วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านแสบสลับขั้ว ตอนที่ 13 วันที่15 สิงหาคม 2555

ช่วงเวลาสองทุ่มเซียนมาพบกับน้ำเพชรที่ร้านอาหารตามนัด ทั้งสองนั่งกันนิ่งๆ ไม่ได้แตะต้องอาหารตรงหน้า
       
       “แล้วเรื่องที่คุณปลาใหญ่บอกให้น้ำยืนยันกับหม่าม้าไปล่ะคะ” น้ำเพชรถาม เซียนนิ่งอึ้งไป น้ำเพชรพยักหน้าช้าๆ น้ำตาคลอ “ไม่เป็นไรค่ะ น้ำเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
       “ร้องไห้ทำไม เป็นเพราะผมหรือเปล่า”
       “นี่คุณปลาใหญ่ไม่รู้ตัวเลยหรือคะ”
       “รู้อะไร”
       “น้ำว่าน้ำไปดีกว่าค่ะ”
       น้ำเพชรลุกขึ้น เดินผลุนผลันออกไปได้ 3-4 ก้าวแล้วหยุดกึก เหมือนนึกบางอย่างได้หันกลับมา “คุณปลาใหญ่เคยบอกว่า ตัวเองฉลาด ไอคิวสูงไม่ใช่หรือคะ”
       เซียนพยักหน้างงๆ น้ำเพชรสะบัดบ๊อบเดินออกไป เซียนส่ายหน้างงๆ
     
       กิมฮวยและเติมศักดิ์กำลังนั่งจิบน้ำชารอน้ำเพชรอยู่ น้ำเพชรเดินแกมวิ่งเข้ามาเหมือนจะวิ่งหนีอะไรสักอย่าง
       “อาน้ำ ไปไหนมา”
       “อาน้ำ ลื้อเป็นอะไร”
       น้ำเพชรขึ้นบันไดไปโดยไม่ฟัง
       “ทำไมอีไม่ตอบ”
       “อั๊วจะขึ้นไปตามเดี๋ยวนี้เลย”
       กิมฮวยรีบเดินขึ้นบันไดตามไป
       “ปวดหัว เป็นอะไรก็ไม่ยอมบอก”
     
       พอเข้ามาในห้องน้ำเพชรโยนกระเป๋าและทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้ แล้วเหวี่ยงข้าวของทิ้ง
       “ไอ้โง่ ขอด่าเจ้านายเถอะว่าไอ้โง่ ไหนว่าตัวเองไอคิวสูง ที่แท้ต่ำเหมือนตาปลา”
       เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกิมฮวย
       “อาน้ำ ลื้อเป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้อาหม่าม้าหน่อย”
       “น้ำไม่ได้เป็นอะไรค่ะ หม่าม้าไม่ต้องเข้ามาหรอก น้ำง่วงเดี๋ยวจะนอนแล้ว”
       “น่อ...อาน้ำน่อ...เปิดประตูให้อาหม่าม้า”
       “เอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยคุยกันดีกว่านะคะ หม่าม้ากับอาเตี่ยไปนอนเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงน้ำ”
       “ลื้อไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ”
       “ค่ะ...แต่ถ้าหม่าม้าซักมากๆ น้ำอาจจะเป็นอะไรก็ได้”
       “ไอ๊หยา งั้นอั๊วไปดีกว่า”
       กิมฮวยเดินผละไป น้ำเพชรทิ้งตัวลงนอนน้ำตาซึมออกมาทางหางตา
     
       ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านปลาใหญ่ จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาหาสมทรง
       “สมทรง”
       “ขา... คุณผู้หญิง”
       “พรุ่งนี้เช้า ทำตามแผนเดิมนะ”
       “ค่ะ สมทรงเตรียมทำกับข้าวขนมจีนแกงเนื้อที่คุณปลาใหญ่ชอบมากๆ ด้วยค่ะ แถมด้วยไข่เค็มดาว แต่มีปัญหาว่าจะมีใครอยากรับประทานด้วยหรือเปล่า”
       “คราวนี้ไม่มีแน่นอน เพราะฉันกำชับไว้แล้ว”
       “ถ้าอย่างนั้นก็สำเร็จแน่นอนค่ะ โฉมเฉลาบอกว่ายานี่แรงเสียด้วย”
       “ใครนะ” จันทร์ทิพย์ชะงัก
       “โฉมเฉลาค่ะ”
       “ใครใช้ให้ติดต่อกับโฉมเฉลาอีก แกเองก็ทำได้ แล้วก็ดีเสียด้วยทำไมต้องติดต่อโฉมเฉลา”
       “อ๋อ เขามาเยี่ยมคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงค่ะ สมทรงเห็นว่าไหนๆ ก็มาแล้ว...เลย...เอ้อ...”
       “มาเยี่ยมหรือว่ามาขอเงินเพิ่ม”
       “ไม่ทราบค่ะ เห็นบอกว่าพรุ่งนี้ค่ำๆ จะมาใหม่ เขาสั่งไม่ให้เรียนคุณผู้หญิงนะคะเนี่ย บอกว่าจะเซอร์ไพรส์”
       “เซอพ้งเซอร์ไพรส์บ้าบออะไร”
       จันทร์ทพย์เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
     
       จันทร์ทิพย์กลับมาที่ห้องแล้วบอกเกริกก้องเรื่องโฉมเฉลา
       “อุวะ แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอก”
       “คงจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์เรามั้งคะ”
       “นังโฉมเฉลาคนนี้ชักจะยุ่งมากไปแล้ว”
       “แต่ไม่มีอันตรายหรอกค่ะ จันทร์รับรองได้”
       “ขอร้องที อย่าไปรับรองใครเด็ดขาด”
       “โฉมเฉลาคงจะแค่มาเอาเงิน”
       “จะแบล็คเมล์ล่ะซิ”
       “เรื่องโฉมเฉลาจันทร์จัดการเอง แต่อย่าลืมเรื่องที่คุณบอกจันทร์ว่าจะให้นังอลิสาค้นสัญญาอย่างเดียว”
       เกริกก้องทำหน้ารำคาญ จันทร์ทิพย์เม้มปากเจ็บใจและน้อยใจ
     
       ปลาใหญ่เดินโทรศัพท์กลับเข้าบ้านพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาทำหน้าทะลึ่งตึงตังตามเรื่อง
       “ถึงบ้านแล้วหรือจ้ะ ริก้าจ๋าจ้ะ ... โอ๊ะถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ปลาใหญ่เพิ่งจะถึงเอง” สมทรงยืนลับๆ ล่อๆ หาจังหวะจะพูดด้วย “โอ่.เค้ ง่วงก็นอน ... แหม ปลาใหญ่อยากจะนอนเป็นเพื่อนจั๊ง บ๊าย...บาย” ปลาใหญ่เก็บโทรศัพท์ แล้วกวักมือเรียกสมทรง “ออกมา ออกมา” สมทรงเดินออกมา “ว่าไป”
       “คุณปลาใหญ่จะรับประทานข้าวมั้ยคะ สมทรงเตรียมเอาไว้ให้แล้ว”
       “หา ดีขนาดนั้น...ห่วงใยกันขนาดนั้นเชียวเรอะ ปลาใหญ่แทบไม่เชื่อหู”
       สมทรงยิ้มแห้งๆ
       “แหม คุณปลาใหญ่ละก็ สมทรงน่ะห่วงใยคุณปลาใหญ่ตลอดเวลาอยู่แล้วละค่ะ ว่าแต่คุณปลาใหญ่จะรับประทานมั้ยคะ”
       “ไม่”
       “อ้าว”
       “จะรับประทานยังไงไหว ในเมื่อกินมาเต็มคราบแล้ว”
       “แหม...ซักหน่อยเถอะนะคะ อย่าให้สมทรงเสียกำลังใจ”
       “เสียกำลังใจแต่ไม่ได้เสียเงิน ไม่เห็นจะเป็นไร ฟังรู้เรื่องมั้ย”
       “ไม่ค่อยค่ะ”
       “ฉันรู้เรื่องคนเดียวพอ”
       ปลาใหญ่เดินขึ้นห้อง สมทรงท้าวสะเอวมองตาม
       “ไม่กินข้าวก็ต้องกินอย่างอื่น ให้กินให้ได้”
       สมทรงเดินเข้ามาในครัว หันรีหันขวาง
       “เอาไงดีวะ”
     
