วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2/2

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2/2
ที่ประเทศสิงคโปร์ ตอนช่วงพักกลางวันภายในมหาวิทยาลัย เกียรติบดินทร์แต่งตัวฟิตเปรี๊ยะด้วยเสื้อผ้าเข้ารูปแบรนด์เนมทั้งชุด วิ่งออกมาจากลิฟท์อาคารเรียนทรงโมเดิร์น ตรงไปที่หน้าห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษา มีนักศึกษาจีน 2 คน มาเลย์อีก 1 คน นั่งบ้าง ยืนบ้างรออยู่ก่อนแล้ว
เกียรติบดินทร์ดูนาฬิกา แล้วเดินผ่านทุกคน เพื่อที่จะไปเคาะประตู
“Wait! Wait! There’s a person inside, and you should queue up, please.” นักศึกษาคนหนึ่งท้วงขึ้นมา
“This is my queue! I had an appointment at ten!”


เกียรติบดินทร์เคาะประตู แล้วเปิดเข้าไป
ในห้องอาจารย์ฝรั่ง และเด็กนักศึกษาจีนคนหนึ่ง กำลังดูเอกสารด้วยกัน เงยมางงๆ
“Hello! Do you need some help?” อาจารย์ทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“I’m sorry, this is my turn, I had an appointment at ten!” เกียรติบดินทร์
“Mr. เกียรติถลาง?” อาจารย์ท่านนั้นดูในตาราง
“Yes, I am.” เกียรติบดินทร์บอก
“You should see me at ten , right? But now it’s ten and a quarter, so, Your turn is over. You have to wait in the line outside, please!” อาจารย์ผายมือเชิญ
“Excuse me,sir , professore, I was not late , but those elevators were always damn full , please let me have your advice now.”
“Hrr…. Thailand ….” อาจารย์ส่ายหัว
“What?”
“Nothing…” อาจารย์ว่า
“You said Thailand?” เกียรติบดินร์ถาม
“Excuse me please…” นักศึกษาจีนคนที่อยู่ในห้องพูดขัดจังหวะขึ้น
เกียรติบดินร์หันมาชี้หน้า
“Shut up!” ไม่พูดเปล่า เกียรติบดินร์ก้าวเข้าไป กระชากคออาจารย์ขึ้นมา “You said Thailand? Why Thailand? What did you intend to say? ไทยแลนด์เป็นไงเหรอ ไทยแลนด์ก็ประเทศกูดิ ไอ้ตุ๊ด!”

ที่เมืองไทยภายในห้องกินข้าวบ้านบัญชา ทุกคนกำลังประชุมเรื่องงานอยู่ มีบัญชานั่งเป็นประธานในที่ประชุม วังกับบัวช่วยกันเสิร์ฟกาแฟ ของว่าง บุรีพยักหน้ากับนายเด่น จากนั้นนายเด่นก็ส่งแฟ้มให้บุรี
“นายเด่นจัดตารางการทำงานมาแล้วครับ ดูแล้วเสร็จทันตามสัญญาขององค์การบริหารส่วนจังหวัดแน่ๆ ไม่มีปัญหาครับ นายหัว” บุรีบอก
“ไหน ขอดูหน่อย”
บุรีส่งให้ บัญชารับแฟ้มไป แล้วเอาแว่นอ่านหนังสือมาส่อง
“ลงมือทำงานวันจันทร์หรือ นายเด่น” บัญชาถาม
“ครับนายหัว ตอนนี้พวกวัสดุทั้งหมดไปกองรออยู่แล้วครับ คนงานจะไปถึงเย็นนี้” เด่นรายงาน
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวของบัญชาที่มีเฉพาะไม่กี่คนรู้เบอร์ดังขึ้น บัญชาชะงัก แล้วหยิบโทรศัพท์ในบรรดา 3 เครื่อง ขึ้นมาดูเบอร์ แล้วสีหน้าอึ้งไป
“ขอโทษนะ” บัญชาลุกขึ้น “โทร.จากสิงคโปร์” เดินไป กดรับที่มุมหนึ่ง พูดกระซิบกระซาบ น้ำเสียงร้อนใจ
บัว กับวัง ลอบสบตากันสีหน้าเป็นกังวล บุรีมองเหล่ๆ ที่บัญชา สงสัยว่ามีอะไร
สักพัก บัญชาเดินเข้ามาดูท่าทีเหนื่อยๆ ขณะเดินมานั่งขรึม
“มีอะไรครับ นายหัว” บุรีทนไม่ไหวถามขึ้น
“หลานชายแก...” บุญชาพูดกับน้อง
“คุณดิน..เป็นอะไรคะ” บัวลืมตัวถามออกมา
“มหาวิทยาลัย..เค้า..ไม่รับมันแล้ว” บัญชาหันมาหาพวกประชุม พยายามควบคุมอาการ “ขอโทษๆๆ เรามาประชุมกันต่อดีกว่า..อ่ะ ถึงไหนแล้วนะ”
จู่ๆ เกียรติบดินทร์เดินเข้ามา ท่าทางสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณดิน!!!” วังประหลาดใจ
เกียรติบดินทร์ ไหว้พ่อ ไหว้ทุกคน “สวัสดีครับ ผมกลับมาแล้วนะ..ทุกคน สบายดีม้ายย..เย้..” เกียรติบดินทร์ทำท่าโบกมือแบบศิลปินนักร้องทักคนดู ทำท่าจะเดินผ่านขึ้นบ้าน
บัญชาพูดไม่ออก ได้แต่อึ้ง และขบกรามพยายามระงับอารมณ์ ทุกคนสบตากันบรรยากาศตึงเครียด

