วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละครเกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 13 วันที่ 22 มิ.ย. 55

ทิวเดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างหงุดหงิด หญิงมานศรีซึ่งรออยู่ ลุกขึ้นยิ้มให้ แต่เขาไม่ยิ้มด้วย หญิงสาวไม่พอใจ
“วัยทองหรือไง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
ทิวรีบปรับอารมณ์
“ขอโทษ…ฉัน…หงุดหงิดกับลูกน้องมากไปหน่อย”
“ก็ดี ที่เดี๋ยวนี้รู้สึกผิดเป็น”
“นี่…ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ พูดจากรุณาให้เกียรติ”
“ขอโทษ…ฉัน…หงุดหงิดกับนายมากไปหน่อย”
“ก็ดี…ที่เดี๋ยวนี้รู้จักขอโทษ”
“ถ้าฉันทำผิดจริง ฉันพร้อมจะขอโทษ ส่วนนาย…”
“เรียกใหม่ แบบให้เกียรติ”
“ส่วนคุณ…ชอบตะแบง ชอบแถ ผิดก็บอกไม่ผิด ชอบก็บอกไม่ชอบ นิสัยไม่ดี”
“มากมั้ย”
“อะไรมาก”
“นิสัยไม่ดีน่ะ”
“มาก”
“ต่อไปนี้…ช่วยบอกด้วยแล้วกัน ว่าฉันทำอะไรไม่ดีบ้าง ฉันจะได้ปรับปรุง”
“เพี้ยนอะไรขึ้นมา”
“เผื่อเธอจะชอบ”
หญิงมานศรีงงๆ
“ชอบอะไร”
“ฉันไง”
“ประสาท!”
หญิงสาวเดินหนี ชายหนุ่มยิ้มๆเดินตามไป…เทพ และล้วนแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง เทพมองตามอย่างเคียดแค้น
“ล้วน เอารถออก ฉันจะไปวังกฤตยาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากรอ”
ค่ำนั้น…ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา เห็นล้วนกำลังนั่งอย่างสบายใจอยู่ โดยไม่ให้ความเคารพสถานที่ก็ไม่พอใจ
“คุณเทพมาหาหม่อมแม่เหรอ”
“อ้อ…คุณชาย สวัสดีครับ นายใหญ่มีธุระสำคัญจะปรึกษากับหม่อมครับ”
ชายคำรณฤทธีเครียดขึ้นมาทันที
หม่อมสรัสวดี โวยใส่เทพที่นั่งด้วยท่าทีสบายๆ
“ภายในเจ็ดวัน คุณบ้าไปแล้วหรือไง แค่เดือนเดียวฉันยังไม่มีปัญญาเลยว่า จะคุยกับลูกหญิงยังไงให้ยอมแต่งงานกับคุณ”
“ไม่มีปัญญาคุย หรือว่าไม่เคยคุยด้วย”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง หันหน้าหนีกลบเกลื่อน
“ฉันยังไม่มีจังหวะที่ดีที่จะคุย”
“หม่อมกำลังยื้ออยู่ต่างหาก คิดว่าที่ผมเคยขู่หม่อม…ผมไม่กล้าทำจริงๆหรือไง”
เทพเข้าไปกระชากตัวหม่อมสรัสวดี ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“คุณเทพ กรุณาอย่าทำตัวป่าเถื่อน ที่นี่คือวังกฤตยา ไม่ใช่ฮาเร็มคาวโลกีย์ของคุณนะ”
“อีกหน่อยที่นี่ก็จะเป็นฮาเร็มของผมเหมือนกัน”
ทันใดนั้นเสียงชายคำรณฤทธีดังขึ้น
“แน่ใจเหรอครับ คุณเทพ”
หม่อมสรัสวดีกับเทพตกใจ หันไป ชายคำรณฤทธีมองอยู่อย่างไม่พอใจ
“กรุณาปล่อยหม่อมแม่ของผม”
เทพค่อยๆปล่อย หม่อมสรัสวดีรีบไปหาลูกชาย
“ขอ โทษจริงๆครับหม่อม…ผมลืมตัวไปชั่วขณะ แล้วจะไม่ให้ผมโกรธได้ยังไงล่ะครับ คุณชาย ในเมื่อหม่อมเขาไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับผม ผมก็ต้องมาทวง”
ชายคำรณฤทธีอึ้งงง
“สัญญาอะไรครับ”
ชายคำรณมองแม่ หม่อมสรัสวดีไม่พอใจเทพที่ปูดเรื่อง ไม่กล้าสบตาลูกชาย
หญิงมานศรีนั่งมองดูพระจันทร์อย่างเพลิดเพลิน พิไลพรยืนมองด้วยความรักและเทิดทูน แต่ก็มีความห่วงและกังวล สักครู่จึงเดินมาหา
“คุณหญิงคะ…”
