วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละครเกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 16 (ต่อ)

ขวัญตาช่วยเหลือพวงทองออกมาจากห้องที่ถูกคุมขัง พวงทองถามอย่างไม่เข้าใจ
      
       “ที่เธอช่วยฉัน เธอต้องการอะไร”
       “เป็นการตอบแทนความดีของพี่ทิว”
       พวงทองแปลกใจ
       “ทิว...”
       “พี่ทิวดีกับขวัญตามาก...ถึงแม้ขวัญตาจะสร้างปัญหาให้ทิวต้องเสียใจ และเดือดร้อน แต่พี่ทิวยังปกป้องและดูแลขวัญตา ในชีวิตนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนจะดีเท่ากับพี่ทิวอีกแล้ว พี่พวงเป็นพี่สาวที่พี่ทิวรักมาก ขวัญตาอยากตอบแทนบุญคุณพี่ทิวบ้าง”
       พวงทองแววตาเจ็บปวด
       “เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่ผ่านมาเธอก็เห็นว่าทิว เขาเกลียดชังฉันมากแค่ไหน”
       “เชื่อขวัญตาเถอะ ผู้ชายอย่างพี่ทิวไม่สามารถเกลียดชังพี่น้องหรือคนที่เขารักได้ ขวัญตารู้จักผู้ชายคนนี้ดี”
       พวงทองแปลกใจ แต่ก็แอบดีใจเมื่อรู้ว่าทิวรักเธอ...
       “ชาตินี้ขวัญตาคงไม่ได้ครอบครองตัวพี่ทิว แต่พี่ทิวคือผู้ชายที่ขวัญตาขอเทิดทูนไว้ในใจชั่วชีวิต”
       “ขอบใจเธอมากนะ ฉันดีใจที่เธอคิดได้ และเธอคงอโหสิกรรมให้กับคนที่เคยทำร้ายเธอ”
       “ไม่ค่ะ ใครดีมาขวัญตาดีตอบ แต่ใครร้ายมา ขวัญตาเอาคืนเป็นร้อยเท่า”
       ขวัญตายังคงมีความอาฆาตแค้น เดินออกไป พวงทองกังวลใจกลัวขวัญตาจะเอาคืนผ่องทิพย์
       “ผ่องทิพย์!”
       พวงทองรีบออกตามหาผ่องทิพย์ทันที...
      
       พวงทองตามหาผ่องทิพย์ในคฤหาสน์
       “ผ่อง...ผ่องอยู่ไหน”
       บุญปลูกเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ เห็นพวงทองตามหาผ่องทิพย์ก็ลังเล
       “เอาไงดีวะ บอกก็บอก...แต่เอ๊ะ ว้าย”
       บุญปลูกวิ่งเข้าไปหาพวงทอง
       “คุณพวงทอง ออกมาจากห้องได้ยังไงคะ”
       “ได้ยังไงก็ช่างเถอะ เห็นผ่องมั้ย ผ่องอยู่ไหน”
       “ท่าทางแปลกๆ หายไปทางหลังบ้านค่ะ จะไปตามฆ่าคุณขวัญตาค่ะ แต่อาจจะโดนฆ่าข่มขืนซะก่อนไม่ว่า แต่งตัวซะโป๊เชียว”
       บุญปลูกจะเล่าต่อ แต่พวงทองวิ่งออกไปแล้ว
       “อ้าว...ไปแล้วก็ไม่บอก”
      
       ผ่องทิพย์วิ่งร้อนรุ่มเข้ามาหน้ากระท่อมกลางป่า ปะทะเข้ากับร่างของอาจารย์เมฆ
       “แก!”
       “ใช่ ข้าเอง”
       ผ่องทิพย์รู้สึกถึงไฟสวาทที่กระพืออยู่ในร่างกาย...อาจารย์เมฆยิ้มกรุ้มกริ่ม
       “ไง...คิดถึงข้าจนทนไมไหวแล้วใช่มั้ย”
       “ไม่!”
       ผ่องทิพย์พยายามปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง จะวิ่งหนี อาจารย์เมฆรั้งตัวไว้
       “จะไปไหน...อยากก็บอกว่าอยากสิ ข้าจะสนองตอบให้”
       “ไม่...ปล่อยฉันนะ”
       “บอกให้ปล่อย แต่ทำไมจิกตัวข้าไว้แบบนี้ล่ะ หือ”
       ผ่องทิพย์พยายามฝืน
       “ไม่ ปล่อย...ปล่อย!”
       แต่ผ่องทิพย์ก็ต้านทานแรงยาไว้ไม่ไหว เกาะ จิกเนื้ออาจารย์เมฆแน่น ในที่สุด ก็เข้าคลุกวงในกับเขาอย่างเมามัน
      
       หญิงมานศรีนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอน ก่อนจะลุกเดินมาหยุดมองรูปของอมรเทพ
       “ถ้าเป็นท่านพ่อ ท่านพ่อจะทำยังไงคะ ในขณะที่มีคนต้องเดือดร้อนเพราะเรามากมายเหลือเกิน ท่านพ่อจะยังปล่อยให้คนดีๆหลายคนต้องมารับทุกข์แทนเรามั้ยคะ”
       หญิงมานศรีคิดถึงพ่อมาก เธอนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต...วันนั้นอมรเทพหน้าเคร่งเครียด นั่งทำงานอยู่ หญิงมานศรีเดินหน้าง้ำเข้ามาหา
       “ท่านพ่อคะ”
       “ลูกหญิง ว่าไงจ๊ะ”
       “ท่านพ่อผิดสัญญา”
       อมรเทพงงๆ
       “สัญญา”
       “วันนี้วันหยุด เป็นวันครอบครัว ท่านพ่อต้องไปเที่ยวกับหญิง กับพี่ชายค่ะ”
       “แต่พ่อติด...”
       “งานเหรอคะ ท่านพ่อทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้วนะคะ”
       อมรเทพชะงักไป
       “ท่านพ่อผิดสัญญามาหลายครั้งแล้วนะคะ ครั้งนี้หญิงขอได้มั้ย”
       อมรเทพยิ้ม วางงานลง ตึงเครียดแต่ฝืนยิ้มให้ลูกสาว
       “พ่อขอโทษ...หญิงกับพี่ชายอยากจะไปไหนกันล่ะ”
       หญิงมานศรียิ้มดีใจ
       “แค่ไปรับประทานอาหารที่ร้านโปรดของท่านพ่อเท่านั้นเองล่ะค่ะ โอเคมั้ย”
       “โอเค...พ่อจะไม่โอเคกับคนที่พ่อรักและรอคอยคำสัญญาจากพ่อได้ยังไง”
       อมรเทพประคองหญิงมานศรีออกไปด้วยความรัก แต่ยังมีสีหน้ากังวลเรื่องงานอยู่
      
       หญิงมานศรีน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงอดีต
       “ทั้งๆที่รู้ว่าท่านพ่อต้องรับผิดชอบเรื่องงานมากแค่ไหน งานนั้นสำคัญกับท่านพ่อมาก แต่ท่านพ่อก็ยอมที่จะละทิ้ง...เพื่อไม่ให้หญิงกับพี่ชายต้องรอเก้ออีก ท่านพ่อไม่อยากทำให้คนที่ท่านพ่อรักต้องเสียใจ”
       หญิงมานศรีเหมือนจะรู้คำตอบของคำถาม วางรูปพ่อลงปาดน้ำตาแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ
      
