วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม

“รอยล” เผยสถานการณ์น้ำล่าสุด ปริมาณฝนยังไม่น่าห่วง แต่กังวลคันกั้นน้ำภาคกลาง ทำท่วมนานและสูงกว่าเดิม 

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) มีการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีในการสำรวจ วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ เพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัย ดร.พรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กล่าวว่า การจัดทำข้อมูลเรื่องน้ำ ถือว่าสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจะทำให้เกิดเอกภาพในการดำเนินงานรับมือกับน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทาง เดียวกัน แม้ข้อมูลที่ได้จะไม่สามารถทำนายเรื่องน้ำไม่ถูกทั้ง100% แต่จะช่วยในการบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิประเทศของไทยเปลี่ยนไป พื้นที่คลอง อาจกลายเป็นถนน ทำให้พื้นที่รับน้ำ หายไปกว่าครึ่ง ดังนั้นข้อมูลจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ด้าน ดร.รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน)หรือ สสนก. เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ฝนจะเริ่มน้อยลง โดยเว้นช่วง 1-2 วัน (19-20 มิย.) ทำให้สามารถระบายน้ำได้ โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์ ที่จะเริ่มปล่อยน้ำประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่เขื่อนภูมิพลมีการระบายน้ำประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทั้งนี้สาเหตุที่เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะอิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ต้องปรับแผนการระบายจากเดิม 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 17 ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้แม่น้ำน่านเป็นตัวช่วยระบายน้ำเพื่อลดปัญหาน้ำท่วมที่สุโขทัย ดร.รอยล กล่าวว่า การที่มีน้ำท่วมเอ่อล้นตลิ่งที่ภาคเหนือตอนล่าง ถือว่าค่อนข้างผิดฤดู แต่สามารถรู้ล่วงหน้าทำให้สามารถระบายได้ทัน และหากเกิดฝนตกเต็มที่ จะใช้วิธีพร่องน้ำเป็นหลัก โดยเฉพาะกับพื้นที่ในลุ่มน้ำยมและน่านเพื่อรองรับน้ำต่อไป และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงปลายเดือน กค.นี้ ซึ่งคาดว่าฝนจะไม่ทิ้งช่วงในเดือนดังกล่าว ทำให้ปีนี้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก หรือประมาณ 1,500 มิลลิเมตร แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2554 ที่มีฝนมากถึง 1,800 มิลลิเมตร ทั้งนี้มองว่า ปีนี้แม้ปริมาณฝนจะไม่มากจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ทิ้งช่วงทำให้มีปริมาณน้ำมาก และด้วยฝนที่ปริมาณ 1,500 มิลลิเมตร ก็สามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่เสี่ยงมาก ๆ หรือบริเวณที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่อย่างไรก็ดี ยังมีเวลาระบายน้ำตั้งแต่ปลาย กค.- ต้นสค. ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุน “สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือ ฝนตกในภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ หากตกมากน้ำก็จะมากด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องคั้นกั้นน้ำ ที่ปัจจุบันมีการสร้างกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการคำนวณ ที่ระดับความสามารถเท่าเดิม เหมือนปี 2554 ที่ จ. ปทุมธานี หากปีที่แล้วน้ำท่วมสูง 2.8 - 2.9 เมตร ถ้ามีการสร้างคันบล็อกน้ำตลอดแนวเจ้าพระยาเกิดขึ้น จะทำให้มีปริมาณน้ำสูงขึ้นถึง 3.5 เมตรทีเดียว และน้ำจะระบายได้ช้าลง หรือทำให้น้ำท่วมนานขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเกิดเหตุการณ์คันกั้นน้ำพังมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ดร.รอยล กล่าว สำหรับความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และ3 สถาบันการศึกษา ในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ สสนก. จะดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ ระบบวิเคราะห์และประมวลข้อมูล และพัฒนาแบบจำลองน้ำและสภาพอากาศ ส่วนกรมวิทยาศาสตร์บริการ จะร่วมพัฒนาอุปกรณ์ช่วยในการสำรวจข้อมูลระดับท้องน้ำ แม่น้ำ คู คลอง ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ภาคสนาม ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะพัฒนาระบบตรวจวัดลักษณะทางอุตุนิยมวิทยา และใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเอสเอ็มเอ็มเอส ในการสำรวจข้อมูลทางอากาศต่าง ๆ ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดสร้างอากาศยานไร้นักบิน หรือเครื่องบินยูเอวี สำหรับถ่ายภาพทางอากาศ และพัฒนาระบบหุ่นยนต์เพิ่มเติม เพื่อติดตั้งที่ประตูระบายน้ำที่ปิด-เปิดอัตโนมัติ สำหรับเก็บข้อมูล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จะพัฒนาระบบสำรวจ ความลึกของคูคลองต่าง ๆ ด้วยหุ่นยนต์ใต้น้ำ source: http://www.dailynews.co.th/

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น