วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร แววมยุรา ตอนที่ 4 วันที่ 22 เม.ย. 55

อ่านละคร แววมยุรา ตอนที่ 4 วันที่ 22 เม.ย. 55
ดูจะเป็นคนรักศักดิ์ศรีแล้วก็ไว้ตัวพอสมควร เขายืนยันด้วยนะครับว่า เขาอยากทำงานที่ได้ใช้ความสามารถ ไม่อยากรับงานที่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัว”
สยุมภูว์คิดแก้ปัญหา ครู่หนึ่งบอกนิติธรว่า

“เอางี้ ถ้าแววเขากลัวเปลืองเนื้อเปลืองตัว งั้นคุณนิติธรก็กลับเข้าไปบอกเขาได้เลยว่า งานเลขาที่จะจ้างเขาเนี่ย ไม่เปลืองเนื้อเปลืองตัวแน่ๆ เพราะเขาจะไม่ได้เจอตัวผมเลย ผมจะสั่งงานผ่านทางโทรศัพท์ ผ่านทางคอมพิวเตอร์ หรือผ่านทางคุณนิติธรอีกที เรียกว่าเขาไม่ต้องมาเข้าใกล้ตัวผมเลย”

นิติธรฟังแล้วสบายใจขึ้น บอกว่าจะกลับไปคุยกับแววอีกครั้ง สยุมภูว์ย้ำว่า ได้ความอย่างไรให้แจ้งเพิ่มพงษ์มาเบอร์นี้แล้ววางสายอย่างสบายใจ

แจ็คสอดรู้สอดเห็น จ้องสยุมภูว์ไม่วางตา เห็น

คุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินย้อนกลับออกไป แจ็คโผล่มาพึมพำ...

“พูดเรื่องอะไรของเขาวะ บ้ารึเปล่า หรือว่า...พี่จักรกับน้าเพิ่มกำลังสมคบกันทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้เรา รู้” แจ็คคิดเอาจริงเอาจังราวกับเจอปัญหาโลกแตก

ooooooo

มาลตีรับไม่ได้ที่แววปฏิเสธงานที่ได้เงินเดือนถึงสองแสน ถามว่าเงินเดือนขนาดนี้จะไปหาได้ที่ไหนอีก คนเขาตกงานกันมากมาย เมื่อมีงานดีเงินงามขนาดนี้เขาให้ทำอะไรก็ทำๆไปเถอะ

แววติงแม่ว่า ถ้าคิดแบบนี้ตนก็ยอมให้คำรพเลี้ยงดูไปแล้ว บอกแม่ว่าคนเราต้องมีศักดิ์ศรีบ้าง ถูกมาลตีถามประชดว่า เงินนั้นเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ แต่ศักดิ์ศรีที่ว่าน่ะเอาไปแลกข้าวสารได้สักกระป๋องไหม

พอดีนิติธรกลับมา แจ้งแววตามที่สยุมภูว์บอก แววถามว่างานแบบนี้ก็มีด้วยหรือ นิติธรผสมโรงขำๆ ว่าเกิดมาตนก็เพิ่งได้ยินวันนี้เหมือนกัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร งานที่มีเงื่อนไขน่าสนใจนี้ก็ทำให้แววมีความหวังขึ้นมา

ครู่เดียว เพิ่มพงษ์ที่ยังอยู่ในสายตาของแจ็คตลอดเวลา ก็ได้รับโทรศัพท์จากนิติธร ฟังปลายสายแล้วบอกว่า

“ครับ...เดี๋ยวผมจะเรียนคุณสยุมภูว์ให้...ครับ...แล้วมีอะไรผมจะรีบติดต่อไปอีกที ขอบคุณนะครับ”

คุยกับนิติธรเสร็จ เพิ่มพงษ์เดินมากระซิบกระซาบกับจักร ฟังแล้วจักรยิ้มร่าดีใจพูดเสียงดังว่า

“มันต้องอย่างนี้สิน้าเพิ่ม เยี่ยมไปเลย”

“ดีใจอะไรเหรอพี่จักร” แจ็คสาระแนเข้ามาถาม พอเพิ่มพงษ์เห็นแจ็คเท่านั้น ก็สวมวิญญาณน้าเพิ่มทันที ทำเสียงเข้มพูดกับจักรว่า

