วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครมณีแดนสรวง ตอนที่ 9 (จบตอน) วันที่ 29 ก.ค. 55

สการเดินตามหาชิโลอยู่บนดาดฟ้า ด้วยสีหน้าหงุดหงิดร้อนอกร้อนใจมาก
      
       “ชิโล...ชิโล..เธออยู่บนนี้รึเปล่า”
       ชิโลแอบหลบที่หลังแทงค์น้ำมองสการ
       “ผู้กองหน้ายักษ์นี่น่ะเหรอ...ที่พี่พรรณรายบอกให้เรามองให้ลึกใจจิตใจมากกว่าการกระทำ”
       หญิงสาวมองสการอย่างพิจารณา
       “ยัยเพี้ยน !! ยัยติงต๊อง ถ้าอยู่แถวนี้ก็โผล่หัวออกมา ฉันเหนื่อยจะตามหาเธอแล้วนะ”
       ชิโลชักสีหน้า
       “ตาบ้า !! ชอบว่าเราเพี้ยนติงต๊องอยู่เรื่อย ใครบอกให้มาช่วยล่ะ..เชอะ”
       สการยังเดินตามหา ชิโลถอยมาครุ่นคิดแล้วคิดถึงคำพูดของพี่สาว
       ‘จะรับมือกับมนุษย์บางทีก็ต้องใช้วิธีการแบบมนุษย์ การมีมารยาหญิงอาจช่วยทำให้เรารอดพ้นจากอันตรายได้’
       ชิโลคิดได้แล้วก็อมยิ้มกวนๆ
       “เจอตัวเราเมื่อไหร่ต้องวุ่นวายตอบคำถามเยอะแน่..ลองดูหน่อยแล้วกัน มารยาหญิง ผิดศีลก็จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร”
       ชิโลทำท่าเว่อร์ๆโอเว่อร์แอคติ้งแบบคนที่ตกใจสุดฤทธิ์
       “ผู้กองคะ..ฉันอยู่ทางนี้...ช่วยฉันด้วย”
       สการหันขวับ
       “ชิโล !!”
       สการปรี่เข้าไปหา ชิโลตัวเซล้มทั้งยืน สการเข้าไปโอบไว้ได้ทัน
       “ชิโล...เกิดอะไรขึ้น”
       ชิโลเว่อร์แอคติ้ง
       “ผู้กอง...ฉัน...ฉัน...”
       ชิโลพูดได้แค่นั้นก็ทำท่าหมดสติไปทันที...!!
       “อ้าว...ชิโล...ชิโล !!”
      
       สการแบกชิโลขึ้นหลังพาเดินมาตามทาง ชิโลหรี่ตาขึ้นมามองสการที่แบกเธอเดินอย่างเป็นห่วง แต่พอเขาหันหน้ามา เธอรีบทำเป็นสลบต่อ
       “เห็นตัวเล็กๆ แต่หนักชมัด ยัยเพี้ยนเอ้ย”
       ชิโลลืมตาขึ้นมาอีกแล้วกระหยิ่มยิ้ม คิดในใจ...
       ‘แค่นี้ทำเป็นบ่น ไหนว่าเป็นมือปราบระดับพระกาฬไม่ใช่เหรอ...ผู้กองหน้ายักษ์’
       ชิโลแลบลิ้นใส่...ชิ แต่สการดันหยุดชะงัก ชิโลตกใจรีบหลับตาปี๋ทำสลบต่อ
       ‘ตาบ้า...หยุดทำไม หรือว่าได้ยินที่เราพูด เป็นไปไม่ได้ ก็เราคิดในใจแล้วจะได้ยินได้ยังไง’
       สการค่อยๆหันมา ชิโลทำสลบเนียนสุดฤทธิ์
       “บอกตรงๆนะยัยเพี้ยน เวลาที่เธออยู่เงียบๆแล้วไม่แผลงฤทธิ์แบบนี้ เธอก็สวยเหมือนนางฟ้าลงมาจากสวรรค์เหมือนกัน”
       สการชมชิโลแล้วเดินแบกชิโลไปตามทาง ชิโลถึงกับอึ้ง..ตึงๆๆ ไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากสการแบบชัดๆแบบนี้ ชิโลถึงกับหัวใจเต้นตึกๆ เลือดฝาดขึ้นหน้าอย่างไม่รู้ตัว
       ‘นายนั่นแหละที่เพี้ยน ไม่เคยเห็นนางฟ้าแล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันสวยเหมือนนางฟ้า’
       ชิโลพร่ำไปแต่ก็อมยิ้มเขินๆ
      