       สมทรงเปิดตู้เย็นหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นออกมารินใส่แก้ว สมทรงเก็บขวดไว้ที่เดิมแล้วเดินออกไปพร้อมถาดวางแก้วน้ำส้ม
 สมทรงถือถาดวางแก้วน้ำส้มมาหาปลาใหญ่ที่ห้อง
       
       “คุณปลาใหญ่ขา คุณปลาใหญ่”
       ปลาใหญ่เปิดประตูออกมา
       “ว่าไง”
       “สมทรงเอาน้ำส้มคั้นเย็นเจี๊ยบมาให้ค่ะ”
       “วะ จะรักใคร่ห่วงใยอะไรกันขนาดนั้น”
       “แหม ถ้าไม่เป็นห่วงเจ้านายแล้วจะห่วงใครล่ะคะ”
       “งั้นก็เอามา” ปลาใหญ่รับถาดน้ำส้มมา
       “ดื่มให้หมดแก้วเลยนะคะ”
       “เออ”
       ปลาใหญ่ปิดประตู สมทรงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
       “ขออโหสิด้วยนะคะ...คุณปลาใหญ่”
       ปลาใหญ่วางถาดน้ำส้มลง แล้วหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาพร้อมกับเดินไปจะหยิบรีโมททีวี จังหวะนั้นเท้าปลาเหยียบเอาผ้าเช็ดตัวที่ตกอยู่แล้วลื่นหกล้มแก้วน้ำส้มตก แตกกระจาย
       “โว้ย ไอ้มารคอหอย”
       ปลาใหญ่โวยวายอย่างโห
     
       เช้าวันรุ่งขึ้นสมทรงยกจานอาหารที่ทุกคนกินเสร็จแล้วออกไป จันทร์ทิพย์ยิ้มอย่างมีเลศนัย
       “จนป่านนี้ มันยังไม่ลงมาอีก”
       “ไม่หรอก ดูลุงเกรียงไกรเป็นตัวอย่าง สมทรงเขาค่อยๆ ผสมกับอาหารทีละน้อยๆ จนร่างกายมันอ่อนแอ แล้วก็เป็นโรคร้ายในที่สุด”
       “คุณก้องครับ...” เกริกก้องเบือนหน้ามามอง สมทรงถือถาดกาแฟและน้ำผลไม้มาเสิร์ฟต่อ “แล้วเย็นนี้ ...”
       “ฉันจะไปด้วยถ้าไม่เห็นฉัน มันอาจจะไม่กล้าเข้ามาพบ”
       “พี่กรณ์ ดูแลคุณก้องของจันทร์ดีๆ ด้วยนะ แล้วก็อย่าให้เหลือหลักฐานเชื่อมมาถึงเราได้”
       “ไว้ใจพี่เถอะน่า”
       “รันกลัวจังเลยค่ะ”
       ปลาใหญ่เดินผิวปากเข้ามา ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว สีหน้าแต่ละคนราวกับจะค้นหาความผิดปกติ
       “อ้าว รับประทานกินกันหมดแล้วหรือครับกระผม...ไม่รู้เป็นอะไร ง่วงๆ มึนๆ”
       แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี
       “สมทรงไปเอายาให้นะคะ” สมทรงบอกอย่างกระตือรือร้น
       “เอาข้าวมาให้ก่อนซิ ต้องกินข้าวก่อนแล้วถึงจะกินยา”
       “ไม่เอาทั้งสองอย่างครับ คลื่นไส้ ผมไปก่อนละ ขอตัวและหัวใจ”
       ปลาใหญ่เดินออกไป ทุกคนมองตาม แววตาแต่ละคนทั้งพึงใจและสะใจในสีหน้า
     