       หม่อมสรัสวดีนั่งตัวอ่อนปวกเปียก หลังจากฟื้นจากอาการเป็นลม ชายคำรณฤทธีเข้ามา บีบมือของแม่
       “หม่อมแม่ เป็นยังไงบ้างครับ”
       “ชาย แม่ขอโทษ...ถ้าแลกชีวิตแม่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้ แม่จะทำ”
       หม่อมสรัสวดีลุกขึ้น แต่โงนเงน นั่งลง ทุกคนเป็นห่วง
       “หม่อมแม่จะไปไหน หม่อมแม่พักก่อนนะครับ”
       หม่อมสรัสวดียังดื้อดึง จะลุกให้ได้ หญิงมานศรีเดินเข้ามา
       “หม่อมแม่คะ”
       “ลูกหญิง...”
       หญิงมานศรีเดินเข้ามานั่งจับมือแม่
       “หญิงตัดสินใจแล้วค่ะ”
       ชายคำรณฤทธีตกใจ
       “น้องหญิง...อย่านะ”
       “หญิงจะแต่งงานกับคุณเทพ...ด้วยความเต็มใจค่ะ”
       ทิวกับธีรพล และเข้มเข้ามาพอดี ได้ยินประโยคนั้น โดยที่หญิงมานศรีไม่เห็น หม่อมสรัสวดีอึ้งไป
       “ลูกหญิง”
       “หญิงจะแต่งงานกับคุณเทพ ไม่มีใครจำเป็นต้องหาเงินมาช่วยเราอีก”
       ทิวเข้าใจผิด โกรธทันที
       “เสียแรงที่ฉันพยายามจะช่วยเธอ”
       หญิงมานศรีตกใจ หันไปเห็นทิว
       “นายทิว...”
       “เธอมัน...มัน...ฉันไม่รู้จะมอบตำแหน่งอะไรให้เธอดี นอกจากคำว่า...ผู้หญิงลวงโลก กลับกลอก ปลิ้นปล้อน เธอมันจิตใจตกต่ำ ดำซะยิ่งกว่าอีกา”
       ทิวหันเดินออกไป หญิงมานศรีและทุกคนตกใจ ตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงมานศรีอ่อนแรงเกินกว่าจะวิ่งตามไปอธิบาย ร้องไห้ตัวโยน ทุกคนต่างมองหญิงมานศรีอย่างเห็นใจ
      
       ผ่องทิพย์ รู้สึกตัว...ลืมตาขึ้นมาแล้วลุกพรวดหันมองเห็นอาจารย์เมฆนอนหลับอยู่ด้าน ข้าง เธอรู้สึกรังเกียจขยะแขยง และเจ็บช้ำใจที่ถูกข่มขืน...ผ่องทิพย์จะลุกขึ้นไปจากเตียง แต่แล้วอาจารย์เมฆรั้งมือไว้
       “จะรีบไปไหนล่ะ มาสนุกด้วยกันต่อน่า”
       ผ่องทิพย์พยายามสะบัด
       “ปล่อยฉันนะ ไอ้สารเลว ฉันขยะแขยงแก”
       “ไม่เอาน่า...เธอรู้มั้ย เธอทำให้ฉันมีความสุขโดยไม่ต้องขึ้นสวรรค์ มาม้ะ...นางฟ้าชาวดินของฉัน”
       อาจารย์เมฆเข้ามาดึงร่างผ่องทิพย์ เพื่อจะข่มขืนอีกครั้ง ผ่องทิพย์พยายามผลักหนี ถีบอาจารย์เมฆ แล้วจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่อาจารย์เมฆมาดึงตัวไว้
       “ลืมไปว่าเธอชอบความรุนแรง”
       อาจารย์เมฆตบหน้า แล้วผลักผ่องทิพย์ ลงไปนอนที่เตียง ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงตามไป ผ่องทิพย์หลบลงไปข้างเตียง ชนกับโต๊ะข้างเตียงเธอพบว่ามีมีดหมอเล่มเล็กวางอยู่ เธอรีบจับมีดซ่อนไว้ อาจารย์เมฆโผตามมา
