooooo

เช้าวันรุ่ง ขึ้นอาการปวดหัวของอนุตกำเริบหนัก ศรีดาราสั่งให้ชอุ่มไปตามเมฆา แม่บ้านผู้ซื่อสัตย์มาเคาะประตูห้องเรียกเขาอยู่นาน ไม่เห็นมาเปิดรับ รีบวิ่งกลับไปรายงานให้คุณผู้หญิงทราบ ศรีดาราร้อนใจ มาก สั่งชอุ่มไปบอกให้คนรถเตรียมเอารถออกไป รพ. แล้วไปตามวงเดือนมาด้วย...

แม้ พ่อกับแม่และวงเดือนจะไป รพ.กันหมด แต่คนเลวหนีกรรมไม่พ้น พฤกษ์จับได้คาหนังคาเขาว่าน้องชายกับเมียของตนเป็นชู้กัน เขาโกรธจัดตรงเข้าชกต่อยเมฆาไม่ยั้งจนปากแตกหน้าตาบวมปูด แล้วหันมาจะเล่นงานโฉมไฉไล เธอกลัวจัด อ้างมั่วๆ ว่าถูกเมฆาขืนใจ พยายามขัดขืนแล้วแต่สู้แรงเขาไม่ไหว พฤกษ์มองอย่างรู้ทัน

“ขืนใจ?... เธอเข้ามาให้เมฆาขืนใจถึงในห้องเลยหรือ...ผู้ชายสารเลวกับผู้หญิงมัก มากอย่างเธอมันก็เหมาะสมกันแล้ว...ฉันทนให้นังกากีอย่างเธอเหยียบย้ำ ศักดิ์ศรีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว...ไสหัวไป...ฉันจะขอหย่ากับเธอ”

เมฆา ร้องห้ามลั่น ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้อาการของท่านต้องทรุดหนักแน่ๆ พฤกษ์รู้ดีว่าเขาไม่ได้ห่วงพ่อ แต่ห่วงตัวเองมากกว่า และนับจากนี้ไปเราสองคนตัดขาดความเป็นพี่เป็นน้องกัน แล้วพรวดพราดออกจากห้อง ชอุ่มแอบดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าหวาดหวั่น...

อาการ ของอนุตไม่ได้หนักหนาอะไรนัก หมอฉีดยาให้แล้วปล่อยตัวกลับมาพักผ่อนต่อที่บ้าน ชอุ่มเห็นวงเดือนหมดธุระกับคุณท่านแล้วแอบกวักมือเรียกให้ออกมาคุยกันข้าง นอก แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง...

พอรู้เรื่องจากชอุ่ม วงเดือนมองเมฆาด้วยสายตาเย็นชา จนเจ้าตัวอดสงสัยไม่ได้ว่าเธอต้องมีอะไรในใจ รีบมาดักรอถาม จังหวะนั้นโฉมไฉไลตามเข้ามาเกาะแขนเมฆาแสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกนอกหน้า วงเดือนมองเขาด้วยความผิดหวัง ต่อว่าเขาไม่น่าทำแบบนี้กับพฤกษ์แล้วเดินจากไป เมฆาเซ็งจัดที่ตัวเองพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย หันไปเตือนโฉมไฉไลห้ามพูดเรื่องนี้ให้ใครได้ยิน ไม่อย่างนั้นเขาเอาเรื่องเธอแน่...

กลับจากแสนสมุทรคราวนี้ ภูผาตั้งหน้าตั้งตา

ทำ งานในไร่ชาไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย โดยไม่สนใจหนูนาแม้แต่น้อย เธอลอบมองเขาด้วยความน้อยใจ ก่อนจะหันมาทำงานของตัวเอง แต่แล้วโลกเริ่มหมุน เวียนหัวจนยืนไม่อยู่ เป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ภูผาตกใจรีบเข้าอุ้มเธอกลับที่พัก คอยดูแลจนเธอรู้สึกตัว ยังไม่ทันจะถามไถ่ให้รู้เรื่องว่าไม่สบายเป็นอะไร เธอลุกขึ้นอาเจียนหลายรอบจนเขาเริ่มสงสัย ขอร้องให้ไปหาหมอ...
เป็นอย่างที่ภูผาคาดไว้ไม่มีผิด หมอตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วพบว่าหนูนาท้อง เธอถึงกับร้องไห้โฮ ภูผาสงสารเธอมาก โทษว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้

ooooooo

วง เดือนเป็นห่วงเห็นพฤกษ์หายหน้าไปหลายวันไม่ยอมกลับบ้าน จึงแวะไปดูที่ห้องพักในเรือ พฤกษ์อยู่ในสภาพทรุดโทรม กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั้งห้อง ด้วยความมึนเมาทำให้เขาไม่อาจต้านแรงปรารถนาในตัววงเดือนไว้ได้อีก ดึงเธอเข้ามาจูบ ซุกไซ้ไปทั่วร่าง หญิงสาวตกใจพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ ขอร้องว่าอย่าทำแบบนี้

ก่อนที่เธอจะเสียทีให้พฤกษ์ เมฆาตามมาช่วยไว้ได้ทัน กระชากเขาออกจากเธอแล้วประเคนกำปั้นใส่ไม่ยั้งก่อนจะพาเธอออกจากห้อง เมฆาพยายามเรียกคะแนนคืนมาหลังจากที่เสียไปเมื่อตอนที่ไปยุ่งเกี่ยวกับโฉม ไฉไล ครั้งนี้เขามาแผนสูง สัญญาจะไม่ทำให้เธอลำบากใจอีก ต่อไปจะขอเป็นแค่พี่น้องกับเธอเท่านั้น และรับปากจะไม่ทำให้พฤกษ์ต้องเสียใจอีก วงเดือนดูจะคลายกังวลในตัวเขา ขณะที่เมฆาแอบยิ้มพอใจ...

