วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อ่านละครเรื่อง สาปพระเพ็ง วันที่ 24 ส.ค. 56

อ่านละครเรื่อง สาปพระเพ็ง วันที่ 24 ส.ค. 56

มรัน มาร้องไห้ ติสสาจูบซับน้ำตามรันมาที่สะอื้น โอบกอดมรันมาไว้แน่น...ด้วยความรัก สองร่างกอดเกี่ยวล้มลงนอนท่ามกลางธรรมชาติที่เป็นใจ...เช้าวันใหม่ เจ้านางอินยาเห็นมรันมาที่แนบชิดติสสา ก็แทบจะพุ่งเข้าไปฆ่ามรันมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด

“กลับมาทำไม ในเมื่อเจ้าไม่มีดอกจันทน์กะพ้อมาเช่นที่ข้าสั่ง”
เจ้านางอินยาตวาดถามอย่างชิงชังเห็นมรันมากุมมือติสสาไว้แน่น


“ข้าพามรันมากลับมา เพื่อบอกเจ้านาง...มรันมาจะเป็นเจ้าสาวของข้า” ติสสาบอก

“ไม่ได้ ปล่อยมือจากนางทาสของข้า ข้าไม่อนุญาต”

“ข้าไม่ได้มาขออนุญาต คนที่จะอนุญาตได้คือเจ้าปรันมา”

“มรันมาเป็นทาสของข้า” เจ้านางอินยาไม่ยอม

“แต่ท่านก็เป็นข้าของเจ้าศรีพิสยาเหมือนกัน...เราทุกคนคือข้ารองบาทของเจ้าศรีพิสยาเจ้าเหนือชีวิตที่ไม่เคยทำร้ายคนของตนเองไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโหดเหี้ยมผิดมนุษย์กับทุกคนที่อยู่
ในความดูแล...ไม่เคยเลยที่คิดจะเอาชีวิตคนในปกครองข้ามาเพื่อบอกท่าน เจ้านางอินยา...ข้า
ติสสา จะทำทุกวิถีทางที่จะพามรันมาเจ้าสาวของข้าออกไปจากตำหนักท่านให้ได้”

ติสสาจ้องอย่างไม่กลัวเกรง เจ้านางอินยาตัวสั่น ความโกรธความเกลียดมรันมาพุ่งขึ้นรุนแรงในดวงตา

“โอหัง ทหารรับใช้เยี่ยงเจ้า อย่าบังอาจเอ่ยวาจาโอหังสามหาว”

“ข้าจะทำทุกวิถีทางที่จะได้ดูแลมรันมา เจ้าสาวของข้า ให้พ้นจากมนุษย์ทุกคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหด หยาบช้า ไร้ความปรานี”

ติสสาพูดย้ำ กุมมือมรันมาแน่น ประกาศต่อหน้าเจ้านางอินยา ...เจ้านางอินยาตัวสั่นเทาด้วยความแค้นและริษยามรันมา จึงระบายความโกรธแค้นด้วยการเฆี่ยนตีนางข้าหลวงใหม่ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังไปทั้งตำหนัก

เวลาเดียวกันที่เมืองปุระอมร สุเลวินโหรากำลังเพ่งลงลึกไปในฌาณ โดยองค์นรสิงห์มองจ้อง รอคอยคำตอบอยู่

“ข้าเห็นความรัก .. ความรักอันเกี่ยวร้อยหัวใจหาญกล้า หัวใจที่บูชาแผ่นดิน”

องค์นรสิงห์มองด้วยความสงสัย

“ความรักจะทำให้เราชนะเมืองศรีพิสยาได้ยังไง” องค์นรสิงห์ถามอย่างสงสัย

“ความรักบริสุทธิ์ ไม่อาจแบ่งแยก ไม่อาจกีดกัน” สุเลวินโหราบอก

“บอกสิ สุเลวิน ความรักของใครที่คุ้มครองศรีพิสยา” องค์นรสิงห์คาดคั้นด้วยความอยากรู้
สุเลวินโหรายิ้มแย้มพอใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น

“ความริษยา...ความริษยาเป็นอารมณ์เดียวที่รุนแรง พอที่จะทำลายศรีพิสยาให้แหลกสลาย”

“ความริษยาของใคร”

“หญิงแห่งศรีพิสยา ริษยาของหญิงสองนางจะทำลายศรีพิสยา”

นรสิงห์ยินดีในคำตอบ เสียงหัวเราะดังก้อง ฟังเหมือนเสียงคำรามแห่งราชสีห์

เมื่อจากตำหนักเจ้านางอินยาและอยู่ตามลำพัง ติสสามองดวงหน้ามรันมาบ่งบอกถึงความรักและเป็นห่วง

“อดทนนะน้องน้อย พี่ชายจะรีบมารับน้องน้อย”

“น้องน้อยจะอดทน”

“ใจพี่ชายอยากจะพาน้องน้อยไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากให้อยู่ในตำหนักเจ้านางอินยาต่อเลยสักนาที...แต่พี่ชายต้องทำให้ถูกต้อง เจ้านางอินยาจะตามไปทำร้ายน้องน้อยของพี่ชายไม่ได้อีก...หัวใจพี่ชายเกิดมาเพื่อเป็นของน้องน้อย...ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน...ความรักของพี่ชายจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” ติสสาดึงร่างมรันมามากอด และประทับจูบบนหน้าผากมรันมา