       หน้าคอนโดฯ พรรณรายยืนเพ่งจิตสงบนิ่งพนมมือร่ายมนต์ ครู่หนึ่งเกิดแสงสว่างขึ้นเป็นเส้นรอบๆคอนโดฯ ด้วยเวทย์มนต์สร้างอาณาเขตปกป้องชิโลจากพวกอสูร ระหว่างนั้นอุ้มสมก็ส่งเสียงเรียก
       “พี่พรรณราย”
       พรรณรายหันไปเห็นสภาพของอุ้มสมก็ตกใจ เพราะหน้ามอมแมมเลอะเทอะไปทั้งตัว
       “อุ้มสม...เจ้าไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้มอมแมมเลอะเทอะ เหมือนไปกัดกับสุนัขที่ไหน”
       “ไม่ได้กัดกับสุนัข แต่กัดกับแมวมาครับพี่”
       “แมว...” พรรณรายยิ้มขำคิกคัก “โถ..น่าสงสารเจ้าซะจริงอุ้มสม”
       “หึ..ถ้าพี่พรรณรายสงสารก็ ช่วยเสกให้ผมไม่ต้องกลายเป็นนกแก้วอีกได้มั้ยครับ”
       “ไม่ได้หรอก มนต์ที่เสกเจ้าเป็นของท่านพ่อ พี่ช่วยอะไรไม่ได้”
       “แต่แมวที่โลกมนุษย์ มันจ้องจะกินผมอย่างเดียวเลยนะพี” อุ้มสมคร่ำครวญ
       “เจ้าก็พยายามอย่าจามสิ จะได้ไม่ต้องเป็นนกแก้วอีก...เอาล่ะ จากนี้ไปเจ้าและชิโลจะรอดปลอดภัยจากพวกอสูร เพราะพี่เพิ่งจะสร้างอาณาเขตปกป้องที่นี่ไว้ให้”
       “แล้วถ้าออกนอกอาณาเขตนี้ล่ะพี่พรรณราย”
       “ชิโลมีแก้วสัตตพิธรัตนะคุ้มครองตนอยู่ เจ้าต้องคอยอยู่ใกล้ๆชิโล กำชับอย่าให้ชิโลห่างจากแก้วสัตตพิธรัตนะเด็ดขาด”
       “ครับพี่พรรณราย”
       “มีอีกเรื่องที่เราต้องเตือนเจ้า”
       พรรณรายพูดไปก็แหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าสีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมา จนอุ้มสมแปลกใจ
       “เจ้ากับชิโลควรต้องเร่งหาทางแก้ปัญหาของผู้กองดรัณกับคุณสิริสุดาให้ได้โดยเร็ว”
       “ทำไมต้องเร่งด้วยครับพี่พรรณราย”
       “เรายังบอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้ แต่อย่านิ่งนอนใจ ถ้ามีเหตุอะไรสุดวิสัย พี่จะมาช่วย ดูแลน้องสาวเราด้วยนะอุ้มสม”
       สั่งเสียเสร็จพรรณรายก็หายตัวไป
       “พี่พรรณราย”
       อุ้มสมแปลกใจสงสัยกับคำเตือน ที่พรรณรายบอกไว้แต่คลุมเครือ
      
       จิตราสูรพาอสุเรศ มาดูอัคราสูรที่โดนพรรณรายเล่นงานจนตัวแข็งเป็นหิน
       “กระผมเตือนมันแล้วขอรับนายท่าน แต่มันอหังการ์คิดจะเล่นงานรัศมิพรรณราย มันก็เลยโดนสั่งสอนซะ”
       จิตราสูรเข้าไปเอามือแขกที่หัวของอัคราสูร..เสียงดังเหมือนเคาะของแข็งๆ..ก๊องๆๆ
       “ฟังเสียงดูสิขอรับ เสียงแบบนี้ แสดงว่าข้างในกะโหลกมันไม่มีอะไรอยู่เลย”
       จิตราสูรจะเคาะอีกที แต่คราวนี้ลูกกะตาของอัคราสูรกลอกมาจ้องเขม็ง จิตราสูรตกใจ
       “เย้ย !! โดนสาปให้เป็นหินแล้ว ไหงลูกกะตายังกลอกไปมาได้”
       “ถอยไป !!”
       อสุเรศสั่งจิตราสูรเสียงเฉียบแล้วเข้าไป ยืนใกล้ๆอัคราสูร อสุเรศเพ่งจิตสงบนิ่งอยู่ครู่ก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ตัวอัคราสูร เกิดแสงสว่างขึ้นรอบๆ อัคราสูรก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆกลับมาขยับแข้ง แขนขาได้เหมือนเดิม
       “โอ้ย...ขอบคุณขอรับนายท่าน นึกว่าจะต้องตัวแข็งอยู่ตรงนี้ไปตลอดแล้วซะอีก”
       อัครสูรแล้วหันขวับไปที่จิตราสูร
       “ไอ้อึ่งอ่าง !! ได้ทีเคาะกะโหลกข้าไม่หยุดเลย เอ็งโดนเอาคืนแน่”
       อัคราสูรจะเอาเรื่อง แต่อสุเรศเข้าไปกระชากคอเสื้อสมุนแล้วจับมาชนกัน...โครม !! พวกมันร้องโอดโอยกันไป
       “ถ้าพวกแกไม่มัวแต่มาทะเลาะกันกับเรื่องไร้สาระ ป่านนี้ข้าก็คงได้ตัวรัศมิชโลธรไปทำเมียแล้ว”
       “พวกกระผมขอโทษขอรับนายท่าน”
       อสุเรสกระชากคอเสื้ออัคราสูร
       “กี่ครั้งแล้วที่พวกแกเอาแต่ขอโทษ”
       อัคราสูรหันมานับนิ้ว จิตราสูรตบหน้าผากตัวเอง...มึน
       “ไอ้อสูรโง่เอ้ย ดันไปนับอีก...หาเรื่องทำให้นายโกรธแล้ว”
       จิอตราสูรสยองพองขน รู้ว่านายโกรธแล้วต้องเกิดอะไรขึ้น เลยเอาตัวรอดขยับขาถอยหนีสุดฤทธิ์
       “นับไม่ถ้วนขอรับ”
       อสุเรศชักสีหน้าโกรธมากถึงมากที่สุด ดวงตาของอสุเรศแดงก่ำจนน่ากลัว เส้นเลือดปูดขึ้นจนเห็นได้ชัด
      