“รู้ล่ะ ว่าจะพูดให้หญิงกลับวังอีกแล้วใช่มั้ย” หญิงมานศรีจับมือพิไลพรเอาไว้ “พร…พรจะกลับไปก็ได้นะ”
“แล้วให้คุณหญิงอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอคะ คุณหญิงจะต้องอยู่คนเดียวก็ต่อเมื่อพรตายจากไปแล้วนั่นแหละ”
“พรอย่าพูดแบบนี้สิ หญิงไม่ชอบ”
“ความ ตายอยู่ใกล้เรามากนะคะคุณหญิง เวลาชีวิตของเราทุกคนต่างนับถอย หลังเข้าหาความตาย ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น พรมองความตายเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ”
“ไม่เอา ไม่พูดแล้ว…”
“ไม่พูดก็ได้ เข้านอนเถอะค่ะ อย่าอยู่ข้างนอกนานนัก น้ำค้างลงแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายค่ะ”
หญิงมานศรียิ้มให้พิไลพร ยอมเดินตามเข้าบ้านอย่างว่าง่าย ทิวยืนแอบมองอยู่ในความมืด ยิ้มอย่างมีความสุข
“ฝันดีนะครับคุณหญิง”
เทพเดินออกมา ยิ้มพอใจมาก ล้วนรีบยืนรอรับ
“กลับกันได้แล้ว”
“ทำไมเร็วจังครับ นายใหญ่”
“ก็แค่มาวางระเบิดเอาไว้ ที่เหลือ…ก็ปล่อยให้ระเบิดมันทำงานเอง ฮ่ะๆๆๆๆ”
เทพหัวเราะสะใจ เดินออกไป ล้วนตาม สะใจไปกับนายด้วย
ชายคำรณฤทธีต่อว่าหม่อมสรัสวดีด้วยความเสียใจ
“หม่อมแม่โกหกชาย โกหกน้องหญิง”
“ถ้าแม่ไม่โกหก ชายจะยอมรับเงินไปแก้ไขสถานการณ์เหรอ ธุรกิจต้องดำเนิน ต่อไป จะให้แม่ไปเอาเงินทีไหนมาช่วยชาย ถ้าไม่ใช่จากคุณเทพ”
“แต่ไม่ใช่การเอาตัวน้องหญิงเป็นเดิมพัน มันไม่ต่างอะไรกับการขายลูกกิน”
หม่อมสรัสวดีตบหน้าชายคำรณด้วยความลืมตัว
“ชาย!”
ชายคำรณฤทธีอึ้ง หม่อมสรัสวดีก็อึ้ง
“แค่นี้ชายไม่เจ็บหรอกครับ แต่ชายไม่อยากนึกถึงหัวใจของน้องหญิง ว่าจะเจ็บแค่ไหน ถ้ารู้ความจริงว่าหม่อมแม่กำลังพยายามทำอะไรอยู่”
“ก็ ในเมื่อลูกชายมันไม่ได้เรื่อง มีปัญหามาให้แก้ทุกวัน จะให้แม่อย่างฉันที่มีแค่สองมือคนนี้ทำยังไง ญาติพี่น้องของพ่อแกเคยยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรหรือก็เปล่า มีแต่ฉันที่ต้องหาทางออกเอง”
หม่อมสรัสวดีนั่งร้องไห้อย่างอัดอั้น ชายคำรณฤทธีเริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองพูดแรงกับแม่
“หญิงมานศรีเป็นทางรอดทางเดียวของกฤตยา แม่จำเป็นต้องทำ แม่จำเป็นต้องทำ”
“ชายเข้าใจครับ แต่ชายยอมทำใจรับมันไม่ได้ ชายขอโทษที่ชายไม่ได้เรื่อง แต่หม่อมแม่ครับ…ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สำคัญกว่าเงินครับ”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง ยิ่งเห็นความผิดหวังและการหมดความนับถือในสายตาของลูกชายก็ยิ่งปวดร้าวใจ
“ถึงฉันจะทำผิด แต่ฉันก็ยังเป็นแม่ของแกนะ อย่ามองฉันแบบนี้”
ชายคำรณเดินหนีไป หม่อมสรัสวดีเดินตาม เอาเรื่อง
“จะไปไหน ชาย”
ชายคำรณฤทธีไม่สนใจ เดินลิ่วออกไป หม่อมสรัสวดีหยุดตามหมดแรง ท้อถอยทั้งกายและใจ และเสียใจ ไร้ทางออก
“แล้วฉันจะทำยังไงดี…ใครก็ได้…ช่วยฉันที…ท่านพี่คะ”
หม่อมสรัสวดีนั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางวังกฤตยาอันโอ่อ่า แต่ไร้ความสุข ร้อนดังไฟ
ทิวยืนมองบ้านพักของหญิงมานศรี จนอิ่มใจ หันจะเดินกลับไปแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าหญิงมานศรียืนอยู่ข้างหลัง
“มาทำอะไร”
ทิวตกใจ
“เฮ้ย!”
