วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 12 วันที่ 24 มิ.ย. 55

ทิวตั้งสติได้วิ่งหนี เทพพุ่งสกัดไว้ กล่องไม้ในมือหล่นพื้น เขาจะคว้าแต่ทิวไวกว่าแย่งคืนมาได้ ทั้งสองคนตรงเข้าต่อสู้กันอุตลุด โดยมีกล่องไม้เป็นเดิมพัน จังหวะหนึ่งเทพเสียท่าถูกต่อยหน้าหงาย ทิวฉวยโอกาสวิ่งหนี ประมุขอาณาจักรทัดเทพไม่ยอมแพ้ไล่ตาม พร้อมกับชักปืนขึ้นเล็งหมายจะฆ่าให้ตาย แต่แล้วเปลี่ยนใจ

“แกยังตายไม่ได้...ไอ้ทิว...มันไม่สะใจฉัน”

ทิว รอดเงื้อมมือมัจจุราชไปได้อย่างหวุดหวิด เทพมองตามอย่างฉุนจัด วิ่งกลับห้องทำงานตัวเอง มองไปที่ช่องลับหลังรูปของทัดที่ว่างเปล่า เจ็บใจที่ทัดแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใต้จมูกตัวเองแท้ๆ กลับไม่รู้ แล้วหันไปเตะรูปภาพของทัดระบายแค้น...

ระหว่างที่กล่องไม้ปริศนาตก อยู่ในมือทิวเรียบร้อย ผ่องทิพย์เห็นท่าไม่ดีกระชากบุญปลูกมายืนบังหวังจะให้รับเคราะห์แทน บ่าวตัวแสบรู้ทันสะบัดหลุดวิ่งไปหลบหลังเจ้านายสาวอย่างเดิม ขณะขวัญตาจะสาดน้ำกรด ผ่องทิพย์ฮึดสู้ตัดสินใจพุ่งชนล้มกลิ้งไปด้วยกัน ขวดน้ำกรดหกกัดพื้นเป็นฟองฟู่ ยัยจอมวีนปรี๊ดแตก

“นังขวัญตา คิดจะใช้น้ำกรดจัดการฉันหรือ” แล้วพุ่งใส่คู่อริ ฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

บุญ ปลูกไม่อยากโดนลูกหลงชิ่งหนี ปล่อยให้สองสาวตบตีกันอยู่ตรงนั้น ผ่องทิพย์แรงมากกว่าตบขวัญตากระเด็นแล้วโดดขึ้นคร่อม จับหัวจะขยี้หน้ากับน้ำกรดที่นองพื้น เธอดิ้นสุดฤทธิ์ จิกเล็บลงบนเนื้อของอีกฝ่ายอย่างแรงจนต้องปล่อยมือ พลิกตัวกลับถีบยัยจอมวีนกระเด็น แล้ววิ่งหนี

“ฉันจะฟ้องคุณเทพ...แกตายแน่...นังขวัญตา” ผ่องทิพย์ตะโกนไล่หลังอย่างเคียดแค้น...

ทาง ด้านทิวหนีกลับไปตั้งหลักที่บ้านตนเอง สั่งเข้มให้ปิดประตูล็อกกลอน แล้วไปหาขวานหรืออะไรก็ได้มาเปิดกล่องไม้ใบนี้ เข้มหายเข้าไปหลังบ้านพักเดียว กลับมาพร้อมกับขวาน ทิวใช้มันจามไปที่กุญแจจนขาดเผยให้เห็นข้างในกล่องไม้มีกระดาษแผ่นหนึ่ง เขาเปิดออกอ่านจำได้ทันทีว่าเป็นลายมือพ่อของเขาเอง

ooooooo

ในอดีต เมื่อหลายปีก่อน...