ในวันต่อมาดารากานต์กำลังเรียงขนมคุ้กกี้ใส่ในกล่องพลาสติกใส บัญชามองอย่างกลุ้มๆ เดินเข้ามาหา
“คุ้กกี้..สำหรับทำบุญหรือ” บัญชาถาม
“ทำทานน่ะค่ะ ให้พวกที่ศาลเจ้าไปแจกเด็กยากจน” ดารากานต์พูดใบหน้าเปื้อนยิ้ม
บัญชามองภรรยา แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ยังไม่ตื่นเหรอ”
ดารากานต์ใจลอยหันมา ยิ้มงงๆ “คะ?..ใครคะ?”
“ลูก...” บัญชาอึ้งนิดๆ
“อ๋อ นายดิน ออกไปแต่เช้าค่ะ ไปวิ่ง” ดารากานต์ว่า
“แล้ว..เราจะทำยังไงดี”
“ก็คง..แล้วแต่ลูกมังคะ ดินคงไม่อยากไปเรียนไกล กรุงเทพฯ ลูกยังไม่ชอบไปเลย ดูเหมือนน้อยใจด้วยซ้ำ เวลาเราให้ไปจากบ้าน” ดารากานต์ถอนใจนิดๆ
“ดินมันเหมือนกับ..เด็กที่เรียกร้องความสนใจตลอดเวลา” บัญชาออกความเห็น
“เราคงตามใจแกมากเกินไป ดินไม่ขาดอะไร แกก็เลยไม่เห็นค่าของอะไรเลย”
บัญชามองจ้องหน้าภรรยา “คุณเชื่อว่า..ดินไม่ขาดอะไรเลยหรือ”
ดารากานต์หน้างงเหวอ
“ขาด..ขาดอะไรล่ะคะ”
บัญชาอึ้ง ไม่กล้าพูดสิ่งที่คิด
“อาจจะเป็น..ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่”
“ของใครล่ะคะ นายหัวก็ทูนหัวทูนเกล้าลูกออกจะตาย ฉันเอง..เวลาไปจ้ำจี้จำไช หรือยุ่งกะแกมากๆ แกก็ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ ถ้าฉันดูแลมากกว่านี้..แกก็อาจจะหงุดหงิดกว่านี้อีก เกียรติบดินทร์เป็นเด็กเอาใจยาก..คุณก็รู้ ดูเหมือนแกจะโกรธอะไรอยู่ตลอดเวลา..หรือมันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดานะคะ ที่พวกเด็กหนุ่มๆ จะรำคาญแม่น่ะ” ดารากานต์หันไปง่วนกับการบรรจุคุ้กกี้ลงกล่องต่อ ไม่เดือดร้อนมากนัก
บัญชาอึ้งรู้สึกขัดเคืองใจ แต่ก็ไม่รู้จะว่าไงดี