“มานศรี ไม่ใช่เฮ้ย”
ทิวยิ้มกลบเกลื่อน
“มุกเยอะนะเรา”
“ถามว่ามาทำอะไร”
“มาดู”
“ดูอะไร”
“ดูไปเรื่อย”
“โรคจิต”
“ไม่เท่าเธอหรอก ไปนะ”
ทิวรีบเดินออกไป หญิงมานศรีทักขึ้น
“ลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”
ทิวชะงัก หันไปมองหญิงสาว
ลุงมิตรนอนหลับอยู่ ทิวและหญิงมานศรีเข้ามามอง
“ไม่น่าเชื่อเลย…ว่าจะเป็นลุงมิตรของนายจริงๆ”
“ใช่…นับว่าเทวดายังไม่ทอดทิ้งฉันเสียทีเดียวนัก อีกไม่นานเมื่อความจำลุงมิตรกลับคืนมาทั้งหมด วันนั้นจะเป็นวันที่ไอ้เทพพบจุดจบ”
“ฉันเอาใจช่วยนะ”
“ขอบใจ”
วิวัฒน์เข้ามา เห็นหญิงมานศรีก็ชะงัก หญิงมานศรีแปลกใจที่เห็นวิวัฒน์
“ผมให้วิวัฒน์ช่วยดูแลลุงมิตรอยู่ที่นี่…”
หญิงมานศรีกังวลใจ
“คุณไม่กลัวคุณเทพจะรู้เหรอ”
“มันฉลาดเกินกว่าจะคิดว่าผมโง่ เอาตัวลุงมิตรมาไว้ใกล้จมูกมันแบบนี้”
ลุงมิตรค่อยๆลืมตา เพ้อออกมา
“รูปพี่ทัด…รูปพี่ทัด…”
ทิวกับหญิงมานศรีและวิวัฒน์แปลกใจ รีบเข้าไปดูลุงมิตรอย่างใกล้ชิด
“ลุง…ลุงว่าอะไรนะ”
ลุงมิตรยังคงเพ้ออยู่
“พี่ทัด…รูปพี่ทัด”
ทิวสงสัย
“รูปพ่อผม รูปไหน”
“ข้างหลัง”
“หลังรูปพ่อของคุณ ในห้องทำงานของคุณเทพไง ที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังอาจจะมีความสำคัญกับลุงมิตร…ไม่ใช่เซฟของคุณเทพ”
ลุงมิตรปวดหัวอีก วิวัฒน์หันมาถามทิวอย่างกังวลใจ
“นาย จะเอาตัวลุงซ่อนไว้ รอให้ความจำค่อยๆฟื้นคืนมาทีละนิดๆแบบนี้เหรอครับ ดูลุงเจ็บปวดและทรมานมากเลยนะครับ”
หญิงมานศรีเห็นด้วยกับวิวัฒน์
“นั่นสิ…เชื่อใจหมอธีนะ พาลุงไปรักษาให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะ”
ทิวเครียด พยายามจะตัดสินใจ เอาไงดี
เช้าวันใหม่…หญิงมานศรีและพิไลพรเดินออกมาจากบ้าน จะไปทำงาน ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามาอย่างอิดโรย หญิงมานศรีและพิไลพรตกใจ
ชายคำรณฤทธีแยกมาคุยกับหญิงมานศรีที่มุมหนึ่ง
“พี่แค่…คิดถึงน้องหญิง เลยขับรถมาหา”
“คงไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ พี่ชายคะ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ บอกหญิงมาเถอะค่ะ”
“น้องหญิง…พี่เป็นพี่ชายที่แย่มากเลยใช่มั้ย”
“ไม่จริงเลย หญิงภูมิใจเสมอเวลาที่ได้แนะนำตัวกับใครว่า เป็นน้องสาวของหม่อมราชวงศ์คำรณฤทธี กฤตยา”
“เหรอ…อะไรในตัวพี่ที่ทำให้น้องหญิงภูมิใจ”
