วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ขุนเดช ตอนที่ 18-19 วันที่ 11 มิ.ย. 55


อ่านละคร ขุนเดช ตอนที่ 18

จ่าแท่นกับคำปันออกตามหาบัวทอง ไปเจอดาราเข้าพอดี ดาราเสนอว่าเราน่าจะแยกกันออกตามหา จ่าจึงให้คำปันไปกับดารา ส่วนจ่าเองแยกไปอีกทาง

คำปันกับดาราไปเจอบัวทองกำลังตามหาวีรบุรุษบาป ทั้งสองหว่านล้อมให้บัวทองรีบออกจากที่นี่เสีย
บัวทองไม่ยอมไปไหน ตนจะไม่ยอมให้วีรบุรุษบาปถูกจับเด็ดขาด ทำให้คำปันทั้งดุและตัดพ้ออย่างน้อยใจว่า บัวทองไม่เชื่อฟังแม่แล้วใช่ไหม

“ไม่นะจ๊ะแม่ ฉันแค่อยากช่วยเขา ไม่อยากให้เขาต้องมีจุดจบอย่างลุงเดื่อง แล้วถ้าลุงเดื่องทำแบบนี้เหมือนวีรบุรุษบาป แม่ก็คงทำเหมือนกับฉัน...ใช่ไหมจ๊ะ”

คำปันสะเทือนใจเมื่อลูกพูดถึงนายเดื่อง ดาราเสนอให้กลับไปคุยกันที่บ้าน บัวทองไม่ยอมกลับหันหลังเดินเข้าป่าไป คำปันวิ่งตาม สะดุดล้มข้อเท้าเจ็บ จึงร้องบอกดาราว่าไม่ต้องห่วงตน ให้ไปพาบัวทองกลับมาให้ได้

คำปันเดินกะเผลกตามไป แต่เดินไม่ไหว นึกขึ้นได้ว่ามีพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำห้อยคออยู่ รีบกำขึ้นอธิษฐาน

“พี่เดื่องจ๊ะ...ถ้าวิญญาณของพี่เดื่องยังอยู่ใกล้ๆ ฉันขอให้พี่ปกป้องลูกหลานของเราให้ปลอดภัยด้วยเถอะ”

คำปันพยายามเดินต่อ แล้วเธอก็เจอรอยเลือดหยดเป็นทางที่พื้น คำปันตามไปด้วยความสงสัย เจอวีรบุรุษบาปกำลังห้ามเลือดให้ตัวเองอยู่ คำปันตกใจจะร้อง เขารีบเข้าไปปิดปากไว้ บอกว่าตอนนี้ยงยุทธกำลังตามล่าตน บอกคำปันว่า

“ช่วยผม แล้วผมจะไม่ทำร้ายคุณ” คำปันบอกให้เขามอบตัวเสีย วีรบุรุษบาปพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ยัง...ผมยังมอบตัวไม่ได้ จนกว่าผมจะทำลายแผนการชั่วของพวกใจบาปได้”

คำปันขอร้องว่าบาปกรรมที่เขาทำมันจะทำให้เขาไม่ได้ตายดี และจะพาบัวทองตกนรกไปกับเขาด้วย

วีรบุรุษบาปบอกว่าตนสั่งให้บัวทองไปจากที่นี่แล้ว คำปันจึงบอกว่าบัวทองไม่เชื่อ ขอให้เขามอบตัวเพื่อบัวทองจะได้ตาสว่างเสียที

“ผมเห็นใจและเข้าใจดี แต่ผมทำให้ไม่ได้...จนกว่า...”

“จนกว่าคนบาปจะถูกจัดการหมด” คำปันสวนไปทันที แล้วรำพันอย่างเจ็บปวดว่า “ฉันฟังคำพูดนี้มาตลอดชีวิตแล้ว ฉันไม่อยากฟังอีกแล้ว คนที่ฉันรักก็ต้องมาตายเพราะคิดเหมือนเธอ แล้วฉันจะต้องมานั่งทนดูลูกสาวฉันเป็นแบบเดียวกับฉันเหรอ”

แม้วีรบุรุษบาปจะรู้สึกเศร้าไปกับคำปัน แต่เขาก็ยังยืนยันว่า “ผมยอมมอบตัวตอนนี้ให้คุณไม่ได้ แต่ผมรับปากคุณว่า บัวทองจะไม่ได้เจอหน้าผมอีก” วีรบุรุษบาปตัดสินใจยื่นดาบดำไปที่คำปัน คำปันตกใจแต่ฮึดท้าว่า

“มอบตัวเสียเถอะ...เพื่อเห็นแก่บัวทอง...ถ้าเธอคิดจะฆ่าฉันก็ลงมือเลย ลูกสาวฉันจะได้ตาสว่างเสียที ได้เลิกหลงรักคนที่ฆ่าแม่ตัวเอง...”

วีรบุรุษบาปตัดสินใจเปิดเผยตัวเองว่าเป็นขุนเดช คำปันแทบช็อกปฏิเสธไม่เชื่อเด็ดขาด ขุนเดชพูดอย่างเยือกเย็นว่า

“นี่คือความจริงครับน้า...ขุนเดชกับวีรบุรุษบาปคือคนเดียวกัน...ผมคือทหาร ของพระร่วง ผู้สาบานตนว่าจะปกป้องรากเหง้าของบรรพชนและตัดสินคนบาปด้วยความตาย”

คำปันหัวใจแทบสลายกับคนที่อยู่ตรงหน้า รับไม่ได้ เชื่อไม่ลง ขุนเดชกุมมือคำปันน้ำตาคลอเบ้า ขอโทษและคุกเข่ากราบคำปันอย่างสำนึกผิด ก้อนสะอื้นแน่นอกจนคำปันเนื้อตัวสั่นสะท้าน กุมสร้อยคอพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำแน่น

ooooooo

ยงยุทธออกตามไล่ล่าวีรบุรุษบาปเอาเป็นเอาตาย เมื่อมาเจอรอยเลือดจึงตามไปจนถึงจุดที่คำปันกับวีรบุรุษบาปเจอกัน แต่พอยงยุทธยกปืนเดินเข้าไป ก็เหลือแต่คำปันยืนอยู่คนเดียวแล้ว เขาถามคำปันว่ามาทำอะไรที่นี่

คำปันอึกอัก ยงยุทธคาดคั้นว่า วีรบุรุษบาปอยู่แถวนี้ ใช่ไหม ตนตามรอยเลือดมา ถามว่า “น้าเจอมันใช่ไหม”

คำปันพยักหน้ารับว่าเจอ ยงยุทธถามว่าแล้วตอนนี้ วีรบุรุษบาปหนีไปไหนแล้ว คำปันร้องไห้น้ำตาไหลพราก ชี้ไปทางหนึ่ง ยงยุทธขอบคุณแล้ววิ่งไปทันที คำปันยืนตัวแข็ง ครางออกมาน้ำตาไหลอาบหน้า...

“พี่เดื่อง...ฮือๆๆๆๆ”

ooooooo

ดาราหว่านล้อมบัวทองให้กลับไปเสีย เพราะคำปันเป็นห่วงมาก บัวทองถามอย่างเจ็บปวดว่าเราจะปล่อยให้คนดีๆอย่างวีรบุรุษบาปถูกตัดสินโทษ โดยไม่มีใครยืนอยู่ข้างเขาเลยหรือ

ดาราได้แต่บอกว่ามีคนที่ยืนอยู่ข้างวีรบุรุษบาปมากมาย มีคนที่คอยให้ความช่วยเหลือวีรบุรุษบาปไม่ให้เขาถูกจับอยู่ แต่พอบัวทองถามว่าใคร ดาราไม่ทันตอบยงยุทธก็มาเจอพอดี ถามว่าสองคนมาทำอะไรกันที่นี่

ดาราบอกว่าเป็นห่วงเขาเลยตามมาช่วย เขาปลอดภัยก็ดีแล้ว ถามว่าแล้ววีรบุรุษบาปกับประดับเป็นอย่างไรบ้าง

“ประดับถูกมือปืนซุ่มยิงเล่นงานไปแล้ว ส่วนผมกำลังตามล่าตัววีรบุรุษบาปอยู่ น้าคำปันเจอมันที่ด้านโน้น บอกว่ามันหนีมาแถวนี้ แต่ผมตามมาแล้วไม่พบร่องรอยของมัน คิดว่ามันคงหนีไปได้แล้ว”

