วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครพริกกับเกลือ ตอนที่ 1 (ต่อ) วันที่ 29 ก.ค. 55

 งานเปิดตัวรถยนต์หรูรุ่นใหม่ ราคาแพงระยับ ถูกจัดขึ้นในฮอลล์ของโรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร นวตกรรมแห่งยานยนต์รุ่นใหม่ของโลกพร้อมอวดตัวกับเศรษฐีกระเป๋าหนัก เวลานั้นเสียงดนตรีจังหวะเร้าใจดังกระหึ่มฮอลล์ แสงไฟตระการตาสาดส่องไปทั่วทั้งเวที ไฟสปอตไลท์ดวงใหญ่แน่นิ่งอยู่ที่ป้ายบนเวทีซึ่งมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ โมเดิร์น คาร์ เด่นหราอยู่ด้านหลัง
      
       สื่อมวลชนสายยานยนต์ และแขกในงานล้วนใจจดจ่อ อาการตื่นเต้น และอยากเห็นโฉมหน้ารถยนต์รุ่นล่าสุดแล้ว
       การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว พิธีกรเริ่มดำเนินรายการ
       “เวลาที่ทุกท่านรอคอยมาถึงแล้ว บริษัท โมเดิร์น คาร์ ผู้นำเข้ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย มีความภูมิใจที่จะแนะนำให้ทุกท่านพบกับสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ล่าสุดจาก เยอรมัน ที่จะทำให้โลกทั้งโลกต้องหยุดหายใจ...ดิ โอเวอร์เจอร์ออฟฟิวเจอร์...หรือ M.D.2 บายโมเดิร์นคาร์”
       ไฮดรอลิกค่อยๆ ยกรถยนต์สปอร์ตสุดหรูสีแดงเฉี่ยวสูงขึ้นๆ จากข้างล่างเวที ไฟทุกดวงสายตาทุกคู่ภายในงานจับจ้องที่รถยนต์ขับเน้นอย่างโดดเด่นเป็นสง่า พริตตี้สาวสวยทรวดทรงเซ็กซี่ยืนโพสท่าเก๋อยู่ข้างรถ ที่จอ L.E.D ข้างเวทีเปิดภาพวิดีโออวดโอ้ และแสดงความอัจริยะของรถยนต์รุ่น M.D 2 ประกอบ
       “และขอเสียงปรบมือต้อนรับ คุณเทวัญ ธนกิจวิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดบริษัท โมเดิร์นคาร์ ประเทศไทย จำกัด” เสียงพิธีกรประกาศก้อง รับเสียงดนตรีเร้าใจกระหึ่มไปทั้งฮอลล์
       จังหวะนั้นพริตตี้แสนสวยเปิดประตูรถยนต์ เทวัญที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นก้าวออกมา...ชายหนุ่มถอดแว่นดำด้วยท่าที่เป็น เอกลักษณ์ ยืนอย่างสง่า ผ่าเผย มีชีวิตชีวา ดูดี และน่าค้นหา เทวัญติดไมค์เฮดเซ็ต เดินออกมาอย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ เริ่มการอธิบายสมรรถนะของรถรุ่นนี้ทันที
       “ผมอยากให้คุณจินตนาการ ถ้ารถคือคนรักของคุณ...คนรักแบบไหนที่คุณต้องการ ความสวยภายนอก ความดีภายใน ให้ความเร้าใจ ยกระดับภาพลักษณ์ หรือ ตอบสนองทางอารมณ์ หรือ ความร้อนแรงชวนสัมผัสจนคุณไม่อาจห้ามใจ M.D.2 จะทำให้คุณอยากจะใช้เวลาทุกวินาทีกับคนรักคนนี้ จนใครๆต้องอิจฉา”
       เงาะ ทีมงานบริษัทโมเดิร์นคาร์ ยืนถือแฟ้มสำหรับแจกผู้สื่อข่าวมองเทวัญด้วยสายตาปลาบปลื้ม หลงใหล อยู่ข้างเวที
       “ก่อนที่ทุกท่านจะได้ชมสมรรถนะอย่างใกล้ชิด ผมอยากให้ทุกท่านพบกับ สองผู้บริหารใหญ่ของบริษัทโมเดิร์นคาร์ ที่จะมาต้อนรับทุกท่านอย่างเป็นทางการครับ”
       ใจดี เพื่อนสนิทของ จี๊ด หรือ จิตรวรรณ ลูกสาวคนเดียวของเจตนา และวันดี ซึ่งเป็นพนักงานโมเดิร์นคาร์ เดินเข้ามาตามเงาะซึ่งเป็นเพื่อนกัน
       “ยัยเงาะ!ถึงคิวคุณเจตนากับคุณวันดีแล้ว...อยู่ไหน”
      