“พี่ ชายไม่เคยรีรอที่จะทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา แม้จะต้องเสียสละตัวเอง พี่ชายก็ยอม หญิงเห็นพี่ชายทุ่มเทกับงานมากจนลืมชีวิตตัวเองแบบนั้น…หญิงยิ่งรู้สึกว่า หญิงไม่ได้ทำอะไรเพื่อครอบครัวเลย”
ชายคำรณฤทธีมองน้องสาว ด้วยความสงสารและสะเทือนใจ
“น้องหญิงต่างหากที่เสียสละมากกว่าใครทั้งหมด…โดยที่น้องหญิงไม่รู้”
หญิงมานศรีแปลกใจ
“พี่ชายหมายความว่ายังไงคะ”
ชายคำรณฤทธีหลบตา
“ไม่ มีอะไรหรอกจ๊ะ…” ชายคำรณฤทธีมองหน้าน้องสาว “หญิง…ฟังพี่นะ พี่ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของเราคงไว้ซึ่งความเป็นกฤตยาที่แท้ จริง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตพี่ก็ตาม”
“พี่ชาย”
หยิงมานศรีแปลกใจ ไม่เข้าใจ ในสิ่งที่พี่ชายพูดเอาเสียเลย ชายคำรณฤทธีโอบน้องสาวเข้ามากอด
“โดย เฉพาะ…หงส์แสนสวยและน่าทนุถนอมของพี่คนนี้…น้องหญิงเกิดเป็นหงส์ ที่สูงส่งด้วยสายเลือดและศักดิ์ศรี พี่จะไม่ยอมให้ใครดึงน้องหญิงของพี่ลงต่ำเด็ดขาด”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย…หญิงรักพี่ชายที่สุดเลย”
สองคนพี่น้องกอดกันอย่างเข้าอกเข้าใจ หากแต่หญิงมานศรีไม่ค่อยสบายใจนัก
ลุงมิตรถูกแต่งตัวมิดชิด วิวัฒน์และเข้มพาลุงมิตรเดินมา ทิวขับรถกระบะเข้ามาจอด
“เร็วเข้า พาขึ้นรถ”
“ครับนาย”
ทั้ง หมดพาลุงมิตรขึ้นท้ายกระบะ ที่มีไก่ชน และสุ่มไก่วางอยู่ ลุงมิตรและวิวัฒน์เข้าไปหมอบในสุ่มไก่ เข้มเอากระสอบป่านสุมๆทับตัววิวัฒน์และลุงมิตรอย่างระแวดระวัง กลัวใครมาเห็น ทิวออกรถไป
ขณะเดียวกัน พิไลพรยืนรออยู่มุมหนึ่งของโรงพยาบาลอย่างกระวนกระวายใจ ธีรพลเดินเข้ามาหา
“มากันหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“โทรเช็กคุณทิวหรือยัง”
“ไม่รับสายเลยค่ะ”
“คงไม่สะดวก”
ธีรพล และพิไลพรเป็นกังวล
ทิวขับรถมาตามถนนเห็นล้วนและลูกน้องตั้งด่านอยู่ข้างหน้า ทิวเจ็บใจ
“มันมาตั้งด่านอะไรวันนี้วะ”
ล้วนเห็นรถกระบะของทิว โบกให้จอด เข้มหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามทำตัวเป็นปกติ ทิวจอดรถ ลงจากรถ ล้วนเข้าไปหาทิว
“จะไปไหน”
“ไปชนไก่”
ล้วนมองไปที่ท้ายกระบะ เห็นเข้มนั่งอยู่บนกระสอบป่าน และมีสุ่มไก่ชน
“ไก่กี่ตัว”
“เห็นกี่ตัวล่ะ”
ล้วน มองอย่างสังเกต เห็นบางอย่างขยุกขยิกอยู่ภายใต้กระสอบนั้น ลุงมิตรเริ่มดิ้น โดยมีวิวัฒน์ปิดปากเอาไว้ ล้วนหันมามองทิว ทิวสบตาล้วน แข็งกร้าว แต่ในใจ ลุ้นสุดๆ
“อะไรอยู่ข้างใต้กระสอบ”
ทิวอึ้ง เข้มตัวเกร็ง
ธีรพลและพิไลพรยังยืนรออยู่อย่างร้อนใจ