บัวทองแอบดีใจกับคำบอกเล่าของยงยุทธ

ooooooo

กำนันบุญเบาใจเมื่อรู้ว่าซ้อนจัดการประดับไปเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อซ้อนทวงถามส่วนแบ่งที่เหลือ ผกาก็แทรกขึ้นว่า ซ้อนยังทำงานไม่สำเร็จตามข้อตกลง เพราะตกลงกันว่าต้องจัดการทั้งสามคนให้ได้ ทำให้ซ้อนไม่พอใจมาก แต่กำนันก็ปกป้องเธอ บอกให้ซ้อนไปรักษาตัวก่อน เรื่องค่าจ้างไม่ต้องห่วง พี่น้องกันตนไม่เบี้ยวแน่

ประดับถูกเก็บไปแล้ว ยังเหลือเบิ้มที่เป็นคนสนิท ไอ้นะกับไอ้เนจะจัดการมัน กำนันห้ามไว้บอกลูกน้องทั้งสองว่า

“ไอ้ประดับมันตายไปแล้ว แต่ข้ายังต้องการโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมาทำพิธี เลี้ยงลูกน้องมันไว้เผื่อจะใช้ประโยชน์มันได้อีก” พูดแล้วกำนันหัวเราะอย่างสะใจกับแผนร้ายลึกของตัวเอง

ooooooo

ยงยุทธไปหาขุนเดชที่กระท่อม ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เล่าว่า พวกตนถูกมือปืนลอบยิง แต่วีรบุรุษบาปช่วยชีวิตตนไว้ ส่วนมือปืนที่ลอบยิงพวกตนนั้น ยังไงก็ต้องสืบให้ได้ คิดว่าไม่น่าใช่นักฆ่าที่มาล่าค่าหัววีรบุรุษบาปอย่างที่ชาวบ้านลือกัน

“แต่ถึงจะเป็นฝีมือใคร การที่ไอ้ประดับถูกเล่นงานไปแบบนี้ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้ทุกคนที่นี่ไม่ต้องหวาดกลัวอิทธิพล” ยงยุทธสรุป ขุนเดชถามว่าถ้าเช่นนั้นดารากับบัวทองก็คงปลอดภัยใช่ไหม “ใช่...แกก็ด้วยนะขุนเดช...เห็นแกปลอดภัยฉันก็ดีใจ ความแค้นของไอ้ประดับกับพวกเรามันจะได้จบกันไปเสียที”

แต่แล้วสีหน้าของยงยุทธก็ขึ้งเครียดขึ้นเมื่อบอกว่า เรื่องของตนกับวีรบุรุษบาปยังไม่จบ ถึงวีรบุรุษบาปจะช่วยชีวิตตนไว้แต่ตนไม่ปล่อยไว้แน่ จะต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของวีรบุรุษบาปออกมาให้ทุกคนรู้ให้ได้

ส่วนคำปันก็เก็บความอัดอั้นไว้ จนเมื่อเจอจ่าแท่นจึงถามถึงเรื่องเกี่ยวกับนายเดื่องว่า

“พี่เคยสงสัยรึเปล่าว่า พี่เดื่องเป็นทหารพระร่วง เป็นพวกตัดสินคนบาปด้วยความตาย” จ่าแท่นบอกว่าตนไม่เคยเห็นนายเดื่องฆ่าใคร นอกจากช่วยตนตามจับโจรลักตัดเศียรพระ ทำลายโบราณสถาน

“พี่ไม่เห็นพี่เดื่องทำ เพราะพี่เป็นตำรวจ แต่ฉันสิ...หลายครั้งที่ฉันเห็นพี่เดื่องหายไปตอนกลางคืน พอรุ่งเช้าก็มีข่าวพบศพพวกลักตัดเศียรถูกฆ่าตาย”

“เป็นไปไม่ได้หรอกคำปัน พี่เดื่องแกเป็นคนดี คนรักทั้งศรีสัชนาลัย ก็เหมือนกับไอ้ขุนเดชไง ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นที่รักของทุกคน ข้าว่าเอ็งเลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องเถอะ อีกไม่นาน หมวดเขาก็จะจับตัววีรบุรุษบาปได้ ถึงเวลานั้นเราจะได้รู้กันเสียทีว่า มันเป็นใคร”

จ่าแท่นเดินออกไปแล้ว คำปันยังยืนหนักใจ อัดอั้น เฝ้าถามตัวเองอย่างว้าวุ่นใจ...

“ขุนเดช...น้าจะทำยังไงดี...”

ooooooo

อ่านละคร ขุนเดช ตอนที่ 19


ที่ถ้ำศิลา ดาราไปยืนดูขุนเดชอยู่เงียบๆจนขุนเดชกราบพระศิลาไร้เศียรเสร็จ หันมาชักดาบดำออกจากฝัก มองดาบในมือแน่วนิ่ง ดาราเห็นขุนเดชเครียดมากก็อดนึกสงสารไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า

“ฉันจะช่วยเธออธิบายให้น้าคำปันเข้าใจ”

“คงไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกดารา ถึงจะรู้ความจริงว่าหมอนั่นคือผม แต่ความเกลียดชังที่น้าคำปันมีต่อวีรบุรุษบาปก็ไม่ได้ลดลงเลย”

ดาราจะลองไปคุยดู เพราะห่วงว่าคำปันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกยงยุทธ ขุนเดชบอกว่าไม่ต้อง ถ้าคำปันอยากเปิดเผยเรื่องของตนก็ปล่อยไป ดาราถามอย่างเข้าใจไม่ได้ว่า “ทำไมล่ะ ขุนเดช”

“ตอนนี้ประดับถูกฆ่าตายไปแล้ว ก็เหลือแค่กำนันบุญคนเดียว ภารกิจหยุดสัตโลหะบุรุษของผมก็คงจะใกล้จบ”

“ขุนเดช...เธอคิดจะมอบตัวแล้วปล่อยให้ยงยุทธจัดการกับกำนันบุญไปคนเดียว?!”

“ยงยุทธเคยรับปากผมไว้ว่า จะเรียกร้องความยุติธรรมให้พ่อผม บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ ที่ผมควรจะปล่อยให้เพื่อนรักได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้”

“ขุนเดช...” ดาราครางออกมาด้วยความเสียใจ...

ooooooo

เช้านี้ ดารารีบไปเคาะประตูห้องนอนคำปัน บัวทองเดินมาบอกว่าแม่ไม่อยู่ออกไปแต่เช้ามืดแล้ว ตนไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ไปไหน ถามดาราที่ท่าทางร้อนใจว่ามีอะไรหรือเปล่า ดาราบอกว่าไม่มีอะไร ยิ้มกลบเกลื่อนแล้วรีบออกไป

ออกจากบ้านก็ตรงไปหายงยุทธที่โรงพัก ยงยุทธถามว่ามาหาใครหรือ ดาราตอบอึกๆอักๆว่า แวะมาดูว่าคำปันมาที่นี่หรือเปล่าเท่านั้น ยงยุทธถามหยั่งเชิงว่าแล้วทำไมถึงคิดว่าคำปันจะมาที่นี่

“ไม่มีอะไรหรอกยงยุทธ...ฉันไปทำงานนะ”

“อย่าเพิ่งไป” ยงยุทธคว้าแขนไว้ “น้าคำปันแวะมาหาผมที่นี่ แต่เพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี่เอง”

สีหน้าดาราตกใจอย่างเห็นได้ชัดจนยงยุทธแปลกใจ

ooooooo

ออกจากโรงพัก คำปันไปหาขุนเดชที่วัดเกาะ-น้อย ขุนเดชกำลังไปไหว้พระพุทธรูปอยู่ในโบสถ์ คำปันไปยืนมองขุนเดชอย่างหนักใจ จนขุนเดชเรียกให้เข้ามา ตนกำลังรออยู่

ขุนเดชบอกว่า รู้ว่าคำปันต้องการให้ตนไปมอบตัว คำปันรวบรัดว่าเมื่อรู้แล้วตนก็ไม่ต้องขอร้อง เขาควรไปมอบตัวเสีย พูดแล้วเห็นขุนเดชนิ่ง คำปันหว่านล้อมว่า

“ขุนเดช...น้าเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังแบเบาะ น้ารู้จักนิสัยของเธอดี เธอเป็นเด็กอ่อนโยน ขี้สงสาร ยุงสักตัวเธอยังไม่กล้าตบเลย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กดีคนนั้นของน้า”