ตอนสายวันเดียวกันนั้นเกียรติบดินทร์วิ่งเข้ามาในบริเวณบ้าน แล้วชะงัก เห็นบัญชายืนรออยู่หน้าบ้าน
เกียรติบดินทร์หยุด เปลี่ยนเป็นวอร์มดาวน์ไปมา หน้าตาเตรียมพร้อมเจรจา บัญชาเดินเข้าไป
เกียรติบดินทร์รีบชิงพูดก่อน
“พ่อครับ ผมอยากเรียนที่บ้าน..ได้ไหมครับ”
“เรียนยังไง เรียนที่บ้าน” บัญชางง
“เรียนมหาวิทยาลัยทางไกลไงครับ เรียนทางเน็ต จะเอามหาวิทยาลัยในอเมริกาก็ยังได้ สมัยนี้เค้ามีเยอะแยะไปครับพ่อ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ผมช่วยพ่อทำงานไป เรียนไปก็ได้ ที่จริง..อีกหน่อยผมก็ต้องทำธุรกิจของพ่อแทนพ่ออยู่แล้วนี่นา ทำไมพ่อไม่สอนงานให้ผมเลยล่ะครับ จะมีประโยชน์กว่าไปเรียนเมืองนอกแล้วต้องไปเจอกะไอ้พวกคนงี่เง่าไร้สาระตั้งเยอะ” เกียรติบดินทร์อธิบายยาว
“ดิน..ลูกควรจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคมบ้าง”
จังหวะนั้นรถบุรีขับเข้ามา เกียรติบดินทร์หันไปมอง
“อาบุรีมา...” เกียรติบดินทร์กอดอก มองรอ “อาบุรีนี่ดีจังนะครับ เป็นทั้งน้อง เป็นทั้งมือขวาพ่อทุกเรื่อง..พ่อทำไมไม่ให้ผมเป็นมือซ้ายของพ่อบ้างล่ะครับ ผมว่า..” ว่าพลางยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ “อาบุรีนี่..ท่าจะรู้อะไรๆ..ในบริษัทเรามากเกินไปแล้วนะครับ”
บัญชามองหน้าลูกชาย ตะลึงกับความคิดที่กลั่นออกมาเป็นคำพูด
บุรีก้าวลงมาจากรถ เกียรติบดินทร์ยิ้มแย้ม ไหว้บุรี
“น้องดิน ไม่อยากเรียนสิงคโปร์..สนใจที่สงขลาไหม เพื่อนอาเป็นคณบดีอยู่คนนึงนะ” บุรีเอ่ยขึ้น
เกียรติบดินทร์ยิ้มบางๆ ให้ “อาบุรีมาแต่เช้า ที่ไซด์งานมีปัญหาอะไรหรือครับ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกหลาน” บุรีรีบเดินไปหาบัญชา “นายเด่นป่วยครับ นายหัว เป็นไข้เลือดออกเฉยเลย เดี๋ยวผมว่าจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล”
“อ้าว เด่นป่วย แล้วใครมาดูงานแทนล่ะ” บัญชาถาม
“ไอ้ดวงครับ” บุรีบอก
“ถ้าเป็นดวงมาดู ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง งั้น เดี๋ยวบุรีซื้อกระเช้าผลไม้อย่าง 2 พันนะ ติดการ์ดของพี่ ไปให้นายเด่นด้วย”
“ได้ครับ” บุรีรับคำ
“นายเด่น เป็นผู้รับเหมางานคอนกรีตใช่ไหมครับ แล้วใครคือดวง” เกียรติบดินทร์สงสัย
“ลูกของนายเด่นไงน้องดิน มันเก่ง คนงานเชื่อฟังกันโหม้ด..ผมไปนะครับ นายหัว”
บุรีพูดจบก็หันกลับไปขึ้นรถ แล้วขับออกไป เกียรติบดินทร์หันมาหาพ่อ
“นายเด่น..ผู้รับเหมายังให้ลูกมาคุมงานได้ แล้วทำไม..พ่อไม่คิดจะฝึกผมให้ผมไปคุมงานแทนพ่อบ้างล่ะครับ ผมจะได้เรียนรู้..การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมไงฮะ”
เกียรติบดินทร์พูดแฝงน้ำเสียงแดกดันอยู่ในที บัญชาถึงกับอึ้ง

บัวและวัง กำลังลำเลียงกล่องคุ้กกี้ใสๆ หลายกล่อง ยกซ้อนกันออกมาจากในครัว ทรายทองวิ่งลงมาจากชั้นบนพอดี
“อะไรน่ะๆ หอมจังเลย คุณแม่ทำขนมเหรอ โอ้โห ..ขอทรายกล่องนึงนะ”
ทรายทองคว้ากล่องบนสุดขึ้นมา
“วางลงเดี๋ยวนี้ น้องทราย..เดี๋ยวคุณแม่ก็ดุหรอก” บัวเอ็ดเสียงดัง
ทรายทองจ๋อย รีบวางลง
“คุณแม่ทำตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องหวงด้วย อ๋อ..รู้แล้ว จะส่งไปทำบุญที่ต่างจังหวัดอีกล่ะสิ ของทำบุญพวกนี้ ใครแตะไม่ได้เลย”
“น้องทรายลองไปดูในครัวสิคะ ป้าเห็นคุณแม่จัดแยกไว้ส่วนนึงในตู้ สำหรับพวกเรากินกันในบ้าน”
“อ๋อ..รู้แล้ว พวกที่เหลือเลือกน่ะสิ อันที่มีตำหนิ ไม่สวย หักมั่งอะไรมั่ง ให้ทรายกิน ชิมิๆๆ ช่างเหอะ สวยไม่สวยไม่สน อร่อยซะอย่าง” ทรายทองวิ่งจู๊ดเข้าครัวไป
บัว กับวังยกกล่องคุ้กกี้ไปที่มุมหนึ่ง ตรงนั้นมีกล่องกระดาษสีน้ำตาลใหญ่ๆ วางอยู่ ทั้งสองช่วยกัน ลำเลียงกล่องใส ลงในกล่องกระดาษ
“เดี๋ยวชั้นไปเอากระดาษฝอยมายัดๆ ไว้รอบๆ ก่อน จะได้กันกล่องกระแทก รอเดี๋ยวๆ”
บัวบอกแล้วรีบไป ปล่อยให้วังจัดเรียงไปตามลำพัง
บัญชาที่นั่งอ่านนสพ.อยู่แถวๆ นั้น ลุกขึ้นมาจากโซฟา ที่พนักบังอยู่แต่แรก เดินมาดู มองๆ
“ของพวกนี้...จะส่งไปที่..ศาลเจ้า...แถวภาคเหนือใช่ไหม” บัญชาถาม
“ครับผม” วังยิ้มๆ
“แกมีที่อยู่ศาลเจ้านี่ไหม..เผื่อว่า..ฉันอยากจะส่งเงินไปช่วยคุณผู้หญิงทำบุญเพิ่มเติมวันหลังซักหน่อย...” บัญชาโกหก ยิ้มเนียนๆ
“อ๋อ..นี่ไงครับ” วังล้วงกระเป๋า หยิบนามบัตรของศาลเจ้ามาส่งให้
บัญชารับไป อ่าน สีหน้าครุ่นคิด