“พร…เตรียมรถพาคนไข้ไปกรุงเทพเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“ผมจะล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวไปไม่มันเวลานัดอาจารย์หมอ ฝากทางนี้ด้วย”
“ขอบคุณมากนะคะหมอธี”
“ไม่รู้ว่าผมตกกระไดพลอยโจนกับพวกคุณได้ยังไง”
“ไม่ใช่การตกกระไดพลอยโจนหรอกค่ะ เพราะหมอธีเชื่อมั่นในความดีต่างหาก”
“พูดซะเหมือนผมเป็นเทวดาเลย ไปนะ พร ระวังตัวนะ”
“ขอบคุณค่ะ ขับรถดีๆนะคะหมอธี”
“จ๊ะ”
ธีรพลรีบเดินออกไป พิไลพรมองตามด้วยสายตาลึกซึ้งบางอย่าง
ทิว เข้ม หายใจไม่ทั่วท้อง ล้วนสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย ค้นเด้ะ”
ทิวกับเข้ม ตกใจ…หาทางแก้ปัญหา แต่แล้ว ขวัญตาก็เดินเข้ามาอย่างร้อนรน แหวกลูกน้องทุกคน ไม่สนใจใครตรงไปหาทิว
“พี่ทิว อยู่นี่เอง…พาขวัญตาไปหาหมอทีสิ ขวัญตาไม่สบาย”
ทิวรีบฉวยโอกาส
“เหรอ…งั้นรีบไปเถอะ”
ล้วนโวยวาย
“เฮ้ย ค้นรถก่อน”
ขวัญตาหันขวับมาหาล้วน
“ไอ้ล้วน ไม่ได้ยินเหรอ ว่าฉันไม่สบาย ต้องรีบไปหาหมอ หรืออยากเห็นฉันชักอยู่ตรงนี้ โอ๊ย”
ขวัญตาเวียนหัว เซไปซบทิว
“ขวัญตา”
“หึ…” ล้วนคิดว่าเป็นมารยาขวัญตากระพือถ่านไฟเก่ากับทิว “งั้นก็เชิญครับ คุณขวัญตา”
“ไปเถอะ พี่ทิว…ขวัญตาคลื่นไส้อ่ะ”
ทิว รีบพาขวัญตาไปขึ้นรถ ส่วนตัวเองก็รีบกลับไปขึ้นฝั่งคนขับ เร่งเครื่องออกไปอย่างโล่งอก ขวัญตาลอบมองทิวอย่างสะใจ ที่เป็นไปตามแผน โดยมีล้วนและลูกน้องมองตาม
“มารยาสาไถได้เนียนจริงๆนะคุณขวัญตา”
ล้วนยกมือถือขึ้นมากดเบอร์โทร
“นายใหญ่ครับ…คุณขวัญตาไปกับไอ้ทิวแล้วครับ”
“ดี…ให้มันได้อยู่ใกล้กันเยอะๆ”
เทพเห็นกลิ่นท่าทางมีพิรุธ กำลังจะออกไปจากบ้าน เทพมองอย่างสนใจ
“ล้วน…จัดการพานังกลิ่นกลับบ้านเก่าหน่อย ฉันไม่อยากให้มันเอาเรื่องในบ้านไปพูดกับใคร”
กลิ่นเดินลับไป เทพวางสาย…ยิ้มอย่างอารมณ์ดี หันมา เจอชายคำรณฤทธียืนอยู่
“สวัสดีครับ คุณเทพ”
“อ้าว…คุณชาย…นี่กรุณาให้เกียรติมาหาผมถึงที่นี่เลยเหรอครับ”
“ผมไม่ได้ให้เกียรติคุณ แต่ผมมีเรื่องจะเจรจากับคุณ”
เทพไม่พอใจคำพูดของคำรณฤทธี
หญิงมานศรีกำลังเดินไปเดินมาที่มุมหนึ่งในโรงงาน เธอมองมือถืออย่างกังวลใจ
“เป็นยังไงบ้างนะ นายทิว…ทำไมไม่โทรมาสักที”
กลิ่น เดินมาทางข้างหลัง โดยที่หญิงมานศรีไม่เห็น ทันใดนั้น กลิ่นก็ถูกล้วนซึ่งโผล่มาจากข้างๆ เอามือปิดปากแล้วลากตัวหายออกไป หญิงมานศรีหันไปพอดี แต่ไม่เห็น เธอรอคอยข่าวจากทิวต่อไป