“เออ...แกดีใจอะไรวะไอ้จักร แค่ชมว่าทำงานดีเข้าหน่อย ทำเป็น...ไป๊...ไปห้องทำงาน แล้วรีบทำบัญชีให้ฉันด้วย เดี๋ยวฉันจะตามไป”

จักรรับคำแล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องทำงานที่อยู่หลังร้านขายต้นไม้ เพิ่มพงษ์หันมาเห็นแจ็คจะตามจักรไป ถามว่าจะไปไหน แจ็คทำหน้าตายบอกว่าตามจักรไปที่ห้องทำงานไง เพิ่มพงษ์ถลึงตาใส่ถามว่า “ฉันเคยสั่งแกไว้ว่าไง!”

“ห้ามเข้าห้องทำงานเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น และห้ามถามด้วย” แจ็คท่องให้ฟัง เพิ่มพงษ์ย้ำว่าจำได้ชัดเจนนะ แจ็ครับคำ มองตามเพิ่มพงษ์ที่เดินตามจักรไปที่ห้องทำงาน บ่นงงๆ ว่าเขาไปทำอะไรกันในห้องนั้นน่ะ พลันก็ทำท่าขยะแขยงเมื่ออุตริคิดลามกเอง

ooooooo



วัณณรีไปฝึกงาน แต่ใช้เวลาเล่นเกมในเฟซบุ๊กไม่ใส่ใจแม้แต่งานที่เอกรินทร์สั่งให้ทำ พอถูกเอกรินทร์ตำหนิขู่ว่าจะฟ้องเจ้านาย วัณณรีก็ท้าอย่างอวดดีว่า เขาชอบแววแล้วจะกล้ามาฟ้องตนกับเจ้านายหรือ ทำ

เอาเอกรินทร์พะอืดพะอม แต่ก็เตือนแกมขู่ว่า

“เด็กฝึกงาน แต่ไม่รู้จักฝึก ไม่รู้จักทำงาน ถึงพี่จะเห็นแก่พี่สาวเธอ ยอมให้เธอฝึกงานต่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตอนประเมินผล พี่จะให้เธอผ่านนะ”

วัณณรีก็ยังไม่แยแส เชื่อว่าเขาไม่กล้าทำ เอกรินทร์ย้ำว่าถ้าตนบอกแวว มีหวังแววต้องอบรมแบบจัดหนักแน่ๆ พอถูกขู่หนักเข้า วัณณรีก็ยอมทำงาน แต่มีข้อแม้ว่าเสร็จแล้วต้องพาไปเลี้ยงขนมเค้ก ดักคอว่าจะจีบพี่สาวตนก็อย่าขี้ตืด

“ก็ได้...แต่ต้องหาข้อมูลให้พี่ครบถ้วน ห้ามขาดตก

บกพร่องเด็ดขาด”

วัณณรีดีอกดีใจที่จะได้กินขนมเค้กฟรี ทำเป็นกระตือรือร้นรีบทำงาน เอกรินทร์ดูแล้วหนักใจ รู้สึกเด็กคนนี้ฤทธิ์เยอะเกินกว่าที่ตนจะเอาอยู่เสียแล้ว

ooooooo

เมื่อแววไปที่ร้านกาแฟเล่าเรื่องได้งานให้ชลธิชากับเริงใจฟัง เพื่อนทั้งสองดีใจมาก เริงใจบอกว่าแบบนี้ต้องฉลอง แล้วก็สั่งอิตาเลียนโซดา 3 ที่ให้ลงบัญชีตน

แต่แววก็ยังหนักใจว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า เพราะไม่มีความรู้เรื่องงานเลขาเลย ซ้ำยังต้องทำกับซีอีโอของทศพลกรุ๊ปด้วย แค่นึกก็หนาวแล้ว ชลธิชาให้กำลังใจว่าเก่งอย่างเธอเชื่อว่าทำได้อยู่แล้ว เริงใจเห็นเพื่อนหวาดๆ หวั่นๆก็พูดว่า

“แบบนี้จะไหวเหรอ ยิ่งเงินเดือนสูงขนาดนี้ เขาสั่งงานอะไร แกต้องได้โชะๆๆแบบเลขามืออาชีพเลย จะไปเอ๋อๆเหวอๆเป็นเด็กฝึกงานไม่ได้นะ”