“มันเป็นลิขิตของฟ้าที่ผมไม่อาจเลี่ยงได้ครับ”

“ไม่จริง!! น้าไม่เชื่อเรื่องลิขิตฟ้า ขุนเดชเป็นคนดีเหมือนพี่เดื่องเป็น”

“น้าคำปันครับ...น้าอยู่กับพ่อผมมานาน น้าก็คงทราบว่าไม่มีใครที่สาบานตนเป็นทหารของพระร่วงแล้วไม่ลงมือฆ่าพวกใจบาปหรอกครับ”

คำปันชะงัก น้ำตาคลอกับความจริงที่ตนไม่กล้ายอมรับตลอดมา ขุนเดชชูดาบดำขึ้น ชักดาบหักของพ่อออกมาดู

“หลังจากที่พ่อถูกพวกโจรฆ่าตาย ผมสูญเสียความทรงจำ หลวงพ่อสุขพาผมไปเลี้ยงที่วัด ใช้หลักธรรมกล่อมจิตใจเพื่อป้องกันไม่ให้ผมเดินตามรอยเพชฌฆาตอย่างพ่อ แต่สุดท้าย...เมื่อผมได้จับดาบดำของพ่อ...ความพยายามของหลวงพ่อสุขก็ไม่เป็น ผล วิญญาณของเพชฌฆาตและของเหล่าทหารพระร่วงที่ล่วงลับทุกคน ต่างก็เข้ามาสิงสู่ในตัวผม”

ขุนเดชหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนพูดออกมาราวกับรับประกาศิตว่า

“มันคือลิขิตฟ้าที่กำหนดให้ผมเกิดมาเพื่อเป็นเพชฌฆาตเข่นฆ่าศัตรูของแผ่นดิน”

คำปันน้ำตาไหลพราก ทรุดนั่งร้องไห้เหมือนสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ขุนเดชได้แต่มองคำปันอย่างเจ็บปวดไปด้วย...

ขุนเดชรู้สึกผิดที่ทำให้คำปันเสียใจมากแต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจแก้ไขได้ เขาเดินไปคุกเข่าก้มกราบแทบเท้าคำปัน ขอโทษที่ทำให้น้าคำปันผิดหวัง คำปันร้องไห้โฮอย่างสุดกลั้น กอดขุนเดช รำพันอย่างเจ็บปวด...

“เธอไม่น่าทำอย่างนี้กับน้าเลยฮือๆๆ ถ้าน้ารู้ว่าโตขึ้นเธอจะต้องมาเป็นเพชฌฆาต น้าจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว ฮือๆๆ เด็กดื้อ...เด็กไม่ดี...ฮือๆๆๆ” คำปันร้องไห้โฮๆตีขุนเดชอย่างขัดใจ

ขุนเดชได้แต่นิ่ง น้ำตาคลอ ปล่อยให้คำปันตีจนหยุดไปเอง เอาแต่ร้องไห้รำพัน...

“น้ารักเธอนะขุนเดช น้าไม่อยากเสียเธอไปเหมือนที่น้าต้องเสียพี่เดื่อง ถ้าเธอยังสำนึกบุญคุณน้า เธอต้องเลิกเป็นวีรบุรุษบาป แล้วกลับเนื้อกลับตัวเสียตอนนี้” คำปันมองเข้าไปในดวงตาขุนเดชอย่างอ้อนวอนถามว่า “เธอจะทำให้น้าได้ไหมขุนเดช”

ส่วนยงยุทธก็บอกดาราว่า คำปันมาบอกตนว่าวีรบุรุษบาปจะมามอบตัว เพราะคำปันเจอวีรบุรุษบาปในป่า ขอร้องให้มามอบตัว ให้หยุดการเข่นฆ่า หยุดทำบาป ซึ่งวีรบุรุษบาปก็รับปาก ยงยุทธบอกดาราอย่างมั่นใจว่า

“ซึ่งก็ตรงกับที่มันบอกผมว่าถ้าไอ้ประดับตายมันจะยอมวางมือ”

ดาราถามอย่างกังวลว่าถ้าวีรบุรุษบาปมอบตัวแล้วเขาจะทำอะไรรึเปล่า ก็พอดีจ่าแท่นเข้ามาบอกว่าเตรียมกำลังคนไว้เรียบร้อยแล้ว ยงยุทธบอกจ่าว่า เสร็จธุระกับดาราแล้วจะตามไป แล้วพูดกับดาราก่อนตามจ่าแท่นไปว่า

“คำพูดของโจรผมคงเชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรอก ถ้ามันคิดวางแผนอะไรอยู่...มันไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่แน่”

ดาราฟังและเห็นการเตรียมกำลังของยงยุทธแล้วยิ่งใจไม่ดี...

ooooooo

เบิ้มที่จงรักภักดีกับประดับแบบยอมตายถวายหัว กะเกณฑ์ลูกน้องออกตามหาประดับบอกว่ายังไงก็ต้องเอาศพกลับไปทำพิธีให้ได้ พวกลูกน้องพากันลงแอ่งน้ำตกดำหาศพประดับทุกซอกหลืบหิน

ครู่เดียวก็มีลูกน้องคนหนึ่งมารายงานว่าพบรอยเท้าย่ำเต็มไปหมดอยู่อีกด้าน หนึ่ง มีรอยเดินสะเปะสะปะเข้าป่าไป เบิ้มสั่งให้พาไปดูเดี๋ยวนี้

ระหว่างนั้น พวกมันได้ยินเสียงผิดปกติ ตามไปดูพบประดับอยู่ในสภาพสาหัสจะตายมิตายแหล่ แต่พอเห็นพวกเบิ้มก็ยังพยายามบอกให้ช่วย เบิ้มปราดเข้าประคองบอกให้แข็งใจไว้ แล้วสั่งลูกน้องให้ช่วยกันหิ้วปีกประดับกลับไป

ooooooo

คำปันยังพยายามหว่านล้อมขุนเดชให้มอบตัว ให้กำลังใจว่า เชื่อว่ายงยุทธต้องพยายามช่วยเขา แต่ขุนเดชไม่เชื่อเพราะความเป็นเพื่อนกับยงยุทธของตนจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับ เรื่องนี้ คำปันบอกว่าเคยได้ยินจ่าแท่นบอกว่าโทษของเขาหนักมาก

“ผมทราบครับ ไม่ว่าโทษของผมจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ผมก็พร้อมยอมรับตั้งแต่วันที่ผมยอมถวายตัวเป็นทหารพระร่วงแล้ว ผมเองก็รับปากกับยงยุทธไว้ว่า ถ้าไอ้ประดับตาย...ผมจะยอมมอบตัว...เพื่อน้า เพื่อบัวทอง และเพื่อคนที่ผมรักทุกคนในศรีสัชนาลัย หน้าที่จัดการกับคนบาปที่เหลือ ผมจะไว้ใจให้ยงยุทธจัดการสานต่อครับ”

“ขุนเดช...ขุนเดชของน้า...” คำปันกอดขุนเดชไว้ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจ

ข่าววีรบุรุษบาปแพร่ไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง บัวทองแบ่งผักจากสวนไปให้สาลี่กิน ได้ยินอาฮวดกับสาลี่เกี่ยงกันว่าใครจะอยู่เฝ้าร้าน เพราะต่างก็อยากไปดูหน้าวีรบุรุษบาป ในที่สุดก็ไปกันทั้งสองคนเพราะลูกค้าพากันเฮโลไปดูหน้าวีรบุรุษบาปที่จะ มอบตัวกันหมดแล้ว

“วีรบุรุษบาป...” บัวทองพึมพำออกมาด้วยความตกใจ

ส่วนคำปัน หลังจากขุนเดชรับปากจะมอบตัวแล้ว ก็พากันกลับไปที่กระท่อม ระหว่างขุนเดชหายเข้าไปในกระท่อมนั้น คำปันเอาพระร่วงนั่งเหล็กดำออกมากำไว้แน่น บอกกล่าวแก่นายเดื่องว่า

“พี่เดื่องจ๊ะ ฉันรับปากพี่ว่าจะดูแลขุนเดชให้ แต่วันนี้ฉันจำเป็นต้องขอให้ขุนเดชไปติดคุกติดตะราง ฉันขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ฉันดูแลลูกพี่ไม่ได้ดี”

พอดีขุนเดชออกมาในชุดวีรบุรุษบาปบอกคำปันว่าตนพร้อมแล้ว เห็นคำปันมองอย่างหนักใจ เขาบอกว่าไม่ต้องห่วง ตนเตรียมใจไว้แล้วว่าจะช้าหรือเร็ววันนี้ก็ต้องมาถึง คำปันบอกว่าจะช่วยขอร้องหมวดให้ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา

“ยงยุทธต้องยึดมั่นในกฎหมาย เพราะถ้าผมได้รับการละเว้น มันจะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีกับคนอื่น”

คำปันน้ำตาคลอ จับมือขุนเดชขึ้นมา วางสร้อยคอพระร่วงนั่งเหล็กดำไว้ในมือขุนเดช ขอร้องว่า...