       “ไม่เอาน่า เมื่อกี้เธอยังสรรเสริญเยินยอลีลาของฉันเลย...ฉันจะจัดหนักให้อีก ไง ไม่เอาหรือไง”
       ผ่องทิพย์ซ่อนมีดไว้ด้านหลัง ค่อยๆเดินเข้ามาหาอาจารย์เมฆ
       “อยากขึ้นสวรรค์...คนอย่างแกต้องลงนรก”
       ผ่องทิพย์เดินเข้ามาจะแทงมีดใส่ แต่อาจารย์เมฆรู้ทันจับข้อมือของเธอไว้
       “ฉันไม่ชอบคนเล่นอาวุธ”
       อาจารย์เมฆดึงมีดคืนมา แล้วโยนทิ้งไปที่มุมหนึ่งของห้อง
       “การต่อสู้บนเตียงที่มันที่สุด มันต้องตัวต่อตัว มือต่อมือ”
       อาจารย์เมฆตบหน้าผ่องทิพย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอบอบช้ำหมดแรงสู้...อาจารย์เมฆจึงลงมือเข้าไซร์ซอกคอ แต่แล้ว...ใครคนหนึ่งเอาไม้มาฟาดใส่หลัง อาจารย์เมฆร้องอย่างเจ็บปวด ผ่องทิพย์ลืมตามอง ระคนดีใจ
       “พี่พวง!”
       พวงทองรีบเข้าไปดึงร่างผ่องทิพย์เพื่อจะพาหนีไป
       “รีบไปจากที่นี่”
       พวงทองเข้าไปประคองร่างผ่องทิพย์จะพาออกไป อาจารย์เมฆคว้าตัวพวงทองไว้ได้แล้วดึงมาตบ
       “อยากสนุกด้วยกัน บอกดีๆก็ได้”
       อาจารย์เมฆดึงร่างพวงทองมาตบ แล้วผลักลงไปนอนที่เตียง ผ่องทิพย์ดีใจ เห็นประตูเปิดออก พยายามประคองร่างกายที่บอบช้ำ จะหนีออกไป ผ่องทิพย์เห็นอาจารย์เมฆกำลังจะข่มขืนพวงทอง เธอตัดสินใจ ออกไปจากห้อง อาจารย์เมฆกำลังหน้ามืดตามัว สนใจแต่พวงทอง
       “ของใหม่ สด น่ากิน”
       พวงทองร้องลั่น
       “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
       “ร้องดังๆอีก เสียงของเธอมันทำให้ฉันมีกำลังวังชาขึ้นเป็นกอง...ร้อง...ร้องดังอีก”
       อาจารย์เมฆบังคับให้พวงทองร้อง แต่แล้วเขาก็ร้องเสียงหลง
       “อ๊าคคค!”
       อาจารย์เมฆหันมา เห็นผ่องทิพย์ถือมีดไว้ในมือ ผ่องทิพย์แทงซ้ำไม่ยั้งมือ ด้วยอาการขาดสติ พวงทองเข้ามาดึงมือน้องสาวให้หยุด
       “ผ่อง...หยุดได้แล้ว”
       “ฉันจะฆ่ามัน...ฉันจะฆ่ามัน”
       “มันตายแล้ว...มันตายแล้วผ่อง”
       ผ่องทิพย์ได้สติ หันไปมองอีกครั้ง ร่างอาจารย์เมฆนอนแน่นิ่ง จมกองเลือด
       “มันตายแล้ว” ผ่องทิพย์ปล่อยมีดหลุดจามือ “พี่พวง ฉันฆ่าคนตาย ช่วยด้วย ช่วยผ่องด้วย”
       พวงทองกอดปลอบใจน้องสาว
       “ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่ พี่ช่วยผ่องเอง”
       พวงทองกอดปลอบประโลมในภาวะที่ผ่องทิพย์เหมือนคนสิ้นสติ...พวงทองมองร่างของอาจารย์เมฆ คิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้
      