สารภีกัดกินคุ้กกี้กร้วบๆๆ แล้วก็ยัดๆๆ แล้วก็ไอ สำลัก ฟ้ากระจ่างรีบส่งแก้วน้ำให้
“แม่..กินช้าๆสิครับ กินน้ำก่อนๆๆ” ฟ้ากระจ่างรีบลูบหลังให้
สารภีกอดกล่องคุกกี้พลาสติกใสเป็นของตัวเอง1กล่องเต็มๆ
“อ่าๆ อาอ้างอินอ้วยอัน แอ้อำ อู้กอำ - อ่ะๆ อาจ้างกินด้วย แม่คำ ลูกคำ” สารภีป้อนฟ้ากระจ่าง
ฟ้ากระจ่างอ้าปากกินที่สารภีป้อนให้ แล้วค่อยๆ แย่งกล่องกลับมา “อั้ม..มา อั๊วะถือให้แม่นะ เดี๋ยวแม่ทำหก”
“ไอ้เอาๆๆ แอ้อะอื๋อเองๆๆ - ไม่เอาๆๆ แม่จะถือเองๆๆ” สารภีโวย แล้วแย่งกลับมา กอดไว้แน่น
อาจ้าง โอเคๆๆ แม่ถือเองก็ได้ แต่วันนี้ แม่กินแค่นี้พอแล้วนะ กินมากๆไม่ได้นะครับ จะทำให้แม่ไม่สบายนะ กินเยอะๆเดี๋ยวท้องแตกตายเหมือนชูชกนะครับ
“อ๊องแอก..อูอ๊ก!!! ไอ้อิง!! โออก!! - ท้องแตก..ชูชก ไม่จริง โกหก” สารภีตาโต
อรกด้านหนึ่ง เสี้ยวท้อเดินมามองๆ แล้วกอดอก จ้องหน้าฟ้ากระจ่างอย่างเปิดเผย ฟ้ากระจ่างเงยมา เห็นเสี้ยวท้อ อึ้ง หน้าเครียดขึ้นมาทันที
สารภีกอดกล่องคุ้กกี้ ลุกพรวดขึ้น
“ไอ้เอาแอ๊ว อาอ้างอะแอ้งอะอ๋มแม่ อ่าอึ๊กอ้าแม่โอ้อ๊ะ แอ้ไอ้โอ้ อ่าอิ๊ด อ้าอะออกอันอ้ายๆ - ไม่เอาแล้ว อาจ้างจะแย่งขนมแม่ อย่านึกว่าแม่โง่นะ แม่ไม่โง่ อย่าคิดว่าจะหลอกกันง่ายๆ”
“แม่..แต่แม่ไม่สบายนะครับ หมอบอกว่า…”
ฟ้ากระจ่างพูดไม่ทันจบสารภีก็พูดสวนออกมา
“ไอ้อ้องมาอู้ดๆๆ - ไม่ต้องมาพูดๆ” เห็นเสี้ยวท้อ “อาเอี้ยวอ๊อ อ้วยๆๆๆ - อาเสี้ยวท้อช่วยด้วยๆ” สารภีวิ่งหนีไป
“แม่...”
ฟ้ากระจ่างจะตามไป เสี้ยวท้อมาขวาง มองแบบเอาเรื่อง สารภีหนีไปได้ ฟ้ากระจ่างมองจ้องเสี้ยวท้อ แล้วรีบหันหลังให้ ทำท่าจะเดินหนี
“แม่เหรอ..อาจ้าง.. ยายสารภีนี่เหรอ แม่เธอ ตื่นจากฝันซะทีเถอะ” เสี้ยวท้อพูดเสียงดัง
ฟ้ากระจ่างโกรธมากรีบสาวเท้า เดินหนีอย่างเร็ว
เสี้ยวท้อมองตามอย่างฉุนๆ

