วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2
เช้าวันนั้นนายวังพ่อบ้าน ยกกระเป๋ามาเดินทางสำหรับไปเมืองนอกขนาดใหญ่ 3 ใบมาวางในห้องนอนเกียรติบดินทร์ ซึ่งกำลังสวมเสื้อยืดยี่ห้อแพงคับพอดีตัวเสร็จ ดึงๆ เสื้อให้เข้ารูป ส่องกระจก เสยๆ ผม แล้วหันมา“ไรเนี่ย...นายวัง เอามาทำไม” เกียรติบดินทร์หันมาถาม
“คุณผู้หญิงให้ผมมาจัดกระเป๋าให้คุณดินครับ ผมไม่ทราบว่าคุณดินอยากจะใช้ใบไหน..เลยเอามาให้เลือก..กลัวว่า..ถ้าคุณดินไม่ถูกใจ..ผมจะได้ไม่ต้องเดินสามรอบ” วังบอก


เกียรติบดินทร์หันมาเหล่
“นี่..นายวังจะด่าว่าผมร้าย..ใช่ไหม”
“ป่าวค้าบ คือ ผมก็โดนแบบนั้นบ่อยๆ ไง..ผมเข็ด” วังว่า
เกียรติบดินทร์เดินเข้ามา มองรอบตัววัง
“หึๆๆ..แล้วทำแบบนี้..นึกว่า..จะไม่ต้องเดินอีกรอบเหรอ”
“อะไรนะครับ” วังสงสัย
“เอากระเป๋าพวกนี้ไปเก็บ แล้วไปเอาใบเล็กมา ใบสีดำ ที่ผมใช้ตอนไปแข่งบาสกรุงเทพฯ”เกียรติบดินทร์บอก
จังหวะนั้นบัวมาโผล่ มาทันได้ยินพอดี
“แต่คุณดินต้องไปอยู่สิงคโปร์ตั้ง 3 ปีนะคะ ใบเล็กอันนั้นมันใช้แค่ไปค้างคืนสองคืน” บัวเสียงเข้ม
“นี่...พวกคุณบ้าหรือปัญญาอ่อนครับ...ใจคอพวกคุณจะให้ผมขนของจากที่นี่ไปให้พอใช้ตลอด 3 ปีเลยเหรอ ประสาทรึเปล่า ผมไปถึงโน่น พอลงเครื่อง..ผมก็ช็อปเสื้อผ้าใหม่หมดแล้ว ใครจะใช้ของเก่าๆ เต็มตู้พวกนี้ ทั้งๆ ที่อยู่เมืองช้อปปิ้ง” เกียรติบดินทร์ร่ายยาว
“อ้อ...ก็จริง” วังเห็นด้วย
“แล้วสิงคโปร์กับภูเก็ต พวกคุณว่าบินกี่ชั่วโมง..ถ้าผมอยากจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ผมก็จะกลับ บางที ผมอาจจะกลับมาทุกเสาร์อาทิตย์ก็ได้ หรือเช้าไป เย็นกลับ..เบื่อๆก็มาซ้อมบาสกะเพื่อนก็ได้ ผมพูดถูกมั้ย นายวัง” เกียรติบดินทร์สรุป
“ถูกครับ” วังหันไป เริ่มยกกระเป๋าใบใหญ่ไป)
เกียรติบดินทร์เดินมา มองหน้าบัวพลางบอก “บอกแม่ด้วย..ว่าไม่ต้องห่วงผม..เรื่องจัดกระเป๋า..มันไม่จำเป็น...”
