วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อ่านละคร ขุนเดช ตอนที่ 20 (จบตอน)

ที่ลานสนามบ้านกำนันบุญ กำนันบุญยืนตั้งท่าเชิงมวยโดยมีไอ้นะไอ้เนและลูกน้องล้อมรอบ เพื่อเตรียมพร้อมฝึกฝีมือกับกำนัน “ให้พวกเราบุกเข้าไปพร้อมกันแบบนี้จะดีเหรอจ๊ะพ่อกำนัน” “นั่นสิ พ่อกำนันเพิ่งฟื้นจากแผลถูกไอ้วีรบุรุษบาปฟันมา ถ้าเกิดพวกเราพลั้งมือไปโดนจะทำให้พ่อกำนันยิ่งแย่นะ” “หมอบอกข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” กำนันบุญบอกพร้อมชูมือขวาให้ดู “ส่วนนี่ก็แค่แผลที่โดนนังทิพย์มันกัดแค่นั้น ถ้าพวกเอ็งไม่เข้ามา ข้าจะเอาปืนยิงขาพวกเอ็งให้ลากเหมือนหมาขาเป๋...เข้ามา” ไอ้นะไอ้เนมองหน้ากันแล้วตัดสินใจลุยเข้าใส่กำนันบุญพร้อมกัน...ย๊ากกกกก กำนันบุญใช้เชิงมวยต่อสู้กับลูกน้องตัวเอง พวกมันรุมกันเล่นงานพร้อมกันแต่กำนันบุญก็รับมือได้ แต่มีจังหวะนึงที่ประมาทถูกไอ้นะชกเข้าที่ท้อง กำนันบุญเซไปทางลูกน้องที่เข้ามาช่วยประคอง ไอ้นะหน้าเสีย “พ่อกำนัน…ชั้นขอโทษ” กำนันบุญสะบัดตัวออกจากลูกน้อง “ข้าไม่เป็นไรเว้ย ดี…หนักๆ แบบเมื่อกี้นั่นแหละดีแล้ว ข้าต้องพร้อมที่สุด เพราะถ้าข้าเจอไอ้วีรบุรุษบาปอีก ครั้งหน้าจะเป็นการตัดหัวมัน…เข้ามา” ระหว่างนั้นทิพย์เดินเข้ามาตามหารำพันในบ้านและเดินเข้ามาที่ห้องพระของกำนันบุญ “แม่จ๋า…แม่อยู่ไหน…แม่” ทิพย์เรียกหาอยู่ครู่ก็ตกใจเมื่อเจองูเจ้าตัวใหญ่ยักษ์ชูคอแผ่แม่เบี้ยจ้องเขม็งมาที่ทิพย์ทำเอาทิพย์ตกใจตัวแข็ง ส่วนที่ลานหน้าบ้านไอ้นะไอ้เนบุกเข้าใส่กำนันบุญหนักหน่วงกว่าเดิม คราวนี้กำนันบุญบ้าระห่ำใช้เชิงมวยสุดยอดเล่นงานพวกมัน ไอ้เนโดนไปคนแรกกระเด็นไปสลบเหมือด ไอ้นะอึ้งเหวอ “ถ้าเอ็งไม่อยากโดนแบบมัน เอ็งต้องงัดฝีมือเอ็งออกมาให้หมด” “งั้นชั้นไม่เกรงใจแล้วนะจ๊ะพ่อกำนัน” ไอ้นะปรี่เข้าไปลุย แต่ก็ถูกกำนันบุญตอบโต้สวนกลับหลายหมัดไล่ตั้งแต่หน้า ลำตัว จนเตะตัดขาล้ม เลือดกบ ปาก กำนันบุญจะตัดสินด้วยหมัดหนักๆ สุดท้าย ง้างกลางอากาศแต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เพราะแขนข้างขวามีอาการบาง อย่างผิดปกติ ภายในบ้านขณะนั้นทิพย์ร้องห่มร้องไห้เสียงดังเพราะอาการตกใจกลัว รำพันรีบเข้ามาดูลูก “ทิพย์...เป็นอะไรลูก...ร้องไห้ทำไม” “แม่จ๋า...หนูกลัว...ฮือๆๆๆ” “กลัวอะไรทิพย์” “งูจ้ะแม่....งูตัวใหญ่...มันขู่ทิพย์...ทิพย์กลัว...ฮือๆๆๆๆ” “งู...งูที่ไหน” “นั่นจ้ะแม่” รำพันดูตามที่ทิพย์บอกแต่ไม่เห็นอะไร “ไม่มีนี่ทิพย์...แม่ว่าทิพย์ตาฝาดไปมากกว่า...มา...