       ทิวเดินมาตามถนนเพียงลำพัง น้ำตาซึมด้วยความเจ็บปวด
       “ฉันมันโง่เอง ที่หลงเชื่อเธอสนิทใจ” ชายหนุ่มตะโกนลั่น “ฉันมันโง่เอง”
      
       น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมา
  เช้าตรู่ พระอาทิตย์สาดแสงไปทั่วบริเวณป่าแห่งนั้น ในอีกมุมหนึ่งในป่าลับตาผู้คน พวงทองตักดินขึ้นมาปิดบังหลุมศพจนเสร็จแล้วจึงหยุด ผ่องทิพย์เข้ามาแย่งจอบมาตักดิน ฝังกลบอีก
      
       “ตักดินกลบอีก เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
       “พี่ฝังมิดแล้ว ไม่มีใครเห็นหรอก”
       พวงทองเข้ามายื้อแย่งจอบ ปลอบผ่องทิพย์ที่ตื่นกลัว
       “ฉันจะถูกตำรวจจับมั้ย ไม่นะ ฉันกลัว...ฉันไม่อยากติดคุก”
       “พี่จะไม่บอกตำรวจ”
       “ไม่จริง...พี่พวงโกหก พี่พวงต้องการกำจัดฉันเหมือนที่ฉันคิดกำจัดพี่พวง พี่พวงต้องบอกตำรวจว่าฉันเป็นฆาตกร”
       “ผ่องเป็นน้องพี่ พี่ไม่มีวันทำร้ายน้องของพี่ได้ พี่จะปกป้องผ่อง...”
       ผ่องทิพย์ได้ฟังก็ซึ้งน้ำใจพวงทอง
       “ฉันคิดฆ่าพี่ แต่พี่ยังให้อภัยฉัน ทำไม...ทำไมต้องดีกับฉัน”
       “พี่เคยสัญญาต่อหน้าศพคุณพ่อคุณแม่ ว่าพี่จะดูแลน้องๆให้ดีที่สุดและที่สำคัญ...พี่รู้ว่าความเลวร้ายที่ผ่องทำ ไป เพราะผ่องขาดสติ จิตใจน้องพี่ยังมีสำนึกแห่งความดี ไม่เช่นนั้นผ่องคงฆ่าพี่ไปนานแล้ว”
       ผ่องทิพย์ซึ้งใจ โผเข้ากอดพวงทอง
       “พี่ผ่อง อย่าทิ้งฉันนะ” ผ่องทิพย์กอดพี่สาวร้องไห้กังวลใจ
       “แล้ว...คุณเทพ...คุณเทพเขาจะทิ้งฉันไหม ถ้ารู้ว่าฉันถูกไอ้เดรัจฉานย่ำยี ผ่องไม่อยากเสียคุณเทพไป”
       “จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มันจะเป็นความลับที่ถูกฝังไว้กับศพในหลุมนี้ตลอดไป”
       พวงทองกอดประโลมปลอบใจน้องสาว
      
       ทิวนั่งซึมคิดถึงหญิงมานศรี ภาพแห่งความสุข การร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันผ่านเข้ามาในความคิด ทิวยิ่งเสียใจ ธีรพลกับเข้มเข้ามายืนดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง
       “เนี่ยเหรอ บอกว่าไม่ได้รัก”
       เข้มถอนใจ
       “อกหักอีกแล้วนายเรา”
       “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร เคยได้ยินมั้ยนายเข้ม”
       “แล้วเกี่ยวอะไรกับนายผมล่ะครับ”
       “เรายังไม่รู้เลยว่าตกลงเรื่องราว และเหตุผลทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่”
       “แต่ที่รู้ๆ อาการของนายผม ที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า...เรียกว่า หัวใจ สลายครับ”
       ธีรพลและเข้มมองทิว ต่างถอนใจ สงสารและเห็นใจ...ทิวนั่งซึม เสียใจ เหม่อลอย
       ทางด้าน หญิงมานศรีนั่งเหม่อลอยอยู่มุมหนึ่งของวังกฤตยา เธอคิดถึงทิวและชะตากรรมของตัวเองอย่างเสียใจ ชายคำรณฤทธียืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสารน้องสาวจับ
      
       พวงทองเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เปิดออกอ่านไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องชะงัก อ่านที่คอลัมน์หนึ่งที่มี ภาพข่าวเทพถ่ายรูปคู่กับหญิงมานศรี มีข้อความเล็กๆอยู่ใต้ภาพข่าว
       “คุณเทพจะเข้าพิธีแต่งงาน กับคุณหญิงมานศรีที่วังกฤตยา”
       พวงทองนิ่ง...ค่อยๆพับหนังสือพิมพ์เก็บ วางลงที่เดิมอย่างเรียบร้อย แล้วเดินออกไป
      
       บุญปลูกเข้าห้องมา เอาอาหารมาวางไว้ให้ผ่องทิพย์
       “ทานสิคะ”
       ผ่องทิพย์มองบุญปลูก
       “ไม่ต้องมองอย่างนั้นค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพวง บุญปลูกไม่มีวันมาบริการหรอกค่ะ เพราะเราขาดต่อกัน”
       ผ่องทิพย์เสียงอ่อย
       “บุญปลูก...”
       “นั่น...สำนึก...สายไปแล้วค่ะ ถึงนังบุญปลูกจะเป็นขี้ข้า ก็ขอเป็นขี้ข้า เลือกนาย รับใช้คนดีเป็นศรีแก่ตระกูลค่ะ”
       ผ่องทิพย์ฉุนกึกตะคอกลั่น
       “นังบุญปลูก!”
       บุญปลูกสะดุ้ง
       “ว้าย!”
       “เอาอาหารออกไป ฉันไม่กิน”
       บุญปลูกอึ้ง
       “ไม่สำนึก คนเราชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน แต่คนอย่างคุณ มันชั่วสิบสี่ทีไม่มีดีสักหน”
       ผ่องทิพย์โกรธหยิบหมอนขว้างใส่ บุญปลูกรีบยกอาหารออกไป สวนกับพวงทองที่เข้ามาในห้อง
       “ไม่เอาน่าผ่อง เลิกใช้อารมณ์ได้แล้ว”
       “พี่พวง พี่อย่าทิ้งผ่องไปนะ ไม่มีใครรักผ่องแล้ว ผ่องไม่มีใคร”
       “ผ่องนอนพักก่อนนะ พี่ต้องออกไปธุระ”
       “พี่พวงไปไหน ผ่องไปด้วย”
       “พี่แค่ไปสั่งงานที่โรงงาน เดี๋ยวพี่มา ผ่องเพลียมาก พักก่อนนะ”
       พวงทองปลอบประโลม แล้วห่มผ้าให้น้องสาว พวงทองเห็นผ่องนอน ก็คลายความกังวลใจ เดินออกไป
      
