วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร บ่วง วันที่ 24 เมษายน 2555

อ่านละคร บ่วง วันที่ 24 เมษายน 2555
เพ็ญเดินมาจับมือเดือนแรม บิดที่ข้อมือ เดือนแรมจำต้องปล่อยมีดให้ตกลงพื้น เดือนแรมมองหน้าเพ็ญ หน้าของเพ็ญเริ่มเปลี่ยนเป็นหน้าของอบเชย เน่าเฟะ เดือนแรมกรี๊ดเป็นลมสลบไป

ในวัด อนุกูลพาเด็ก ๆ ออกไปเดินเล่นอีกทาง ส่วนรัมภา พัชนี และวรรณศิกา เดินมาที่ลานปฏิบัติธรรม ศศิวิทยากรผู้ดูแลผู้ปฏิบัติธรรมออกมาต้อนรับ ทั้งหมดสนทนาธรรมกัน

“คนไทยชอบทำทาน ทำแล้วก็มีความสุข แต่ก็ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น”

“หมายความว่าไงคะ เราไม่ควรทำทานหรือคะ”
ทำทานแก่สัตว์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานแก่มนุษย์แม้เพียงครั้งเดียว ทำทานแก่มนุษย์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานแก่ผู้มีศีลหรือพระสงฆ์แม้เพียงครั้งเดียว ทำทานแก่พระสงฆ์ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำทานกับพระพุทธเจ้าแม้เพียงครั้งเดียว ทำทานแก่พระพุทธเจ้าร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าทำสังฆทานแม้เพียงครั้งเดียว”


“แบบที่เราทำไป ก็เรียกสังฆทานใช่ไหมคะ”

“ค่ะ สังฆทานหมายถึง การทำทานโดยไม่เจาะจงผู้รับ เราไม่ยึดติดในตัวตนของผู้รับ ย่อมทำให้เราได้บุญมากกว่า”

“ลึกซึ้งจริง ๆ”

“ยังมีอีกค่ะ ทำสังฆทาน ร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าสร้างวิหารทาน”

“วิหารทาน ก็พวก โบสถ์ วิหาร ศาลา แม้แต่ที่พักคนเดินทาง อะไรที่เป็นสาธารณประโยชน์น่ะค่ะ”

“การทำทานด้วยวิหารทานร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่า การให้ธรรมทาน”

“ธรรมทาน คือการให้ธรรมะ การให้คำแนะนำ ชี้แนะให้คนเป็นคนดี”

“ชี้แนะ แนะนำ แค่นี้ได้บุญเยอะกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหาร เยอะกว่าทำบุญกับพระพุทธเจ้าอีกหรือคะ”

“ถ้าเราชี้นำคนไปสู่ความดี เขาทำดี เป็นคนดี ก็จะสร้างความดีต่อไปได้อีก”

ศศิพยักหน้าว่าถูก “ยังมีอีก ให้ธรรมทานร้อยครั้ง ได้บุญน้อยกว่า ให้อภัยทานแม้เพียงครั้งเดียว”

“หา...หมายถึงให้อภัยหรือคะ ก็จริงแหละ ให้อภัยคนที่เราโกรธเราเกลียดนี่ยากกว่าสร้างโบสถ์สร้างวิหารเยอะ”

“หมายความว่า ถ้าเราอยากทำบุญ ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องมาวัด เราทำทานได้ทุกที่ และมีอานิสงส์มากกว่าหรือคะ”

ศศิและพัชนีพยักหน้า “บุญที่สูงกว่าการให้ทาน คือศีล ผู้ที่รักษาศีลโดยเฉพาะศีลห้า จะมีชีวิตที่ปกติสุข ชีวิตไม่ค่อยมีปัญหา นี่คือการดับทุกข์ที่ต้นเหตุ เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาของเหตุผล ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มีผลจริงไหมคะ”

“ถือศีลเหมือนคนพวกนี้ใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ พวกเขากำลังถือศีล แต่กำลังทำบุญสูงสุดที่สูงกว่าศีลด้วยนั่นคือ การภาวนา”

“นั่งหลับตานี่หรือคะ อื๋อ ไม่ไหวมั้งคะ”