       อัคราสูรกระเด็นเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยแรงผลักมหาศาล ของอสุเรศที่กราดเกรี้ยวฉุนเฉียวกว่าทุกครั้ง
       “นายท่าน...กระผมขอโทษขอรับ กระผมจะไม่ทำให้นายท่านต้องผิดหวังอีก”
       “ยังไม่เลิกพูดขอโทษกับข้าอีกเหรอ...ข้าเบื่อที่จะฟังอีกแล้ว”
       สุเรศเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วจับเหวี่ยงอัคราสูร กระเด็นไปกระแทกกับจิตราสูรที่คลานต้วมเตี้ยมหาที่หลบ
       “โอ้ยยยย...อุตส่าห์หลบแล้วยังโดนลูกหลงอีก ไอ้อสูรบื้อ เอ็งทำข้าซวยไปด้วยเลย”
       อสุเรศตามเข้ามาจะเล่นงานซ้ำ จิตราสูรรีบเข้าไปกอดขาอ้อนวอน
       “นายท่าน...เว้นโทษพวกเราด้วยเถอะขอรับ พวกเราพยายามทำตามที่นายท่านสั่งทุกอย่างจนเกือบจะได้ตัวรัศมิชโลธรมาให้ท่าน”
       “เกือบจะได้เหรอ !! พวกแกปล่อยให้พี่สาวนางเอาแก้วสัตตพิธรัตนะมาให้นางจนทำให้ข้าเข้าใกล้นาง ไม่ได้อีก แบบนี้แล้วยังคิดว่าข้าควรจะยกโทษให้อีกงั้นเหรอ”
       อสุเรศโกรธจัดกระทืบเท้าดัง...ตึ่ง..ตึ่งเข้าหา คฤหาสน์สั่นสะเทือน สมุนอสูรพากันตัวโยกหัวสั่นหัวคลอน จิตราสูรหลับตาปี๋
       “ตาย..ตายแน่ๆ ไม่คิดเลยว่าต้องมาตายที่มนุษยภูมิแบบนี้”
       จิตราสูรหลับตาปี๋กลัวตาย แต่ทันใดนั้นอสุเรศกลับชะงักกึกเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
      
       อสุเรศผละจากสมุนแล้วเดินออกไปทันที อัคราสูรกับจิตราสูรพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก งงๆไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
 อสุเรศออกมาที่ระเบียงคฤหาสน์ เห็นเมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าเคลื่อนตัวเข้ามาสลับกับฟ้าร้องฟ้าแลบแปลบๆ อสุเรศนิ่งงันไปทันที สองสมุนตามนายออกมา อัคราสูรสงสัย
      