       ธีรพลเดินเข้ามาหาทิวที่มุมหนึ่งของบ้านพัก
       “รู้มั้ยทำไมว่าหญิงมานศรี ถึงพูดออกไปอย่างนั้น”
       “ไม่รู้ ไม่สนใจ”
       ทิวเดินหนีไปเปิดทีวี ธีรพลตาม
       “ฟังผมสักนิดไม่ได้เหรอคุณทิว”
       ทิวเร่งทีวีเสียงดัง ธีรพลเหนื่อยหน่าย
       “ผมพูดคุณอาจไม่เชื่อ คงต้องให้คนอื่นพูดแล้วล่ะ”
       ทิวหงุดหงิด
       “น่าเบื่อ เฮ้ย...ไอ้เข้ม”
       เข้มวิ่งเข้ามา
       “ครับนาย”
       “ส่งแขกเด้ะ รำคาญ”
       ทันใดนั้นชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา
       “เมื่อผมพูดจบ ผมก็จะไปเอง ไม่ต้องส่ง”
       ทิวแปลกใจที่เห็นชายคำรณ
       “หมอ...พาเค้ามาที่นี่ทำไม”
       “มาพูดให้คนดื้อรั้นอย่างคุณฟังไง ชายคำรณเป็นพี่ชายที่รู้จักน้องสาวดีกว่าใคร ถ้าคุณยังไม่เชื่ออีก ก็ถือว่าโง่”
       เข้มอึ้ง
       “โห...แรงครับคุณชายคุณหมอ”
       ชายคำรณฤทธีจ้องหน้าทิว
       “จะฟังไม่ฟัง”
       “ทำไมผมต้องฟัง”
       “หรือคุณไม่รักน้องสาวผม”
       ทิวหยิบรีโมททีวีขึ้นมาอีก กดเปลี่ยนช่อง ชายคำรณฤทธีรำคาญ เข้ามาแย่งรีโมท พูดเสียงเข้ม
       “คุณไม่ฟัง ผมต่อย”
       ทิวอึ้ง เข้มหน้าตื่น
       “โห...แรงครับ คุณชายพี่ชายคุณหญิง”
       ทิวอารมณ์เสีย นั่งนิ่ง ทั้งชายคำรณฤทธีและธีรพลมองหน้ากัน ธีรพลพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ชายคำรณฤทธีพูด
      