“รับไว้เถอะนะขุนเดช ท่านควรจะปกป้องเธอไม่ใช่ปกป้องน้า” เมื่อขุนเดชรับไว้ คำปันบอกเขาว่า “น้าจะไปส่งเธอที่โรงพักด้วย”

ooooooo

เมื่อคิดว่ากำจัดประดับได้แล้ว ผกาก็เริ่มแข็งข้อกับกำนันบุญไม่ยอมปรนเปรอเหมือนเคย ทั้งยังลำเลิกว่าถ้าไม่ใช่เพราะมันสมองของตนป่านนี้กำนันก็ยังเป็นได้แค่หมา รับใช้ของประดับ ผลคือถูกกำนันตบหน้าหาว่าบังอาจลำเลิก

พอเจอไม้แข็งของกำนันผกาก็กลัว อ้อนวอนอย่าทำอะไรตนเลย กำนันขู่ว่า ถ้าอยากมีอำนาจเหนือตนละก็...หาเรื่องตายแท้ๆ พูดอย่างรู้ทันว่า คิดว่าตนไม่รู้หรือว่าที่ผ่านมาเธอพยายามใช้ตนเป็นเครื่องมือเล่นงานประดับ

ทั้งตบทั้งขู่จนผกาอกสั่นขวัญกระเจิงแล้ว กำนันถามว่าตนเมื่อยมากพร้อมจะปรนเปรอตนหรือยัง

ไม่ทันที่ผกาจะทำอะไร ไอ้นะก็กระหืดกระหอบมาบอกว่าประดับยังไม่ตาย เบิ้มตามเจอพาไปโรงพยาบาลและตอนนี้ก็กลับมาพักที่บ้านแล้ว กำนันหายเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง รีบไปดูประดับที่ห้อง ถามเบิ้มว่าประดับรอดมาได้ยังไง

“คุณประดับเป็นคนดวงแข็งครับกำนัน ถึงจะถูกยิงแต่ก็ยังโชคดีที่กระสุนทะลุออกไปหมด หมอบอกว่าถ้าผมตามไปเจอช้ากว่านี้อีกนิดเดียว คุณประดับก็คงไม่รอด”

ระหว่างนั้น ประดับรู้สึกตัว พยายามพูดกับกำนันว่า

“พวก...พวกมัน...ต้อง...เจ็บปวดมากกว่าฉัน แผ่นดินของมัน...ต้องลุกเป็นไฟ...”

กำนันถามว่าจะให้ตนทำอะไรหรือ เบิ้มพูดแทนอย่างรู้ใจเจ้านายว่า

“คุณประดับต้องการให้กำนันสั่งสอนไอ้พวกศรีสัชนาลัยทุกคน อย่าให้มันมีเสียงโห่ร้องดีใจเพราะคิดว่าคุณประดับตายแล้ว”

กำนันติงว่าตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรเลยดีกว่า ถูกประดับตวาดทั้งที่ไม่มีแรงว่า “ฉันสั่ง!! แกมีหน้าที่ต้องทำตาม!”

กำนันจำต้องรับคำสั่ง เบิ้มสำทับว่าคนของตนพร้อมแล้วเหลือแต่คนของกำนันเท่านั้น กำนันรีบตอบลนลานว่า จะรีบไปจัดให้

พอกำนันออกไป ผกามองไปที่ประดับ เจอสายตาดุร้ายของเขาที่มองอย่างระแวง ผกาไม่กล้าสู้ตารีบตามกำนันไป

เมื่อกลับถึงห้อง ผกาบอกกำนันว่าเห็นสายตาประดับมองเมื่อครู่นี้เหมือนกำลังสงสัยตน กำนันบอกว่าต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะประดับไม่ใช่คนโง่

ผกากลัวถูกประดับเล่นงาน กำนันบอกว่าสภาพของประดับตอนนี้ไม่น่ากลัวสำหรับเธอ สั่งว่า ระหว่างที่ตนออกไปทำตามคำสั่งของประดับ เธอต้องอยู่ที่นี่และ “ช่วยฉันจัดการปิดปากมันเสีย!”

ผกาส่ายหัวดิกไม่กล้าทำ กำนันตรงเข้าบีบแขนพูดเหี้ยม “ถ้าเธอทำไม่ได้ก็เตรียมตัวถูกมันฆ่าได้เลยผกา”

ooooooo

อาฮวดกับสาลี่และชาวบ้านพากันมามุงอยู่หน้าโรงพักรอดูหน้าวีรบุรุษบาป ถูกยงยุทธไล่กลับไปให้หมด เรื่องวีรบุรุษบาปจะเป็นใคร เอาไว้ตนสอบสวนเสร็จจะบอกทุกคนเอง ตอนนี้ให้กลับไปกันก่อน

ชาวบ้านโดยมีสาลี่เป็นหัวหอก ยืนกรานไม่กลับจะอยู่ดูหน้าวีรบุรุษบาปให้ได้ จ่าบอกหมวดว่า เมื่อชาวบ้านอยากรู้ขนาดนี้อะไรก็ฉุดไม่อยู่หรอก พวกเขาไม่ยอมกลับไปแน่

ระหว่างนั้นบัวทองตามมาถึง เมื่อได้ยินยงยุทธพูดเรื่องวีรบุรุษบาปจะมอบตัวอีกคน ก็ยิ่งหนักใจ เป็นห่วงวีรบุรุษบาป ตัดสินใจเดินขึ้นไปหาดารากับยงยุทธบนโรงพัก ดาราตกใจถามว่ามาที่นี่ทำไม

“บัวทองรู้เรื่องที่วีรบุรุษบาปจะมามอบตัว เขามารึยังคะอาจารย์” ดาราบอกว่ายัง ยงยุทธกำลังรออยู่ บัวทองถามหยั่งอีกว่า “แล้วอาจารย์พอจะทราบไหมคะว่าเขาตั้งใจจะมาจริงๆ หรือว่าเป็นแค่แผนการหลอกผู้หมวด”

ดาราเชื่อว่าวีรบุรุษบาปจะมามอบตัวจริง ยงยุทธขัดขึ้นเหมือนดักคอบัวทองว่า ถ้าคิดจะไปห้ามวีรบุรุษบาปมอบตัวแล้วละก็เห็นทีตนจะต้องให้เธออยู่ที่นี่ ก่อน

“หมวดคะ...ปล่อยวีรบุรุษบาปไปเถอะค่ะ บัวทองขอร้อง”

จ่าแท่นบอกหลานสาวว่าขอร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะคนผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย ถูกบัวทองย้อนถามว่า

“แล้วทีไอ้พวกกำนันบุญล่ะลุงจ่า ทำไมหมวดไม่ไปจับมัน ทำไมต้องจ้องแต่จะจับวีรบุรุษบาป”

“หมวดเขาไม่ได้ละเลยที่จะจับไอ้พวกกำนันบุญนะบัวทอง แต่ไอ้พวกนั้นมันมีอิทธิพลคุ้มกะลาหัวอยู่ สุ่มสี่สุ่มห้าไปจับมันมาโดยไม่มีหลักฐานดีๆไปเล่นงานมัน พวกเรานี่แหละที่จะซวย”

“จ่า...พอได้แล้ว...มาสิบัวทอง ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง” ยงยุทธขัดขึ้น แล้วพาบัวทองไปยืนดูชาวบ้านที่ยืนออกันอยู่หน้าโรงพักเพื่อดูหน้าวีรบุรุษ บาป ตำรวจกันชาวบ้านให้ออกไป เลยยื้อยุดกันวุ่นวาย