“ไม่จำเป็นต้องหลับตาหรอกค่ะ แม้ดิฉันที่พูดอยู่นี่ ก็ภาวนาอยู่”

“พูดอยู่ จะภาวนาได้ยังไงคะ”

“อาจยังไม่เข้าใจในเวลานี้ เก็บนามบัตรของดิฉันไว้นะคะ ถ้าสนใจ เราจะได้คุยกันมากขึ้น”

“คุณศศิคะ ถ้าหากเราถูกจองเวรจองกรรมด้วยวิญญาณร้าย เราต้องทำยังไงคะ”

“เจ้ากรรมนายเวรของเรา เกิดขึ้นเพราะมีเหตุที่เราเคยไปทำเขาก่อน เราต้องยอมรับผลหรือวิบากกรรมนั้น ๆ และแน่นอน วิบากกรรมเหมือนทุกอย่างในโลกนี้ มันต้องมีวันจบลง อดทนไว้นะคะ แล้วพบกันนะคะ”

ตอนที่ 11

ศามลกลับมาบ้านรู้สึกเงียบเหงามาก เพราะไม่มีทั้งรัมภาและลูกทั้งสองคน ขณะที่รัมภาพร้อมลูก อนุกูล วรรณศิกา และพัชนีนั่งฟังเพลงจาก กีตาร์ของอนุกูลอย่างมีความสุขที่ริมทะเล ไลล่าและรัสตี้บอกว่ารัมภาเล่นเพราะกว่า อนุกูลแปลกใจ รัมภายิ้ม เด็กทั้งสองคนบอกว่ารัมภาเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก อนุกุลส่งกีตาร์ให้ รัมภาหยิบมาเล่นอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่อนุกูลมองรัมภาอย่างเท่ สายตาของอนุกูลที่มองรัมภาอย่างชื่นชมทำให้วรรณศิกามองอนุกูลแปลก ๆ

ทองดีเข้าไปเรียกเจ้านายเบา ๆ หลังจากเห็นเดือนแรมลืมตาขึ้นมาจากสลบ เดือนแรมเห็นหน้าทองดีก็เอาของขว้างใส่โทษฐานที่ทองดีชิ่งก่อนเพื่อนเมื่อเห็นยายเพ็ญเข้ามาบีบคอตนเอง เดือนแรมเสียดายที่อ่อยศามนไม่สำเร็จ แต่พอนึกถึงตอนนั้นที่เห็นหน้ายายเพ็ญเป็นผีก็ขนลุกขึ้นมาเพราะคิดว่ายายเพ็ญผีเข้า ก่อนจะบอกให้ทองดีไปเอายาแก้ไข้มาให้ตนเองกิน ใกล้ ๆ กันผีแพงมองเดือนแรมและโกรธจัดที่อบเชยมาทำลายแผนการของตนเอง

ศามนนอนหลับไปแล้ว ผีแพงมุดเข้ามาในผ้าห่ม โผล่เข้ามานอนข้างศามน ลูบไล้ที่แผ่นอก “อีเดือนแรมมาคืนนี้ไม่ได้ ไม่เป็นไร ตัณหาราคะเหมือนเชื้อไฟ มันรอเวลาจุดติดอยู่ทุกเวลา” แพงจูบที่แก้มศามน “คุณหลวงเจ้าขา นอนโดดเดี่ยวเดียวดายมาเป็นเดือนแล้ว เมียคุณหลวงมันใจจืดใจดำ เราก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน อ้อมกอดอุ่นของอีแพงกับอีเดือนแรมยังอยู่ตรงนี้ เราสองคนจะปรนเปรอให้คุณหลวงเอง!”

