วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

6 เคล็ดลับดีๆดึงความหวานชื่นคืนสู่บ้านและคู่รักของเรา


6 เคล็ดลับดีๆดึงความหวานชื่นคืนสู่บ้านและคู่รักของเรา
คู่แต่งงานที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนานหลายปี บางครั้งก็อาจเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันได้ง่ายๆ แถมเมื่อทะเลาะกันแล้ว ความสัมพันธ์ของบางคู่ก็ยิ่งเหินห่าง ไม่เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น การจะกลับมาคืนดีให้เหมือนเมื่อแรกรัก กลายเป็นสิ่งที่ยากเกินเอื้อม

สำหรับคนที่เผชิญปัญหานี้อยู่ และอยากแก้ไข
ให้มันดีขึ้น เรามีความลับดีๆ ให้ลองปฏิบัติ 6 ข้อด้วยกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยค่ะ

1.ยอมรับในความแตกต่าง

เรื่องประมาณ “น้ำผึ้งหยดเดียว” ก็ลุกลามใหญ่โตได้ หากไม่มีใครคิดจะประนีประนอมซึ่งกันและกัน บางคู่แค่ขับรถไปด้วยกัน ฝ่ายคนขับขับไม่ได้ดั่งใจ ก็ถูกฝ่ายคนนั่งบ่นว่าประชดประชันเสียดสี หรือแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา พร้อมกับคิดในใจเอาเองฝ่ายเดียวว่า รีบๆ ทำให้ถูกใจฉันเสียทีสิ ฉันจะได้อารมณ์ดี...

เป็นธรรมดา ในช่วงที่หงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการให้อีกฝ่ายตอบสนองความต้องการของตนเองก่อน (โดยเร็วด้วยยิ่งดี) เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบสนอง (เพราะอารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน) ก็เลยยิ่งไม่พอใจหนักขึ้น กลายเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกันในที่สุด ดังนั้น ถ้าหากมีสติกันสักนิด ยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน ก็คงพอจะทำให้ความสงบกลับมาเยือนได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะคนที่คิดว่า “ทำไมคนรักของฉันช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย” ยิ่งต้องรีบมีสติโดยเร็วค่ะ

2.ไม่เป็นคนหยุมหยิม จู้จี้ ขี้บ่น

บางครอบครัวไม่ได้เลย ไม่ว่าพ่อจะทำอะไร แม่ต้องบ่น ยกตัวอย่างที่ได้พบจริง มีครอบครัวข้างบ้านทีมงาน แค่ฝ่ายสามีจอดรถ เบี้ยวไปนิดเดียว ฝ่ายภรรยาบ่นจนได้ยินกันทั่วซอยว่าพ่อจอดรถเบี้ยว ใช้ไม่ได้เลยๆ ๆ ๆ ทั้งนี้ หากว่าการพูดมากจนเกินไป กลายเป็นฟีเจอร์พิเศษที่คนเราสามารถอัปเกรดได้หลังแต่งงาน ทีมงานก็ขอเสนอความเห็นแย้งว่า การจะพูดมากพูดน้อย บางทีก็ควรดูบรรยากาศโดยรวมด้วย หากว่าเวลานั้นคู่ครองของคุณต้องการความเป็นส่วนตัว หรือต้องการสมาธิ การหยุดพูด หยุดเสนอความเห็นในสิ่งต่างๆ ก็สามารถช่วยให้บรรยากาศครอบครัวดีขึ้นได้ และอย่าฟูมฟายมองว่าเขาหรือเธอไม่ตระหนักในความหวังดีของคุณด้วยนะคะ

3.อย่าจิก

ในเมื่อเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ไก่ การจะไปไล่จิกคู่ครองของเราให้ทำตามที่เราต้องการคงไม่ดีแน่ พฤติกรรมการจิกที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การโทรศัพท์ไปหาแล้วอีกฝ่ายไม่รับสาย เลยต้องโทร.กระหน่ำเข้าไปอีกสัก 10-20 สาย จนมือหงิก อารมณ์หงิก เรื่องทำนองนี้ เขาบอกว่า ยิ่งโทร.จิก อีกฝ่ายยิ่งหนีห่าง เพราะฉะนั้น อย่าไปกดดัน อยู่นิ่งๆ ทำตัวพอดีๆ ใจเย็นๆ และพฤติกรรมเช่นนี้ก็ไม่ควรทำจนติดเป็นนิสัย เว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุฉุกเฉินให้กังวลจริงๆ เท่านั้นค่ะ