ทัด กำลังอ่านทวนจดหมายที่ตัวเองเขียนอยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีบุษบาแม่ของทิวเดินไปเดินมาอยู่ใกล้ๆ สีหน้าเครียดไม่แพ้กัน

“หาก ใครได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แสดงว่าข้าพเจ้า นายทัด บรรณา ได้มีอันเป็นไปถึงแก่ชีวิต ทำให้ไม่สามารถจัดการเรื่องมรดกให้กับบุตรและธิดาได้ตามที่ควรจะกระทำ จึงให้ทนายความเป็นผู้จัดการตามกฎหมาย

ข้าพเจ้ามีเวลาไม่พอ ขอใช้จดหมายฉบับนี้เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์และให้ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด โดยมีลายมือชื่อของข้าพเจ้านายทัด บรรณา และภรรยา นางบุษบา บรรณา ลงไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งตราประทับของตระกูลบรรณา ที่ไม่มีผู้ใดได้ครอบครองและมีสิทธิ์ใช้นอกจากข้าพเจ้า

นายทิว บรรณา คือผู้ที่จะได้รับมรดกทั้งหุ้นส่วนของทัดเทพ และอสังหาริมทรัพย์ และให้นายทิว บรรณา จัดสรรแบ่งให้กับพี่น้องตามสมควร ลงชื่อ “ทัด บรรณา” เขาเซ็นชื่อเสร็จ ยื่นจดหมายให้บุษบาเซ็น แล้วจึงเอาตราประทับของตระกูลบรรณาประทับลงตามไป จากนั้น เขาเอาจดหมายใส่กล่องไม้ นำซ่อนไว้ในช่องลับที่ผนังห้อง ก่อนจะเอารูปของตัวเองแขวนปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกับเทพเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

“ได้เวลาไปพบท่านผู้ว่าฯแล้วนะครับพี่ทัด พี่บุษบา”

ทัด ไม่เข้าใจทำไมต้องเร่งรีบ อีกตั้งหลายวันกว่าผู้ว่าฯจะกลับกรุงเทพฯ เทพอ้างว่าคิวงานของท่านแน่นมาก กว่าเขาจะขอเวลาจากท่านได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทัดรีบตัดบท จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องไปกราบท่านอยู่ดี ยิ่งท่านมีบุญคุณกับเราด้วย ไม่ไปกราบลาจะกลายเป็นคนไม่รู้คุณคน เขาตั้งใจพูดกระทบเทพ แต่คนฟังทำเฉย ไม่สะดุ้งสะเทือน เดินนำสองผัวเมียออกไป ทัดจะตามแต่บุษบารั้งไว้ ขอร้องว่าอย่าไป เธอไม่ไว้ใจเทพ

“ไม่ต้องกลัว ถ้าสิ่งที่เราหวาดกลัวมันเป็นจริง...มันทำอะไรเราไม่ได้ง่ายๆหรอก ผมจะพานายมิตรกับลูกน้องไปด้วย เขาจะช่วยคุ้มครองเรา ทำใจให้สบายเถอะ” คำพูดของทัดไม่ได้ทำให้บุษบาคลายความกังวล

ooooooo

ในเวลา ปัจจุบัน...ที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ลุงมิตรทะลึ่งพรวดลุกขึ้น คว้าแขนชายธีรพลที่เข้ามาตรวจอาการให้ ละล่ำละลักบอกว่า พินัยกรรมของพี่ทัด อยู่หลังรูปในห้องทำงาน เขาต้องไปบอกทิว ผลุนผลันจะลงจากเตียง หมอหนุ่มรั้งไว้ ขอร้องอย่าเพิ่งไป ลุงมิตรมองไปรอบๆห้อง สงสัยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“รพ.ที่กรุงเทพฯ ขอผมตรวจลุงให้ละเอียดอีกครั้งก่อนได้ไหม ผมสัญญา ผมจะรีบบอกคุณทิวให้เร็วที่สุด”

ลุงมิตรรอไม่ได้ เรื่องนี้สำคัญมากต้องบอกทิวเดี๋ยวนี้...

ขณะ ที่ความทรงจำของลุงมิตรเริ่มเข้าที่เข้าทาง ทิวมองจดหมายในมือน้ำตาคลอ นี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา แต่เป็นพินัยกรรมตัวจริงของพ่อเขา เทพปลอมพินัยกรรมและฮุบสมบัติทั้งหมดของท่านไปเป็นของตัวเอง จังหวะนั้นมีเสียงตอกตะปูปังๆดังมาจากหน้าบ้าน ทิวและเข้มตกใจ รีบพุ่งไปที่ประตูบ้านแต่เปิดไม่ออก หน้าต่างทุกบานก็เช่นกัน เสียงเทพสั่งให้สมุนปิดตายทางเข้าออกให้หมดดังขึ้น ทิวเจ็บใจตะโกนด่าไม่ยั้ง คนถูกด่ากลับหัวเราะร่วน