ศามนเกิดความกระสับกระส่าย เพราะนิมิต ที่ศามนนอนกับเดือนแรมและแพง เป็นภาพที่ยังติดค้างอยู่ในใจ ศามนกระสับกระส่ายเพิ่มขึ้นอีก เหงื่อแตก มือไม้อยู่ไม่สุข แพงยิ้มพอใจในอาการของศามน

อนุกูลขอให้รัมภาสอนกีตาร์ให้ตนเอง รัมภาสอนอนุกูลเล่นกีตาร์คลาสสิก รัมภาบอกว่าเวลาเธอเล่นเธอจะนึกถึงสิ่งที่ชอบจะทำให้เล่นเพลงนี้ได้ดี โดยรัมภาจะนึกถึงดอกไม้ อนุกูลบอกว่าเขาจะนึกถึงผู้หญิงสวยซึ่งก็อยู่ตรงหน้าเขานี่เอง อนุกูลเล่นกีตาร์ไปมองหน้ารัมภาไป รัมภาหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้คิดอะไรค่อนขอดว่าอนุกูลสมเป็นเพลย์บอยจริง ๆ ระหว่างที่อนุกูลมองหน้ารัมภา แต่ในใจกลับเห็นแต่ภาพพัชนี!

อนุกูลสะดุ้ง เมื่อได้สติว่าตนกำลังคิดถึงอะไร “ยายนี่” อนุกูลมองพัชนีที่อยู่ห่างออกไป แค้นจะเอาเรื่อง

รัมภามองตาม “คุณพัชเหรอ เขาเป็นความสวยงามอย่างหนึ่งจริง ๆ เมื่อเทียบกับผู้หญิงสมัยนี้ที่แข่งกันทำท่ามั่นใจ แข่งกันตกแต่งตัวเองด้วยเครื่องสำอาง คุณพัชคือความสวยงามแบบธรรมชาติ ใสซื่อและจริงใจ”

“อย่า อย่าพูดอย่างนั้นได้โปรด คนเท่ ๆ ชิค ๆ อย่างผม ไปกันไม่ได้กับวัตถุโบราณ ล้าสมัย จืดสนิท ฮึ่ย ไม่ได้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” อนุกูลลุกไป รัมภาขำ ๆ

อนุกูลเดินมาหาพัชนีอย่างหงุดหงิดและเรียกมาคุยสองต่อสอง “เธอเล่นของใส่ฉันหรือเปล่า!” คำถามของอนุกูลทำเอาพัชนีตาโตอย่างงง ๆ อนุกูลพยายามนึก “ฉันเคยเห็นในละคร มันมีน้ำมันพราย มีแบบเอาหุ่นมาผูกกันอะไรแบบนั้น ฮึ่ม...อย่าให้รู้นะ ว่ามาทำใส่ฉัน ไม่งั้น ฉันเอาเธอตายแน่ จะเอาให้ตายคามือเลยทีเดียว”

อนุกูลทำท่าจะบีบคอพัชนีก่อนจะเดินไปอย่างโกรธ ๆ พัชนียังงงไม่หาย “อะไรของเขา!”

บนโต๊ะอาหารเช้าที่ชายทะเล รัมภาถามหาพัชนีเพราะไม่เห็น อนุกูลทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะบอกว่าพัชนีไปวัดตั้งแต่เช้าและไม่ให้รัมภาใส่ใจยายแม่ชีพัชนี วรรณบอกว่าลุงช่วงลุงของพัชนีมาช่วยเปิดศูนย์วิปัสสนาที่นี่ พัชนีจึงไปช่วยลุง

“ลุงช่วง คนที่เป็นหมอผีใช่ปะ” อนุกูลถาม

“เขาไม่ได้เป็นหมอผี เขาก็แค่มีความสามารถพิเศษ รู้เห็นบางอย่างเท่านั้นเอง คราวที่แล้วนั่น เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย”

รัมภาแปลกใจจึงถาม วรรณคันปากรีบบอก “ก็เรื่องบ้านคุณน่ะค่ะ” อนุกูลร้องห้ามก่อนทำท่ารูดซิบปาก วรรณศิกาหันไปมองรัมภาก่อนจะบอกว่าอนุกูลไม่ให้บอก อนุกูลพยักหน้าอย่างพอใจ แต่เพียงอึดใจเดียว

อ่านละคร บ่วง วันที่ 24 เมษายน 2555
ละครเรื่อง บ่วง ออกอากาศ ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
ละครเรื่อง บ่วง ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
ละครเรื่อง บ่วง บทประพันธ์โดย : จุลลดา ภักดีภูมินทร์
ละครเรื่อง บ่วง บทโทรทัศน์โดย : นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กำกับการแสดงโดย : ภวัต พนังคศิริ
ที่มา เดลินิวส์

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น