ขวัญเอ้ย ขวัญมานะลูก” ด้านนอกกำนันบุญถอยออกจากไอ้นะแล้วร้องเจ็บเพราะปวดแขนตรงบริเวณที่มีผ้าพันแผลรอยกัดของทิพย์ “พ่อกำนัน เป็นอะไร” ไอ้เนถามอย่างตกใจ “เจ็บ...ข้าเจ็บ” “แผลที่ถูกฟันมาเหรอ” “เปล่า...แผลที่ถูกนังทิพย์กัด...โอ๊ยยย...ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน” “เฮ้ย...ช่วยกันพาพ่อกำนันเข้าบ้านเร็ว” พวกลูกน้องรีบพยุงกำนันบุญกลับเข้าบ้าน รำพันรีบเข้ามาดูกำนันบุญเมื่อรู้เรื่อง “พี่กำนัน เป็นยังไงบ้างจ้ะพี่” “แผลที่นังทิพย์มันกัดข้า ทำเอาข้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด” “ขอชั้นดูหน่อยนะจ๊ะพี่” รำพันช่วยแกะผ้าพันแผลออกจนหมดแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นรอยแผลที่แขนกำนัน “พี่กำนัน!...แผล...แผลพี่” กำนันบุญรีบมองแผลที่แขนตัวเองและถึงกับอึ้งตกใจด้วยเพราะแผลกัดเล็กๆ ของทิพย์กลายเป็นแผลกินบริเวณกว้างขึ้นและมีลักษณะคลายเกล็ดงูเรียงตัว “ทำ…ทำไมแผลพ่อกำนันเป็นแบบนี้ล่ะ…ดู…ดูเหมือน” กำนันบุญเอามืออีกข้างแกะสเก็ดแผลออกมา ลักษณะสะเก็ดแผลเป็นแผ่นกลมๆ บางๆ “เหมือนเกล็ดงูเลยพ่อกำนัน” กำนันบุญหน้าเสีย “พวกเอ็งออกไปให้หมด” “แต่…” “ข้าสั่งให้ออกไปให้หมด…ไปสิเว้ย” กำนันบุญอาละวาดโวยวาย ไอ้นะต้องรีบพารำพันออกไปก่อนจะโดนลูกหลงจากกำนันบุญ กำนันบุญหันมามองแผลตัวเองที่เหมือนลายเกล็ดงูแล้วหน้าเครียด “โธ่เว้ย!” อีกด้านหนึ่งที่โกดังร้างมีการชกมวยเถื่อน พวกนักพนันส่งเสียงเชียร์กันสนั่น แจ็คก้าวเข้ามายืนกลางวงแล้วชี้ให้คู่ชกสองคนเข้ามาสู้กับมันพร้อมๆ กัน พวกนักมวยเฮลั่น คู่นักชกเลยเข้าไปรุมแจ็คพร้อมกัน แลกหมัดกันมันส์สุดๆ แต่ทั้งคู่ก็ทำอะไรแจ็คไม่ได้ ซ้ำยังโดนเล่นงานอย่างหนัก คนหนึ่งโดนแจ็คจับตัวลอยทุ่มจนกระอักเลือด ส่วนอีกคนเล่นเครื่องทุ่นแรงคว้าไม้คมแฝกมาฟาดจนไม้หักคามือ แต่แจ็คไม่สะทกสะท้าน หันมาใช้มือเดียวบีบคอจนตัวลอยจนมันหน้าเขียวหน้าแดงจะขาดใจตาย ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้น…ปัง ! ทุกคนหันไปเห็นยงยุทธเข้ามาพร้อมกับจ่าแท่น “ตำรวจ” พวกนักพนันแตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน แต่แจ็คกลับยิ้มชอบใจจ้องยงยุทธแขม็ง “จ่าไปตามจับพวกนักพนันพวกนั้นเถอะ” “แล้วไอ้แจ็คล่ะครับ หมวดจะรับมือมันคนเดียวไหวเหรอ ขนาดวีรบุรุษบาปยัง…” “จ่า...