ฟ้ากระจ่างเดินหนีมาตามทาง เสี้ยวท้อวิ่งตาม มองรอบๆ แล้วเห็นต้นต้อยติ่งริมถนน นึกได้ โดดไปเด็ดดอกต้อยติ่งมาขยุ้มนึง แล้ววิ่งถลาไปดักหน้าฟ้ากระจ่าง
“นี่ อาจ้าง ตัวของเธอก็ไม่ใช่ดอกต้อยติ่ง โลกของเธอไม่ใช่ศาลเจ้าริมน้ำ เธอยอมรับความจริงหน่อยได้ไหม” เสี้ยวท้อบอก
ฟ้ากระจ่างมองหน้าเสี้ยวท้อ มองดอกไม้ ท่าทีงงๆ เสี้ยวท้อพูดต่อ
“ตอนนี้ เธอกำลังใช้ชีวิตแบบนี้ ทำตัวให้กลมกลืนกับพวกดอกหญ้าที่ขึ้นอยู่ริมทาง เพื่อจะบานแล้วก็เหี่ยวแห้ง ร่วงโรยไปตามยถากรรม แล้วก็โดนเหยียบจมดินอยู่แถวๆ นี้ ทั้งๆ ที่เธอควรจะออกไปดูโลกของเธอ ไปพบไปเห็นอะไรๆ ที่รอเธออยู่”
“เจ๊จะเพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้วนะ ไปดูซี่รี่ส์เกาหลีที่ไหนมาอีกล่ะ”
“อาจ้าง เธออยากจะมีชีวิตแบบกู๋เหลียง แบบเจ๊กหึ่งจริงๆ เหรอ”
“ทำไม แล้วเจ๊มาเดือดร้อนอะไรด้วย กู๋เหลียงเป็นคนดี ทำแต่ความดี ป๊าผมก็เป็นคนดี แล้วก็มีความสุข ใจดี ทำอะไรก็อร่อย ใครๆก็รัก ถ้าผมอยากเป็นแบบกู๋ แบบป๊าแล้วมันไม่ดีตรงไหน”
“เธอไม่อยากรู้เหรอ ว่าเธอเป็นใคร..พ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร อยู่ที่ไหน”
“พ่อแม่ผมอยู่นี่ ผมไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอีก”
“เก่งจริง..เธอกล้าไปตรวจดีเอ็นเอไหมล่ะ ดีเอ็นเอเธอ กะยายสารภีกะเจ็กหึ่ง ว่ามันตรงกันหรือเปล่า”
“ไม่จำเป็นต้องตรวจ”
“หรือเธอจะบอกว่าดีเอ็นเออยู่ที่หน้า” เสี้ยวท้อหัวเราะ
“ผิดแล้ว เจ๊ ดีเอ็นเอ..อยู่ที่ใจตะหากล่ะ”
“อาจ้าง เธอมันบ้า เธอมันดื้อ หลอกตัวเองไปวันๆ”
“ผมไม่เคยหลอกตัวเอง” ฟ้ากระจ่างว่า
“โกหก” เสี้ยวท้อโมโห
จังหวะนั้นอาหึ่งโผล่เข้ามาตรงกลาง
“ทะเลาะกันอีกแล้ว!! อาจ้าง..ชอบไปเถียงเจ้เค้าเรื่อย เจ้เค้ารักเรา หวังดีต่อเรา เจ้เสี้ยวท้อเนี่ย เค้ารักเราเลี้ยงดูแลเรามาตั้งแต่เล็กๆนะ เค้าสอนเราเพราะเค้าหวังดี เราเป็นเด็ก เราต้องเชื่อฟังสิ” อาหึ่งบ่น
“อาเจ๊ก” เสี้ยวท้ออึ้งไป
“ลื้อไปโกหกอะไรเจ้เค้า โกหกมันบาปนะ ไม่ดีๆ เด็กดีต้องไม่โกหกนะ จำไว้ ไปๆๆช่วยป๊าขูดมะพร้าวหน่อย ปะ..เดี๋ยวเย็นนี้จะทำกล้วยบวชชีเลี้ยงพวกเด็กๆหน่อย มีคนเอากล้วยเอามะพร้าวมาให้เต็มครัว เดี๋ยวจะเน่าซะหมด มาๆ อาเสี้ยวท้อ มาช่วยกันๆ จะได้เอากลับบ้านไปให้ม่าลื้อด้วยไง ไปๆๆ” อาหึ่งว่า
อาหึ่งจูงสองคน คนละมือ เดินไปสู่ประตูศาลเจ้า ฟ้ากระจ่างมองเสี้ยวท้อเป็นเชิงตัดพ้อ เหมือนจะถามว่าเห็นไหม ว่าอาหึ่งดีแค่ไหน สำนึกไหม เสี้ยวท้อมองแบบไม่ยอมแพ้
ด้านหนึ่งเวลานั้น มีนักสืบพร้อมกล้องโผล่ออกมา แอบถ่ายรูป แชะๆๆ