“ฉันเข้าใจทั้งบัวทองทั้งชาวบ้านทุกคนที่ต่างก็เชิดชูวีรกรรมของไอ้หมอนั่น แต่ที่ฉันต้องไล่ล่ามันอยู่ตลอดเวลาจนเหมือนว่าไม่สนใจพวกคนเลวคนอื่นๆนั่น เป็นเพราะว่า...ถ้าปล่อยให้วีรบุรุษบาปไล่ฆ่าคนเลวต่อไปเรื่อยๆ กฎหมู่ก็จะขึ้นมาแทนกฎหมาย จะมีคนเลียนแบบพฤติกรรม ออกมาอาละวาดไล่ฆ่าคนที่เห็นต่าง คนไหนไม่ใช่พวกก็คือศัตรู” ยงยุทธชี้แจง

“ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้น บ้านเมืองก็คงต้องเกิดกลียุค คงน่าเศร้าถ้าพวกเราต้องเห็นคนไทยไม่รักกันมุ่งแต่จะเข่นฆ่ากันเอง เพียงเพราะเชิดชูกฎหมู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย” จ่าแท่นเสริม

“ดารา...บัวทอง...ผมยอมให้พวกคุณและพวกชาวบ้านเกลียดผมได้ แต่ผมยอมให้กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้”

บัวทองกับดารานิ่งไปกับคำชี้แจงของยงยุทธ

ที่โบราณสถาน อาจารย์ประทีป อาจารย์ดำรง และนักศึกษาที่มาบูรณะโบราณสถาน ต่างไม่มีสมาธิทำงานเมื่อมีข่าวว่าวีรบุรุษบาปจะมอบตัว อาจารย์ประทีปบอกว่าข่าวนี้ทำให้ชาวศรีสัชนาลัยแทบหยุดหายใจไปกันหมด ถามอาจารย์ดำรงว่าคิดอย่างไรกับข่าวนี้

“จะว่าไป เขาก็ช่วยพวกเรารักษาสมบัติมาไว้ได้มากมายนะครับอาจารย์”

“อาจารย์ดาราก็พูดกับผมแบบนี้ จนผมอดคิดไม่ได้ว่า ทั้งๆที่พวกเรามีกันเป็นสิบเป็นร้อย แต่ก็ยังรักษา สมบัติของแผ่นดินไว้ไม่ได้เท่ากับวีรบุรุษบาปคนเดียว”

ทันใดนั้นเอง มีเสียงปืนและเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกของพวกนักศึกษาและชาวบ้านที่มาช่วยงาน

“เกิดอะไรขึ้น!” อาจารย์ประทีปรีบออกไปดู เห็นนักศึกษาและชาวบ้านกำลังหนีตายกันอลหม่าน มีคนเอาผ้าคาดหน้าหลายคนวิ่งไล่ยิงมาอย่างบ้าคลั่ง

อาจารย์ประทีปให้อาจารย์ดำรงพานักศึกษาหลบไปก่อน พลางชูปืนขึ้นบอกว่าตนจะไม่ยอมให้พวกมันทำลายสมบัติของแผ่นดินเด็ดขาด อาจารย์ดำรงจะอยู่สู้ด้วย อาจารย์ประทีปไม่ยอมบอกว่าต้องรักษาชีวิตนักศึกษาเอาไว้ อาจารย์ดำรงจึงจำต้องบอกนักศึกษาทุกคนให้ตามตนไป

ooooooo

ขณะที่ไอ้เน ไอ้นะ และลูกน้องกำนันที่เอาผ้าคาดหน้ากำลังยิงปืนขึ้นฟ้าไล่จับชาวบ้านไปซ้อม อย่างบ้าคลั่ง และสั่งลูกน้องขุดให้ทั่วเจออะไรดีก็เอากลับไปให้หมดนั้น อาจารย์ประทีปออกไปสั่งให้หยุด ห้ามแตะต้องสมบัติของชาติเด็ดขาด

ไอ้นะด่าและไล่อาจารย์ให้กลับไปจับชอล์กดีกว่า อาจารย์ประทีปจึงยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ ไอ้เนด่าอย่างผยองว่า

“ไอ้แก่...เอาจริงเหรอเนี่ย กูตกใจนะเว้ย” แล้วมันก็ปรี่เข้าจับมืออาจารย์ประทีปบิดจนปืนหลุดมือ ซ้อมจนอาจารย์ทรุดไปกองกับพื้น ไอ้นะเข้ามาบอกให้พอได้แล้วเสียเวลา สั่งลูกน้องว่าตรงไหนขุดยากก็ให้ระเบิดเลย

อาจารย์ประทีปพยายามห้ามทั้งที่ตัวเองถูกซ้อมจนบอบช้ำหนัก ถูกไอ้เนจิกผมขึ้นมาให้ดูซากของโบราณสถานตรงหน้า อาจารย์มองอย่างเจ็บปวด หัวใจแทบสลายกับโบราณสถานที่ย่อยยับอยู่ตรงหน้า...

เวลาเดียวกัน เบิ้มก็นำพรรคพวกออกปล้นแล้วเผาชาวบ้าน มันตะโกนว่า อยากได้อะไรเอาไปให้หมดแล้วเผา ใครขัดขืนก็ฆ่าทิ้งเสีย มันพูดอย่างบ้าเลือดว่า

“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับที่พวกเอ็งต้องชดใช้ให้คุณประดับ” มันตะโกนสั่งลูกน้อง “เฮ้ย...เร่งมือเข้า ยังมีงานใหญ่ที่ข้าต้องไปจัดการอีก”

ooooooo

ขุนเดชในคราบวีรบุรุษบาปกำลังเดินมากับคำปัน เมื่อใกล้ถึงโรงพัก เขาบอกคำปันว่าส่งแค่นี้ก็พอ ให้กลับไปเสียตนจะเข้าไปมอบตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอก น้าอยากจะเป็นกำลังใจให้ขุนเดช ให้น้าได้ทำหน้าที่ดูแลขุนเดชตามที่น้ารับปากพี่เดื่องไว้เถอะนะ”

ขุนเดชนิ่งไปจนคำปันถามว่าเป็นอะไรหรือ ขุนเดชบอกว่าอยากขอโทษเรื่องบัวทอง เพราะถ้าตนมอบตัวแล้วคงไม่มีโอกาสอธิบายให้บัวทองฟัง

ทันใดนั้นเอง ทั้งสองได้ยินเสียงอาจารย์ประทีปครวญครางอย่างเจ็บปวดเดินโซซัดโซเซมา ทั้งสองรีบเข้าประคองถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายอาจารย์

“วี...วีรบุรุษบาป...ชะ...ช่วยพวกเราด้วย...” อาจารย์พูดกระท่อนกระแท่น ขุนเดชประคองให้นั่งบอกให้ค่อยๆเล่าให้พวกตนฟัง

ฟังอาจารย์แล้ว ขุนเดชบอกว่า คำปันจะดูแลอาจารย์ส่วนพวกมันตนจะไปจัดการเอง แต่พอขุนเดชจะผละไป คำปันร้องเรียกถามว่า แล้วเรื่องที่เขาจะมอบตัวล่ะ?

ขุนเดชชะงัก ประกายตาของวีรบุรุษบาปวาบขึ้น ก่อนที่จะหันมาบอกคำปันว่า

“หน้าที่ของผมยังไม่จบ ตราบใดที่คนบาปยังไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต!”