       “เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายท่านถึงไม่ลงโทษพวกเรา”
       “นายท่านไม่ลงโทษก็ดีแล้ว หรือว่าเอ็งยังอยากโดน”
       “พวกเจ้าหุบปากกันได้แล้ว” อสูเรศตวาด
       จิตราสูรยังคงสงสัย
       “ขอรับนายท่าน เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ”
       “ท่านพ่อเรียกตัวข้า สั่งให้ข้ากลับไปที่พิภพอสูร..เดี๋ยวนี้ !!”
       “ท่านจอมอสูรเหรอขอรับ” อัครสูรถามย้ำ
       อสุเรศหนักใจ จิตราสูรพลอยไม่สบายใจไปด้วย
       “ท่านจอมอสูรมีคำสั่งด่วนแบบนี้ หรือว่าจะรู้เรื่องที่นายท่านขึ้นมาที่มนุษยภูมิเพื่อเล่นงานรัศมิชโลธร”
       “ไม่..ท่านพ่อไม่รู้เรื่องนั้นแน่”
       “แล้วท่านจอมอสูรมีคำสั่งเรียกตัวนายท่านไปเพราะอะไรขอรับ” อัคราสูรแปลกใจ
       อสุเรศแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้าที่มีแต่เมฆทะมึนดำ
       “คงใกล้เวลาที่ดอกปาฎลีจะออกดอกแล้ว”
       จิตราสูรนึกขึ้นมาได้
       “ดอกปาฎลี !! ที่กลางพิภพอสูรน่ะเหรอขอรับ”
       “ข้าต้องรีบไปเดี๋ยวนี้แล้ว พวกเจ้าฟังคำสั่งข้าให้ดี ระหว่างที่ข้าต้องกลับไปพิภพอสูร พวกเจ้าคอยจับตาดูรัศมิชโลธรให้ดี แล้วหาโอกาสเล่นงานนางให้ได้”
       จิตราสูรรับปากแข็งขัน
       “ได้ขอรับนายท่าน คราวนี้ข้าจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง”
       อสุเรศหันมามองสีหน้าจริงจังก่อนที่จะหายตัวไป จิตราสูรเป่าปากโลกอก
       “เกือบไปแล้วเรา...นับว่าดวงยังดี”
       จิตราสูรหันไปตกใจที่อัคราสูรยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
       “เย้ยย..ไอ้อสูรหน้าบื้อ ยื่นหน้ามาทำไม ข้าตกใจหมด”
       “ข้าสงสัยว่าทำไมแค่ดอกปาฏลีที่กลางพิภพอสูรบาน ท่านจอมอสูรถึงต้องสั่งให้นายท่านกลัวด่วนด้วย”
       จิตราสูรส่ายหน่าอย่างรำคาญ พลางอธิบาย
       “แกนี่มันสมเป็นอสูรหน้าบื้อๆจริงๆ บนสวรรค์มีต้นปาริกชาติ ในพิภพอสูรก็มีต้นปาฏลี เมื่อใดที่ทั้งดอกปาริกชาติและดอกปาฏลีบานสะพรั่งและร่วงโรยพร้อมๆกัน ก็ถึงเวลาที่พวกเราเหล่าอสูรกับพวกเทวดาต้องเปิดศึก...เทวสุรสงคราม !!”
      
       สการแบกพาชิโลกลับเข้ามาที่โซฟา นารีเป็นห่วงชิโลมาก ส่วนมัดหมี่นั่งเชิดหน้า
       “หนูชิโล...หนูชิโลเป็นอะไรไปตาแซม” นารีถาม
       “แค่หมดสติไปครับแม่”
       มัดหมี่สอด
       “ดูท่าทางไม่เป็นอะไรมาก เอายาดมให้ดมหน่อยเดี๋ยวก็ฟื้นเองค่ะคุณแม่”
       นารีหันขวับมองไม่พอใจ
       “หมดธุระของเธอแล้วใช่มั้ย มัดหมี่”
       “เอ่อ...คุณแม่คะ”
       “ฉันขอบใจมาก ที่เธอเป็นห่วงในความปลอดภัยของฉัน แต่การที่เธอเรียกให้รถพยาบาลมาพาตัวชิโลไปโดยไม่ถามฉันสักคำ โบราณเขาเรียกว่า..สอด”
       มัดหมี่ผงะเหวอ
       “คะ...คะ...คุณแม่”
       “ต่อไปนี้อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอเข้ามาจุ้นจ้านกับฉันและหนูชิโลอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะมองไม่เห็นว่าเธอเป็นเพื่อนของลูกชายฉันอีก”
       มัดหมี่โดนนารีตอกหน้าใส่อย่างไม่เกรงใจทำเอาแทบอยากกรี๊ด ชิโลแอบหรี่ตาขึ้นมามองเห็นอาการท่าทางของมัดหมี่
       “ขอบคุณค่ะคุณป้า”
       สการเหมือนได้ยินเสียงชิโลเลยหันขวับมา ชิโลรีบหลับตาทำเป็นสลบต่อ นารีสั่ง
       “ตาแซม ไปส่งเพื่อนเราได้แล้ว”
       มัดหมี่เจ็บใจหันไปคว้ากระเป๋าถือแล้วเก็บอาการสุดฤทธิ์
       “มัดหมี่ต้องขอโทษคุณแม่ด้วยจริงๆ มัดหมี่รักและเคารพคุณแม่เหมือนเป็นแม่ของมัดหมี่อีกคน หวังว่าคุณแม่จะอภัยให้ลูกสาวคนนี้บ้าง มัดหมี่กราบลาล่ะค่ะ”
       มัดหมี่เชิดหน้าตั้งเดินออกไป สการตามออกไปส่งมัดหมี่
      