บริเวณลานหน้าศาลเจ้า ตอนค่ำๆ พวกเด็กๆ กว่า 20 คน รำมวยไทเก๊กกันเป็นแถว ตามนักบวชตงที่อยู่หน้าสุดตรงกลาง มีสมหมาย หมีใหญ่ ที่ยืนเป็นหลัก และทำเป็นตัวอย่างให้ดูด้วยอีก 2 จุด ด้านข้าง
กู๋เหลียง ปักเป้า คอยเดินดูเด็กเป็นรายคนที่ทำท่าผิดเพี้ยน แล้วช่วยจับให้ถูกต้อง
สองอาจารย์ยืนดู ด้วยสายตาพึงพอใจ บางท่าพยายามทำตาม แล้วขำกัน ในที่สุดก็ฝึกมาจนท่าสุดท้าย
“ดีมากๆ ทุกคนก้าวหน้ามาก พอได้แล้ว สำหรับวันนี้(นำการตบมือ)ขอบคุณทุกคน..ที่ตั้งใจเรียนนะ” นักบวชตงกล่าว
ทุกคนตบมือ แล้วไหว้พวกครู
“ขอบคุณครับๆ” เด็กๆ ประสานเสียง
“เอ้า..ใครหิวน้ำหิวขนม ทางนี้ๆๆๆ” ฟ้ากระจ่างเคาะชามสังกะสี
ที่ข้างๆ ถังคูลเลอร์ใหญ่ 2 ถัง มีแก้วกระดาษวางอยู่ เสี้ยวท้อยกกล่องคุ้กกี้ ของดารากานต์มาวางกองสูง และครู่ต่อมาฟ้ากระจ่างกับอาหึ่งช่วยกันยกหม้อกล้วยบวชชีมาวาง
“ใครอยากกินคุ้กกี้แสนอร่อย มาทางนี้เลยจ้า” เสี้ยวท้อร้องเรียก
“ใครอยากกินกล้วยบวชชีแสนอร่อยยิ่งกว่า มาทางนี้ๆ” อาหึ่งว่า
“โห่ววว..พี่ฟ้าอ่ะ ผมอุตส่าห์รอ อยากให้พี่มาสอนมวยซะหน่อย พี่กลายเป็นแผนกเสบียงซะงั้น” เด็กคนหนึ่งว่าขณะเดินเข้าไปหาฟ้ากระจ่าง
“นั่นสิ พี่ฟ้าอ่ะ ไหนเค้าลือกันว่าพี่คือยอดไทเก๊กตระกูลหยาง โม้นี่หว่า” เด็กอีกคนบอก พวกเด็กๆฮากันลั่น
“อ้าวๆๆ พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็สวยสิ ไอ่น้อง..” ฟ้ากระจ่างยิ้มๆ
เด็กคนนั้นว่าพลางก้าวไปขวาง ยกมือคารวะแบบธรรมเนียมจีน
“ท่านพี่ กรุณาชี้แนะด้วย”
ฟ้ากระจ่างทำท่าคารวะตอบ
“เช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจ วันนี้เรียนอะไรไป โปรดแสดงให้ชมดูด้วย”
ฟ้ากระจ่างขยับท่าเตรียมพร้อม เด็กคนนั้นรีบขยับท่าเตรียมพร้อมด้วย ทุกคนตีวงล้อมเข่ามา สีหน้าทุกคนอยู่ในอารมณ์สนุกสนาน อยากดูมากๆ
ฟ้ากระจ่างทำหน้าจริงจัง
“รับมือ! ย๊าก...”
ฟ้ากระจ่างก้าวเข้าใส่ บุก รุกทีละท่าๆ เด็กรับแบบช้าๆ สักพัก พอเข้าขากัน ฟ้ากระจ่างบุกเร็วขึ้นๆ เด็กก็รับเร็วขึ้นๆ มีพลาดบ้าง ต่างคนต่างหัวเราะ ยิ้มแย้มสนุกสนาน กองเชียร์ทุกคนชอบใจ ตบมือเฮฮากันลั่นลานศาลเจ้า
อีกด้านหนึ่ง ไม่มีใครสังเกตเห็นนักสืบคนหนึ่งกำลังซูมเข้าที่ใบหน้าฟ้ากระจ่าง แล้วกดชัตเตอร์ระรัว

รูปถ่ายศาลเจ้า รูปเทพเจ้าต่างๆ ในศาล รูปผู้คนในศาลเจ้าปฐมเปาเก๊งเต๊งทั้งหมด ซึ่งมีรูปฟ้ากระจ่างตอนอายุ 10 ขวบ ปะปนมากับรูปคนอื่นๆ มีทั้งหมู่และเดี่ยว รูปข้าวของในศาลเจ้า ของไหว้ต่างๆ และกองกล่องคุ้กกี้ของดารากานต์ รูปทั้งหมดแบหราเต็มโต๊ะทำงานบัญชา
บัญชายืนพิจารณารูปถ่ายทั้งหมด แล้วดึงรูปกล่องคุ้กกี้ขึ้นมาก่อน จากนั้น มองอีกปราดเดียว ก็เลือกแต่รูปที่มีอาจ้าง ทั้งหมู่ เดี่ยว แยกออกมาจากรูปทั้งหมด
“ฟ้ากระจ่าง แซ่ลี้ หรืออาจ้าง” นักสืบยืนรายงานอยู่ข้างๆ
บัญชามีสีหน้าเผือดลง อย่างชัดเจน
“ชื่อ..อะไรนะ..จ้างเหรอ”
“ชื่อเล่นน่ะครับ..เขาเรียกกันว่า..อาจ้าง ..น่าจะมาจากชื่อ..ขนมจ้าง” นักสืบกล่าวเสริม
บัญชานั่งลง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิดอย่างหนักรำพึงออกมาอย่างสะดุดใจ
“ขนมจ้าง..ขนมจ้างเหรอ”
บัญชา นึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต ภายในครัวบ้านหลังเก่า บัญชาที่หนุ่มแน่นเดินเข้ามา แล้วชะงัก ที่เห็นขนมจ้างเต็มถาดบนโต๊ะ และเกียรติบดินทร์ในวัย 5 ขวบ นั่งอยู่กลางโต๊ะ กำลังฉีกๆ แกะห่อ ขยำขยี้ขนมจ้างอย่างเมามัน
ดารากานต์เข้ามาเห็น แล้วทำท่าตกใจเป็นอย่างมาก โวยใส่บัญชา
“นายหัว!! ทำไมปล่อยให้ลูกเล่นแบบนั้นล่ะคะ” ดารากานต์วิ่งถลามาจับเกียรติบดินทร์ลงจากโต๊ะ “น้องดิน ทำไมซนแบบนี้ นี่มันขนมจ้างของแม่นะ ใครสั่งใครสอนให้เล่นของกินจนเละเทะแบบนี้ ดูสิ เลอะเทอะหมด มันน่าตีนัก นี่แน่ะๆๆ”
ดารากานต์ตีๆๆ จนเกียรติบดินทร์ร้องไห้ บัญชาทนดูไม่ได้รีบมาดึงลูกไปอุ้ม
“พอแล้ว พอๆๆ ลูกไม่รู้เรื่องหรอก คุณกลับเร็วจริง..เป็นไงจ๊ะ ทำบุญ..สนุกไหม”
“ไปทำบุญนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น!! ขนมนี่ก็เอามาจากศาลเจ้าที่ไปไหว้เจ้ามา ของที่คนเขาเอามาทำบุญ เป็นของมีสิริมงคล แม่จะเอามาให้ทุกคนกิน ดูสิ เสียหมดเลย แม่อุตส่าห์หอบมาตั้งไกล หนักก็หนัก โธ่...ดินนะดิน” ดารากานต์บ่น และต่อว่าเด็กน้อย
บัญชาได้แต่ถอนหายใจ
“ก็ที่ภูเก็ตนี่ก็มีงานเทศกาลไหว้ขนมจ้าง หรือกี่จ่างใหญ่โตเหมือนกัน ทำไมคุณต้องไปไกลๆ ด้วย ถ้าขนมพวกนี้มันกินไม่ได้แล้ว ผมให้คนไปหามาใหม่ก็ได้ จะเอาซักกี่อันล่ะ”
“มันไม่เหมือนกันนะคะ..มันไม่เหมือนกัน” ดารากานต์นั่งลงอย่างสะท้อนใจ หยิบเลือกขนมหาอันที่ดีมาเรียง ลูบคลำราวของมีค่า ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
บัญชามองเมียอย่างงงๆ ขณะโอ๋ลูกไป