“วีรบุรุษบาป...” คำปันครางออกมาอย่างเจ็บปวด...

ooooooo

ที่โรงพัก ดารา บัวทองกับยงยุทธ และจ่าแท่น ยังคอยการมามอบตัวของวีรบุรุษบาปอยู่ จนเวลาล่วงเลยไป บัวทองถามว่า หรือวีรบุรุษบาปจะเปลี่ยนใจแล้ว

“ถ้ามันไม่โผล่หัวมาตามที่มันพูด ต่อไปนี้ก็อย่าไปเรียกมันว่าวีรบุรุษ เพราะมันก็เป็นได้แค่ไอ้ฆาตกรเจ้าเล่ห์”

ขณะนั้นเอง จ่าแท่นเข้ามารายงานว่า เมื่อครู่ได้รับแจ้งว่ามีโจรเข้าปล้นที่หมู่ 3 และยังมีพวกที่บุกไปขุดทำลายโบราณสถานที่คณะของอาจารย์ประทีปกำลังบูรณะอยู่ ด้วย

ดาราถามว่าแล้วอาจารย์กับนักศึกษาเป็นอย่างไรบ้าง จ่าบอกว่าอาจารย์ดำรงพานักศึกษาไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว แต่อาจารย์ประทีปยังไม่รู้ชะตากรรม

ทันใดนั้น เสียงหวีดร้องของชาวบ้านและเสียงปืนยิงสนั่นหวั่นไหวก็ดังเข้ามา ทุกคนตื่นตัวพากันออกมาดู

ที่หน้าโรงพัก มือปืนที่มีผ้าคาดหน้าขับรถจี๊ปไล่ยิงชาวบ้านอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ยงยุทธกับจ่าชักปืนยิงช่วยชาวบ้าน พลางหมวดก็ตะโกนบอกดาราให้พาบัวทองหลบเข้าข้างในไปก่อน แต่ดาราเห็นชาวบ้านถูกไล่ยิงเลยวิ่งออกไป ยงยุทธสั่งจ่าให้ยิงคุ้มกัน พอจ่ายิงเปิดทางให้เขาวิ่งตามดาราออกไป

ดาราวิ่งไปพาสาลี่กับอาฮวดและชาวบ้านที่กำลังชุลมุนให้ตามตนมา พลางหันไปขอบใจยงยุทธที่มาช่วย

ooooooo

ที่อนามัย คำปันพาอาจารย์ประทีปไปทำบาดแผล อาจารย์ดำรงและนักศึกษาต่างไปดูแลด้วยความเป็นห่วง อาจารย์ประทีปเล่าว่า

“โชคดีที่พวกมันไม่ฆ่าผม แต่โบราณสถานที่พวกเราทุ่มเทบูรณะกันกำลังถูกพวกมันรุมทำลาย ถ้าวีรบุรุษบาปตามไปรักษาไว้ไม่ได้ ก็คงย่อยยับไม่มีเหลือ”

“อาจารย์เจอวีรบุรุษบาปด้วยเหรอครับ” อาจารย์ดำรงถามอย่างตื่นเต้น อาจารย์ประทีปพยักหน้า พวกนักศึกษารีบเข้ามาให้กำลังใจ เปี๊ยะพูดอย่างมีความหวังว่า

“ถ้าวีรบุรุษบาปรู้เรื่องนี้แล้ว ผมว่าเขาต้องช่วยพวกเราปกป้องโบราณสถานไว้ได้แน่ ใช่ไหมพวกเรา”

พวกนักศึกษาพากันพยักหน้าอย่างมั่นใจที่จะฝากฝังโบราณสถานไว้ในมือของ วีรบุรุษบาป คำปันเห็นทุกคนเชื่อมั่นต่อวีรบุรุษบาปเช่นนั้น ก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจกับการที่ตนขอให้วีรบุรุษบาปมอบตัว...

ooooooo

ที่โบราณสถาน ขณะที่ลูกน้องกำนันกำลังช่วยกันตัดเศียรพระพุทธรูปอยู่นั้น วีรบุรุษบาปก้าวเข้ามา พร้อมดาบดำยืนจ้องการกระทำของพวกมันเขม็ง

“เฮ้ย...มัน...มันมาแล้ว” ลูกน้องกำนันร้องบอกพรรคพวก

วีรบุรุษบาปถือดาบดำเดินเข้าหาพวกมันอย่างน่ากลัว พวกมันสองคนชักดาบออกมาแล้ววิ่งทะเล่อทะล่าเข้าหา เพียงวีรบุรุษบาปตวัดดาบครั้งเดียวคอมันก็เกือบขาด อีกคนหน้าเสียจะบุกก็ไม่กล้าจะถอยก็กลัวเลยถือดาบยืนร้องตัวสั่น

“อย่า...อย่าเข้ามานะเว้ย...” แต่เสียงร้องของมันก็ถูกเสียงควงดาบเควี้ยวๆ!ของวีรบุรุษบาปกลบเสียสิ้น

อีกมุมหนึ่ง ไอ้นะกับไอ้เนกำลังขุดเอาไหพระเครื่องออกมาจากซากปรักหักพังของสถูปที่พวก มันเพิ่งระเบิด มันยื้อไหกันไปมา ไอ้เนอ้างว่าเป็นคนขุดเจอไม่ยอมแบ่งให้ไอ้นะ

“งั้นเอ็งก็ต้องมาวัดกับข้าแล้วว่าใครจะได้ไป” ไอ้นะกระชากคอเสื้อไอ้เนจะเอาเรื่อง

ขณะนั้นเอง ลูกน้องมันคนหนึ่งก็เซถลาเข้ามาล้มตายตรงหน้า มันทั้งสองมีดาบของมันเองปักอยู่กลางหลัง พริบตานั้น วีรบุรุษบาปก้าวเข้ามา จ้องไอ้นะกับไอ้เนบอกมันทั้งสองว่า

“พวกเอ็งไม่ต้องแย่งกันหรอก ยังไงพวกเอ็งก็ได้ตายชดใช้บาปอยู่ที่นี่ด้วยกันแน่”

“ไอ้วีรบุรุษบาป” ไอ้นะชักปืนยิงใส่ทันที วีรบุรุษบาปควงดาบดำปัดกระสุนแล้วฉากหลบหายไป มันทั้งสองรีบตาม

ooooooo

ที่โรงพัก ยงยุทธกับจ่าแท่นช่วยกันยิงสู้กับเบิ้มและลูกน้องเสียงปืนสนั่นหวั่นไหว จนครู่ใหญ่เบิ้มสั่งลูกน้องให้พอ เพราะแค่นี้ก็ทำให้ทุกคนรู้แล้วว่าศรีสัชนาลัยไม่มีคำว่าสงบสุขต่อไป แล้วพวกมันก็พากันขับรถจี๊ปออกไป

ยงยุทธกับจ่าแท่นถือปืนไล่ยิงพวกมันจนกระสุนหมด ยงยุทธฝากจ่าให้ดูแลคนเจ็บทางนี้ ส่วนเขาจะตามไปดูให้รู้ว่ามันเป็นใคร แล้วยงยุทธก็ขึ้นรถจี๊ปขับไล่ตามพวกมันไป จ่าได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง

เบิ้มกับลูกน้องขับรถมาถึงถนนลูกรัง เจอรถของยงยุทธจอดขวางถนนอยู่ เบิ้มสั่งลูกน้องให้พุ่งชนเลย

นาทีนี้ เหมือนวัดใจกันว่าใครจะแน่กว่าใคร ยงยุทธไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้รถของมันพุ่งเข้ามา พอถึงระยะแม่นยำก็ลั่นไกเปรี้ยง! กระสุนเจาะแสกหน้าคนขับตายคาพวงมาลัย รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง

แม้จะมาคนเดียว แต่ยงยุทธอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายกระทำ เขายิงอีกคนที่วิ่งลงจากรถล้มลง แล้วหันไปยิงขู่เบิ้มกับลูกน้องที่กำลังจะวิ่งหนี จึงรู้ว่าที่แท้โจรกลุ่มนี้คือพวกไอ้เบิ้มนั่นเอง!

เบิ้มยังอวดดีบอกว่าหมวดทำอะไรตนไม่ได้หรอกสั่งให้วางปืนเสีย

“เจ้านายแกตายแล้ว...ฉันจะล้างบางพวกแกให้หมด” ยงยุทธประกาศ

นี่เอง ยงยุทธจึงรู้จากเบิ้มว่าประดับยังไม่ตาย ระหว่างนั้น ลูกน้องเบิ้มที่ถูกยิงนอนอยู่ที่พื้น มันยิงใส่ยงยุทธ เขากระโดดหลบทัน แต่พอตั้งหลักได้ พวกมันก็หายไปหมดแล้ว

ooooooo

ผกาถูกกำนันสั่งให้อยู่เฝ้าประดับและจัดการเสีย ประดับทำเป็นนอนไม่รู้สึกตัว ผกาทำทีเข้าไปเช็ดตัวให้ พอแน่ใจว่าประดับหลับไม่รู้สึกตัวก็เตรียมลงมือ ดึงมีดพกคมกริบจากเอวเงื้อสุดแขน

พริบตานั้น ประดับลืมตาจับมือที่กำมีดของผกาตรึงไว้กลางอากาศ ทั้งสองต่างเผยตัวเป็นศัตรูกัน ประดับดันตัวขึ้นมาทั้งที่ยังบาดเจ็บ แย่งมีดจากมือผกาหมายฆ่าให้ตาย แต่ผกาสลัดหลุดวิ่งหนีออกจากห้องไปได้ ประดับไล่ตามไปจะจ้วงแทง เป็นจังหวะที่เบิ้มกลับมาพอดี มันตกใจร้องเรียก “คุณประดับ!!”