4.พูดคุยกันด้วยดีแม้จะอารมณ์ไม่ดี

หากกำลังอารมณ์ไม่ดี เสียใจ น้อยใจ โกรธ ฯลฯ คงเป็นเรื่องยากที่จะพูดกันดีๆ แถมบางคนก็ส่งอารมณ์เหล่านั้นออกมาทางเสียง สีหน้า ท่าทางให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับรู้ด้วย เช่น พูดเสียงดัง ใช้คำไม่สุภาพ เดินปึงๆ ปิดประตูเสียงดัง วางแก้วโครม กระแทกกระทั้นใส่กัน (พฤติกรรมเหมือนตัวละครที่ฉายหลังข่าวไม่มีผิด) ซึ่งเราขอบอกว่า แม้จะต้องข่มใจเสียหน่อย แต่ถ้าพูดกันด้วยดีได้ เรื่องร้ายจะหายไป หรือถ้าโกรธจริงๆ ไม่สามารถพูดกันดีๆ ได้ ก็ยังไม่ต้องพูด รอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนค่อยพูดกันก็ได้ค่ะ

5.หาโอกาสคุยกัน

บางคู่ที่หมางเมินใส่กันมานาน การพยายามหันหน้ามาพูดคุยกันดีๆ อาจจำเป็นกว่าการมองหาสาเหตุของความขุ่นข้องหมองใจในอดีต เพราะมันเป็นอดีต มันผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไม่ได้ ถึงจะขุดคุ้ยแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้อดีตดีขึ้น ดังนั้น คิดเรื่องคุย แล้วเดินเข้าไปคุยเลยค่ะ อาจเริ่มจากเรื่องราวรอบๆ ตัวก่อน เช่น วันนี้สังเกตว่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านไม่ค่อยมีสัญญาณเลย เปลี่ยนเครือข่ายดีไหมนะ หรือถ้ามีเรื่องที่เขาหรือเธอถนัดเป็นพิเศษ ก็อาจคุยเรื่องนั้นก็ได้

6.ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองมีค่าในสายตาคุณ

ด้านบนมีข้อหนึ่งที่บอกว่าอย่าตามจิก เพราะการจิกนั้นทั้งเหนื่อย ทั้งทำลายความสัมพันธ์ แต่เมื่อบอกว่าห้ามจิก หนุ่มๆ สาวๆ หลายคนเลยไปไม่ถูกเลยว่าแล้วฉันจะทำอะไรดี จะแสดงความรักแบบไหนดี ก็บอกได้เลยว่า แสดงความรักแบบที่ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนพิเศษของคุณ (เหมือนที่เคยเป็นในอดีต) สิ่งใดที่เขาทำได้ดีก็มองเห็นมันบ้าง เอ่ยปากชมบ้าง สิ่งใดที่เขาเคยทำให้ประทับใจ เมื่อในอดีตก็หยิบมันขึ้นมาพูดบ้าง ทำให้เขาภูมิใจที่คุณเห็นค่าในความรักความอดทนของเขาบ้าง เดี๋ยวอะไรๆ ที่เคยไม่ดี มันก็จะดีขึ้นมาเองค่ะ

การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่เคยย่ำแย่ให้กลับมาดีอีกครั้งจำเป็นต้องใช้ เวลา ยิ่งคนที่ทะเลาะกันหนักๆ ตีหน้ายักษ์ใส่กันเป็นปีๆ จะให้กลับมาดีในชั่วข้ามคืนคงไม่ได้ ดังนั้น เราคงต้องขอบอกว่าทั้ง 6 ข้อนี้จะไม่ได้ผลเลย หากคุณไม่อดทนมากพอ หรือไม่กล้าหาญพอที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสิ่งที่เคยเป็นปัญหาในความ สัมพันธ์ค่ะ
ที่มา manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น