ขณะที่วงเดือนต้องผจญกับวิบากกรรมไม่จบไม่ สิ้น ภูผายังคงเก็บเรื่องที่หนูนาท้องกับวันชัยไว้เป็นความลับ ตั้งแต่เขารู้ว่าเธอท้อง มักจะคอยเป็นห่วงเป็นใยไม่อยากให้ทำงานหนักเกรงเด็กในท้องจะเป็นอันตราย หนูนาทั้งน้อยใจทั้งโกรธที่เขาห่วงเด็กในท้องมากกว่าเธอ ต่อว่าเขายกใหญ่

“ไม่ห่วงฉันแล้วจะมายุ่งทำไม...ไม่ต้องมายุ่ง ต่อให้ฉันตายก็ไม่ต้องมายุ่ง”

เขาหมดความอดทนตะคอกกลับ “เออ...จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย...ไป”

หนู นาน้อยใจสุดๆจะไปตายให้เขาดู แล้ววิ่งหนีไปทางหน้าผา ดอยเป็นห่วงลูกพี่รีบวิ่งตาม เห็นหนูนากำลังจะฆ่าตัวตาย เธอกระโดดรวบตัวไว้จนล้มไปกลิ้งไปด้วยกันเข้าไปใกล้หน้าผาอย่างหวาดเสียว ดีที่ภูผาตามมาช่วยดึงตัวทั้งคู่ไว้ได้ทัน จากแรงกระแทกตอนที่ถูกดอยโดดรวบตัว ทำให้มีเลือดไหลลงมาตามขาของหนูนา เธอเห็นเลือดตัวเองถึงกับเป็นลมล้มพับ ภูผาใจไม่ดีรีบพาเธอไปส่งอนามัย...

พอ หมอให้เขาไปเยี่ยมคนป่วยได้ ทั้งนายสว่างและภูผาต่างพุ่งเข้าไปยืนเกาะขอบเตียง มองหนูนาที่นอนหน้าซีดด้วยความเป็นห่วง หมอตามมารายงานว่าปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก นายสว่างตกใจมองหน้าภูผาสลับกับหลานสาวเป็นทำนองว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอรู้ทันรีบบอกลุงของเธอว่าภูผาไม่ใช่พ่อเด็กในท้องแต่เป็นวันชัย

“ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง...ถ้าวันนั้นฉันไม่โกรธหนูนา หนูนาก็คงไม่ต้องถูกวันชัยทำร้าย”

ภูผา โทษตัวเองที่มีส่วนทำให้หนูนาต้องเป็นแบบนี้ จึงยอมรับเป็นพ่อเด็กในท้องของเธอด้วยความเต็มใจเธอซาบซึ้งใจมากถึงกับปล่อย โฮ โผกอดเขาไว้แน่น...

ในขณะที่เรื่องของหนูนาเริ่มคลี่คลายไปด้วยดี เมฆาโวยวายลั่นเมื่อรู้ว่าวงเดือนไปสมัครเป็นพยาบาลที่ รพ.ซึ่งเขาทำงานอยู่ เธออ้างกับอนุตและศรีดาราว่าที่อยากทำงานเพราะจะได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำ เรียนมา เมฆาทักท้วงเธอดูแลคุณพ่อคุณแม่ก็เท่ากับได้ใช้ชีวิตที่เรียนมาอยู่แล้ว และที่สำคัญใครจะช่วยงานเขาที่คลินิก ศรีดารา เห็นด้วยกับเมฆา เธอน่าจะช่วยกิจการของแสนสมุทรดีกว่าไปทำงานที่อื่น อนุตขัดขึ้นทันที

“ปล่อยให้เดือนตัดสินใจเองเถอะ...พวกเราตัดสินใจให้เดือนกันมาเยอะแล้ว ให้เธอตัดสินใจเองบ้าง”

วง เดือนกราบขอบคุณอนุตที่เข้าใจ แล้วขอตัวออกไป เมฆาไม่พอใจมาก รีบเดินตามเธอจนทัน ต่อว่าต่อขานที่เธอคิดจะหนีหน้าเขา เธอไม่อยากต่อความด้วยจะเดินหนี เขาคว้าเธอมากอด จะไม่ยอมให้เธอไปไหนทั้งนั้น

หญิงสาวตกใจรีบผลักเขาออก มองด้วยสายตาตำหนิ “คุณเมฆาคะ...เดือนไม่ได้ไปไหน เดือนก็ยังอยู่ที่นี่”

“แต่เธอก็จะค่อยๆจากที่นี่ไป เธอจะหนีฉันไป”

“ก็แล้วแต่คุณจะคิด” เธอตัดบทแล้วเดินหนี เมฆาพึมพำกับตัวเองจะไม่ยอมให้เธอไปจากเขาเด็ดขาด...

ด้าน วงเดือนหนีเสือปะจระเข้ มาเจอโฉมไฉไลดักหน้าอีก ไม่อยากยุ่งด้วยจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น ยัยตัวแสบขวางไว้ไม่ให้ไป แดกดันว่าเธอหมดหนทางจะจับผู้ชายในแสนสมุทร จึงหาเรื่องจะออกไปไล่จับผู้ชายนอกบ้าน เธอย้อนอย่างเจ็บแสบว่าทำไมโฉมไฉไลถึงชอบคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเอง

“ผู้หญิง เราควรจะทำตัวให้มีคุณค่ามากกว่าจะไล่จับผู้ชายไปวันๆนะคะคุณโฉม” เธอแดกดันจบผละจากไปโฉมไฉไลโกรธควันแทบออกหูอย่างจะร้องกรี๊ดแต่ไม่กล้า...
source: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น