เกียรติบดินทร์เดินลอยชายออกไป บัวอึ้ง

หญิงสาวนางนั้นสวยน่าดู ผมยาว ทำผมแต่งหน้าพิมพ์นิยม หุ่นดี นั่งตรงข้ามเกียรติบดินทร์ หล่อนใช้นิ้วหยิบกินสิ่งนั้นนิดๆ หน่อยๆ แบบไม่จริงจัง ไม่เอร็ดอร่อยอะไร จังหวะหนึ่งนิ้วมือที่กรีดกราย ซึ่งเจ้าของทาเล็บแบบวิจิตรพิสดารเว่อร์ๆ เด็ดหน้าพิซซ่าในถาดมา แล้วยกมาใส่ปากกิน
ขณะที่เกียรติบดินทร์ที่ใช้มีดกับส้อมตัดพิซซาในจานตนใส่ปากแบบมาดคุณชาย
“แอ๊บจะตามพี่ดินไป...แอ๊บไม่เรียนในเมืองไทยดีกว่า เพราะที่บ้านเค้าจะให้แอ๊บกลับไปเรียนกรุงเทพฯ แอ๊บเบื่อกรุงเทพฯ รถติด ถ้าไปอยู่สิงคโปร์ด้วยกัน คงโรแมนติกน่าดูนะคะ นึกภาพเราสองคน..นั่งจิบกาแฟเก๋ๆกันที่ออร์ชาร์ด..ว้าว..สวี้ทสวีท” สาวชื่อแอ๊บนางนั้นเพ้อ เกียรติบดินทร์หัวเราะหึ
“พี่ดินหัวเราะอะไร” แอ๊บถามทันที
“พี่ไปเรียนหนังสือ ไม่ใช่ไปเที่ยว แอ๊บก็ควรกลับไปเรียนที่กรุงเทพฯ นั่นแหละ ดีแล้ว” เกียรติบดินทร์ว่ายิ้มๆ
“พี่ดินพูดแบบนี้..แปลว่าอะไร” แอ๊บมองหน้าดิน
“ก็พูดตรงๆ ทำไมต้องแปล”
“พี่ดินไม่ให้แอ๊บไปอยู่ด้วย เพราะพี่ดินวางแผนจะไปหากิ๊กใหม่ใช่ไหมคะ พวกหมวยๆ สเป็คพี่อยู่แล้วนี่” แอ๊บงอนๆ
“จุ๊ๆๆ..แอ๊บ..พี่กำลังอารมณ์ดีๆ..อย่าเริ่มนะ อย่าเริ่ม ขอร้อง”
สาวชื่อแอ๊บนิ่งไป แล้วน้ำตาไหล เอาผ้ามาซับ)พี่ดินหาว่าแอ๊บงี่เง่าหรอ..พี่ดินเบื่อแอ๊บ พี่ดินไม่รักแอ๊บแล้วใช่ไหม”
“แอ๊บ..ไม่เอาน่า..พี่กำลังกิน..ยังไม่อิ่ม แอ๊บจะให้พี่หยุดกินมาโอ๋แอ๊บเหรอ”
“ไม่ต้องมาอ๋งมาโอ๋ พี่ดินไม่แคร์แอ๊บอยู่แล้ว”
“ก็จริง” เกียรติบดินทร์มองหน้า เอาผ้าเช็ดปากมาเช็ดๆ
เกียรติบดินทร์วางผ้า แล้วลุก เดินสบายๆ ไปที่แคชเชียร์ หยิบแบงค์พันมาวาง 1 ใบ แล้วเดินออกไป
แอ๊บมองตาค้าง แล้วร้องไห้โฮออกมาจริงจัง ผู้คนในร้านหันมามอง งงๆ
มุมหนึ่งในร้าน ที่มีเสาหรือกระถางดอกไม้บัง ทรายทองกับเพื่อน 2 ค นนั่งมองสาวสวยคนนั้นตาโต แล้วทรายทองก็หัวเราะก๊ากออกมา สะใจ แล้วเพื่อนๆ รีบเข้ามาช่วยกันปิดปาก แล้วทรายทองกระซิบขอตัวเพื่อน แล้ววิ่งออกไป

ทรายทองเดินสอดส่ายสายตามองหาเกียรติบดินทร์ เห็นแต่ผู้คนริมถนน ทรายทองชักร้อนใจ หมุนหารอบตัว แล้วชะงัก เมื่อมองไปที่รถเข็นฝั่งตรงข้ามถนน เห็นเกียรติบดินทร์ยืนสั่งบะหมี่เกี๊ยว ชี้นั่นชี้นี่
ทรายทองดีใจ แปลกใจ ขำ รีบวิ่งข้ามไปหา เกียรติบดินทร์นั่งลงพร้อมชามก๋วยเตี๋ยวมาวาง พร้อมกับมีคนเอาพวงเครื่องปรุงมาวางให้ตรงหน้า
“ขอบใจ...” เกียรติบดินทร์เงยหน้ามองดู แล้วชะงัก
ทรายทองหัวเราะก๊าก