       รถยนต์คันหรูแล่นมาบนถนน หน้าปัดโชว์ตัวเลขความเร็วค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นสูงขึ้น เสียงเครื่องยนต์ที่เร่งความเร็วดังกระหึ่ม มือสวยเรียวงามกระชับพวงมาลัยมั่น จิตรวรรณทั้งสวยทั้งร้ายกาจขอบตากรีดอายส์ไลเนอร์เฉี่ยว แรง มั่นใจ ขณะเดียวกันนั้นมือถือของเธอดัง หน้าจอกระพริบๆ มีคนโทรเข้า เห็นชื่อที่หน้าจอว่า ยอดชาย ซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับใจดี และเงาะ จิตรวรรณ รำคาญกดฟังเสียง เสียงยอดชายดังขึ้นอย่างร้อนรน
       “เธออย่าทำอะไรบ้าๆนะจี๊ด”
       “ไม่ต้องมาห้าม...นังนั่นมันต้องเจอดี”
       เสียงยอดชายโวยวายห้ามดังมา จิตรวรรณ ไม่อยากรับฟัง กดตัดสายทิ้งทันทีเหยียบคันเร่งเร่งความเร็วจนแทบมิด รถยนต์หรูนำเข้าจากยุโรปวิ่งไปด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวาไป
      
       เศกซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทคู่แข่งกับบริษัทของเจตนา ยืนรอมารศรี ภรรยาวสวย อายุรุ่นราวคราวลูก ที่เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นานอยู่ที่รถ ดูเวลาแล้วตะโกนเรียก...
       “เสร็จหรือยังครับที่รัก งานเปิดตัวรถเริ่มแล้วนะ ผมไม่อยากสา...ย...”
       เศกหันกลับมา ชะงัก ค้าง เพราะ มารศรี เดินออกมาในชุดราตรีเก๋ แรง สีแดงเพลิงสวยมีเสน่ห์มาก
       “สวย คุ้มกับที่ช้ามั้ยคะ”
       “คุ้มเกินคุ้มเลยจ้ะ”
       เศกยิ้มพอใจในความสวยของมารศรี เชิญขึ้นรถไป โดยไม่รู้ว่าศยาม ลูกชายคนโตสวมแว่นดำ เสื้อแจ็คเก็ตโทรมๆ มองมาจากนอกรั้วบ้าน จ้องไปที่มารศรีเขม็งหน้าตาคับแค้น มีเจตนาร้าย ทันทีที่รถของเศกแล่นออกนอกบ้านไป ศยามก็รีบเดินพรวดขึ้นไปนั่งที่คนขับแท็กซี่ คนขับตกใจ
       “เฮ้ยๆๆๆ จะเอารถไปไหน”
       คนขับแท็กซี่รีบตามไปนั่งด้วย แต่ยังไม่ทันปิดประตูสนิทดี ศยามก็ออกรถ กระชาก ไล่ตามรถของเศกกับมารศรีไป
      
       บนเวที...เทวัญผายมือเชิญเจตนาและวันดี
       “ขอเชิญพบกับ ผู้บริหารของเรา คุณเจตนาและคุณวันดีครับ”
       รัตนา เลขาของเจตนาหันไปบอก...
       “ได้เวลาแล้วค่ะ”
       แต่อยู่ๆวันดีก็เดินเข้ามา ควงแขนเจตนา
       “ฉันขออนุญาตควงสามีตัวเองขึ้นเวทีหน่อยนะ”
       วันดีจ้องรัตนาด้วยสายตาพิฆาต เพราะเข้าใจว่ารัตนาแอบมีความสัมพันธ์กับเจตนา จนรัตนาต้องก้มหน้าหลบ ก่อนที่วันดีจะเดินฉีกยิ้มควงเจตนาขึ้นเวทีไปอย่างสง่า เจตนากับวันดีเดินขึ้นมาบนเวที ยืนเคียงเทวัญ ให้สื่อมวลชนถ่ายรูป
       