“ด่าอีก...อยากจะ ด่าอะไรฉัน ด่ามา ก่อนที่แกจะถูกปิดปากเงียบไปตลอดกาล...เฮ้ย จัดการส่งมันไปหาพ่อแม่ของมัน” สิ้นเสียงสั่งการของเทพ เหล่าสมุนเอาน้ำมันสาดใส่บ้านจนทั่ว เทพรับคบไฟมาจากล้วน แล้วโยนใส่ ไฟลุกพรึบลามไปติดตัวบ้านอย่างรวดเร็ว ทิวกับเข้มพยายามกระแทกประตูให้เปิดแต่ไร้ประโยชน์
ทั้งควันทั้งไฟเริ่มโหมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง สองหนุ่มเอาผ้าห่มไปชุบน้ำให้ชุ่ม แล้วเอาห่อตัวเองไว้ เทพยืนดูสภาพบ้านที่ถูกไฟลุกท่วมอย่างสะใจ ไม่ทันเห็นขวัญตาแอบดูอยู่ในความมืดอย่างประหวั่นพรั่นพรึง...

ทาง ด้านชายธีรพลไม่รู้จะทำอย่างไรดี ลุงมิตรดึงดันจะให้ไปบอกเรื่องพินัยกรรมกับทิวให้ได้ ตัดสินใจโทร.ขอความช่วยเหลือจากหญิงมานศรี แต่เธอยึกยักอ่างโน่นอ้างนี่ เขารู้ทัน พูดดักคอว่า

“หญิง...ลืมคำว่าทิฐิไปก่อน...ช่วยผมหน่อย ติดต่อคุณทิวเดี๋ยวนี้” เขาวางสายแล้วรีบกลับไปดูแลลุงมิตร หญิงมานศรีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาทิว แต่ติดต่อไม่ได้ เริ่มเป็นกังวล คว้ากระเป๋าถือกับกุญแจรถวิ่งออกไปทันที โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของพิไลพรกับชายคำรณ...

ฝ่ายเทพนั่งมองดูบ้าน ของทิวที่ไฟโหมไหม้อีกพักหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้ล้วนไปเอาตัวทิวกับเข้มออกมา เหล่าสมุนพังประตูบ้านเข้าไปลากทั้งคู่ในสภาพอ่อนแรง สำลักควันไฟอย่างหนักออกจากบ้าน แล้วเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น  เทพเค้นให้ทิวบอกมาว่าในกล่องไม้ที่ขโมยไปจากช่องลับมีอะไร

เขาไม่ ตอบ กลับถุยน้ำลายใส่หน้าอย่างเหยียดหยาม เทพยัวะต่อยท้องจนจุกลงไปนอนตัวงอ พินัยกรรมที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหล่น เทพหยิบมาดู เขาพยายามจะแย่งคืน โดนเตะสวนกลิ้งเป็นลูกขนุน

“พินัยกรรมของไอ้ทัด...ที่แท้มันก็อยู่ใกล้จมูกฉันอยู่ตลอดเวลานี่เอง”

“ก็ แกมันโง่ไงไอ้เทพ...ฮึ...โง่ๆแบบนี้ ยังอยากจะคิดเป็นพญาเหยี่ยวพญาหงส์ อย่างแกมันก็แค่หากินตามพื้นดินเป็นไก่เป็นเป็ด ไม่มีทางได้ขึ้นไปอยู่สูงกว่าหลังคาเล้าหรอกว่ะ”
เทพโกรธมาก จะโยนพินัยกรรมใส่กองไฟ ทิวตามไปเอาคืน แต่ถูกล้วนกับสมุนจับตัวไว้ เขาแทบคลั่งที่เห็นพินัยกรรมของพ่อไหม้ไฟไปต่อหน้า

“ยัง ไงแกก็ไม่มีทางเอาชนะฉันได้...ทิว...ฮ่าๆๆๆ คราวนี้จะมีอะไรมาทวงสิทธิ์ของแกคืนได้อีก อ้อ...ไม่สิแกจะเอาชีวิตรอดไปทวงสิทธิ์แกต่อไปได้ยังไงต่างหาก” เทพชักมีดจะปาดคอเขา ขวัญตาเห็นท่าไม่ดีร้องลั่น