       มัดหมี่เดินออกมาอย่างเจ็บใจ จิกมือจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ถลึงตาแทบจะถลน ระหว่างนั้นสการเดินตามหลังมา
       “คุณมัดหมี่”
       มัดหมี่ชะงักแล้วรีบแอคติ้งบีบน้ำตาปล่อยโฮสุดฤทธิ์
       “ฮือๆๆๆ..โฮๆๆๆๆ..แงๆๆๆ”
       “คุณมัดหมี่”
       “ผู้กอง...มัดหมี่ขอโทษ มัดหมี่ผิดไปแล้ว มัดหมี่ไม่สมควรที่จะมาให้คุณแม่เห็นหน้ามัดหมี่อีก..ฮือๆๆๆ คุณแม่เกลียดมัดหมี่ไปแล้ว...โฮๆๆๆๆ”
       มัดหมี่ปรี่เข้าไปกอดสการแล้วแกล้งร้องไห้ซบอก
       “เอ่อ...คุณแม่ผมไม่เคยเกลียดใครหรอกครับ ท่านเป็นห่วงชิโลมาก ท่านก็เลยเหวี่ยงออกมาบ้างแค่นั้น”มัดหมี่แอบพึมพำ
       “แก่จะตายอยู่แล้วยังมาทำเหวี่ยง”
       สการไม่สบายใจ
       “คุณมัดหมี่”
       มัดหมี่ร้องไห้สะอื้นต่อ
       “มัดหมี่ก็เป็นห่วงคุณแม่ ถึงได้ตัดสินใจเรียกคนมาพาตัวยัย...เอ่อ...ชิโลไป ผู้กองก็เห็นว่าชิโลไม่ใช่คนปกติ”
       “ครับ..เธออาจจะไม่ปกติเหมือนคนอื่น แต่เธอก็ไม่ได้บ้าถึงขั้นต้องส่งตัวไปรักษา เอาเป็นว่า ผมขอบคุณมากในความหวังดีของคุณ”
       “ถ้าผู้กองไม่โกรธ มัดหมี่ก็สบายใจ เพราะมัดหมี่ชอบให้คนรัก ไม่ชอบให้ใครเกลียด...ยิ่งรักมากก็ยิ่งช้อบ...ชอบ”
       มัดหมี่พูดไปก็เอามือแตะหน้าอกสการแล้วซบหน้าออดอ้อน สการรู้สึกจั๊กจี๋
       “โอเคครับ...แต่เอาเป็นว่าสำหรับยัยเพี้ยนนั่น คุณไม่ต้องไปยุ่งกับเธออีก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมยุ่งกับเธอคนเดียวก็พอ คุณกลับไปทำงานของคุณเถอะครับ”
       สการดันมัดหมี่ออกแล้วไป กดปุ่มหน้าลิฟท์เป็นจังหวะที่ลิฟท์มาถึงและเปิดประตูพอดี
       “ผู้กองคะ”
       “เชิญครับ”
       มัดหมี่หน้างอยอมกลับก็ได้เข้าไปในลิฟท์ พอประตูลิฟท์ปิดมัดหมี่ก็ปั้นหน้าร้ายเอาเรื่อง
       “หึ...นังชิโล นังบ้า...ฉันรู้ว่าแกมารยาใส่ผู้กอง เชอะ...ฉันไม่ปล่อยแกให้มาเสนอหน้าทำคะแนนตีตื้นฉันหรอก...โอ๊ย มันจี๊ดดดด”
      
       ที่สำนักงานตำรวจฯ...ตรีชฎาเข้ามาที่โต๊ะทำงานของสการ
       “ผู้กองคะ...อ้าว...ไม่อยู่แล้วเหรอ”
       ดรัณเข้ามา
       “เจ้านายหายเหรอครับคุณตรีชฎา”
       “ค่ะ..สั่งงานเอาไว้แล้วอยู่ๆก็หายไปไหนก็ไม่รู้”
       “คงมีเรื่องด่วนให้ไปจัดการ ว่าแต่ไอ้แซมสั่งงานอะไรไว้เหรอครับ”
       “ก็เรื่องข้อมูลในทะเบียนราษฏ์ของน้องนางฟ้าตกสวรรค์ค่ะ”
       “คุณชิโลน่ะเหรอ”
       “ค่ะ ผู้กองไปได้หมายเลขบัตรประชาชนของเธอมา ก็เลยสั่งดิฉันไปค้นข้อมูลมาให้”
       ดรัณสนใจ
       “แล้วได้เรื่องว่ายังไงครับ”
      