       รัตนายืนยิ้มหน้าเสียอยู่ที่เดิม แต่พยายามสำรวมอย่างที่สุด
 ภายในรถคันหรู มารศรีนั่งเคียงเศกซบบ่าสองคนกุมมือกัน แต่อยู่ๆ รถก็ส่าย จนมารศรีตกใจ ร้องว้าย เศกโวยคนขับรถ
      
       “ขับดีๆหน่อยสิ”
       คนขับรถมองกระจกหลัง
       “แท็กซี่ด้านหลัง ไม่ทราบเป็นอะไรครับท่าน ขับจี้ตลอด ให้แซงก็ไม่แซง”
       เศกหันกลับไปมอง แต่มารศรีนั่งนิ่ง
       “ก็คงพวกแท็กซี่ตีนผี ที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าถนน”
       ศยามขับรถไล่จี้แบบติดๆ แววตาคับแค้น จนคนขับแท็กซี่ตัวจริงที่นั่งข้างๆ ต้องหาที่ยึดด้วยความกลัว
       “พี่...มีเรื่องอะไรกันก็อย่าเอาผมไปมีเอี่ยวด้วยดิ จอดรถ!”
       “ถ้าไม่อยากตาย...อยู่เฉยๆ”
       ศยามตะคอกอย่างน่ากลัว คนขับแท็กซี่จ๋อย สยอง รถของเศกแล่นไป โดยมีรถแท็กซี่ไล่ตามประกบติด
       ถนนอีกด้าน...จิตรวรรณขับรถพุ่งมากดแตรไล่รถทุกคันที่ขวาง
       “ขับช้ายังงี้ไปขี่จักรยานดีกว่า หลบไป”
       ข้างหน้าเป็นไฟแดง หญิงสาวเหยียบคันเร่ง ตั้งใจจะฝ่า รถแท็กซี่ขับไล่รถของเศกมา กำลังจะผ่านสี่แยกไฟแดงข้างหน้า ไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี รถของเศกขับผ่านไป ศยามกำลังจะไล่ตาม แต่มีมอเตอร์ไซค์พุ่งตัดหน้าออกมา ศยามต้องรีบเบรกเอี๊ยด รถของเขาจอดสนิทกลางถนน หัวทิ่ม ศยาม พยายามคุมสติ
       ภาพอดีตเมื่อครั้งที่เขาอยู่ที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันแว่บเข้ามาในหัว ตอนนั้นศยาม นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก มารศรีเข้ามาโอบทางด้านหลัง คลอเคลีย
       “ถ้าดิ่งเรียนจบ ดิ่งจะทิ้งมารศรีกลับไปอยู่เมืองไทยหรือเปล่า”
       “ผมกลัวแต่จะถูกคุณผลักไสให้กลับมากกว่า”
       “ไม่มีทาง มารศรีรักดิ่ง มารศรีจะไม่ไปไหน ดิ่งก็ห้ามไปไหน เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป”
       “ผมก็รักคุณ ผมสัญญา ถ้าผมเรียนจบแล้ว เราจะแต่งงานกันนะ”
       ศยามกับมารศรีกอดกันด้วยความรักและมีความสุข
      