นี่เป็นเรื่องของผมกับมัน ทำตามที่ผมสั่ง” จ่าแท่นมีสีหน้าเป็นห่วงแต่ก็ต้องทำตามสั่ง “ระวังตัวด้วยนะครับหมวด” จ่าแท่นออกไปทิ้งยงยุทธเผชิญหน้ากับแจ็คตามลำพัง “วันนี้ชั้นจะลากคอแกเข้าตะรางให้ได้” นิ้วยงยุทธแตะไกปืน แต่แจ็คหันไปปัดถังน้ำใกล้ๆ ใส่ ยงยุทธเลยต้องผงะหลบ หันมาอีกทีไอ้แจ็คมันหนีออกไป แล้ว ยงยุทธรีบไล่ตาม ยงยุทธตามแจ็คเข้ามาแต่เงียบเชียบ กวาดปืนไปมาอย่างระวังแต่แจ็คโผล่เข้ามาปัดปืนกระเด็นไป แล้วศอกเข้าหน้ายงยุทธจนผงะถอยเสียหลักเลือดไหลออกจากจมูกแต่ไม่เป็นอะไรมาก ยงยุทธเช็ดเลือดแล้วจ้องแจ็คเขม็งก่อนจะถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วตั้งท่าเชิงมวย แจ็คยิ้มชอบใจหักนิ้วบิดคอแล้วบุกเข้าสู้กัน ทั้งคู่ใช้หมัดต่อหมัดแลกกันสุดฤทธิ์ ไม่มีใครยอมใคร ยกแรกยงยุทธเป็นฝ่ายถูกแจ็คเล่นงาน รับพายุหมัดจนสู้ไม่ได้โดนเล่นงานจนจุกแล้วถูกจับทุ่มกระเด็นใส่กองไม้แล้วเงียบไป แจ็คหัวเราะชอบใจคิดว่ายงยุทธสิ้นฤทธิ์อยู่ในกองไม้ ที่หน้าโกดังจ่าแท่นจับพวกนักพนันสองสามคนใส่กุญแจมือ “วันๆ ดีแต่เล่นพนันไม่ทำมาหากิน ไม่รู้จักกลัวบาปกลัวกรรมมั่งเหอะ” จ่าแท่นบ่นไปได้ครู่ ประดับพร้อมลูกน้องสองสามคนก็พากันเข้ามา “ทำหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้ดีมากนะครับจ่า” “ไอ้ประดับ” “ตำแหน่งหน้าที่ผมมีนะครับจ่า เพราะฉะนั้นช่วยให้เกียรติกันหน่อย” “ไม่ต้องมาเบ่งใส่หรอกเว้ย ถ้าคิดจะมาใช้อำนาจของแกห้ามหมวดไม่ให้ลากคอไอ้แจ็คเข้าคุกล่ะก็…ฝันไปเถอะ วันนี้มันเสร็จหมวดแน่” “หึๆๆๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วจ่า” ประดับยิ้มร้ายก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน จ่าแท่นสงสัยจะตามแต่โดนลูกน้องกันไว้ไม่ให้ยุ่ง ขณะนั้นแจ็คเตรียมจะเดินออกจากโกดังเพราะเห็นยงยุทธสิ้นฤทธิ์อยู่ในกองไม้ แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าวยงยุทธก็ลุกพรวดขึ้นมา แจ็คหันมามองแล้วปรบมือให้ “เก่งมาก! แต่ยังไม่พอ” แจ็คตั้งท่าเชิงมวยรอรับการต่อสู้กับยงยุทธอีกครั้ง คราวนี้ยงยุทธหันมาใช้เครื่องทุ่นแรงเป็นท่อนไม้สองท่อนบุกเข้าไปลุยใส่แจ็คไม่ยั้ง และสามารถเล่นงานแจ็คจนพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แจ็คโดนท่อนไม้ฟาดเข้าไป จนทรุดเลือดกบปากบ้าง เลยงัดไม้ตายออกมาใช้ “หมัด...สั่ง...ตาย” แจ็คพร้อมใช้หมัดสั่งตาย ยงยุทธก็ตั้งท่าพร้อมใช้ไม้ตายตัวเองปะทะเหมือนกัน “หมัด...ฟ้า...ฟาด” สองคนกำลังพุ่งเข้าหากัน แต่ระหว่างนั้นประดับยิงปืนขึ้นฟ้า...เปรี้ยง “ไอ้ประดับ” ประดับยิ้มร้ายดูมีเล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง เมื่อกลับมาที่โรงพักยงยุทธนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงานกับจ่าแท่น “ว่าไงนะครับหมวด...