       ชิโลคุยกับอุ้มสมในห้องนอนสองต่อสอง อุ้มสมถามอย่างตกใจเมื่อรู๔เรื่อง
       “นี่เจ้าใช้มารยาหญิงหลอกให้ผู้กองสการแบกเจ้ากลับมาเหรอ”
       ชิโลยิ้ม ภูมิใจมาก
       “ใช่...สนุกดีเหมือนกันนะอุ้มสม ชอบมาว่าเราเป็นยัยเพี้ยนนัก เลยให้แบกหลังแอ่นกลับมาซะให้เข็ด”
       “แต่นั่นมันก็คือการมุสาดีๆ มันผิดศีลไม่ใช่เหรอ”
       “มันก็ผิดอยู่หรอก แต่ต้องดูที่เจตนา เพราะเรายังไม่รู้จะตอบ 108 คำถามของผู้กองยังไง ถ้ายังยืนยันเหมือนเดิมว่าเราเป็นนางฟ้า เราก็คงแก้ปัญหาของเราไม่ได้ซะที”
       อุ้มสมพยักหน้ารับ
       “มันก็จริงของเจ้า พี่พรรณรายเพิ่งกำชับมาว่าอย่ามัวเสียเวลา ควรรีบเร่งแก้ปัญหาเรื่องผู้กองดรัณให้เร็วที่สุด”
       ระหว่างนั้นสการเปิดประตูเข้ามา ชิโลเห็นก็ตกใจรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วทำเป็นหลับต่อ อุ้มสมยิ้มแหย
       “ผู้กอง”
       “พี่สาวเรายังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ”
       “เอ่อ...ครับ...”
       “สการมองไปที่เตียงแล้วเดินไปกระชากผ้าห่มออก”
       “เลิกเล่นละครตบตาฉันได้แล้วยัยเพี้ยน ฉันได้ยินเสียงเธอคุยกับน้องชายเธอ”
       ชิโลค่อยหรี่ตาขึ้นมามองสการแล้วทำเป็นลุกนั่งเชิดหน้า สการชี้หน้า
       “เจ้าเล่ห์นักนะ มานี่เลย...มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
       สการเข้าไปคว้าข้อมือ ดึงชิโลพาตัวออกไปด้วยกัน ชิโลบ่น
       “ฉันเจ็บนะ”
      
       สการจับชิโลนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก ขณะที่ดรัณที่มารออยู่แล้ว สการจับชิโลกดตัวนั่ง อุ้มสมมายืนด้วยข้างๆ
       “โอ๊ย...เบาๆหน่อยไม่ได้เหรอคะผู้กอง ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาล้มลุกนะ ผลักอยู่ได้”
       “ฉันยังไม่ได้ผลักเธอเลยนะ แค่จับให้นั่งดีๆจะได้คุยกันซะที”
       “จับดีๆของคุณ แต่ทำให้แขนฉันช้ำไปหมดแล้ว”
       “เนื้อทองจังนะเธอ อ้อ..ลืมไป เธอเป็นนางฟ้ามาจากสวรรค์ เนื้อตัวเลยแตะต้องไม่ได้”
       ชิโลจะเถียงอีกแต่ดรัณเข้ามาขัด
       “ฉันว่าคุณชิโลพูดถูก ฉันเห็นแกชอบทำรุนแรงกับเธอตลอด ไม่เคยทำตัวสุภาพกับผู้หญิงที่น่าทะนุถนอมอย่างคุณชิโลเลย”
       ดรัณพูดไปก็ยิ้มหวานให้ ชิโลยิ้มตอบ
       “ขอบคุณค่ะผู้กองดรัณ สุภาพบุรุษต้องเป็นแบบนี้แหละค่ะ”
       สการเห็นชิโลกับดรัณเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็อดรู้สึกหมั่นไส้ไม่ได้ ชิโลหันมาเชิดหน้า
       “ตกลงจะถามอะไรฉัน ถ้าไม่ถามฉันจะได้ไปพักผ่อน”
       “ฉันมีคำถามจะถามเธอ 2 คำถาม เธอต้องตอบฉันให้เคลียร์”
       ชิโลนิ่งไปแล้วหางตามองอุ้มสมที่พยักหน้าให้ ชิโลเข้าใจแล้วเลยหันมาสบตาสการ
       “เชิญ”
       สการนั่งแหมะลงข้างๆชิโลบนโซฟาตัวเดียวกัน
       “คำถามข้อแรก ฉันได้ข้อมูลบัตรประชาชนเธอจากสำนักงานในคอนโดฯ ฉันก็เลยให้ลูกน้องไปค้นมา”
       ชิโลหน้าตื่น
       “อะไรนะ...นี่คุณถือดียังไงถึงได้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน”
       “เพราะตั้งแต่เธอปรากฏตัวขึ้น ชีวิตฉันก็มีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จักหยุดจักหย่อน ฉันถึงต้องรู้เบื้องหลังของเธอให้ละเอียดที่สุด”
       “แล้วมีอะไรรึเปล่าล่ะ”
       “มีสิ !! ข้อมูลจากบัตรประชาชนของเธอ ค้นในทะเบียนราษฏ์ ยังไงก็ไม่มีชื่อชโลธร ณ แดนสรวง นั่นหมายความว่าเธอปลอมแปลงเอกสาร ปกปิดตัวตนของเธอ”
       ชิโลหน้าเสีย ดรัณออกมาช่วยปกป้อง
       “เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งเหมาเอาแบบนั้นสิวะ แกอาจจะจดหมายเลขบัตรประชาชนคุณชิโลไปผิดก็เลยค้นไม่เจออะไร”
       “ตั้งแต่ฉันเป็นตำรวจมา แกเคยเห็นฉันผิดพลาดเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอวะไอ้รัณ”
       ดรัณนิ่งไป สการรุกเข้าไปนั่งใกล้ๆชิโลที่เริ่มขยับถอยหนีทีละนิดๆ
       “คำถามข้อที่สอง เรื่องที่มีคนพยายามตามล่าตัวเธอ พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงตามจองเวรเธอไม่เลิก เธอไปก่อเรื่องอะไรไว้ถึงต้องหนีมากบดานอยู่ที่นี่”
       ชิโลโดนสการซักซะจนถอยสุดโซฟาไม่มีที่ให้ขยับแล้วเลยรีบลุกไปยืนชิดกับอุ้มสมที่ซุบซิบทันที
       “ไหนเจ้าบอกว่าเจ้าพร้อมรับมือเขาแล้วไง”
       “นางฟ้าที่ไม่เคยมุสาอย่างเรา เจอคำถามรัวเป็นชุดแบบนี้ เราจะรับมือไหวได้ยังไง”
       สการถามเสียงเข้ม
       “ว่ายังไง ตอบฉันมา !! ถ้าเธอแก้ตัวได้ไม่เนียนล่ะก็ เธอโดนคดีอาญาแน่”
       ชิโลตกใจดูเลิ่กลั่กเพราะทุกสายตามองมาที่เธอทั้งสการและดรัณ...ชิโลกลืนน้ำลาย...เอื๊อก
       “ก็ได้ !! ฉันโดนตามล่าตัวอยู่ ฉันถึงต้องหนีมากบดานอยู่ที่นี่”
       ดรัณสนใจอย่างเป็นห่วง
       “ใครเหรอครับ พวกที่ตามล่าคุณ”
       “เอ่อ...พวก...พวกนั้นเขา...เขาเป็นพวกคนไม่ดี ทั้งน่ากลัวแล้วก็ร้ายกาจมาก ตำรวจอย่างพวกคุณรับมือเขาไม่ได้หรอก”
       สการไม่พอใจ
       “นี่เธอดูถูกตำรวจอย่างพวกฉันว่า ไม่มีน้ำยารับมือกับพวกมิจฉาชีพงั้นเหรอ”
       “ฉันไม่ได้ดูถูกคุณ แต่ฉันพูดความจริง เพราะฉันหวังดีไม่อยากให้คุณเอาชีวิตมาเสี่ยง”
       สการฉุน
       “ก่อนเธอจะเข้ามาในชีวิตฉัน ชีวิตฉันมันก็เสี่ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว”
       ดรัณปราม
       “เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นสิวะไอ้แซม คุณชิโลยอมเล่าให้ฟังขนาดนี้แล้ว แสดงว่าเธอกำลังเดือดร้อน ในฐานะตำรวจเราควรจะเป็นฝ่ายให้ความช่วยเหลือเธอสิวะ”
       “ก็ในเมื่อไม่บอกว่าหนีใครมาแล้วจะช่วยตามไปจับมาได้ไงล่ะ”
       ชิโลไม่รู้จะพูดยังไง
       “ฉันบอกพวกคุณได้เท่านี้จริงๆ และขอขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันอยากพักผ่อนแล้ว เชิญกลับห้องของคุณได้แล้วค่ะผู้กอง”
       “ยัง !! ฉันยังไม่หมดธุระกับเธอ ไอ้เรื่องปลอมบัตรประชาชนนั่น มันเป็นความผิด ฉันต้องดำเนินคดีกับเธอ” ดรัณรีบขัดอีก
       “ไอ้แซม..ฉันขอคุยกับแกหน่อย”
       “ไว้ทีหลัง”
       “ไม่ได้ เดี๋ยวนี้เลย”
       ดรัณหันไปยิ้มให้ชิโล
       “ขอบคุณมากนะครับคุณชิโลที่ให้ความร่วมมือ เชิญคุณพักผ่อนเลยครับ ผมกับไอ้แซมหมดธุระแล้ว”
       ดรัณรีบลากตัวสการออกไปโดยสการยังมีท่าทางฮึดฮัด ชิโลหันไปมองหน้าอุ้มสมแล้วไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูห้องเอาหูแนบแอบฟังทันที
      