“พี่ดินเด็ดมาก..ทรายขอตบมือให้” ทรายทองบอก
เกียรติบดินทร์ไม่สน ก้มหน้าก้มตาปรุง ใส่น้ำตาลเพียบ
“เธอจะสะกดรอยตามพี่ไปทั่วเมืองเลยใช่ไหม”
ทราย “ตอนแก่..พี่ดินต้องเป็นเบาหวานตายแหงๆ” ทรายทองไม่ตอบเสไปพูดเรื่องที่เห็นเกียรติบดินทร์ใส่น้ำตาลเยอะ
“ขอร้อง..เธออย่ามารบกวนพี่เวลากิน ถ้าจะกินด้วยกัน ก็นั่งกินไปเงียบๆ” เกียรติบดินทร์ว่า
“เท่เนอะ ที่เรามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวข้างถนนด้วยกัน ..เลี้ยงส่งพี่ดินไปเรียนเมืองนอก” ทรายทองระรื่นต่อ
“ไปสิงคโปร์เนี่ยนะ ต้องเลี้ยงส่ง” เกียรติบดินทร์ทำหน้าเยาะ แล้วก้มหน้าตากินหมี่
“พี่ดินนี่เด็ดจริงๆ คืนสุดท้ายก่อนบิน ก็ทิ้งแฟนได้พอดีจังหวะเป๊ะ พอไปถึงนั่น..ก๊อเป็นโสด”
คนขายเอาชามของทรายทองมาวาง เกียรติบดินทร์ก้มหน้าก้มตากิน
ทรายทองมองชามตรงหน้าไป ปรุงไป
“พี่ดิน...ถ้าพี่ดินไม่อยู่ ทรายคงคิดถึงพี่ดินมาก”
เกียรติบดินทร์เหลือบตามอง สีหน้าบอกให้รู้ว่าเบื่อมาก
“เรามีกันสองพี่น้อง..ถึงจะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แต่เราก็โตมาด้วยกัน ถ้าพี่ไป...บ้านคงเงียบ เพราะนายหัวก็ออกแต่เช้ากลับก็ดึก แล้วคุณป้า...ก็ไม่ค่อยสนใจทราย...ทรายนึกไม่ออกเลย ว่าถ้าไม่มีพี่ดิน...ทรายจะทำยังไง”
“เธอก็กลับบ้านไปอยู่กะพ่อแม่เธอสิ” เกียรติบดินทร์พูดขวานผ่าซากตามสไตล์
“บางที...นายหัวอาจจะส่งทรายไปสิงคโปร์ด้วย ถ้าพี่ดินบอกท่าน...นะคะ ทรายจะได้ไปดูแลพี่ดิน ไปทำอาหาร กวาดบ้าน ซักผ้ารีดผ้า…” ทรายทองว่า
แต่ถูกเกียรติบดินทร์สวนขึ้นแบบไม่ไว้หน้า
“ถ้าชั้นต้องการคนรับใช้...ชั้นเอานายวังไปอยู่ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ เธอน่ะ มีฐานะเป็นลูกเลี้ยงของแม่ชั้น เธอก็ควรรับใช้แม่ ไม่ใช่รับใช้ชั้น ชั้นจะบอกให้นะ ทราย..เธอคือคนๆ นึงในบ้าน...ที่ชั้นรำคาญมาก ชั้นไปเรียนคราวนี้ สิ่งที่ชั้นชอบที่สุด ก็คือ...ไปให้พ้นจากคนที่บ้านนี้ บ้านของเรา ที่เต็มไปด้วยคนน่าเบื่อ บรรยากาศน่าเบื่อ”
เจอชุดใหญ่จากเกียรติบดินทร์ ทรายทองถึงกับร้องไห้โฮ
“พี่ดิน..พี่ดินใจร้าย ใครๆ เค้าก็รักพี่ เอาใจพี่คนเดียว แต่พี่ไม่เคยมองเห็นใจใครเลย นอกจากใจตัวเอง ที่จริงอ่ะนะ คนที่น่าเบื่อที่สุดในโลกนี้ ก็คือพี่” ทรายทองทุบโต๊ะ ลุก แล้วเดินแกมวิ่งเช็ดน้ำตาจากไป
เกียรติบดินทร์มองตาม ไม่แคร์ กินก๋วยเตี๋ยวต่อไปแบบชิลล์ๆ แล้วหันไปสั่งบะหมี่ต่อ
“ขอบะหมี่เกี๊ยวแห้งมาอีกชามครับ”

ฉาก4 หน้าบันได - หน้าบ้านบัญชา วันใหม่