       สติศยามกลับมา เขาแค้นมากทุบพวงมาลัยแล้วอยู่ๆก็มีไฟรถส่องวาบเข้ามาจากด้านข้าง พร้อมเสียงแตรสนั่น ศยามหันไปมอง เห็นรถสปอร์ตคันหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างแรง...จิตรวรรณกดแตร เปิดไฟสูงไล่ แต่เมื่อรถแท็กซี่จอดนิ่ง หญิงสาวเลยต้องหักหลบอย่างเร็ว ทำให้รถไถลแล้วไปเบรกสนิทอีกด้าน ศยาม ช็อก อึ้ง คนขับแท็กซี่กลัวขนหัวลุก
       จิตรวรรณ เปิดประตูลงจากรถมาด้วยความฉุนเฉียว พร้อมเอาเรื่องทันที ศยามลงมาจากรถ ในขณะที่คนขับแท็กซี่ยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ เพราะความตกใจ
       “คิดว่าถนนเป็นลานจอดรถหรือไง”
       ศยามโวยกลับ
       “เดี๋ยวๆๆๆ ถ้าจะมีใครผิดมากกว่า ก็คือคุณ...เพราะคุณขับฝ่าไฟแดง อยากให้เรียกตำรวจมาตัดสินมั้ยล่ะ”
       จิตรวรรณรู้ตัวว่าผิด แต่ไม่ยอม
       “ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับคนขับแท็กซี่อย่างนาย”
       จิตรวรรณจะเดินไป ศยามเรียกไว้
       “จะไปไหน”
       จิตรวรรณ ชะงัก
       “อ๋อ อยากจะเรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งๆที่รถไม่ได้เป็นอะไรสักนิด...มุขหากินตื้นๆ ได้ “หญิงสาวควักกระเป๋า หยิบแบงก์พันออกมา “เอาไปเลย”
       ศยามอึ้ง มองหน้าจิตรวรรณ อย่างไม่พอใจที่ถูกดูถูก เขาไม่ยอมรับเงิน
       “หรือไม่พอ” จิตรวรรณ หยิบเพิ่มให้อีก หลายใบ ซัดใส่หน้า “เอาไป! แล้วก็ถอยไป”
       ศยามยังไม่ถอย ยังจ้องหน้าจิตรวรรณเอาเรื่อง
       “นายนี่ยังไงนะ จะโลภไปถึงไหน ฉันให้เท่านี้ ก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว อย่ามาทำเป็นหยิ่งโก่งราคา ฉันไม่ใจอ่อนกับพวกหัวหมออย่างนายหรอกนะ”
       ศยามโกรธ จับข้อมือจิตรวรรณ เอาไว้แน่น มองเครียด จิตรวรรณชักกลัว
       “แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ”
       “คิดว่าผมควรจะทำอะไรผู้หญิงอย่างคุณดี...หา!”
       “ปล่อยนะ ไม่ปล่อย ฉันร้อง”
       “ร้องเลย! เก่งนักใช่มั้ย คิดว่าจะทำอะไรใคร เหยียบหัวใครก็ได้ใช่มั้ย ร้องซี่!”
       จิตรวรรณ อึ้ง มองศยาม รู้สึกกลัวขึ้นมาอีก แต่ทำใจดีสู้เสือ
       “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” หญิงสาวกระทืบเท้าของชายหนุ่มอย่างแรง
       “นี่แน่ะ!”
       ศยามร้องลั่น
       “โอ๊ย!”
       จิตรวรรณ รีบวิ่งไปขึ้นรถทันที แล้วขับออกไปอย่างเร็ว ศยามมองตามอย่างเจ็บใจ
       “ผู้หญิงอย่างเธอ มันมีดีแค่เปลือกที่สวยงาม...แต่ความจริงข้างใน มันเน่าเฟะสิ้นดี”
       คนขับแท็กซี่เดินเข้ามาหา
       “พี่ครับ...”
       ศยามเห็นใจแท็กซี่
       “ผมขอโทษ เดี๋ยวผมชดใช้ค่าเสียเวลาและก็ค่าตกใจให้”
       ศยามเปิดกระเป๋าเงินตัวเอง...คนขับแท็กซี่รีบบอก
       “เอาเงินของผู้หญิงคนนั้นก็ได้พี่...”
       แท็กซี่ก้มลงเก็บเงินที่พื้น ศยามช่วยเก็บส่งให้
       “อย่าเอาของเขาเลย...เงินที่ให้เราด้วยความดูถูก มันไม่มีคุณค่าพอให้เราเอาไปใช้หรอก พี่เอาของผม...”
       ศยามส่งเงินให้ คนขับแท็กซี่แปลกใจ
       “แล้ว...เงินนี่ล่ะครับ”
       “ฝากพี่เอาไปทำบุญโลงศพให้ศพไม่มีญาติด้วยได้มั้ย...ถือว่าทำบุญให้เจ้าของเงิน...จะได้ตายดีๆหน่อย”
       “ขอบคุณครับพี่”
       ศยามเดินออกไป คนขับแท็กซี่มองเงิน มองศยาม ทึ่งปนแปลกใจ
      