ไอ้แจ็คน่ะเหรอครับ ถูกทางราชการส่งมาให้ตามล่าวีรบุรุษบาป” “ใช่จ่า…ผู้ใหญ่ยืนยันมาแล้ว” “เป็นไปได้ยังไงครับ ไอ้แจ็คมันมีหมายจับ มันต่างหากที่ต้องถูกเราลากคอเข้าคุก” “เรื่องหมายจับของไอ้แจ็ค ไอ้ประดับมันเล่นเส้นสายเคลียร์กับทางผู้ใหญ่ มีข้อแลกเปลี่ยนลดโทษของไอ้แจ็คลงสองในสามเพื่อให้มันมาช่วยราชการตามล่าวีรบุรุษบาป” “เพราะวีรบุรุษบาปเคยเกือบถูกมันฆ่าใช่มั้ยครับหมวด” ยงยุทธพยักหน้ารับ “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเล่นกันแบบนี้ ถ้าอิทธิพลมันล้นฟ้า ทั้งที่กฏหมายเขียนด้วยมือ แต่พวกมันกล้าเอาส่วนอื่นลบ ผมว่าเราเลิกเป็นตำรวจกันดีกว่า” ประดับเดินเข้ามา “ก็เอาสิจ่า จะรอช้าอยู่ทำไม พรรคพวกผมยังมีอีกมากที่อยากมาทำหน้าที่แทนจ่า ผมจะได้พาเข้ามาทำงาน โรงพักที่นี่จะได้มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง” “เฮ้ย…นี่มันโรงพักไม่ใช่ซ่องโจร แล้วนี่ก็เครื่องแบบตำรวจไม่ใช่เครื่องแบบโจร” “พอได้แล้วจ่า มันอยากจะใช้เส้นสายบีบบังคับเรายังไงก็ปล่อยให้มันทำไป แต่อย่างเดียวที่มันเอาไปจากเราไม่ได้ก็คือศักดิ์ศรี” ยงยุทธพูดไปก็ขยับเข้าเผชิญหน้าประดับจ้องตากันเขม็ง “งั้นแกคงต้องพิสูจน์ฝีมือแข่งกับไอ้แจ็คหน่อยแล้วยงยุทธ ถ้าแกลากคอวีรบุรุษบาปมาพร้อมกับดาบดำของมันไม่ได้” ประดับใช้นิ้วจิ้มไปที่อกยกยุทธเน้นๆ หนักๆ “ศักดิ์ศรีแกไม่เหลือแน่” ประดับกับยงยุทธจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง คืนนั้นขณะอยู่ที่บ้านพักยงยุทธชกกระสอบทรายอย่างบ้าคลั่งเพราะความเจ็บใจ ดาราเข้ามาอย่างเป็นห่วง “จริงเหรอยงยุทธ” ยงยุทธไม่ตอบกระหน่ำชกกระสอบทรายอย่างหนักหน่วง “จ่าแท่นเล่าให้ชั้นฟังหมดแล้ว…เธอจะปล่อยให้พวกของประดับตามล่าวีรบุรุษบาป จริงๆ เหรอ…ยงยุทธ” ยงยุทธกัดฟันอย่างเจ็บใจปล่อยหมัดชกใส่กระสอบทรายเต็มแรง “โธ่เว้ย” ยงยุทธเจ็บใจขบกรามจนขึ้นสัน หัวพิงกระสอบทรายอย่างอึดอัดเต็มทน “ไม่ใช่จ่าคนเดียวหรอกที่ทนอิทธิพลไม่ได้จนอยากถอดเครื่องแบบทิ้งแล้วหันไปตั้งศาลเตี้ยสู้กับพวกมัน...ผมก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันนะดารา” ดาราสงสารยงยุทธเลยเข้าไปจับมือเขาแล้วดึงมากอดปลอบใจ “แต่เธอจะไม่ทำใช่มั้ย” ยงยุทธนิ่งไม่ตอบ “ใช่มั้ยยงยุทธ...สัญญากับชั้นสิว่าเธอจะไม่ทำ” ยงยุทธตัดสินใจผละจากดาราแล้วหันไปหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อ “ผมขอตัวนะดารา…ผมอยากอยู่คนเดียว” ยงยุทธเดินเข้าบ้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก ดาราได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ดารารีบมาหาขุนเดชที่กระท่อม ดาราเรียกหาขุนเดชหลายครั้ง “ขุนเดช…ขุนเดช…เธออยู่ไหนน่ะขุนเดช” คำปันเดินเข้ามา “ขุนเดชไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะอาจารย์” “แล้วขุนเดชไปไหนเหรอคะน้าคำปัน” คำปันมองหน้าดาราแล้วถอนใจอย่างหนักใจ “มีอะไรเหรอคะน้า” ดาราถามอย่างสงสัย ดารารีบมาตามหาขุนเดชที่ถ้ำศิลา “ขุนเดช…ขุนเดช” ดาราเรียกหาขุนเดชพร้อมกับนึกถึงคำพูดของคำปัน “น้าเห็นถึงความกลัวที่อยู่ในสายตาของขุนเดช แต่ทั้งน้าทั้งหลวงพ่อก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจให้ขุนเดชเลิกได้” “ขุนเดช...เธออยู่ไหน....ขุนเดช” “น้ากลัวเหลือเกินค่ะอาจารย์...ถ้าขุนเดชคิดแต่จะสู้กับพวกมันด้วยไฟแห่งความโกรธแค้น เราอาจจะไม่ได้ขุนเดชคนเดิมกลับมาอีก” ดาราตามหาขุนเดชจนเหนื่อยและไม่พบว่าขุนเดชอยู่ที่ถ้ำศิลาแม้แต่วี่แววใดๆ ก็ไม่มี “ขุนเดช…เธออยู่ไหน” ระหว่างนั้นขุนเดชอยู่ที่สุสานร้าง ขุนเดชนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันวังเวงน่ากลัว หมอกควันเข้าปกคลุมจางๆ ครู่หนึ่งขุนเดชลืมตาขึ้นแล้วหยิบดาบดำที่วางอยู่ตรงหน้ามาชักออกจากฝัก เสียงเท้าคนเดินเข้ามาขุนเดชหันไปเห็นเป็นแจ็คยืนยิ้มร้ายในมือมีดาบพร้อมสู้ ขุนเดชจิกหน้าเอาเรื่องควงดาบ ดำเข้าไปสู้กับแจ็คอย่างบ้าเลือด ฟาดฟันใส่ไม่ยั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วขุนเดชฟันดาบอยู่คนเดียวอย่างบ้าคลั่ง ขุนเดชปะทะดาบกับแจ็คแต่ก็สู้ไม่ได้โดนแจ็คตวัดดาบดำในมือกระเด็นไปปักพื้น ขุนเดชชะงัก แจ็คปักดาบลงพื้นแล้วใช้ท่าไม้ตาย “หมัด...สั่งตาย” แจ็คชกใส่ทีเดียวขุนเดชกระเด็นกระอักเลือดอย่างเจ็บปวดก่อนที่แจ็คจะหายตัวไป ขุนเดชลุกขึ้นยืนแววตาดุดันร้องตะโกนลั่น “คนบาปอย่างพวกแกจะต้องตาย…ตายให้หมดไปจากแผ่นดิน” ขุนเดชหันไปคว้าดาบดำขึ้นมาจากพื้นแล้วไล่ฟาดฟันไปทั่วอย่างคุ้มคลั่ง “ตาย…ตาย…ตาย” ส่วนที่บ้านกำนันบุญ กำนันบุญนอนอยู่บนเตียงกับรำพัน ใครบางคนเดินผ่านข้างเตียงกำนันบุญรู้สึกตัวรีบลุกขึ้นมา คว้าปืนบนหัวเตียงแล้วส่อง “ใครวะ” ในห้องเงียบเชียบไม่มีใครอยู่จนกำนันบุญแปลกใจหันไปเรียกรำพัน “รำพัน…รำพัน” กำนันบุญเรียกเท่าไหร่รำพันก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัว ระหว่างนั้นใครบางคนก็เดินวูบโฉบผ่านหลังกำนันบุญไป กำนันบุญหันขวับ “เฮ้ย! ใครวะ” กำนันบุญไม่เห็นใครอีก แต่เห็นประตูห้องเปิดค้างเอาไว้ทั้งๆ ที่เมื่อกี้นี้ประตูยังปิดอยู่ กำนันบุญมีสีหน้าเอาเรื่อง กำนันบุญรีบเดินออกมาที่ระเบียงได้ยินเสียงดนตรีไทยแว่วๆ ก่อนจะเห็นทิพย์กำลังร่ายรำแต่ตาลอยๆ “นังทิพย์…นี่เอ็งเองเหรอ…ดึกๆ ดื่นใครปล่อยให้เอ็งออกมาจากเรือน” ทิพย์ยังร่ายรำตาลอยไม่ได้ยินที่กำนันบุญถาม “นังทิพย์! ไอ้ลูกปัญญาอ่อนเอ้ย...