ฟังเริงใจแล้วแววก็ยิ่งขาดความมั่นใจ ขอตัวกับเพื่อนๆจะไปหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับหน้าที่ของเลขามาอ่าน ชลธิชาเลยอาสาจะแนะนำให้เธอไปคุยกับเลขาของคุณพ่อให้ช่วยแนะนำหน้าที่เลขาให้ ทำให้แววมีกำลังใจขึ้นมาก

แต่พอเดินออกจากร้านก็เจอเอกรินทร์พาวัณณรีมาที่ร้าน พอวัณณรีมาเจอแววก็บอกเอกรินทร์ให้เปลี่ยนร้าน แววถามเอกรินทร์ว่าพาน้องสาวตนมาทำอะไร

เอกรินทร์ว่าจะพามาเลี้ยงขนมเค้กตามสัญญาแต่คิดว่าพามาร้านนี้จะได้ดูไม่น่าเกลียด

ทันใดนั้นเอง มีคนร้ายกระชากโน้ตบุ๊กของลูกค้าในร้านวิ่งออกไป เอกรินทร์เห็นดังนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ของตนตามไปทันที เอกรินทร์ตามทัน ถูกคนร้ายใช้มีดกรีดหลังเขา แต่เอกรินทร์ก็ยังต่อสู้เอาหมวกกันน็อกฟาดหัวมันจนล้ม แย่งเอาโน้ตบุ๊กกลับคืนมาได้ เขาเอาใส่ในเสื้อแจ็กเกตกลับมาคืนให้เจ้าของ ทุกคนพากันชื่นชมว่าเขาเป็นพระเอกจริงๆ

แต่พอชลธิชาเห็นหลังเขาถูกกรีดเสื้อแจ็กเกตขาดและมีเลือดซึมออกมา จึงรู้ว่าเขาบาดเจ็บจะพาไปโรงพยาบาล เอกรินทร์บอกว่าตนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยทำแผลเองได้ คอนโดฯของตนก็อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง ชลธิชาจึงขอพาไปส่งและทำแผลให้เขา เอกรินทร์จำต้องยอมเพราะทำแผลที่หลังตัวเองไม่ได้

ส่วนแววก็ต้องไปหาเลขาของนุกูลเอง ชลธิชาบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะตนนัดและบอกรายละเอียดไว้แล้ว แววจึงสั่งวัณณรีให้กลับบ้านกำชับว่าห้ามเถลไถล

ooooooo

เลขาของนุกูลชื่อพิม เป็นเลขานุกูลมาสิบกว่าปีแล้ว นุกูลพาแววไปพบพิมอย่างเอ็นดูเหมือนลูกหลาน พิมเองก็เต็มใจแนะนำงานให้ แต่เพราะงานเลขามีมากมาย บอกให้แววตั้งประเด็นถามมาดีกว่า

คำถามแรกของแววก็ทำเอาทั้งพิมและนุกูลงง เมื่อเธอถามว่า “เลขานุการ คืออะไรเหรอคะ”

เอาแบบคร่าวๆ เลขานุการก็คือตำแหน่งงานของผู้ที่จะช่วยแบ่งเบา ช่วยจัดการและช่วยสนับสนุนผู้บริหารน่ะค่ะ” พิมตอบโดยสรุป แววถามอีกว่า แล้วหน้าที่ของเลขาต้องทำอะไรบ้าง คำถามนี้ทำให้พิมต้องย้อนถามแววว่าจะรีบไปไหนหรือเปล่า เพราะถ้าตอบกันจริงๆ คงต้องใช้เวลาเป็นวัน แต่ก็ยินดีที่จะพูดโดยสรุปให้ฟัง

พิมบรรยายหน้าที่เลขายาวเหยียด แววจดจนสมุดหมดไปครึ่งเล่มก็ยังไม่มีทีท่าจะหมด จนแววเริ่มรู้สึก เวียนหัว พูดอย่างเริ่มท้อว่าตนคงไม่เหมาะกับหน้าที่เลขาแน่ๆ

“โอ๊ย...อย่าท้อสิคะ ถ้าคุณแววทำงานด้วยความรอบคอบ และอดทนกับสภาวะกดดันได้ เจองานหนักแค่ไหนก็ไม่เกี่ยงแค่นี้ ก็เป็นเลขาได้แล้วค่ะ” พิมให้กำลังใจ แล้วบรรยายต่อ จนนุกูลบอกว่า เอาให้กระชับ บอกแววไปเลยว่า คนเป็นเลขาจะต้องปฏิบัติตัวยังไงกันแค่นั้นก็พอ