       ศยาม เดินมาตามถนน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่ในความทุกข์ที่สลัดไม่หมด
 
คนขับขับรถมาจอดหน้าโรงแรม เศกกับมารศรีเดินออกจากรถ เศกบ่นอย่างหงุดหงิด
      
       “บ้าที่สุดเลยประเทศนี้ หาความปลอดภัยในชีวิตไม่มี ขับรถของเราดีๆก็มีคนมาหาเรื่อง”
       “อย่าหงุดหงิดสิคะ เดี๋ยวหน้าตาก็หมอง ไม่หล่อ มารศรีไม่เดินด้วยนะ”
       เศกยิ้มออกทันที มารศรีควงแขน ชวนเดินเข้างานไป จิตรวรรณขับรถมาจอดก้าวลงจากรถ พนักงานรับรถของโรงแรมเข้ามา หญิงสาวส่งกุญแจรถให้ จิตรวรรณ มองเข้าไปในงาน ด้วยสายตาพร้อมมีเรื่อง
      
       ภายในงาน สื่อมวลชนกำลังรุมถ่ายรูปรถ ถ่ายรูปพริตตี้กันอยู่ เทวัญกำลังทักทายต้อนรับแขกระดับสูงอยู่ เงาะแอบมองเทวัญด้วยความปลื้มอยู่ตลอด เจตนากับวันดีเดินเข้ามาหาเทวัญ ชายหนุ่มรีบบอกกับแขก
       “ผมขอตัวสักครู่นะครับ” เทวัญแยกไปหาเจตนา “เป็นยังไงบ้างครับคุณอาเจตนา งานวันนี้ผมไม่ได้ทำอะไรพลาดไปใช่มั้ยครับ”
       “งานวันนี้นายทำได้เยี่ยมมากเทวัญ สมแล้วที่ฉันให้ความไว้วางใจ”
       วันดียิ้มชื่นชม
       “ฉันภูมิใจมากนะ ที่คู่หมั้นของลูกสาวฉัน เก่งมาก”
       “ขอบพระคุณคุณอาทั้งสองมากครับ ที่เมตตาผม ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเลยครับ”
       วันดียิ้ม
       “โชคอะไรกันจ๊ะ เธอมีหน้าที่การงานดีเพราะทำผลงานดี เธอได้หัวใจของลูกสาวฉัน ก็เพราะเธอเป็นคนดี”
       เจตนาเตือน
       “และตามใจเขามาก ระวังนะ ปรามๆไว้บ้าง”
       เทวัญยิ้มกว้างรับคำชม ดูอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่ แต่แอบมีแววตาซ่อนความร้ายกาจ เจตนา เหลือบไปเห็นเศกกับมารศรีเดินเข้ามาด้วยกัน
       “นายเศก!”
      
       เศกกับมารศรีกำลังยืนให้สื่อมวลชนถ่ายรูป เจตนา วันดี และเทวัญ เดินเข้ามาหา
       เจตนา และวันดีพยายามข่มใจ ฉีกยิ้ม เดินเข้าไปทักทาย
       “ไม่อยากเชื่อว่างานเปิดตัวรถใหม่ของโมเดิร์นคาร์ จะได้รับเกียรติจาก คุณเศก...เจ้าของบริษัท ลักชัวรี่ คาร์ ด้วย”
       เศกยิ้มรับ
       “พูดแบบนี้ เดี๋ยวผมก็เข้าใจผิดคิดว่า คุณเจตนาแค่ส่งจดหมายเชิญคู่แข่งมาร่วมงานเป็นมารยาทหรอกครับ ฮะๆๆๆ”
       เจตนาหัวเราะเกลื่อน
       “ฮะๆๆๆ”
       เจตนากับเศกข่มๆกัน แข่งขันกันอยู่ในที ภายใต้หน้ากากแห่งมิตร วันดีหันไปยิ้มแย้มทักทายมารศรี
       “เพิ่งได้พบ คุณมารศรี ภรรยาใหม่ของคุณเศกชัดๆ...สวยและเด็กกว่าที่คิดอีกนะคะ”
       วันดีมองหัวจรดเท้า มารศรีไม่พอใจ ไม่ไหว้
       “คุณวันดีก็ดูสวยสมวัยมากเช่นกันค่ะ”
       วันดีรู้ว่าถูกแดกดัน ฝืนยิ้มเหยียดให้กับความเชิดของมารศรี รัตนาเข้ามายืนอยู่ในสายตาของเจตนาส่งสัญญาณว่ามีเรื่องจะคุย เจตนาหันไปบอกเศก
       “เชิญตามสบายนะครับคุณเศก”
       เจตนาแยกออกมาหารัตนา วันดีมองตามอย่างไม่พอใจ
      