ตัวละคร เกียรติบดินทร์ บัญชา ดารากานต์ บุรี ทราย นายวัง ป้าบัว คนรถ

เช้าวันต่อมาเกียรติบดินทร์อยู่ในชุดรัดกุมพร้อมสำหรับเดินทาง ถือกระเป๋าแฮนด์แบคใบย่อม และมีกระเป๋าคอมพ์ฯแล็ปท็อปสะพายข้าง ลงบันไดมา บัวยืนรออยู่
“เร็วเถอะค่ะ คุณดิน เดี๋ยวก็ได้ตกเครื่องพอดี มา...เอากระเป๋ามาให้ป้าช่วยถือ”
เกียรติบดินทร์หัวเราะ
“ฮื้อ...ผมถือเองได้น่า ให้ผู้หญิงแก่ๆ ถือของ แล้วเดินตัวปลิว มันจะเท่เหรอป้าบัว” เกียรติบดินทร์ อารมณ์ดี
ที่หน้าตึก รถตู้จอดรออยู่ มีบัญชา ดารากานต์ บุรี ทรายทอง ยืนรอ ในขณะที่ทุกคนแต่งตัวเตรียมไปส่ง แต่ทรายทองทำยืนเมินๆ แสดงอย่างเปิดเผยว่าไม่เต็มใจ โกรธอยู่เรื่องเมื่อคืนนี้
เกียรติบดินทร์มอง แล้วทำหน้างงงัน
“ไปกันได้แล้ว..ปะ” บัญชาบอก
“ไปไหนกันหรือครับ” เกียรติบดินทร์แกล้งถาม
“ก็ไปส่งน้องดินที่แอร์พอร์ทไงหลาน...หลานคนเดียวของอาจะไปเรียนเมืองนอก เราก็ต้องไปร่วมแสดงความยินดีกันทั้งครอบครัวไง” บุรีบอก
เกียรติบดินทร์หัวเราะก๊ากใส่หน้า
“คุณอาบุรี..สิงคโปร์นี่..พวกเราไปซื้อของกันบ่อยๆ พอๆ กะไปพังงาเลยนะ ผมว่า...”
ทรายทองค้อนแล้วสวนขึ้นมา
“จริงของพี่ดิน...นี่ถ้าคุณป้าไม่บังคับล่ะก็...ทรายก็ไม่อยากจะไปหรอก”
“ยัยทราย!!” บุรีปรามลูกสาว
จังหวะนั้นดารากานต์เข้ามาโอบเกียรติบดินทร์
“ดินล่ะก้อ...ครั้งนี้มันเหมือนครั้งก่อนๆเมื่อไหร่ละลูก...ลูกต้องไปเรียน...ไปอยู่ตั้งนาน..ต้องไปจากบ้านไปใช้ชีวิตนักศึกษาตั้งหลายปี ทุกคนก็รักลูก ห่วงลูก คิดถึงลูก..เค้าก็อยากไปส่งลูก..เพื่อจะได้อำลาอาลัยยังไงล่ะจ๊ะ” ดารากานต์พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
เกียรติบดินทร์ยืนตัวแข็งในอ้อมกอดแม่ แล้วเบี่ยงตัวออกทันที
“อำลาอาลัยอะไร ผมไม่ได้จะไปตายซะหน่อย ไม่ต้องไปส่งกันหรอกครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ..ตอนเด็กๆ..ก็ไม่เห็นต้องมีใครมาโอ๋ จะมารุมโอ๋อะไรตอนนี้”
พอดี นายวัง ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนของบดินทร์มาเทียบ
“นั่นไง..มาแล้ว” เกียรติบดินทร์ว่า
วังเปิดประตูลงมา รับของที่เกียรติบดินทร์ถือ เอาไปวางตรงที่ไว้ของตอนหลัง แล้วบดินทร์เดินไป เปิดนั่งที่คนขับ
“นี่..เอารถดินออกมาทำไม” บัญชาสงสัย
“ผมจะขับรถไปแอร์พอร์ทเองไง นายวังมากับผม จะได้ขับรถกลับ..คุณพ่อคุณแม่..อาบุรี..ไม่ต้องส่งหรอกครับ.. ผมไปเองได้ แอร์พอร์ทแค่นี้เอง ไม่ต้องแห่กันไปทำอะไรเฟคๆ หรอกครับ อายเค้า”
เกียรติบดินทร์ยกมือไหว้กราด แล้วออกรถสัยงเอี๊ยดจนวังหัวทิ่ม ทุกคนยืนเง็ง อึ้งกันทั่วหน้า