“คุณตำรวจคะ ทางนี้ค่ะ มันกำลังจะฆ่าคน”

เทพ กับพวกหลงเชื่อคิดว่าตำรวจมาจริงๆ แตกฮือกันไปคนละทิศละทาง ทิวรีบเข้าไปพยุงเข้มโดยมีขวัญตาเข้ามาช่วยอีกแรง ทั้งสามคนหนีกระเซอะกระเซิงมาตามทางหมดแรงไปต่อไปไหน ขวัญตากลัวเริ่มร้องไห้

“ไม่ต้องร้องไห้ ฉันจะพาเธอไปอยู่ที่อื่น...เพื่อความปลอดภัย”

เธอ ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ซาบซึ้งใจในความดีของเขา จังหวะนั้น มีแสงไฟจากรถส่องมาทางเบื้องหน้า ทิวตัดสินใจพุ่งออกไปขวาง หญิงมานศรีกระแทกเบรกอย่างแรง พอเห็นชัดๆว่าเป็นทิว ทั้งตกใจและดีใจปนกัน...

ทางฝ่ายเทพเจ็บใจมากที่โดนขวัญตาหลอก สั่งให้ล้วนนำสมุนออกตามล่าตัวทิวกับพวกมาให้ได้ ย้ำให้จับเป็นเท่านั้น เขาจะเป็นคนหยิบยื่นความตายให้มันเอง ล้วนทักท้วง พวงทองกับผ่องทิพย์จะยอมให้ฆ่าทิวหรือ

“ผ่องทิพย์ไม่ใช่ปัญหา ส่วนพวงทอง...ฉันจะจัดการเอง ผู้หญิง...ยังไงผัวก็สำคัญกว่าใครทั้งหมด”

ooooooo

ทันที ที่รู้ว่าลุงมิตรอยากเจอตัว ทิวรีบไป รพ.แต่เช้าโดยมีขวัญตาคอยตามติด หญิงมานศรีปวดร้าวใจ ทุกครั้งที่เห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน พยายามเมินหน้าไปทางอื่น ชายธีรพลเห็นท่าทางของเพื่อนรักแล้วอดสงสารไม่ได้ ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่ เงียบๆ ทิวถามไถ่ลุงมิตรด้วยความเป็นห่วงว่าสบายดี แล้วใช่ไหม

“ลุงจำทุกอย่างได้แล้ว...ทิว...หลังรูปพี่ทัดในห้องทำงาน มี...”

ทิว ต่อคำพูดให้ว่ามีพินัยกรรมตัวจริงของพ่อที่เขียนไว้ก่อนตายซ่อนอยู่ แต่ตอนนี้ถูกเทพเผาไปแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไอ้ชั่วนั่นปลอมพินัยกรรมและยึด ทุกอย่างไปจากเขา ทุกคนตกใจกับความจริงที่ได้ยิน

“ลุงครับ คุณพ่อคุณแม่ท่าน...ไม่ได้ถูกโจรฆ่าตายใช่ไหม”

“พวกท่านถูกไอ้เทพ...ฆ่าตายอย่างทารุณ โหดเหี้ยม ไอ้เทพมันไม่ใช่มนุษย์ มันหลอกพวกเราว่าต้องไปพบท่านผู้ว่าฯในวันนั้น”

พลัน ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของลุงมิตร วันนั้น เขาเป็นคนขับรถพาทัด บุษบา และเทพจะไปพบผู้ว่าฯ แต่อยู่ๆรถเกิดเครื่องสะดุดแล้วดับไปเฉยๆ เขาลงจากรถไปเปิดฝากระโปรงตรวจดูเครื่องยนต์ เทพอาสาตามมาช่วย จังหวะที่มอเตอร์ไซค์ของลูกน้องลุงมิตรที่คอยตามคุ้มกันมาจอดเทียบ

เทพ ชักปืนยิงท้องลุงมิตร แล้วยิงลูกน้องอีกสองคนของลุงมิตรตายคาที่ ทัดเห็นท่าไม่ดีพาบุษบาวิ่งหนี ล้วนกับสมุนที่ดักรออยู่ในป่ากรูกันออกมาสังหารลูกน้องของลุงมิตรที่เหลือ เทพเห็นทัดจูงมือบุษบาวิ่งหายเข้าไปในป่า สั่งให้ทุกคนตามล่าตัวกลับมาให้ได้ ลุงมิตรค่อยๆฟื้นคืนสติ พยายามลากสังขารตามไปช่วยเจ้านาย