       รัตนาแจ้งกำหนดการกับเจตนา
       “อีกสิบนาที ท่านต้องให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์นะคะ...นี่ค่ะ รัตนาร่างคำตอบเป็นแนวทางให้ท่านไว้แล้ว”
       “ถ้าไม่มีคุณ ผมคงแย่แน่ ขอบคุณมากนะรัตนา”
       เจตนายิ้มให้ รัตนายิ้มตอบ
       “มันเป็นหน้าที่ของเลขานุการค่ะท่าน”
       “คุณเป็นเลขานุการที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา”
       วันดีมองเจตนากับรัตนาด้วยความไม่พอใจ แต่ปั้นหน้ายิ้มคุยกับเทวัญ เศกและมารศรีต่อไป แต่อยู่ๆจิตรวรรณ เดินบุกเข้ามากลางงาน ผู้คนแหวกออกหันมองจิตรวรรณ
       “หวานไม่แคร์สื่อเลยนะคะคุณพ่อ!”
       เจตนาตกใจ
       “ยัยจี๊ด!”
       “นังคนที่คิดแย่งคุณพ่อไปจากคุณแม่ หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง” จิตรวรรณมองรัตนาหัวจรดเท้า “หน้าตาดีนี่ ไม่น่าจะหาแฟนยาก ชอบแย่งสามีคนอื่นนักหรือไง”
       เจตนาหน้าเสีย
       “อย่าฉีกหน้าพ่อตรงนี้...กลับบ้านไป”
       เจตนาลากจิตรวรรณ ออกไปทันที วันดีตามไปติดๆ แต่จิตรวรรณ สะบัดออก กลับมาเอาเรื่องรัตนาอีก วันดีเข้าห้าม
       “จี๊ด อย่าทำแบบนี้”
       “โอเคค่ะ...จี๊ดไม่ฉีกหน้าคุณพ่อก็ได้ แต่ขอฉีกหน้ามันแทน” จิตรวรรณ จ้องหน้ารัตนาแล้วหันไปประกาศ “ทุกคนคะ จี๊ดขอโทษ ที่เข้าใจผิดว่าคุณรัตนาแอบเป็นเมียน้อยคุณพ่อ...มันไม่จริงเลย ช่วยลงข่าวให้ถูกด้วยนะคะ ว่าคุณพ่อแค่สนิทสนมกับคุณรัตนามากกว่าพนักงานคนอื่นๆนิดหน่อย ก็แค่อยู่ๆก็ขึ้นเงินเดือนให้เป็นพิเศษ คุณรัตนาคงทำงานเก่งม้ากมาก ไม่ได้ใช้เต้าไต่หรอกค่ะ”
       เจตนาโกรธ
       “ยัยจี๊ด!”
       จิตรวรรณ ไม่สน
       “หรือสดๆร้อนๆอย่างเมื่อคืนนี้ ประชุมเลิกดึก คุณพ่อก็พาไปดินเนอร์ แล้วก็ไปส่งที่คอนโด...อุ๊บ อย่าคิดว่าเป็นคอนโดที่คุณพ่อแอบซื้อให้อยู่นะคะ ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณรัตนาเป็นแค่เลขา ไม่ใช่เมียน้อย”
       ยอดชายวิ่งตามเข้ามาในงาน ตามมาด้วยใจดี และเงาะ
       “ยัยจี๊ด!“ ยอดชายรีบวิ่งเข้าไปห้าม “อยากลงหน้าหนึ่งหรือไง พอได้แล้ว...ออกมา”
       ยอดชายจะลากไป จิตรวรรณสะบัดออก
       “ยอดชาย นายไม่ต้องยุ่ง!”
       เทวัญเข้ามาห้ามอีกคน
       “จี๊ด...พี่ขอล่ะ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันได้มั้ย เห็นมั้ยว่าทุกอย่างมันกำลังจะพัง”
       จิตรวรรณ เห็นเทวัญขอร้อง เห็นสายตาของเจตนาที่เสียใจมากเห็นสีหน้าของรัตนาที่ซีดเผือด เห็นสายตาของเพื่อนๆที่อ้อนวอน...เห็นสายตาของนักข่าวที่หื่นกระหายข่าว จิตรวรรณ สะใจมาก
       “ที่งานนี้ต้องพัง...ไม่ใช่เพราะใครหรอกค่ะ แต่เพราะความไม่รู้จักพอของผู้หญิงคนนี้”
       จิตรวรรณ เดินไปเผชิญหน้ากับรัตนา
       “ดิฉันไม่ใช่...”
       จิตรวรรณขัดขึ้น
       “ไม่ใช่เมียน้อย คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อ ถ้าเธอยังไม่หยุด เธอเละกว่านี้แน่”
       จิตรวรรณ เดินสะบัดหน้าออกไป เทวัญรีบตาม รัตนาอายสื่อ รีบเดินหลบหนีไป เจตนาเครียด เศกและมารศรีแอบยิ้มชอบใจ สนุกดีจัง...
       