เวลาเดียวกันนั้น เสี้ยวท้อและสาลี่เดินฝ่าผู้คนเข้ามา วันนี้เสี้ยวท้อแต่งชุดสวยเรียบร้อยเป็นพิเศษ ในมือถือดอกไม้แดงช่อใหญ่ ฟ้ากระจ่างอยู่ในชุดรับใบประกาศจบการศึกษาวิชาชีพชั้นสูง (ปวศ.) ยืนถ่ายรูปท่ามกลางชาวศาลเจ้า ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าหอประชุมโรงเรียนอาชีวะ บรรยากาศคล้ายวันรับปริญญา ที่หน้าอนุสาวรีย์หรือรูปสัญลักษณ์ของสถาบัน มีพี่สนิทชาวศาลเจ้าทำหน้าที่ช่างภาพเสี้ยวท้อวิ่งแทรกมาหาฟ้ากระจ่าง
“ขอแสดงความยินดีด้วยน้า ในที่สุด..จ้างก็จบปวศ.แล้ว ได้อนุปริญญาสมใจซะที จ้างเก่งที่สุดเลยจ้า”
“ขอบคุณครับ..พี่เสี้ยวท้อ”
“บ้า...เค้าก็เปลี่ยนชื่อแล้ว เค้าไม่ได้ชื่อเสี้ยวท้อ...เค้าชื่อฟ้าใสย่ะ” เสี้ยวท้อโวย
“ชื่อฟ้าใส..กะจะให้คล้องกะชื่อจริงอาจ้างเหรอ เสี้ยวท้อ” สมหมายแซว
“ฟ้าใส กับฟ้ากระจ่าง..โอ้ว...ถ้าชื่อนี้อยู่ในการ์ดแต่งงานคู่กัน คงสมกันพิลึก” ปักเป้าผสมโรง
“บ้าๆๆ ไอ้เป้า พูดออกมาได้ ทุเรศๆๆ นี่แน่ะๆๆ” เสียวท้อหรือ ฟ้าใสหยิกตีปักเป้า
“เฮ้ย อาจ้าง เอ๊ย นายฟ้ากระจ่าง คุณจะยอมรับนางสาวฟ้าใสเป็นภรรยาหรือไม่”
หมีใหญ่ ตะโกนถามทุกคนหัวเราะกัน เว้นเจ้าตัว และกู๋เหลียง
“หยุดๆๆ ล้อมันอยู่ได้ ฟ้าใสมันไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย ก็แค่มันอยากมีชื่อไทยกะเค้าบ้าง” สาลี่ว่า
“นั่นสิ ให้ความเกรงใจเจ๊เค้าหน่อย เจ๊ฟ้าใสเค้าก็เหมือนพี่สาวใหญ่ ที่ชั้นเคารพ” ฟ้ากระจ่างบอก
“อ๊าย..อาจ้าง..พูดแบบนี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่ามั้ย โกรธแล้ว” เสียวท้อโวยลั่น
“อ้าวๆๆ ทำไมล่ะครับ ไม่เอาน่า เจ๊ มาๆๆ ถ่ายรูปกันๆ”
“อาจ้างบ้า ไม่ยอมนะ ไม่ยอมๆๆ ..นี่แน่ะๆๆ” เสี้ยวท้อทุบฟ้ากระจ่างรัวๆ
กู๋เหลียงเข้าขวาง
“พอๆๆ เสี้ยวท้อ เราเป็นสาวเป็นนาง เล่นถึงเนื้อถึงตัวกะผู้ชายแบบนี้มันไม่งาม อาจ้างมันโตเป็นควายแล้ว ไม่ใช่เด็กๆ เพราะเราทำตัวแบบนี้นี่นา ไอ้พวกลิงกังพวกนี้มันถึงชอบเล่นหัว ถ้าอยากให้พวกมันเกรงใจ ก็ต้องหัดไว้ตัวซะบ้างสิ”
ทันใด มีเสียงตูมๆๆ จากหน้าโรงเรียนทุกคนหันไป
“เสียงไรวะ” หมีใหญ่สงสัย
“ใครมาจุดประทัดยักษ์” นักบวชตงว่า
“เสียงระเบิดตะหาก” อาหึ่งบอก
นักศึกษากลุ่มหนึ่ง วิ่งฮือเข้ามา ทุกคนตกใจ หันไปมอง
“ไอ้พวกช่างกลสิริวิทยามันเขวี้ยงระเบิดขวดใส่พวกเรา” นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ไอ้พวกชั่ว นี่มันวันรับประกาศฯของพี่ๆเค้า พวกมันยังไม่เว้น” อีกคนเสริม