       เมื่อดรัณพาสการออกมา เขายังโวยวายไม่เลิก
       “เฮ้ย...ฉันยังไม่หมดธุระกับยัยนั่น แกลากฉันออกมาทำไมวะ”
       “ก็ฉันไม่อยากให้แกทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”
       “เรื่องเล็กที่ไหน ความผิดที่ยัยนั่นทำเป็นคดีอาญา ฉันปล่อยไปไม่ได้”
       “พ่อตำรวจตงฉิน ตรงเป๊ะเป็นไม้บรรทัด เห็นแก่ฉันเถอะ ปล่อยไปไม่ได้เหรอ”
       “ไม่ได้ !! มีกฎหมายอยู่ในมือถ้าไม่ทำตามก็ถือว่าละเว้นต่อหน้าที่”
       สการจะกลับเข้าไปในห้อง ชิโลกับอุ้มสมที่แอบฟังถึงกับผงะ
       “เอาไงดีอีกล่ะอุ้มสม กัดไม่ปล่อยเลย”
       “เรื่องนี้เราจนปัญญา”
       “ชิโลแย่อีกแล้ว...”
       ชิโลนึกขึ้นได้รีบพนมมือ
       “พี่พรรณราย ช่วยน้องหน่อยเถอะ”
       สการยังไม่ทันจะเปิดประตูเข้าไปหาชิโล มือถือของสการก็ดัง สการดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์ของตรีชฎา
       “มีอะไรคุณตรีชฎา”
      
       ตรีชฎาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มองข้อมูลอย่างสนใจ และพูดโทรศัพท์ไปด้วย
       “ผู้กองคะ คือเรื่องข้อมูลของคุณชิโลค่ะ”
       “ผมรู้ ดรัณมาบอกผมแล้ว”
       “ค่ะผู้กอง แต่ที่ดิฉันบอกผู้กองดรัณไปตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วค่ะ”
       “หมายความว่ายังไง”
       “คือ...ดิฉันพบข้อมูลของชิโลในทะเบียนราษฎ์แล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติแล้วก็น่าสงสัยเลยค่ะ ไม่เคยทำผิดกฎหมาย จอดรถในที่ห้ามจอดก็ยังไม่มีเลย”
       สการชะงัก
       “อ้าว..แล้วไหนตอนแรกบอกว่าไม่มีข้อมูล”
       “สงสัยคอมพิวเตอร์คงรวนตอนที่ดิฉันหาข้อมูลของคุณชิโล ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว”
       สการนิ่งไปก่อนจะกดปิดสาย ดรัณยื่นหน้ามาทันที
       “ตกลงคุณตรีชฎาค้นเจอข้อมูลของคุณชิโลแล้วใช่มั้ย”
       สการมองเพื่อนที่เสนอหน้าจนเว่อร์ โดยไม่พูดอะไร ดรัณสะใจ
       “นั่นไง เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาด คอมพิวเตอร์มันก็แบบนี้แหละก่งก้ง...ฮ่าๆๆๆ”
       สการยังไม่ยอม
       “แต่ฉันว่ายัยนั่นมีผู้สมรู้ร่วมคิด”
       “เฮ้ย !! นี่แกคิดมากไปรึเปล่าวะ”
       “ฉันไม่ได้คิดมาก แต่ประสบการณ์มันบอก”
       สการจ้องที่ประตูห้องตาเขม็ง ชิโลเอาหูแนบแอบฟังสุดฤทธิ์
       “ฉันว่ายัยนี่ไม่ธรรมดาแล้ว ทั้งเอาตัวรอดเก่ง ทั้งมารยาเยอะ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันซักที แบบนี้ต้องเป็นพวก 18 มงกุฎ ตัวแม่แน่”
       ชิโลสะดุ้งโหยงหันขวับมาหน้าตึงกับอุ้มสม
       “อุ้มสม !! เจ้าได้ยินใช่มั้ย เขาหาว่าเราเป็น 18 มงกุฎตัวแม่”
       “ได้ยิน..แต่เราว่าก็เป็นไปตามที่เขาต้องการเชื่อนั่นแหละ ดีกว่าเป็นนางฟ้าแล้วโดนหาว่าบ้าว่าเพี้ยนให้ต้องโดนจับส่งโรงพยาบาลอีก”
       “18 มงกุฎตัวแม่เนี่ยนะ...บ้าที่สุด...ผู้กองหน้ายักษ์!!”
      
       ชิโลปั้นหน้างอแก้มป่องหัวเสีย  
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น