เอ็งกำลังหาเรื่องแกล้งข้าใช่มั้ย” กำนันบุญฉุนเฉียวเข้าไปผลักทิพย์จนล้มแล้วชี้หน้าเอาเรื่อง “ข้าจะไม่เลี้ยงเอ็งไว้ที่นี่อีกแล้ว เอ็งต้องไปอยู่โรงพยาบาล แล้วชาตินี้เอ็งกับข้าไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก” ทิพย์มีสีหน้าตกใจแล้วชี้ไปที่ข้างหลังกำนัน “กลัวแล้ว...กลัวแล้ว...ฮือๆๆๆ” ทิพย์ร้องไห้วิ่งหนีออกไป กำนันบุญแปลกใจว่าทิพย์กลัวอะไรเลยหันหลังไปดูแล้วก็ต้องตกใจแทบผงะเพราะที่ เห็นยืนอยู่ข้างหลังคือตัวกำนันบุญเอง แต่ดวงตาเป็นดวงตาแบบงูและเนื้อตัวก็เป็นลายเกล็ดงูทั้งตัว เมื่อแสยะยิ้มออกมาก็มีเขี้ยวยาวแบบงูด้วย “ไม่...ไม่จริง...ไม่จริง” กำนันบุญยกปืนยิงใส่ตัวเองไม่หยุด...ปังๆๆๆๆๆๆ กำนันบุญรู้สึกตัวตื่นขึ้นบนเตียงเหงื่อแตกพลั่ก “ไม่” รำพันตกใจตื่น “พี่กำนัน...พี่กำนันเป็นอะไร” กำนันบุญรีบลุกไปดูหน้าตัวเองที่กระจกเห็นยังเป็นปกติดี รำพันยิ่งสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะพี่ หรือว่าพี่ฝันร้าย” “ออกไป” “พี่จะให้ชั้นออกไปไหน” “กลับไปห้องของเอ็ง เดี๋ยวนี้เลย” “แต่นี่มันดึกแล้วนะจ๊ะพี่” กำนันบุญไม่สนใจเข้าไปคว้าแขนรำพันแล้วไสส่งไปที่ประตู “กลับไปห้องเอ็งแล้วรีบจัดการเก็บข้าวของนังทิพย์ พรุ่งนี้ข้าจะเอามันไปส่งโรงพยาบาล” “พี่กำนัน ไหนบอกว่าจะไม่ส่งลูกไปแล้วไง” กำนันบุญไล่แล้วปิดประตูใส่ “ไสหัวไป” รำพันทุบประตูร้องห่มร้องไห้เรียก “พี่กำนัน...พี่กำนัน “ กำนันบุญหน้าเหี้ยมไม่ฟังเสียงร้องของรำพันแล้วมองไปที่แขนตัวเองที่พันผ้าพันแผลเอาไว้ วันต่อมายงยุทธมาถามหาขุนเดชที่แคมป์โบราณคดี “ขุนเดชไม่ได้บอกอาจารย์ไว้เลยเหรอครับ” “ครับหมวด...ผมไปตามที่บ้านแล้วก็ไม่เจอ” อาจารย์ประทีปบอก “ไปช่วยงานบูรณะโบราณสถานที่อื่นรึเปล่าครับ” “ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะปกติถ้าขุนเดชไปทำงานที่ไหนมักจะบอกผมไว้ตลอด บางทีขุนเดชอาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปจัดการ” ยงยุทธหันมาสีหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นดาราแอบฟังอยู่ไม่ไกล “แล้วหมวดมีธุระอะไรกับขุนเดชเหรอครับ” “หมวดกำลังพยายามตามหาเบาะแสของวีรบุรุษบาปอยู่ครับ ใครพอจะให้เบาะแสได้เรา ต้องสอบทุกคน เพราะเราอยากเจอตัวหมอนั่นก่อนที่พวกของนายประดับจะเจอ” จ่าแท่นบอก “เอาเป็นว่าถ้าอาจารย์ได้ข่าวคราวของขุนเดชก็ช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ” “ครับ” ยงยุทธกับจ่าแท่นขอตัวออกไป อาจารย์ประทีปมองส่งยงยุทธได้ครู่จึงหันไปเห็นดารา “อ้าว...