“ได้ค่ะ สรุปว่า คือคนที่ไม่ว่าเจ้านายจะสั่งงานอะไรก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น ห้ามไม่ไหว ห้ามทำไม่ได้ ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามป่วย แล้วก็ห้ามตายด้วยค่ะ”

ฟังพิมบรรยายจบ แววก็แทบจะถอดใจแล้ว...

ooooooo

เอกรินทร์พาชลธิชามาถึงหน้าห้อง เจอแป้งร่ำออกจากห้องไลลาพอดี แป้งร่ำมองตะลึงที่เอกรินทร์พาผู้หญิงมาที่ห้องเลยเอาหูแนบประตูแอบฟังเสียงข้างในอย่างอยากรู้อยากเห็น

กว่าชลธิชาจะทำแผลให้เอกรินทร์ได้ เธอก็เขินแล้วเขินอีกเมื่อเห็นเขาถอดเสื้อ พอเอายาฆ่าเชื้อทาแผล เอกรินทร์ก็ซี้ดปากเพราะแสบมาก แป้งร่ำได้ยินเสียงซี้ดปากก็ตาโตนึกว่าสองคนนี้ทำอะไรกันรีบไปเรียกไลลาให้เข้าไปดู

ไลลาเปิดประตูผัวะเข้าไป เห็นเอกรินทร์ไม่ใส่เสื้อก็ยิ่งเชื่อที่แป้งร่ำบอก แต่พอเอกรินทร์ชี้แจงพร้อมกับให้ดูแผลที่หลังเธอกับแป้งร่ำก็หน้าแตกออกไป

หลังจากทำแผลแล้ว ชลธิชาเตือนเขาด้วยความเป็นห่วงว่าวันหลังไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงแบบนั้น เอกรินทร์ถามว่า เธอเป็นห่วงตนด้วยหรือ ทำให้ชลธิชายิ่งเขิน บอกว่าตนกลับดีกว่า เตือนเขาว่าพรุ่งนี้อย่าลืมไปเอามอเตอร์ไซค์ที่ร้านด้วย

เอกรินทร์มองหน้าเธอนิ่งอย่างลังเล สุดท้ายทำ

ใจกล้าถามว่า ตนจะถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม ชลธิชาแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา ตอบอย่างเขินจัดว่า จะถามอะไรหรือ

“เอ่อ...คุณชลธิชาต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่หัวเราะเยาะผม แล้วก็จะเก็บไว้เป็นความลับด้วย” ชลธิชารับปาก ก้มหน้างุด เอกรินทร์อึกอักนิดหนึ่งจึงถามว่า “พอรู้ไหมครับว่า...แววเขาคิดยังไงกับผม”

ชลธิชาถึงกับสำลักกาแฟที่ยกดื่มแก้เขิน พอตั้งสติได้ถามเสียงปร่าๆว่า หมายความว่าเขาชอบแววใช่ไหม พอเขายอมรับ เธอถามว่าแล้วทำไมไม่บอกแววเอง เขาตอบเขินๆว่า เพราะเห็นเธอสนิทกับแววมากเลยอยากลองถามดู

เอกรินทร์ยอมรับว่ารู้จักและสนิทกับแววตอนเด็กๆ แต่พอมาเจอกันตอนนี้ ตนไม่รู้ว่าแววชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เลยไม่รู้ว่าจะเอาใจเธอยังไง ชลธิชาถามหน้านิ่งๆว่า “อย่าบอกนะว่าอยากให้ฉันช่วยคุณจีบยัยแวว”

“ถ้าอย่างนั้นได้ก็ดีสิครับ ถ้าไม่รบกวนเกินไป คุณชลธิชามีอะไรก็แนะนำผมบ้างนะครับ”

ชลธิชาอึ้ง...เซ็งจนบอกไม่ถูก...พอเธอจะกลับ เอก-รินทร์ออกมาส่งที่ประตู ชลธิชาเดินตัวชาออกมา สองหูยังได้ยินเสียงเอกรินทร์ที่ถามว่า “พอจะรู้ไหมครับว่าแววเขาคิดยังไงกับผม” แล้วเธอก็อดบ่นออกมาไม่ได้ว่า...