“ไปเอาปืนมาๆ” ทุกคนร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
“ฆ่ามันๆๆ” นักเรียนคนหนึ่งตะโกนนำ
พวกเด็กๆ วิ่งผ่านไป ฟ้ากระจ่างแหวกทุกคน วิ่งตามไปทันที
“เฮ้ย น้อง..น้องๆๆ..เดี๋ยว หยุด เฮ้ย บอกให้หยุด”
พวกเด็กไม่หยุดฟ้ากระจ่างหันมา อย่างห่วงหน้าพะวงหลัง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจส่งช่อดอกไม้ให้อาหึ่งถือ แล้ววิ่งตามรุ่นน้องไป
“อาจ้างๆ ไปไหน อย่าไป” อาหึ่งตะโกนตามหลัง

ภายในตึกชมรมกิจกรรม รร.อาชีวะแห่งนั้น พวกเด็กๆ วิ่งมาในห้องกิจกรรม ลุยกันไปเปิดตู้ ในนั้นมีมีด ไม้เบสบอล และกล่องๆใหญ่ เด็กคนนึงกระชากล่องเปิดออก ในนั้นมีปืนปากกากองรวมกันอยู่ อีกคนเปิดกล่องเบียร์ ในนั้นมีระเบิดขวดเต็ม เด็กๆ หยิบกันออกมา ฟ้ากระจ่างมาถึงพูดเสียงดังตวาดขึ้น
“หยุดเลย หยุดให้หมดเลย พวกมึงอ่ะ”
เด็กๆ หันไป เห็นฟ้ากระจ่างยืนหน้าเคร่งอยู่
“พี่ฟ้า…” รุ่นน้องร้องขึ้น
ฟ้ากระจ่างเข้ามา ดึงของแต่ละอย่างในมือพวกเด็กๆ มายึดไว้ โยนลงกล่องตามเดิม
“เอามาๆๆ ดี!!..พวกมึงซ่องสุมของพวกนี้ไว้ในนี้ใช่ไหม ดี กูจะยึดให้หมด”
“พี่ฟ้า..ไม่ได้นะพี่..เราต้องไปเล่นมัน” เด็กอีกคนโวย
“พี่ฟ้า พี่ไม่สนเหรอ นี่มันวันรับประกาศฯของพวกพี่ แต่ไอ้พวกนรกมันมากล้ามาหยามเราถึงบ้าน” เด็กอีกคนยกข้ออ้างมา
“ก็เพราะเป็นวันรับประกาศนียบัตรของพวกกูดิ กูถึงมาขอบิณฑบาตพวกมึงไง”
ระหว่างนั้น มีเพื่อนๆ ฟ้ากระจ่าง ในชุดรับประกาศนียบัตร 4-5 คน ตามมาสมทบ
“มันมาปาระเบิดใส่ป้ายโรงเรียนเรานะ ฟ้า” เพื่อนคนหนึ่งบอก
“แบบนี้มันหยามกันชัดๆนะเว้ย ฟ้า” เพื่อนอีกคนว่า
“เห็นป่ะล่ะ พี่ฟ้า เอาของพวกเราคืนมา” รุ่นน้องคนหนึ่งในกลุ่มเดิมบอกฉุนๆ
“นี่มันคือศักดิ์ศรีสถาบันนะพี่”
ฟ้ากระจ่างหันมาตามเสียง
“พวกมึงฟังกูก่อน วันนี้ญาติๆ กูจากศาลเจ้ามารอดูกูสำเร็จการศึกษา รับใบประกาศฯกันทั้งศาลเจ้า พวกมึงก็เหมือนกัน พ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคนก็มากันเต็ม พวกมึงจะล้มงานรับประกาศฯแล้วไปกอบกู้ศักดิ์ศรีสถาบันก่อนเหรอ”
ทุกคนมองหน้ากันเหรอหรา
“กูว่า..เราทำพิธีจบการศึกษาให้เสร็จก่อนไหม เรื่องศักดิ์ศรีสถาบัน..กูรอได้ แล้วเดี๋ยวเสร็จธุระแล้ว กูจะพาพวกมึงไปทวงคืนมาเอง..โรงเรียนพวกมันก็ไม่ได้หนีไปไหนนี่หว่า ขอร้องล่ะ อย่าให้พ่อกู ลุงกู กู๋กู ต้องเสียใจผิดหวังเลย เอาเป็นว่า..กูขอ..ได้ป่ะล่ะ” ฟ้ากระจ่างของแบบแมนๆ
สมหมาย หมีใหญ่ ปักเป้า ตามมาท่าทางเอาเรื่อง สมหมายถือว.