อาจารย์ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” “สักครู่แล้วค่ะอาจารย์” “แล้วงานที่วัดพระพายหลวงเรียบร้อยดีมั้ย” “เรียบร้อยดีค่ะอาจารย์” ดาราตอบอาจารย์ประทีป แต่สายตาแอบกังวลเป็นห่วงขุนเดช ที่สุสานร้าง ดาบดำของวีรบุรุษบาปปักอยู่ที่พื้น ส่วนขุนเดชนอนแผ่หมดสภาพอยู่ที่โคนต้นไม้ ใบหน้าดูโทรมมาก ระหว่างนั้นเท้าของกำนันบุญก้าวเข้ามามองขุนเดชอย่างสมเพช “เพลงดาบเดือนดับของเอ็งมันมีดีแค่นี้เองเหรอวะไอ้ขุนเดช” “ไอ้...ไอ้กำนันบุญ” “หึๆๆ...” กำนันบุญเข้าไปกระชากคอเสื้อขุนเดชขึ้นมา “นี่น่ะเหรอวีรบุรุษบาปที่เล่นงานไอ้สัมฤทธิ์ ลูกชายข้า ถ้าฝีมือเอ็งมีแค่นี้ เอ็งก็อย่าหวังเลยว่าจะหยุดพวกข้าได้” กำนันบุญเหวี่ยงขุนเดชกระเด็นไปหลายตลบแล้วชักดาบออกมาท้าทาย “ใช้ดาบดำของเอ็งมาสู้กับข้า...เข้ามา” ขุนเดชเจ็บใจหันไปดึงดาบดำขึ้นจากพื้นแล้วปรี่เข้าไปไล่ฟันกำนันบุญอย่างบ้าคลั่ง “ไอ้พวกคนบาปอย่างพวกแกต้องตาย...ตาย...ตาย...ตาย” ขุนเดชไล่ฟันไม่ยั้งแต่กลับสู้กำนันบุญไม่ได้ถูกกำนันบุญสั่งสอนด้วยเชิงดาบ ตวัดดาบดำหลุดจากมือกระเด็นไป ดาบดำปักพื้นเหมือนเดิม แถมยังถูกกำนันบุญกระโดดถีบจนกระเด็นกลิ้ง “อย่างเอ็งมันไม่ใช่เพชรฆาตหรอกไอ้ขุนเดช เอ็งมันยังโหดเหี้ยมไม่พอ...พวกที่เอ็งฆ่า มันไปมีแต่พวกกระจอก ข้าต่างหากที่คือเพชรฆาต...มาตัดสินไอ้วีรบุรุษบาป” กำนันบุญวิ่งเข้าใส่พร้อมกับใช้ดาบแทงใส่...ฉึก ขุนเดชสะดุ้งเฮือกแล้วทรุด เสียงกำนันบุญหัวเราะดังลั่นก่อนจะเดินหายไป ขุนเดชฟุบหน้าลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง “ข้า...ข้าคือเพชรฆาต...ข้าคือทหารพระร่วง ข้าต้องตัดสินคนบาป พวกแกต้องตาย” ตาขุนเดชปรือจนค่อยๆ ปิดลงแล้วแน่นิ่งไป ยงยุทธกลับมาที่โรงพักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “น่าแปลกนะครับหมวด เราสืบหาทั้งวันแล้ว แต่ไม่มีเบาะแสของไอ้วีรบุรุษบาปเลย เหมือนอยู่ๆ มันก็หายตัวไปซะอย่างนั้น หรือว่า...” จ่าแท่นทำหน้าตกใจ “เราจะช้ากว่าพวกมัน ไอ้หมอนั่นอาจจะถูกไอ้แจ็คจัดการไปแล้ว” “ไม่หรอกจ่า ถ้าพวกมันได้ตัววีรบุรุษบาปแล้ว..ป่านนี้มันคงเอามาคุยโวโอ้อวด ฉลองกันสามวัดเจ็ดวันไม่เลิก” ยงยุทธพูดไปแล้วหันมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “มีอะไรเหรอครับหมวด ดูหมวดกำลังหนักใจ” “ไอ้ประดับมันบอกว่าอยากได้ตัววีรบุรุษบาปพร้อมกับดาบดำของมัน เพราะฉะนั้นมันคงไม่อยากให้เราเจอตัวก่อน...ผมก็เลยห่วง” “ห่วงอะไรครับ” “ห่วงว่ามันจะใช้แผนสกปรกน่ะสิจ่า” จ่าแท่นสงสัย กำนันบุญเดินมาที่ระเบียง “รำพัน...