“ซื่อบื้อชะมัดเลยผู้ชายสมัยนี้ ไม่ได้สังเกตเลยนะว่าเรารู้สึกยังไง”

ooooooo

พอลงมาถึงชั้นล่าง เจอไลลากับแป้งร่ำดักรออยู่ พอเห็นชลธิชาเดินมาก็ปรี่เข้าไปขวาง ชลธิชาเสียงเข้มใส่ว่า ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีมากๆ ถ้าไม่มีธุระสำคัญตนขอตัว แล้วเดินเลี่ยงไปก็ยังถูกสองสาวตามมาขวางอีก

แป้งร่ำแสดงอาการหึงเต็มที่ บอกชลธิชาว่า อย่าไปยุ่งกับเอกรินทร์ได้ไหม ชลธิชาย้อนถามว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับตนด้วย แป้งร่ำประชดว่าเข้าไปหาถึงในห้องถ้าบอกว่าไม่มีอะไรก็คงจะเชื่อยาก

“แต่ยังไงคุณเอกเขาก็ชอบคนอื่น ไม่ได้ชอบฉัน” ชลธิชาบอกตรงๆ ทำเอาแป้งร่ำหน้าเหวอถามว่าจริงหรือ ไลลาบอกเพื่อนว่าอย่าไปเชื่อ ชลธิชายืนยันว่า “แต่อันนี้เชื่อได้ค่ะ เพราะไม่ใช่คำพูดฉัน แต่เป็นคำพูดที่ออกจากปากของคุณเอกเอง เขาชอบคนอื่นไม่ใช่ฉัน ขอตัวนะคะ ขอบคุณค่ะ”

ชลธิชาเดินออกไปด้วยอารมณ์เหวี่ยงๆ ทำเอาแป้งร่ำมองหน้า ไลลาเหวอถามว่า แล้วเอกรินทร์ชอบใคร??

“ไม่รู้สิยะ แต่ก็คงไม่ใช่เธอล่ะมั้ง ถามจริง นายเอกมันมีอะไรดีเหรอ เห็นเธออยากได้เหลือเกินนี่”

“ก็ฉันไม่คิดแค่อยากได้นี่ไลลา ฉันคิดไปถึงผู้ชายอบอุ่นที่จะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้ เธอคิดว่าผู้ชายแบบคุณเอกเนี่ยหากันได้ง่ายๆเหรอ”

“ไม่ง่ายหรอก สมัยนี้ผู้ชายที่ไม่เจ้าชู้ ไม่กะล่อน ก็มักจะไม่ใช่ผู้ชายน่ะสิเธอ”

“ก็นั่นไง ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมฉันถึงชอบคุณเอกขนาดนี้”

ไลลาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ooooooo

แววกลับถึงบ้านคืนนี้สวดมนต์กราบหมอนเสร็จ พอล้มตัวลงนอนก็เห็นคริสตัลรูปดาวที่วางไว้ใกล้โทรศัพท์ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา คิดถึงที่จักรบอก แล้ววันนี้ก็เป็นจริง เธอได้งานดีเงินงามอย่างที่อธิษฐานไว้ แต่ก็บอกตัวเองว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

ส่วนแจ็คก็ยังสอดรู้สอดเห็น พยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าในห้องทำงานของจักรกับเพิ่มพงษ์มีอะไร ขณะแอบดูเพิ่มพงษ์มาเจอพอดี เลยสั่งสอนแล้วขู่ว่า ถ้ายังไม่เลิกนิสัยสอดรู้สอดเห็นอีกจะไล่ออกจากงานและไล่ออกจากบ้านด้วย แจ็คเลยจ๋อยไป

อ่านละคร แววมยุรา ตอนที่ 4 วันที่ 22 เม.ย. 55
ละคร แววมยุรา บทประพันธ์โดย : พนมเทียน
ละคร แววมยุรา บทโทรทัศน์ : ทองเอก และ วิวัฒน์ กฤษณาเวศน์
ละคร แววมยุรา กำกับการแสดง : ชานนท์ สัมฤทธิ์
ละคร แววมยุรา แนวละคร : โรแมนติก
ละคร แววมยุรา ผลิต : บริษัท เวฟมีเดีย เวิลด์ จำกัด โดย ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์
ละคร แววมยุรา ออกอากาศทุกวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.30 น.ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร แววมยุรา ออกอากาศวันแรกเริ่ม อาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555
ที่มา ไทยรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น