       วันดีสะใจแต่เมื่อหันมาเห็นสายตาของเจตนาที่มองมาอย่างเสียใจ วันดีเดินหนีทันที เจตนาตามวันดีไปติดๆ
  จิตรวรรณเดินออกมา เทวัญรีบวิ่งตามมาขวาง
        
       “จี๊ด...จี๊ดทำอย่างนี้ ไม่น่ารักเลยนะ”
       “พี่เทวัญ...ว่าจี๊ดเหรอ”
       “ไม่ว่าจี๊ดจะไม่พอใจอะไร จี๊ดก็ไม่ควรเอาครอบครัวตัวเองมาประจานในที่สาธารณะแบบนี้ มันมีแต่เสียทุกฝ่าย”
       จิตรวรรณอ่อนลง
       “จี๊ดก็ไม่ได้อยากทำตัวแบบนี้ แต่จี๊ดทนไม่ไหว ที่ต้องเห็นคุณแม่กับคุณพ่อทะเลาะกันเพราะมันทุกวัน!จี๊ดเลยต้องมาแฉมันออก สื่อนี่ไง จะได้เลิกทำตัวทุเรศสักที”
       “พี่เตือนจี๊ดกี่ครั้งแล้ว ว่าจี๊ดโตแล้วนะ จี๊ดต้องหัดอดทน นั่นมันเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องจัดการกันเอง แต่จี๊ดไม่เชื่อพี่เลย พี่เสียใจ”
       จิตรวรรณอ่อนลง ใจเสีย เข้าไปอ้อน
       “พี่เทวัญโกรธจี๊ดเหรอ จี๊ดไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธจี๊ดนะ”
       “พี่รักจี๊ดและเข้าใจจี๊ดเสมอ แต่คราวนี้จี๊ดทำเกินไปจริงๆนะคะ จี๊ดกลับไปก่อนนะ พี่ต้องกลับไปเคลียร์กับนักข่าว แล้วพี่จะโทรหา โอเคมั้ย”
       “ค่ะ รีบโทรหาจี๊ดเร็วๆนะ”
       เทวัญยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป แอบถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ลับหลังโดยที่จิตรวรรณ ไม่เห็น...เทวัญเดินออกไป สวนกับยอดชายและใจดีที่วิ่งตามเข้ามา มองจิตรวรรณ อย่างตำหนิๆ แต่จิตรวรรณ ไม่สน
       “ไม่ใช่แฟนไม่ต้องมาว่า!”
      