“เฮ้ยอาจ้าง ชั้นว.บอกพวกพี่ๆ ที่มูลนิธิแล้วนะเว้ย แล้วก็ว.แจ้งตำรวจที่โรงพักแล้วด้วย พวกพี่ๆ เขาตามมันไปติดๆ บอกว่าเห็นพวกมันหนีกลับเข้าไปในโรงเรียนมันแล้ว ส่วนตำรวจก็กำลังจะไปจับ จะเอาไงต่ออาจ้าง” สมหมายว่า
“ชั้นขอทำพิธีจบการศึกษาก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน” ฟ้ากระจ่างหันมาหาเพื่อนๆ “พวกมึงว่าไง”
ทุกคนมอง เป็นเชิงยินยอม ตกลง แล้วช่วยกันปลดอาวุธเด็กๆ พวกรุ่นน้องเซ็ง ยอมวางอาวุธ

พวกอาจารย์เดินคุยกันมากับพวกฟ้ากระจ่างอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน หลังวันรับประกาศนียบัตร
“ตำรวจบอกว่าไม่มีหลักฐาน เอาผิดเด็กช่างกลสิริวิทยาไม่ได้ ทำได้แค่ขึ้นแบล็คลิสท์พวกมัน แล้วก็คอยจับตาดูไปเท่านั้น” อาจารย์สมเอ่ยขึ้น
“แต่ก่อนจังหวัดเราไม่มีเรื่องแบบนี้ จังหวัดก็เล็กนิดเดียว เด็กๆ ก็รู้จักกันหมด ว่าลูกใครเป็นลูกใคร” อาจารย์พิทักษ์ว่า
“จริงๆ เด็กสิริวิทยา ก็เป็นพวกโรงเรียนเก่าผมทั้งนั้น พวกเด็กข้างศาลเจ้า” ฟ้ากระจ่างเสริม
“นั้นสิ ฟ้ากระจ่าง คนกันเองแท้ๆ ต้องมาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน เพราะใส่เครื่องแบบต่างกันเท่านี้เองหรือ” อาจารย์สม
“ก่อนที่เรื่องนี้จะบานปลาย กลายเป็นธรรมเนียมว่า ช่างกลสิริวิทยา กะอาชีวะของพวกอาจ้าง ต้องเป็นคู่แค้นกันอีกคู่ในจังหวัดนี้ เราต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม” นักบวชตงแนะ
“คือ..ถ้าอาจารย์เห็นด้วย ทางศาลเจ้ากะมูลนิธิเรา..อยากจะเสนอตัว เข้ามาทดลองทำกิจกรรมอันนึง” กู๋เหลียงเสนอ
“กิจกรรมหรือ..ดีสิครับ กู๋..อะไร ยังไงครับ” อาจารย์สมสนใจ
“ผมกะเพื่อนๆจะตั้งกลุ่มสอนเชิดมังกร กับไทเก๊ก เด็กๆทั้งสองโรงเรียน รวมทั้งโรงเรียนชายให้มาเรียนร่วมกันให้หมด ถ้าพวกมันมีทีมแข่งเชิดมังกรกัน แล้วก็เป็นศิษย์ไทเก๊กสำนักเดียวกัน แล้วพวกผมกะว่าจะจัดให้หนักเลย การฝึกแต่ละวันๆ คิดว่าพวกมันไม่น่าจะมีแรงเหลือมาคิดตีกันได้อีกครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
พวกอาจารย์มองฟ้ากระจ่าง พลางหัวเราะ อย่างปลื้มๆ เข้ามากอดๆ ตบหลังไหล่
“เอาเลย ฟ้ากระจ่าง เรื่องนี้ ทางโรงเรียนต้องฝากเธอแล้วล่ะ” อาจารย์พิทักษ์
ฟ้ากระจ่างยิ้มแต้

วันถัดมาฟ้ากระจ่างกำลังปีนอยู่บนบันไดสูง ทำการติดตั้งสายไฟใหม่ ให้กับพัดลมแบบเก่าบนเพดานสูงของร้านก๋วยเตี๋ยวในจังหวัด ส่วนเพื่อนอีก 2 คน กำลังทำปลั๊ก เดินสายไฟ เป็นการเปลี่ยนสายไฟใหม่หมดให้ร้านที่เก่าๆ
เสี้ยวท้อยืนท้าวสะเอว แหงนหน้าคุยกะฟ้ากระจ่างอยู่