ครู่ต่อมา ทัดพาบุษบามาหลบหลังโขดหิน แล้วหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม เธอยังตกใจไม่หาย เริ่มควบคุมสติไม่อยู่ เขาปลอบจนเธอสงบ แต่แล้วกลับมีกระสุนพุ่งมากระทบโขดหินเฉียดหัวทั้งคู่ไปนิดเดียว เขาชะโงกหน้าดูเห็นเทพกับสมุนกำลังดาหน้ามาทางตนเอง จึงยิงสวนออกไป พวกนั้นพากันหลบกระสุนวุ่นวาย

เทพสั่งให้สมุนอ้อมไปทางด้านหลัง แล้วแกล้งเจรจาต่อรองให้สองผัวเมียตายใจ ทัดเห็นแก่เมียที่กำลังเสียขวัญยอมเจรจาด้วย แต่ข้อต่อรองของเทพเกินจะรับได้ เขาต้องการทั้งหุ้นของบริษัททัดเทพและทุกอย่างที่ทัดครอบครอง ไม่ต้องการอยู่ภายใต้คำสั่งของใครอีกแล้ว เขาเกิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่งและต้องเป็นให้ได้

“ด้วยวิธีแบบนี้น่ะเหรอ แกไม่มีวันได้เป็นที่หนึ่งหรอก โดยเฉพาะในหัวใจของคนทุกคนในทัดเทพ”

“งั้น เราก็คงเสียเวลาที่เจรจากัน มันคงไม่มีวันตกลงกันได้ ตอนนี้พี่ก็มีตัวเลือกแค่อย่างเดียว คือ...ตาย” เทพพูดจบสาดกระสุนใส่ทัดเป็นชุด เขามัวแต่ยิงโต้ตอบจึงไม่เห็นล้วนกับสมุนย่องมาทางด้านหลังฉกตัวบุษบาไป เสียงร้องของเธอทำให้เขาหันขวับเจอหมัดตรงของล้วนเข้าเต็มหน้าปืนกระเด็น หลุดมือหมดทางสู้
เทพปรี่เข้าไปต่อยทัดซ้ำ ลุงมิตรตามมาทันจะยิงปืนใส่แต่เทพไหวตัวทันคว้าทัดขึ้นมาเป็นโล่กำบัง เขาไม่กล้ายิงเกรงจะพลาด หันหลังจะหนีไปตั้งหลักแต่หนีไม่พ้น ถูกสมุนของเทพลากตัวมารวมไว้กับสองผัวเมีย

“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แบบนี้ ฉันว่ามันควรจะต้องสังสรรค์กันหน่อย ก่อนจะส่งพวกพี่ลงสุสาน” เทพหัวเราะอย่างผู้ชนะ ดึงตัวบุษบาขึ้นมาบดขยี้ริมฝีปากก่อนจะลากเข้าไปในป่ารกข้างทาง เสียงกรีดร้องของเธอทำให้ทัดหัวใจแทบสลายที่ไม่สามารถช่วยหญิงที่ตัวเองรัก ได้ ลุงมิตรต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอดสู

ooooooo

เทพข่มขืน บุษบาเสร็จ กลับมาเยาะเย้ยทัดให้ยิ่งเจ็บช้ำน้ำใจ เขาตัวสั่นด้วยความโกรธ ที่หลงไว้ใจอสรพิษอย่างเทพถึงได้โดนแว้งกัดแบบนี้ บุษบาในสภาพสะบักสะบอมเสื้อผ้าขาดวิ่นค่อยๆคลานออกจากพุ่มไม้ ทัดจะไปหา แต่พวกสมุนรั้งไว้ เทพสั่งให้ปล่อย เขารีบวิ่งไปกอดเมียรักไว้แนบอก
“ฉันสกปรกเหลือเกินคุณทัด...ฉันไม่มีหน้าจะมองหน้าคุณ มองหน้าลูกอีกแล้ว”
“ไม่...เธอคือนางฟ้าของฉัน ของลูก ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นได้”
“รักกันมากใช่ไหม เห็นอกเห็นใจให้เกียรติกันมากใช่ไหม...น่าอิจฉาจริงๆ” เทพแดกดัน
ทัด มองเขาอย่างเคียดแค้น อยากจะฆ่าจะแกงก็เชิญทำได้เลยจะได้จบๆไป เทพซาดิสต์ไม่ยอมให้เขาตายง่ายๆลงมือซ้อมอย่างทารุณจนกระทั่งตายคามือ บุษบากระเสือกกระสนมากอดศพทัดร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ลุงมิตรทนไม่ไหว สะบัดมือหลุดพุ่งเข้าใส่เทพหมายจะแก้แค้นแทนนาย แต่ถูกเตะเสยปลายคางล้มกลิ้งไม่เป็นท่า
“อยากตายตามนายใหญ่แกไปใช่ ไหม...ไอ้หมารับใช้” เขาเล็งปืนไปที่ลุงมิตร บุษบารวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายแย่งปืนไป แล้วเล็งใส่เขา เทพพยายามเกลี้ยกล่อมให้วางปืน แต่ไม่เป็นผล
“แกฆ่าฉันให้ตายทั้งเป็น มาแล้ว ฉันจะไม่ยอมตายด้วยน้ำมือของแกอีกเป็นครั้งที่สอง” เธอจ่อปืนที่หัวตัวเองแล้วเหนี่ยวไก ร่างไร้วิญญาณทรุดลงข้างๆศพสามีสุดที่รัก ลุงมิตรตะโกนร้องก้องป่าอย่างเจ็บปวดที่เห็นเจ้านายอันเป็นที่รักทั้งสองคน ต้องจากไปต่อหน้าต่อตา...
ลุงมิตรเล่าเรื่องในอดีตด้วยน้ำตานองหน้า ทิวก้มหน้านิ่ง สะเทือนใจมากเมื่อรู้สาเหตุการตายของพ่อและแม่ หญิงมานศรีเห็นใจและสงสารเขาเหลือเกิน แต่ไม่สามารถเข้าไปปลอบได้เพราะขวัญตานั่งกอดปลอบประโลมเขาอยู่ไม่ห่าง ชายแก่เล่าเพิ่มเติมอีกว่า
“ไอ้เทพยิงขาลุง กรีดหน้าลุง...จนคิดว่าลุงตายไปแล้ว มันเลยเอาลุงไปทิ้งน้ำ แต่ในใจของลุงตะโกนก้องอยู่ตลอดเวลาว่า ลุงยังตายไม่ได้...ลุงจำได้เพียงแค่นั้น ความจำสุดท้ายของลุงคือใบไม้ที่กำลังหล่นลงพื้นเหมือนชีวิตของคนหลายคนที่ ต้องตายเพราะความโลภของไอ้เทพ” เขากำหมัดแน่นด้วยความแค้น
ทิวกลั้น น้ำตาไว้ไม่ไหว วิ่งออกจากห้องพักฟื้นมานั่งหลบมุมร้องไห้ด้วยความแค้นใจ ขวัญตาตามมาปลอบ แต่ความแค้นคับอกแทบจะระเบิด ทำให้เขาประกาศลั่นจะต้องฆ่าไอ้คนชั่วช้านั้นให้ได้ หญิงมานศรีกับชายธีรพลมาทันได้ยิน ขอร้องให้เขาปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจะดีกว่า ขืนแก้แค้นด้วยตัวเอง คนที่จะทุกข์ทรมานจะเป็นตัวทิวเอง ขวัญตาเถียงแทนว่าทั้งคู่ไม่ได้โดนกับตัวเองไม่มีวันรู้สึก
“ถึงฉันจะ ไม่ได้ถูกกระทำ แต่ฉันก็เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดี...สูญเสียคนที่เรารักโดยที่เราทำ อะไรไม่ได้เลย แต่ในเมื่อเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว นายฆ่าคุณเทพ มันก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่นายฟื้นขึ้นมา ชีวิตของคุณเทพไม่ได้มีค่ามากขนาดที่นายจะต้องเอาตัวเองเข้าไปแลก” หญิงมานศรีมองสบตากับทิวอย่างจริงใจ