ประดับหันมองทำให้เสียจังหวะ ถูกผกาตวัดมีดถูกมือแล้ววิ่งหนีไป เบิ้มจะดูแผลให้แต่ประดับไล่ให้รีบไล่ตามผกาสั่งให้ลากตัวมาให้ได้ เบิ้มวิ่งไปที่รถจี๊ปจะขับไล่ตามผกา ปรากฏว่า ยางรถถูกผกาเอามีดปักไว้จนยางแบน

“นังผกา! นังตัวแสบ!” เบิ้มสบถอย่างแค้นใจ

ooooooo

ที่โรงพัก สาลี่กับอาฮวด และชาวบ้านยังตั้งหลักรอดูวีรบุรุษบาปมามอบตัวอยู่ พากันวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเรื่องวีรบุรุษบาปจะมอบตัวและเรื่องที่มีโจรปล้น เผา และฆ่าชาวบ้าน บัวทองออกมาบอกชาวบ้านเหล่านั้นว่า ถ้าหายตกใจกันแล้วก็กลับบ้านกันดีกว่าเพราะอยู่ที่นี่เกะกะตำรวจเปล่าๆ

สาลี่ไม่ยอมกลับจะรอดูวีรบุรุษบาปมามอบตัว จ่าแท่นเลยบอกว่า หมอนั่นไม่มาแล้ว ใครมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย

“ตกลงเขาไม่มามอบตัวแล้วเหรอจ๊ะลุง” บัวทองประกายตาตื่นเต้น

“เออ...ข้าเพิ่งได้รับแจ้งมาจากทางอนามัยว่า อาจารย์ประทีปปลอดภัยแล้ว อาจารย์ประทีปยังบอกว่า ตอนนี้วีรบุรุษบาปกำลังตามไปจัดการกับพวกที่กำลังทำลายโบราณสถาน”

ชาวบ้านพากันเฮลั่น สาลี่ตะโกนขึ้น “ไชโย...ในที่สุดวีรบุรุษบาปก็ไม่มามอบตัวแล้ว มันต้องแบบนี้สิ หน้าที่จัดการไอ้พวกบาปหนาหนักแผ่นดินมันต้องเป็นของวีรบุรุษบาปเท่านั้น” ชาวบ้านพากันปรบมือเห็นด้วยกับสาลี่

บัวทองนิ่งเงียบ สีหน้าคิดอะไรบางอย่าง จนดาราหันมองอย่างสงสัย

ครู่หนึ่ง ดาราแปลกใจเมื่อบัวทองหายไป เธอออกเดินตามหา เจอยงยุทธขับรถกลับมาพอดี เขาเล่าให้เธอฟังอย่างเจ็บใจว่า โจรพวกนั้นคือลูกน้องประดับ มันออกมาอาละวาดเพื่อประกาศศักดาเตือนให้พวกเรารู้ว่าอิทธิพลยังอยู่ในมือ มัน

ที่แท้ บัวทองหนีไปหมายจะช่วยวีรบุรุษบาปต่อสู้กับพวกโจรใจบาป แต่ระหว่างทางถูกกำนันจับเป็นตัวประกันเอาไปต่อรองกับวีรบุรุษบาป

ooooooo

ไอ้นะกับไอ้เนไล่ตามวีรบุรุษบาปไป แล้วมันก็ยืนเคว้งเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของวีรบุรุษบาป

หารู้ไม่ว่า วีรบุรุษบาปขึ้นไปยืนมองสองคนบนสถูปเหนือหัวพวกมันนั่นเอง!

พริบตานั้น วีรบุรุษบาปกระโดดลงมาเล่นงานมัน เพราะกระสุนหมดแล้วมันจึงใช้สนับมีดคมกริบเป็นอาวุธ รุมกันเข้าเล่นงานจนวีรบุรุษบาปได้ไปหลายแผล พวกมันหัวเราะสะใจที่ได้เห็นเลือดวีรบุรุษบาป พูดยั่วเยาะเย้ยต่างๆนานา แล้วไอ้เนก็พุ่งเข้าเล่นงานวีรบุรุษบาป แต่ถูกฟันที่แขนจนได้เลือดไปเหมือนกัน

ด้วยความย่ามใจของไอ้นะกับไอ้เน มันเลยถูก วีรบุรุษบาปถีบกระเด็นไปกองอยู่ด้วยกัน แล้ววีรบุรุษบาปก็ควงเพลงดาบเดือนดับพร้อมจะจัดการมันขั้นเด็ดขาด

“หยุดนะเว้ยไอ้วีรบุรุษบาป!!” เสียงกำนันตวาด ทำให้วีรบุรุษบาปชะงักหันไปเห็นกำนันจับบัวทองมาเป็นตัวประกัน วีรบุรุษบาปมองอึ้ง อุทาน...

“บัวทอง...”

ooooooo

อาจารย์ประทีปและดารายังอยู่ที่อนามัย อาจารย์ประทีปบอกว่า ได้ให้อาจารย์ดำรงพานักศึกษากลับไปที่บ้านพักแล้ว บอกให้หยุดพักการเรียนการสอนไว้ก่อน แต่พวกนักศึกษาไม่ยอม จะขออยู่ช่วยงานต่อ

“ค่ะ...ฉันก็เคยบอกพวกเขาแล้วว่า การอยู่ที่นี่มีแต่เสี่ยงอันตราย แต่พวกเขาก็ยืนกรานที่จะอยู่ต่อ เพราะอยากเป็นกำลังใจให้วีรบุรุษบาปสู้เพื่อรักษารากเหง้าของเราเอาไว้”

คำปันได้ยินสองอาจารย์สนทนากันเรื่องวีรบุรุษบาปก็ฟังอย่างใจจดจ่อ

“ตอนที่พวกมันทำลายสมบัติของชาติต่อหน้าต่อตา หัวใจผมเหมือนถูกควักออกมาจากอกทั้งเป็น ตอนนั้นผมคิดเพียงแต่ขอให้วีรบุรุษบาปอยู่ที่นั่น พวกมันจะได้เกรงกลัว”

“ค่ะอาจารย์...แม้จะรู้ว่ามันผิด แต่ก็ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้จริงๆว่าถ้ากฎหมายยังตามไปจัดการพวกมันไม่ได้ บางทีพวกเราก็ยังจำเป็นต้องพึ่งวีรบุรุษบาป”

คำปันฟังแล้วยิ่งหนักใจ...

ooooooo

กำนันบุญจับบัวทองเป็นตัวประกันไปต่อรองกับวีรบุรุษบาป สั่งให้เขาเผยตัวตนออกมา มิฉะนั้นจะหักแขนบัวทองให้พิการจนรำไม่ได้ไปตลอดชีวิต

วีรบุรุษบาปแค้นใจมาก จำต้องปักดาบลงพื้น บัวทองถูกกำนันบิดแขนจนแทบหัก เธอร้องอย่างเจ็บปวด แต่ก็ยังตะโกนบอกวีรบุรุษบาปว่าอย่ายอมพวกมัน

กำนันอยู่ในฐานะเป็นต่อ ทั้งขู่ทั้งทำร้ายบัวทองบีบวีรบุรุษบาปให้ยอมเผยตัวออกมา แล้วจะปล่อยให้เขาไปประกาศกับชาวบ้านว่าวีรบุรุษบาปถูกกำนันฆ่าตายไปแล้ว ตายเหมือนหมาข้างถนน

“ไม่!! ฉันจะปกป้องคุณเอง...วีรบุรุษบาป” บัวทองตะโกนกระทุ้งศอกใส่กำนันจนหลุดแล้ววิ่งไปหาวีรบุรุษบาป แต่ถูกกำนันยิงจนล้มลงก่อนถึงตัววีรบุรุษบาปไม่ถึงก้าว

“บัวทอง!!” วีรบุรุษบาปร้องเรียกสุดเสียง ถลาเข้าประคองบัวทองไว้ในอ้อมกอด

บัวทองบาดเจ็บสาหัส แต่ยังพยายามบอกว่า...