“แปลว่า ตลอดชีวิตนี้ เธอจะอยู่ดูแลศาลเจ้า แล้วก็ทำงานมูลนิธิฯ ที่นี่ตลอดไปเลยเหรอ” เสี้ยวท้อ “ฮื่อ..ใช่” ฟ้ากระจ่างรับ
“จะบ้าเหรอ ..เธอควรจะคิดถึงตัวเองบ้างนะ”
“คิดถึงตัวเอง..คิดยังไงอ่ะ” ฟ้ากระจ่างงง
เสี้ยวท้อ มองซ้าย ขวา แล้วตัดสินใจ ปีนบันไดขึ้นไปหา
“จ้าง..เธอควรมีอนาคตที่ดีๆ มีชีวิตที่รุ่งๆ”
“ไรอ่า..เจ๊..อนาคตผมก็ต้องดี ชีวิตผมก็ต้องรุ่งอยู่แล้ว ถ้าผมไม่ไปติดยาหรือคดโกงใคร หรือไปฆ่าใคร เหล้าก็ไม่ค่อยกิน การพนันก็ไม่แตะ แล้วอนาคตผมจะเสียได้ไง ฮู้..เจ๊นี่พูดจาติงต๊องว่ะ” ฟ้ากระจ่างว่า
“ฟ้ากระจ่าง..ในจังหวัดนี้มันไม่มีอะไรให้เราทำเลยนะ เธอไม่เข้าใจเหรอ” เสี้ยวท้ออธิบาย
“ฮ้า..ตลกแล้ว เจ๊ เนี่ย พอผมเดินสายไฟร้านนี้เสร็จ ก็มีศูนย์การค้าตลาดสดเค้าเหมาพวกผมไปเดินสายไฟให้ทั้งตลาดเลยนะ แล้วต่อด้วยเรือนหอพี่เคี้ยง เนี่ย” ฟ้ากระจ่างหันไปตะโกนหาเพื่อน “เฮ้ย จ้อย มีคนจองงานพวกเราคิวเต็มไปถึงเดือน 8 เลย จริงปะวะ”
“เออ..เจ๊เสี้ยวท้อ..เอ๊ย ฟ้าใสๆๆๆ จะให้พวกผมไปทำไรคับ สำหรับเจ๊ เดี๋ยวผมจัดคิวพิเศษเลย คนกันเอง” จ้อยว่า
“โอ๊ย” เสี้ยวท้อโมโห ปีนขึ้นไปใกล้อีก หยิกแขนจ้าง กระซิบเสียงเขียว “เธอไม่ใช่คนโง่นะอาจ้าง ที่ศาลเจ้าก็มีกระจกให้เธอส่องดูตัวเอง เธอไม่เห็นเหรอ ว่าเธอมันไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแบบคนพวกนี้ หน้าตา ผิวพรรณ สง่าราศีมันไม่ใช่ แล้วเธอก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าอาหึ่งกะแม่สารภี..ไม่ใช่พ่อแม่เธอจริงๆ”
ฟ้ากระจ่างชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“พี่เสี้ยวท้อ..หยุดเหอะ เงียบไปเลย”
“อาจ้าง” เสี้ยวท้อเสียงอ่อยๆ
ฟ้ากระจ่างไต่หนีลงมาจากอีกด้านของบันได
“ถ้าเจ๊พูดอะไรแบบนี้อีก ก็ไม่ต้องมาคุยกัน”

เสี้ยวท้อกระโดดลงบันไดงอนๆ จ้างไม่สน เดินออกไปทางหน้าร้าน เสี้ยวท้อร้องวี้ดๆๆๆ หวาดเสียว พวกเพื่อนฟ้ากระจ่างต้องรีบวิ่งมาช่วยจับ

อ่านละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 2
“ลิขิตฟ้าชะตาดิน”
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินบทประพันธ์ - บทโทรทัศน์ : ปราณประมูล
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินกำกับการแสดง : ผอูน จันทรศิริ
ละครเรื่องลิขิตฟ้าชะตาดินผลิต: บริษัทเอ็กแซ็กท์ - บริษัทซีเนริโอ
ลิขิตฟ้าชะตาดินแนวละคร : ดราม่า
ตืดตามชม ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ได้ทางช่อง 5 ออกทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 20.25 น.
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น