“แล้วจะปล่อยให้มันเสวยสุขลอยนวลอยู่อย่างนี้หรือไง” ทิวขบกรามแน่น
“นาย เคยบอกฉันว่า นายไม่ชอบใช้ศาลเตี้ยและนายก็เคยเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรมไม่ใช่หรือ ฉันเชื่อว่าคุณเทพไม่ได้เสวยสุข แต่กำลังทุกข์ทรมานจากไฟกิเลสที่คอยเผาใจเหมือนตกนรกอยู่ทุกวินาที”
ชาย ธีรพลรับปากจะให้ รปภ.ของ รพ.มาคอยดูแลความปลอดภัยให้ลุงมิตรอย่างใกล้ชิดจนกว่าตำรวจจะมาสอบปากคำ ขวัญตาขอให้ทิวคิดให้ดีๆก่อน จริงอย่างที่คุณหญิงว่าอย่าเอาตัวเองไปแลกกับคนชั่วๆพรรค์ นั้นเลย เกิดเขาเป็นอะไรไปเธอกับลูกจะอยู่อย่างไร หญิงมานศรีเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง กลัวจะข่มความเสียใจไม่อยู่รีบชวนเพื่อนรักกลับ หมอหนุ่มรู้ใจประคองเธอออกไปทันที ขวัญตาเห็นทิวสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ทำสำออย
“พี่ทิว ขวัญตาเพลียแล้ว เราจะไปอยู่ที่ไหนกัน”
“พี่มีบ้านที่กรุงเทพฯ ที่นั่นปลอดภัยไม่มีใครรู้จัก ไอ้เข้มไปรออยู่แล้ว”
ooooooo
ชาย ธีรพลเห็นหญิงมานศรีเหนื่อยกับการขับรถมาทั้งคืนจึงอาสาขับรถให้ พอถึงวังแล้ว เธอคะยั้นคะยอจะให้คนรถไปส่ง แต่เขาขอกลับแท็กซี่เอง ระหว่างเดินมาส่งเขาหน้าประตูรั้วเสกสรรในสภาพเมาแอ๋ เข้ามาต่อว่าต่อขานชายธีรพลว่าลอบแทงเขาข้างหลัง รู้ว่าเขารักคุณหญิงมากแค่ไหนยังพาเธอหายไปด้วยกันทั้งคืน
ชายธีรพลโกรธต่อยเขาลงไปกองกับพื้น โทษฐานจิตใจสกปรกชอบคิดอะไรต่ำๆ ตนกับคุณหญิงไม่มีอะไรกันเกินกว่าคำว่าเพื่อน เธอมองเขาอย่างสมเพช
“นับวันเสกยิ่งทำให้หญิงขยะแขยงเสกมากขึ้น...กลับไปซะ” เธอพูดจบเดินหนี
เสกสรร จะตามแต่ชายธีรพลขวางไว้ เตือนให้มีสติได้แล้ว เขาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงร้องไห้อย่างไม่อายใคร ชายธีรพลเห็นใจเพื่อนรักแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เข้าไปพยุงปีกก่อนจะพาเขาออกไป...
ด้านหญิงมานศรีเดินเข้าตัวตึกอย่าง เร่งรีบ แต่ต้องชะงักเมื่อเจอเทพนั่งรออยู่ในห้องรับแขกกับหม่อมแม่และพี่ชายของเธอ เธอจำต้องมานั่งร่วมวงด้วยทั้งที่ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคนเลวๆคนนี้ หม่อมสรัสวดีกึ่งลากกึ่งจูงลูกชายออกไป ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพัง เทพอดถามไม่ได้ ทำไมเธอถึงไม่กล้าสบตากับเขา
เธอมองสบตาเขาอย่างไม่ เกรงกลัว ซ้ำยังพูดเป็นนัยๆให้รู้ว่า ความลับที่เขาเก็บงำมานานกำลังจะถูกเปิดเผยในอีกไม่ช้า สิ่งที่เขาเคยครอบครองจะต้องหลุดมือ และจะกลายเป็นคนไม่สำคัญอย่างที่เขากลัวนักกลัวหนา เทพกลับหัวเราะลั่นราวกับเป็นเรื่องตลก เธอไม่พอใจที่เขาไม่มีความสลดใจแม้แต่น้อย

 ขอขอบคุณจาก thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น