       ผ่องทิพย์นอนหลับ ค่อยๆลืมตาตื่น รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา
       “ฉันบอกแล้วไง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน...นังบุญปลูก”
       ผ่องทิพย์ลุกขึ้นมาโวย แต่ต้องอึ้งไป เพราะเป็นขวัญตาที่เข้ามา
       “นังขวัญตา!”
       “ตื่นแล้วเหรอ เมื่อคืนคงจะเพลียมากสิ ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนล่ะ ชั้นสี่ ชั้นห้า ชั้นหก รึตกนรก”
       ผ่องทิพย์ตกใจ
       “แก...”
       “แกเคยใช้คุณไสยเล่นงานฉัน ให้ฉันท้องไม่มีพ่อ นังมารอย่างแกก็ต้องเจอวิชามาร หนามยอกต้องเจอหนามบ่ง”
       ผ่องทิพย์เข้ามาจะตบ ขวัญตาจับมือไว้ได้ แล้วตบกลับ
       “เรี่ยวแรงหายไปไหนล่ะ คงจะหมดไปตั้งแต่เมื่อคืน...งั้นฉันช่วยออกแรงให้”
       ขวัญตาเข้ามาตบตี ผ่องทิพย์ทำได้แค่ปัดป้อง ขวัญตาระเบิดความแค้น
       “เล่นกับฉันมันต้องเจอแบบนี้...ตาต่อตาฟันต่อฟัน แกทำลายชีวิตฉัน ฉันก็จะทำลายชีวิตแก”
       ขวัญตาผลักผ่องทิพย์กองลงกับพื้น
       “ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ฉันจะให้ความชั่วของแกฆ่าตัวแกเอง”
       ขวัญตาเดินออกไปจากห้อง ผ่องทิพย์ตะโกนถาม
       “แกจะทำอะไร”
       ขวัญตาหันมายิ้มเย้ย
       “ฉันแค่จะบอกให้ทุกคนรู้ แล้วเรื่องก็จะเข้าหูคุณเทพว่าแกมีผัวเป็นหมอผี อยากรู้นักจริงเชียว ว่าคุณเทพจะทำยังไงกับแก ไล่แกออกจากบ้าน รึฆ่าแกซะ”
       ขวัญตาหัวเราะเย้ย แล้วเดินออกไปจากห้อง ผ่องทิพย์พ่ายแพ้ต่อขวัญตาและกลัวเทพรู้เรื่องนี้ เธอคิดหาทางแก้ปัญหา
      
       ขวัญตาเดินมาบริเวณบันได ตะโกนร้องลั่น
       “เจ้าข้าเอ๊ย นังผ่องทิพย์คนสวย มีผัวเป็นหมอผี ใครอยากได้ยาเสน่ห์ น้ำมันพราย มาขอได้ที่ผัวนังผ่องทิพย์จ้า”
       ขวัญตาป่าวประกาศร้องเสียงดัง แต่แล้วเธอก็ถูกจิกหัว...
       “นังผ่อง!”
       ผ่องทิพย์จิกหัวขวัญตาพร้อมกับตะคอกขู่
       “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ห้ามแกบอกเรื่องนี้กับใคร”
       “ฉันจะบอก บอกให้ทุกคนรู้ว่าแกเยินจนไม่เหลือชิ้นดี”
       “ฉันบอกให้หยุด”
       “ช่วยด้วย เมียหมอผีมันจะฆ่าฉัน”
       ผ่องทิพย์ตกใจ
       “แก...”
       ผ่องทิพย์โกรธจัดตบหน้าขวัญตาอย่างแรงจนเซไปที่บันได ผ่องทิพย์ถีบซ้ำจนขวัญตาตกบันไดกลิ้งล้มลงไป...ผ่องทิพย์ตกใจ....ขวัญตา กลิ้งตกลงมานอนกองกับพื้นจมกองเลือดที่ไหลออกมาตาเบิกโพลง...บุญปลูกวิ่ง เข้ามาดูด้วยความตกใจ
       “ตายแล้ว คุณขวัญตา!”
       ผ่องทิพย์ยืนมองตัวสั่นตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องบานปลายอย่างนี้
      
       ทิวนั่งฟังเรื่องราวจากชายครณฤทธี ก็นิ่งอึ้งไป
       “ผมพูดไปหมดแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็...เรื่องของคุณ ความสุขของคนที่น้องหญิงรัก มาก่อนหัวใจตัวเองเสมอ”
       ธีรพลแววตาชื่นชมหญิงมานศรี
       “ผมไม่เคยรู้จักใครที่มีหัวใจสูงส่ง และสง่างามสมกับที่เกิดเป็นหงส์ได้เท่าหญิงมานศรี”
       เข้มมองหน้าทิว
       “ถ้านายไม่เชื่อ...เข้มว่านายโง่เหมือนที่คุณชายคุณหมอว่าจริงๆนะครับ”
       ทิวฉุนกกึก
       “ไอ้เข้ม!”
       เข้มวิ่งหนีออกไปทันที ชายคำรณฤทธีถอนใจ
       “ผมขอตัว อ้อ...พรุ่งนี้แล้วนะที่น้องหญิงจะต้องแต่งงาน”
       ธีรพลหันไปหาทิว
       “จะทำอะไรก็ทำซะ”
      
       ชายคำรณฤทธีและธีรพลพากันออกไป ทิ้งทิวไว้เพียงลำพัง ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก สับสน รักก็รัก เชื่อแต่ก็มีฟอร์ม

ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น