ล้วนลากกลิ่นมาเข้ามุม แล้วต่อยท้องจนกลิ่นจุก ก่อนจะเข้าค้นตัวกลิ่น เจอจดหมาย ล้วนเปิดออกดู
“จดหมายจากคุณพวงทิพย์ถึงไอ้ทิว…” ล้วนสั่งลูกน้อง “เฮ้ย…จัดการส่งมันกลับบ้านเก่าตามคำสั่งนายใหญ่
“ครับพี่”
ลูกน้องล้วนอุ้มกลิ่นที่กำลังชะตาขาดออกไป ล้วนยิ้มเหี้ยม
เทพหัวเราะด้วยความขำใส่ชายคำรณฤทธี
“ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ”
“ข้อเสนอของผมมันน่าขำนักเหรอครับ คุณเทพ”
“ใช่…โถๆๆๆ คุณชายเอ๋ย…คิดว่าเล่นขายหม้อข้าวหม้อแกงอยู่เหรอครับ”
ชายคำรณฤทธีอึ้ง
“ดอกเบี้ย และเงินต้นของผมจะเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อ ผมได้แต่งงานกับคุณหญิงเท่านั้น ไม่ใช่เพราะการหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งเป็นคำพูดขี้ไก่ๆจากปากผู้ดีตกยาก จะหามาจากไหน ในเมื่อตอนนี้ เหลือแต่ตัว”
“ผมจะหามาจากไหน ไม่สำคัญ…แต่คำพูดของผมเชื่อถือได้”
“แต่ขอโทษ…ผมทำข้อตกลงกับหม่อมสรัสวดี ไม่ใช่คุณชาย เพราะฉะนั้นกลับไปซบอกแม่เหมือนเดิมเถอะไป”
ชายคำรณฤทธีโกรธมาก
“คุณเทพ!”
เทพจ้องหน้า
“ทำไม!”
ชายคำรณฤทธีอึ้ง เมื่อเห็นแววตาและสีหน้าโรคจิตของเทพ
“ไปบอกหม่อมแม่นะว่า…เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว กรุณาทำตามข้อตกลงไม่งั้น ก็เตรียมขนเสื้อผ้าไปอยู่ข้างถนนได้เลย”
คำรณฤทธีมองเทพอย่างไม่พอใจ เครียด เทพหัวเราะอย่างสะใจ เย้ยหยันเดินออกไป
ทิวขับรถกระบะเข้ามาจอดในโรงพยาบาล ดับเครื่องแล้วลงมากับขวัญตา ทิวเดินมาหาเข้ม
“ฉันจะพาขวัญตาไปหาหมอ แกจัดการทุกอย่างรอฉันไว้ก่อนเลย”
ขวัญตาแปลกใจ
“จะไปไหนกันเหรอพี่ทิว”
“จะไปหาหมอ หรือจะยืนถามคำถาม”
“แหม ถามนิดถามหน่อยแค่นี้เอง”
ขวัญตาคลื่นไส้อีก
“ไปๆ รีบไปหาหมอ”
ทิวพาขวัญตาเดินออกไปอย่างเร็ว เข้มรอจนทิวและขวัญตาลับไปก็เปิดกระสอบ
“ไอ้วัฒน์!”
วิวัฒน์กับลุงมิตรรีบโผล่หัวขึ้นมา สูดอากาศ วิวัฒน์ถามทันที
“คุณขวัญตาเป็นอะไรพี่”
“ยังไม่เลิกอีก พาลุงไปหาคุณพิไลพร เร็ว”
วิวัฒน์ช่วยเข้มดูลุงมิตร เข้มเอาไก่เข้าสุ่ม คลุมผ้า แล้วรีบพยุงลุงมิตรลงจากกระบะ
ทิวยืนรออยู่ ขวัญตาเดินใจลอยออกมา ในมือถือถุงยามาด้วย เธอเดินมาหาเขา
“หมอบอกว่าเป็นอะไร”
“พี่ทิว…ขวัญตาท้อง”
“อะไรนะ”
“ขวัญตากำลังจะมีลูกกับคุณเทพ…”
ใจหนึ่งของทิวก็ดีใจกับขวัญตา แต่อีกใจกลับหวาดหวั่นบอกไม่ถูก
วิวัฒน์แอบฟังอยู่จากมุมหนึ่งใกล้ๆ ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น