หลายปีต่อมาดารากานต์ เดินขนของมากมายกลับมาจากต่างจังหวัด เกียรติบดินทร์นั่งเล่นวิดีโอเกมชนิดรุนแรงอยู่มุมนึง เมามัน บัญชานั่งทำบัญชีอยู่ รีบลุกไปรับของ
“ดินๆ..แม่มาแล้ว มาช่วยรับของสิลูก มีขนมมาฝากดินด้วยนะลูก” บัญชาบอกลูกชาย
เกียรติบดินทร์ไม่ยอมเหลือบตามามอง
“ของอะไร ขนมอะไรกันล่ะพ่อ ก็ไอ้พวกขนมจ้างทุเรศๆ ทุกปีๆ เหมือนเดิม..แหวะ”
บัญชามองลูกชายเล่นเกมฆ่าฟันกันอยู่ พลางมองหน้าเมีย อย่างเกรงใจ ดารากานต์มองลูก ด้วยสายตาเย็นชา เดินผ่านไป ไม่ใส่ใจ

บัญชาคิดมาถึงตรงนี้ แล้วมองดูรูปที่เลือกมาอีกที แล้วคลี่รูปออกเหมือนไพ่ แล้ววางรูปเรียงๆๆลงเป็นแถวบนโต๊ะ ตรงหน้า
“ขนมจ้าง..จ้าง แซ่ลี้..ฟ้ากระจ่าง แซ่ลี้หรือ...” บัญชาพึมพำออกมา
“ผมนึกแล้ว ว่านายหัวต้องสะดุดตาเด็กคนนี้ เพราะผมดูแล้ว ทั้งศาลเจ้านี่ ก็ดูเหมือนจะมีแต่นายคนนี้แหละครับ ที่น่าสนใจที่สุด..นายฟ้ากระจ่าง แซ่ลี้ อายุ 23 ปี เรียนจบปวศ.ช่างไฟฟ้า ดูเหมือนจะเป็นเรี่ยวแรงสำคัญของทุกๆคนที่ศาลเจ้านั้น...เป็นลูกพ่อครัวปัญญาอ่อน กับผู้หญิงเก็บขยะพิการ...ที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าครับ” นักสืบรายงานอีก
“พ่อปัญญาอ่อน แม่พิการเนี่ยนะ” บัญชางงสุดๆ
ภาพฟ้ากระจ่างหรืออาจ้างในมือบัญชา เป็นรูปที่เขาดูดีมาก ฟ้ากระจ่างกำลังเล่นมวยไทเก๊กกับรุ่นน้อง ดวงตาคมแรงกล้า สดใส เต็มไปด้วยพลัง