       สมทรงมาที่ห้องปลาใหญ่แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแก้วน้ำส้มแตกกระจาย
       น้ำส้มเหนียวเหนอะเลอะเทอะไปหมด
       “แปลว่าไม่ได้กินเรอะนี่ โฮ้ย…ย”
       สมทรงรีบโทรศัพท์บอกจันทร์ทิพย์ ขณะนั้นจันทร์ทิพย์อยู่ในรถกับเกริกก้อง
       “สมทรงโทรมาค่ะ” จันทร์ทิพย์บอกเกริกก้อง เกริกก้องพยักหน้าจันทร์ทิพย์จึงกดรับสาย “ว่าไง...อะไรนะ” เกริกก้องหันขวับมามองทันที “เออ... เออ... สมทรงไปเก็บข้าวของในห้อง เจอแก้วน้ำส้มตกแตกกระจาย”
       “แล้วน้ำส้มล่ะ”
       “หกเหนียวเหนอะเต็มห้องเลยค่ะ”
       “ก็แปลว่ามันไม่ได้กิน หรือถ้ากินก็น้อยมาก จนแทบไม่มีผลอะไร”
       “แล้วทำไมมันบอกว่า มึนๆ ง่วงๆ คลื่นไส้ล่ะคะ หรือว่ามันจะรู้”
       “จะรู้ได้ยังไง”
       ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด
     
       อลิสากำลังเติมปากแต่งหน้าตามปกติ จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาท้าวสะเอวมองอย่างไม่พอใจ
       “ฉันจ้างมาทำงานนะยะ ไม่ใช่ให้มาแต่งตัว” อลิสาสะดุ้ง “เวลาฉันพูดด้วยต้องลุกขึ้นยืนให้เกียรติ” อลิสารีบลุกขึ้นยืนทันที
       “คุณก้อง สามีของฉันให้เธอไปค้นเอกสารให้หน่อย”
       “เอกสารอะไรหรือคะ”
       “ไปถามเขาเอง”
       “ค่ะ”
       อลิสาขยับจะเดินออกไป
       “เดี๋ยว” อลิสาหันกลับมา “ค้นหาเอกสารอย่างเดียวนะยะ ไม่ใช่ถือโอกาสค้นอย่างอื่นด้วย”
       “ค่ะ”
       อลิสารีบเดินออกไป จันทร์ทิพย์มองตามแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
       “อรผกา...นังอลิสามันจะไปช่วยคุณก้องค้นเอกสาร เธอสอดแนมด้วย”
       จันทร์ทิพย์เก็บมือถือแล้วเดินเข้าห้องไป
     
       ปลาใหญ่เดินตรงมาที่ห้องทำงานตัวเองขณะนั้นน้ำเพชรกำลังจัดโต๊ะโดยทำ เหมือนปลาใหญ่ไม่มีตัวตน สีหน้าน้ำเพชรดูหมองๆ ผิดกับทุกวัน ปลาใหญ่หยุดมองแล้วทำกระแอมแต่น้ำเพชรยังทำท่าเหมือนไม่ได้ยินปลาใหญ่จึง กระแอมอีกครั้ง
       “วันนี้ท่าทางคุณน้ำเหมือนไม่ค่อยสบายใจ”
       น้ำเพชรเงยหน้าขึ้นมองทันที นัยน์ตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อปลาใหญ่เห็นแล้วตกใจ
       “ขอประทานโทษครับ”
       ปลาใหญ่รีบเข้าไปในห้องทันที
     