รำพัน” กำนันบุญเรียกหารำพันอยู่ครู่ก็หันไปเห็นไอ้นะไอ้เนที่เข้ามา “ไอ้นะ…เอ็งเตรียมรถไปโรงพยาบาลบ้า ส่วนเอ็งไอ้เน ไปพาตัวนังทิพย์กับเมียข้ามา” สมุนสองคนรับคำแต่ยังไม่ทันจะออกไปประดับกับแจ็คและเบิ้มก็เข้ามา “นี่กำนันยังไม่เลิกวุ่นวายกับเรื่องลูกสาวปัญญาอ่อนของกำนันอีกเหรอ” “คุณประดับ” “ชั้นบอกแล้วไง งานใหญ่กำลังรอเราอยู่ อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” “ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องนะครับคุณประดับ พ่อกำนันต้องกำจัดนังทิพย์เพราะว่า...” “ไอ้นะ” กำนันบุญหันไปจ้องหน้าไอ้นะเขม็งด้วยแววตาสั่งไม่ให้ปากมาก ไอ้นะรีบก้มหน้าหลบไม่พูดอะไร “กำนันมีปัญหาอะไร” “เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก เพราะผมมีงานใหญ่ต้องรับผิดชอบเลยไม่อยากให้นังลูกปัญญาอ่อนของผมมาอยู่เกะกะขวางหูขวางตาก็แค่นั้น” “ถ้าเรื่องแค่นั้นให้ไอ้พวกคนงานของกำนันจัดการก็ได้ วันนี้ชั้นมีงานสำคัญที่ต้องให้ลูกน้องกำนันช่วยจัดการ” “งานอะไรครับ” “ล่อไอ้วีรบุรุษบาปให้ออกมา ไอ้แจ็คจะได้เล่นงานมันแล้วเอาดาบดำของมันมาทำพิธีสัตตะโลหะบุรุษ” “ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาป หมายความว่า...” ประดับยิ้มร้ายๆ “ใช่…ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาปคือโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นสุดท้ายที่จะทำให้ชั้นได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ” กำนันบุญฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นสนใจ กำนันบุญเข้ามาในห้องทำงานกับไอ้นะไอ้เนตามลำพัง “เมื่อกี้นี้ชั้นขอโทษด้วยจ้ะพ่อกำนัน” กำนันบุญหันขวับมากระชากคอเสื้อไอ้นะแล้วตะคอกใส่ “หุบปากเอ็งไว้เลยนะ อย่าได้สะเออะพูดเรื่องของข้าให้ไอ้ประดับรู้” “จ้ะ...จ้ะ...ชั้นจะรูดซิบปากให้เงียบเลย” กำนันบุญผลักไอ้นะไปทางไอ้เนแล้วหันมาสีหน้าครุ่นคิด “ดาบดำของไอ้วีรบุรุษบาปคือใบเบิกทางที่จะทำให้ข้าได้เป็นสัตตะโลหะบุรุษ” กำนันบุญยกแขนข้างที่พันแผลเกล็ดงูขึ้นมามอง “ทางเดียวที่ข้าจะพ้นจากแรงอาฆาตของไอ้งูเจ้าตัวนั้น คือข้าต้องเป็นสัตตะโลหะบุรุษให้ได้” “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะพ่อกำนัน..พวกชั้นรู้ว่าต้องทำยังไง” “ดี...แต่ตอนนี้เราต้องทำตามที่ไอ้ประดับมันสั่งไปก่อน อย่าเพิ่งให้มันสงสัย” ไอ้นะไอ้เนรับคำพร้อมกัน กำนันบุญยกแขนขึ้นมาดูแผลเกล็ดงู source:
manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น