“วี...วีรบุรุษบาป ไม่...ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ หน้า ...หน้าที่ของคุณคือประหารคนบาป...ฉันเอาใจช่วยคุณตลอดไป”

พูดได้แค่นั้นบัวทองก็หมดสติไป วีรบุรุษบาปกอดบัวทองไว้เงยหน้ามองกำนันที่เล็งปืนมา เขาบอกกำนันอย่างท้าทายว่า

“ถ้าคิดจะฆ่าฉัน...แกต้องยิงให้ตายในนัดเดียว เพราะถ้าฉันมีลมหายใจอยู่ แกจะไม่มีโอกาสได้เหนี่ยวไกใส่ฉันอีก...ไอ้กำนันบุญ!!”

กำนันบุญยิ้มเหี้ยมบอกว่านัดนี้ไม่พลาดแน่ แต่พอเหนี่ยวไกก็มีแต่เสียงแชะ! กำนันชะงักขึ้นลำกล้องอีกครั้ง ก็ยังยิงไม่ออกอยู่ดี

ไอ้เนกับไอ้นะวิ่งมาบอกว่า สงสัยตำรวจจะแห่กันมาแล้ว กำนันคำรามอย่างเจ็บใจว่า

“ครั้งนี้เอ็งโชคดีที่พกของดีติดตัวมา แต่คราวหน้าเจอกันอีกครั้ง ของดีอะไรของเอ็งก็ช่วยเอ็งไม่ได้แน่” แล้วพวกมันก็พากันรีบหนีไป

วีรบุรุษบาปเป็นห่วงบัวทองจึงไม่ได้ตามไป เขาอุ้มบัวทองลุกขึ้น พร่ำบอกเธอไม่ขาดปาก...

“อย่าตายนะ...บัวทองต้องอยู่กับพี่...”

ooooooo

ที่อนามัย ดาราและคำปันยังดูแลคนป่วยอยู่ มีเสียงเอะอะที่หน้าอนามัย ครู่หนึ่ง ดาราเข้ามาหาคำปัน เธอตกใจจนพูดได้แค่ว่า “บัวทอง...บัวทอง...”

วีรบุรุษบาปอุ้มร่างบัวทองที่ไม่ได้สติเข้ามาพอดี คำปันแทบหัวใจสลายด้วยความเป็นห่วงลูก แต่เมื่อบัวทองถึงมือหมอแล้ว ดาราออกมาบอกว่า บัวทองเสียเลือดมาก หมอพยายามช่วยอยู่

ดาราบอกวีรบุรุษบาปว่า ตนเชื่อว่าบัวทองต้องรอด แต่ตัวเขาควรรีบไปจากที่นี่ก่อนที่ยงยุทธจะมาพบแล้วเป็นเรื่องขึ้นมา วีรบุรุษบาปบอกเธอว่า

“ผมรอดจากกำนันบุญมาได้เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง ผมฝากให้บัวทองด้วยนะ เธอจะได้ปลอดภัย”

วีรบุรุษบาปมอบพระร่วงนั่งเนื้อเหล็กดำฝากไว้ให้บัวทอง ดารารับไว้ เร่งเขาให้รีบไปได้แล้ว วีรบุรุษบาปจึงจำต้องไปทั้งที่เป็นห่วงบัวทองมาก

ooooooo

ปัญหาระหว่างกำนันกับประดับเหมือนคลื่นใต้น้ำที่กำลังปะทุขึ้น เมื่อกำนันกลับมาแล้วสั่งไอ้นะให้ไปตามผกามาฟังข่าวดีจากตน เบิ้มออกมาเผชิญหน้ากำนัน บอกว่า ผกาไม่อยู่ให้กำนันเจอแล้ว พริบตานั้นลูกน้องเบิ้มก็ชักปืนออกมาจ่อหัวกำนันกับไอ้เน

ไอ้เนจะชักปืน ถูกเบิ้มใช้ด้ามปืนตบหัวผัวะ ปรามว่า “อย่าแม้แต่จะคิด...ไม่งั้นเอ็งตายกันหมดนี่แน่”

ความขัดแย้งเผยออกมาอย่างเป็นปฏิปักษ์กันเช่นนี้ เบิ้มบอกกำนันว่า ถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นให้ไปคุยกับประดับเอง เมื่อกำนันเข้าไปต่อว่าประดับที่ปล่อยลูกน้องเอาปืนมาจ่อหัวตน ก็ถูกประดับตะคอกถามว่าผกาอยู่ไหน

กำนันทำไขสือบอกว่า ผกาก็ดูแลเขาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ เลยถูกประดับเอาด้ามปืนทุบต้นคอจนทรุด กำนันยังปากแข็งว่าตนไม่รู้เรื่องว่าผกาทำอะไรบ้าง ประดับบอกว่าตนจะให้โอกาสกำนัน จะนับถึงสาม แล้วเริ่มนับ หนึ่ง...

กำนันใช้เวลาที่เหลือรีบพูด ทำปากกล้าท้าให้ประดับยิงเลย แต่ก็เร่งชี้แจงว่าตนไม่ใช้ผู้หญิงมาเล่นงานเขาแน่ พอประดับนับ...สอง...กำนันรีบพูดอีกว่า

“ผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคิดหักหลังคุณ...

แก่ๆอย่างผมจะอยู่ได้อีกกี่ปีกัน สู้สนับสนุนให้คุณได้เป็นสัตโลหะบุรุษแล้วใช้ชีวิตสุขสบายตอนแก่เพราะความ เมตตาจากคุณมันไม่ดีกว่าหรือ”

เห็นประดับชะลอที่จะนับ สาม กำนันอาสาจะช่วยตามล่าผกา สัญญาว่าจะไม่มีคำว่าปรานีเลย

ประดับสั่งเบิ้มกับลูกน้องให้เก็บปืน บอกกำนันว่า “ครั้งนี้ฉันจะยอมเชื่อกำนันดู...แต่ถ้าฉันพบว่าที่กำนันพูดมาทั้งหมดเป็น แค่คำโกหกเพื่อเอาตัวรอด กำนันได้ตายทรมานตอนแก่แน่...ไป!!”

ออกจากประดับแล้ว กำนันบอกไอ้นะกับไอ้เนลูกน้องคู่ใจว่า ตนไม่น่าไว้ใจผกาให้ทำงานสำคัญเลย ครั้งนี้ถึงตนจะกล่อมประดับให้เชื่อได้ แต่ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้จนกว่าจะปิดปากผกาไม่ให้มาแว้งกัดตนอีก

“ถ้าพี่ซ้อนรู้ ฉันว่างานนี้พี่ซ้อนต้องอาสาจัดการให้พ่อกำนันแน่” ไอ้เนเอ่ยขึ้น ทำให้กำนันคิดถึงซ้อนขึ้นมา

ooooooo

คืนนี้ กำนันจึงไปหาซ้อนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า บอกให้ช่วยจัดการผกา ซ้อนแค้นผกาที่ดูถูกตนอยู่แล้วรับรองกับกำนันว่าผกาจะต้องได้ตายอย่างทรมาน แน่

แต่แล้วกำนันก็ระแวงซ้อนขึ้นมา กลัวว่าคนฉลาดเป็นกรดอย่างประดับต้องสืบรู้แน่ว่าใครเป็นคนยิงมัน ซ้อนรับรองว่าตนหลบซ่อนตัวเก่ง ประดับตามไม่เจอแน่ กำนันพยักหน้าแต่ก็ยังกังวล ซ้อนถามว่ากำนันกังวลอะไรหรือ กำนันชักมีดสั้นที่เหน็บเอวออกมาเสียบพุงซ้อนทันที ซ้อนสะดุ้งเฮือก เลือดทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ กำนันคำรามเหี้ยม

“สันดานเอ็งมันทำทุกอย่างเพื่อเงิน ข้าจะปล่อยให้เงินของไอ้ประดับมาทำให้เอ็งปากโป้งเรื่องข้าไม้ได้หรอกเว้ย!”

อ่านละคร ขุนเดช ตอนที่ 18-19 วันที่ 11 มิ.ย. 55
ละคร ขุนเดช บทประพันธ์ โดย: สุจิตต์ วงศ์เทศ
ละคร ขุนเดช บทโทรทัศน์ โดย : แพรพริมา
ละคร ขุนเดช กำกับการแสดง โดย : สยาม น่วมเศรษฐี
ละคร ขุนเดช ผลิต โดย : บริษัท พอดีคำ จำกัด โดยธงชัย - มณีรัตน์ ประสงค์สันติ
ละคร ขุนเดช แนวละคร โดย : ดราม่า แอ็คชั่น อิงประวัติศาสตร์
ละคร ขุนเดช ออกอากาศ : วันพุธ-วันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
ที่มา ไทยรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น