       ปลาใหญ่เดินมาที่โต๊ะแล้วยกมือทาบอกใจอย่างตกใจ
       “ดุจังเลย”
       ประตูเปิดออก น้ำเพชรเดินเข้ามายืนจังก้า
       “บ่นอะไร”
       ปลาใหญ่ประสานมือทันที
       “เปล่าครับ”
       “โกหก”
       “ผมว่าคุณน้ำดุจังครับ”
       “เพราะนายคนเดียว นายทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด”
       “ผะ...ผะ... ผมน่ะหรือครับ”
       “เออ!” มือน้ำเพชรเริ่มสั่น “ เห็นมือฉันมั้ย...เห็นมั้ย”
       ปลาใหญ่รีบหาที่ปลอดภัย
       “เห็น...เห็นแล้วครับ...กลัวด้วยครับ”
       น้ำเพชรทิ้งตัวลงนั่ง
       “คุณปลาใหญ่ขอนังสายสะดือแต่งงาน”
       “ไชโย้”
       ปลาใหญ่ดีใจอย่างลืมตัว น้ำเพชรถลึงตามอง ปลาใหญ่จ๋อยทันที
       “ถ้านายไม่เข้าร่างคุณปลาใหญ่ คุณปลาใหญ่กับนังสายสะดือก็คงไม่รู้จักกัน แล้วฉันก็คงไม่ต้องอกหัก”
       น้ำเพชรร้องไห้ออกมา ปลาใหญ่ค่อยๆ เดินไปนั่งใกล้ๆ อย่างกลัวๆ กล้าๆ
       “ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกนะครับ คุณน้ำ...”
       น้ำเพชรฟาดเปรี้ยงด้วยหลังมือ
       “อย่าเถียง”
       “อูย...ย...ย...” ปลาใหญ่แตะครึ่งจมูกครึ่งปากที่เลือดไหลซึมออกมา
       “ใช่ ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก แต่ผู้ชายที่ฉันรักมีคนเดียว” ปลาใหญ่นั่งฟังเงียบๆ “นังสายสะดือมันมีอะไรดีกว่าฉัน” ปลาใหญ่อยากตอบแต่ไม่กล้า “ทำไมคุณปลาใหญ่ถึงได้มองข้ามฉัน” ปลาใหญ่ยังคงนิ่งน้ำเพชรใช้หลังมือฟาดอีกเปรี้ยง ปลาใหญ่ร้องลั่น “ฉันถาม ทำไมไม่ตอบ”
       “ก็คุณน้ำ...”
       “อย่าเถียง...” น้ำเพชรตวัดมือพร้อมคำพูด แต่คราวนี้ปลาใหญ่หลบทัน “หลบทำไม”
       “ไม่หลบก็เจ็บซิครับ”
       น้ำเพชรลุกขึ้นยืน ย่างสามขุมหาปลาใหญ่
       “นายเป็นต้นเหตุ นายมันเป็นตัวซวยนายมันเป็นมารความสุข”
       ปลาใหญ่ระเบิดออกมาด้วยความน้อยใจ
       “อะไรๆ ก็มาลงที่ผม คุณน้ำไม่ยุติธรรม คุณน้ำไม่ยุติธรรม คุณน้ำ...”
       “หยุดนะ”
       “คุณน้ำนั่นแหละเป็นต้นเหตุ”
       “ฉันเป็นยังไง พูดให้ดีนะ”
       “ผมรักคุณน้ำ แต่คุณน้ำไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตา พอมีโอกาส...โอกาสที่มหัศจรรย์ที่สุดผมก็เลยเข้าร่างไอ้ปลาใหญ่เพื่อที่คุณ น้ำจะได้เห็นความสำคัญของผมบ้าง ถ้าจะผิดผมก็ผิดเพราะผมรักคุณน้ำนั่นแหละ”
       น้ำเพชรนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดเน้นๆ
       “ทุเรศ หน้าด้าน เห็นแก่ตัวที่สุด”
       น้ำเพชรเดินออกไปเงียบๆ ปลาใหญ่มองตามอย่างน้อยใจสุดๆ
       น้ำเพชรกลับมาที่โต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่งกุมขมับเมื่อนึกถึงคำพูดของ ปลาใหญ่ น้ำเพชรเงยหน้ามองเพดาน สีหน้าอัดอั้นตันใจ ประตูเปิดออกปลาใหญ่เดินออกมาแล้วผ่านไปโดยไม่มองน้ำเพชร น้ำเพชรมองตามแล้วเม้มปาก
  source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น