ปัจจุบัน รัดเกล้าสะดุ้งเฮือกขึ้นมา ไผ่ พัทธ์ วิกกี้ที่รุมล้อมอยู่ พากันแปลกใจ

“ยายเกล้า”

“น้องรัดเกล้า”

วิกกี้หันขวับ จ้องไผ่ที่กำลังจะเข้ามาใกล้น้อง

“หยุด...หยุดมือของผู้กองไว้ตรงนั้น เอามันกลับไปซุกกระเป๋า อย่าคิดจะแตะน้องชั้น”

วิกกี้หันมาประคองรัดเกล้า พัทธ์บอกให้พารัดเกล้าไปเช็กที่โรงพยาบาลจะดีกว่า

“ดีเหมือนกันค่ะ ไปรถผู้กองได้มั้ยคะ” วิกกี้ถามความเห็นพัทธ์

“ครับ ไปเลยครับ”

“ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร เกล้าอยากกลับบ้าน”

“กลับไม่ได้นะ รัดเกล้า เธอเป็นลมบ่อยไปแล้ว”

“เอ๊ะ ผู้กองไผ่ มารู้ยังไงว่าน้องฉันเป็นลมบ่อย”

ไผ่กับพัทธ์สบตากันอย่างอึดอัด

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...เกล้าคงโรคกระเพาะกำเริบ” รัดเกล้ารีบตอบให้ทุกอย่างผ่านไป

พัทธ์กับไผ่มองเป็นห่วงรัดเกล้า แต่สายตาวิกกี้ไม่เชื่อ...และเมื่ออยู่ตามลำพัง วิกกี้ก็ซักไซ้รัดเกล้าทันที

“แกโกหกเรื่องโรคกระเพาะ เห็นว่าฉันกินหญ้าแทนข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เกล้าไม่อยากพูดต่อหน้าคนอื่น ...เกล้าเห็น...เห็นภาพอดีตอีกแล้วค่ะ...พี่วิกกี้” รัดเกล้าตัดสินใจบอกพี่สาว

“ฉันจะพาแกไปเช็กประสาท ตรวจเอ็ม อาร์ไอ” วิกกี้ไม่เชื่อ

“เกล้าไม่ได้ป่วยนะคะ ไม่ได้ป่วย ไม่ได้บ้า เกล้าเห็นจริง ๆ ค่ะ เกล้าเห็นตัวเองด้วย ปราสาทหิน นักรบ เมืองงามในอดีต”

“งั้นคราวหน้าแกต้องพาชั้นไปด้วย ชั้นอยากช้อปแบรนด์เนมในอดีต”

“เกล้าพาใครไปไม่ได้...”

“เอ๊ะ...แล้วแกจะให้ฉันเชื่อได้ยังไง ไหนแกทะลุมิติไปยังไง...บอกชั้นสิ”

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากค่ะ...เวลา ...เวลา...”

รัดเกล้ามองเกรง ๆ วิกกี้ที่จ้อง อยากรู้เต็มที่

“เวลาที่ผู้กองไผ่โดนตัวเกล้า”

“อะไรนะ นี่ไอ้ผู้กองไผ่...มันลวนลามแก”

เวลาเดียวกัน พัทธ์มองไผ่กุมขมับ เดินไปเดินมา

“โอ๊ย...ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ลวนลาม แต่ทุกครั้งที่ร่างกายเราสัมผัสกัน เค้าก็บอกว่าเจ็บ...แล้วก็วูบ”

“หรือว่าสมองกระทบกระเทือน มีเลือดคั่งตั้งแต่รถชน”

“เลือดคั่งหรือเปล่า ไม่รู้ รู้แต่พอฉันขับรถชนเค้า ฟื้นขึ้นมา รัดเกล้าก็ฝังใจ... จิตใต้สำนึกมันสั่งให้เค้าเกลียดฉัน”

“เดี๋ยว ๆ ไอ้ไผ่...แกเป็นตำรวจ ไม่ใช่นักจิตวิทยา หรือ หมอ อย่าเพิ่งสรุปมั่ว ๆ”

“ไม่มั่ว นี่แหละข้อสรุป รัดเกล้าเกลียดฉัน”

“พี่สาวเค้าก็เกลียดแก”พัทธ์ยิ้มขำ ๆ

“เออ...รู้แล้ว เจ๊วิกกี้เกลียดฉันน่ะดีแล้ว ฉันถือว่าปลอดภัยกับชีวิตโสดของตัวเอง แต่รัดเกล้า...ฉันไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนี้ ฉันเป็นต้นเหตุให้เค้ามีอาการประหลาด ๆ ฉันต้องรับผิดชอบ”

ไผ่สีหน้าห่วงใยรัดเกล้ามาก
 

1 ความคิดเห็น:

Più Bella Rio กล่าวว่า...

Congratulations on your blog.

แสดงความคิดเห็น