เช้าวันนั้นเกียรติบดินทร์ขับรถสปอร์ตคู่ใจ มาตามถนนเลียบฝั่งทะเล สวมแว่นดำ เมื่อถึงบริเวณไซด์งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นซัดริมทะเล เกียรติบดินทร์เลี้ยวเอี๊ยดเข้าไปจอด
บุรีที่ยืนคุมการก่อสร้างอยู่หันมาเห็นเข้า บุรีถอดแว่นออก มองงงๆ เกียรติบดินทร์ลงจากรถ เดินอาดๆ ลงมา บุรีงงสุดๆ แต่เดินไปรับ
“น้องดิน มาทำอะไร”
“มาเรียนรู้งานครับ อาบุรี ไงครับ ถึงไหนแล้ว วันๆนี่ อาบุรีทำอะไรบ้าง สอนผมหน่อยสิ” เกียรติบดินทร์บอก
“นายหัวให้หลานมาหรือ” บุรีถาม
“พ่อไม่อยู่ครับ ไม่ทราบไปไหน หรือจะไปที่บริษัทก็ไม่ทราบเหมือนกัน” เกียรติบดินทร์ว่า
“มาไซด์งานแบบนี้มันไม่สนุกหรอกนะ น้องดิน แดดร้อน ลมแรง เดี๋ยวก็ป่วยแย่” บุรีว่า
“โห..คุณอาบุรีพูดยังกะผมผิวบาง อ่อนแอซะเหลือเกินอย่างนั้นแหละ”
“ทำงานกลางแจ้ง ไม่เหมือนเล่นกีฬาหรอกนะ น้องดิน เชื่ออาสิ”
“ผมทราบครับ แต่นี่มันคืออาชีพของพวกเรา ผมไม่กลัวหรอก อาบุรีอย่าซีเรียสสิครับ ขำๆ นึกว่าผมมาเที่ยวชมก็แล้วกัน” เกียรติบดินทร์เดินลุยลงไปที่คนงานกำลังทำงาน บุรีตามไป ดึงรั้งไว้
“อาว่า น้องดินยืนดูอยู่กะอาตรงนี้ดีกว่า อย่าไปเกะกะคนงานเขา”
“ผมรู้หรอกน่า ว่าควรเข้าไปได้ใกล้ไกลขนาดไหน ผมไม่ใช่เด็กปัญญาอ่อน” เกียรติบดินทร์ฉุน
“คนพวกนี้เค้าไม่รู้จักน้องดิน ..รอให้พักก่อน แล้วพออาแนะนำน้องดินแล้ว” บุรีบอก
“อะไรนะครับ แถวนี้มีคนไม่รู้จักผมด้วยเหรอ ไม่จำเป็นต้องแนะนำมั้ง..อาบุรี” เกียรติบดินทร์โวย
“ในไซด์งาน เขาไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป” บุรีว่า
“ผมไม่ใช่บุคคลภายนอก” เกียรติบดินทร์จะเดินเข้าไปให้ได้
บุรีทำปากจิจ๊ะ อย่างขัดใจ ในที่สุด เดินเข้าไปขวาง หยิบว.มากดพูด
“ดวง..ดวง..มานี่หน่อย”
“อาบุรีเรียกใครมา..อ๋อ นายดวงลูกชายนายเด่น ผู้รับเหมาที่ซับงานซีเมนต์ไปจากเราอ่ะเหรอ หึ ถ้าอาบุรีให้ลูกผู้รับเหมามาคุมงานแทนพ่อได้ ผม..ลูกชายเจ้าของบัญชาคอนสตรั้คชั่น ก็มาคุมที่นี่แทนนายหัวได้เหมือนกัน” เกียรติบดินทร์บ่น
"ดวง" คนที่เกียรติบดินทร์เข้าใจว่าเป็นชายมีรูปร่างกะทัดรัด โปร่งบาง ใส่ชุดคนงาน คลุมหัว คลุมตัว คลุมหน้าตา สวมหมวก ใส่แว่นมิดชิด โดดขึ้นสันเขื่อนปีนไต่ใกล้เข้ามา
เกียรติบดินทร์มองอย่างงๆ “เฮ้ย..นี่มันเด็กนี่..อาบุรี หมายความว่าไง..ทีผม อาทำเป็นห้ามงั้นงี้ แต่ทีไอ้เด็กตัวแค่นี้ อาให้คุมงานแทนพ่อมันเหรอ” เกียรติบดินทร์ชี้อย่างไม่เกรงใจ
ดวงยิหวาปีนมาถึงพอดีทั้งเห็นและได้ยิน ถึงกับผงะ
“เฮ้ย ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะคุณ…” ดวงยิหวาฉุน
“เอ่อ..ดวงๆ..ขอโทษทีๆ คุณดินคงเข้าใจผิดน่ะ ดวง..นี่คุณเกียรติบดินทร์ ลูกชายคนเดียว..ของนายหัว” บุรีเน้นเสียง “เอ้อ น้องดิน นี่..ดวงยิหวา ลูกสาวนายเด่น ผู้รับเหมางานซีเมนต์ของเรา”
ดวงยิหวาถอดหมวดที่มีผ้าคลุมแบบคนงานออก แล้วถอดแว่นดำ เพ่งสายตามองหน้าเกียรติบดินทร์ให้ชัดๆ ดวงยิหวาจัดเป็นสาวที่ดูเท่ หน้าตาดี ออกแนวน่ารักกระทัดรัดสดใสปิ๊งปั๊งทีเดียว
เกียรติบดินทร์ตกใจ นึกไม่ถึง
“ดวงยิหวา..เอ่อ..ลูกสาว..ลูกสาวนายเด่นหรอกเหรอ”
“ค่ะ” ดวงยิหวายกมือพนมไหว้ “สวัสดีค่ะ คุณเกียรติบดินทร์ ขอโทษนะคะ แต่ดิฉันไม่ใช่เด็ก แล้วที่นายเด่น..ใช้ดิฉันมาคุมงานแทน..เพราะดิฉันโตมาในไซด์งาน รู้ขั้นตอนทั้งหมดของงานดี..เกือบเท่าพ่อของมันเลยล่ะค่ะ..คงจะไม่ทำให้งานของคุณพ่อคุณผิดพลาด หรือบกพร่องแน่ๆ”

เกียรติบดินทร์มึนตึ้บ พูดไม่ออก ได้แต่มองอย่างตกตะลึง

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2/2 (จบตอนที่ 2)
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น