       เจตนาพาวันดีเข้ามาคุยเป็นการส่วนตัว
       “คุณใช้ลูกเป็นเครื่องมือ คุณกล้าทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
       “ฉันไม่รู้เรื่อง ยัยจี๊ดทำของเขาเอง”
       เจตนาอึ้ง แต่ยังโกรธมาก
       “คุณจะกลัวอะไร ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”
       “ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เคยมีอะไรระหว่างผมกับรัตนา”
       “พิสูจน์สิ ว่าคุณบริสุทธิ์ใจ”
       “จะให้ผมพิสูจน์ยังไง”
       “ไล่มันออก”
       “ไล่คนทำงานดีๆออก ด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนี้น่ะเหรอ ผมทำไม่ได้”
       “แค่นี้ ฉันก็ได้คำตอบแล้วล่ะ...”
       วันดีไม่ฟังอะไรแล้ว เดินหนีออกไปทันที เจตนาเครียด ไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง รัตนาแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง...เธอเครียดรู้สึกแย่กับตัวเองที่เป็นต้นเหตุ ของเรื่องนี้ เจตนาเดินเข้ามา เห็นรัตนายืนอยู่
       “รัตนา...”
       รัตนาปั้นหน้าเป็นปกติ
       “คุณเทวัญ จัดการให้นักข่าวกลับกันไปหมดแล้วค่ะ”
       “ส่วนผม ต้องจัดการกับยัยจี๊ด”
       เจตนาเดินออกไปทันที รัตนารีบตามไป
      
       มารศรีกับเศกเดินแยกออกมาอีกมุม นอกบริเวณงาน
       “นายเจตนา มีทายาทสืบทอดธุรกิจที่ไร้วุฒิภาวะได้ขนาดนี้ แล้วโมเดิร์นคาร์จะเอาอะไรมาสู้กับลักชัวรี่คาร์ของผม งานนี้ถูกดิสเครดิตโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย”เศกหัวเราะขำๆ
       ศยามแอบมองอยู่มุมหนึ่ง ขณะที่มารศรียังนึกไม่พอใจวันดี
       “คุณเห็นสายตาที่ยัยคุณหญิงวันดีมองศรีมั้ยคะ...ทำยังกับว่าศรีมาแต่งงานกับคุณเพราะหวังสมบัติ”
       “ผมเคยบอกแล้วไง ว่าใครจะคิดยังไง ผมไม่สน ผมรู้ดีกว่าใคร ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงิน อย่าไปแคร์คนอื่นเลย แคร์ผมคนเดียวก็พอ”
       “เพราะอย่างนี้ไงคะ ศรีถึงได้รักและบูชาคุณเหลือเกิน”
       ทันใดมารศรีเหลือบมองไปเห็นศยาม ที่ยืนแอบมองอยู่ ทั้งคู่สบตากันชั่วแว่บหนึ่ง มารศรีชะงัก
       “เอ๊ะ...นั่น”
       มารศรีเอะใจ เพราะคุ้นหน้า ศยามรีบหลบหน้าเดินออกไป เศกแปลกใจ
       “มีอะไรเหรอ”
       “เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ...ศรีขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
       มารศรีรีบร้อนออกไปทันที เศกมองตามมารศรีประหลาดใจ แต่ไม่ติดใจอะไร ไปนั่งรออย่างอารมณ์ดี
      
       มารศรีเดินตามหาศยาม ออกมาด้านนอกงาน พยายามมองหาไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบใคร ศยามแอบมองที่มุมหนึ่งด้วยความช้ำใจ ระหว่างนั้นเขาเห็นมารศรีเดินหันหลังผ่านไป ชายหนุ่มทำท่าตัดสินใจจะออกไปหา...มารศรีเดินหน้าตาแปลกใจ สงสัย พึมพำกับตนเอง
       “ดิ่งอยู่เมืองนอก จะมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง...เราตาฝาดแน่ๆ”
       มารศรีหันหลังจะกลับเข้าไป แต่ชนเข้ากับเศกที่ออกมาตามพอดี
       “ว้าย!”
       “ผมเองๆ...เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
       “เปล่า...เปล่าค่ะ”
       “เห็นคุณหายไปนาน ผมเป็นห่วง...”
       “ศรีหาห้องน้ำไม่เจอค่ะ แต่เรียบร้อยแล้วค่ะ เราจะเข้างานกันอีกมั้ยคะ”
       “ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมไม่ชอบซ้ำเติมคู่แข่ง...แต่...ก็สะใจดีนะ ฮ่ะๆๆ”
       เศกยิ้มหยัน ก่อนจะพามารศรีเดินไป มารศรียังพะวงหันกลับมามอง
       
       ศยามได้แต่แอบมองอยู่ ด้วยความช้ำใจ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น