ปกติเหงื่อจะไม่ส่งกลิ่นกวนใจ แต่เมื่อเหงื่อทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียและเชื้อราในผิวหนังจึงทำให้เกิด “กลิ่นตัว” ซึ่งแก้ปัญหาได้โดยการใช้ “ยาระงับกลิ่น”
โดยยาระงับกลิ่นผลิตขึ้นเพื่อระงับการเติบโตของแบคทีเรีย เพราะผสมสารแอนติแบคทีเรีย น้ำหอม และบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารลดการขับเหงื่อที่จะช่วยดูดซับเหงื่อที่ออกมา มากเกินไป
ดังนั้นยาระงับกลิ่นที่มีขายในท้องตลาดจึงมี 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบบที่ให้กลิ่นหอมอย่างเดียว และแบบที่ลดการเกิดเหงื่อเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นด้วย โดยจะมีส่วนผสมของ อลูมิเนียม คลอโรไฮเดรทที่จะทำให้รูขุมขนหดตัว เหงื่อจึงไหลออกจากต่อมเหงื่อไม่ได้
ช่วงเวลาที่ควรใช้ยาระงับกลิ่นคือ ใช้ทันทีหลังอาบน้ำ และผู้ที่เหมาะจะใช้คือผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
ถึงแม้ยาระงับกลิ่นจะช่วยลดการเกิดเหงื่อและกลิ่นตัว แต่ก็มีผลเสียคือ อาจทำให้ผิวหนังบริเวณใต้วงแขนอักเสบ และทิ้งคราบไว้ที่เสื้อผ้า หรือบางคนที่ใช้ยาระงับกลิ่นแล้วเกิดอาการแสบ และวงแขนมีสีดำคล้ำ ก็ควรหยุดใช้และเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน
แม้ตอนนี้จะไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจนว่าการใช้ยาระงับกลิ่นจะทำให้เกิด มะเร็ง แต่ก็ควรเลือกใช้ยาระงับกลิ่นที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดมะเร็งทรวงอกได้
ที่มา เดลินิวส์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น