วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครภูผาแพรไหม ตอน 12 วันที่ 4 ก.ค. 55

ภูผาเดินเลี่ยงออกมายืนคนเดียว พันทิญาถือแก้วเครื่องดื่มเดินผ่านมาในสภาพมึนเมา
       “คุณใจถึงมากที่มางานนี้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือยังไง....กับภาพบาดตาบาดใจ” พันทิญาถามเสียงอ้อแอ้
       “ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น...นอกจากแค้น...ที่คนที่ทำให้พี่ชายผมตาย แต่งงานกับคนอื่น” ภูผาบอก
       “แค้น...อุ๊ยตาย...สายตาแบบนี้เรียกว่าแค้นหรือคะ ฉันว่า คุณกำลังหลงเสน่ห์น้องสาวฉันมากกว่า”
       “คุณจะมารู้ใจผมได้ยังไง”
       “สายตาคุณมันฟ้อง...เสียใจด้วยนะคะ...ที่คุณเล่นงานคนที่ทำให้พี่ชาย คุณตายไม่ได้ เสร็จงานคืนนี้ ยายแพรก็จะไปอยู่ที่เชียงทวายแล้ว...คุณจะไม่ได้พบยายแพรอีกชั่วชีวิต”
       พันทิญาหัวเราะเยาะก่อนจะเดินเลี่ยงไป คมซึ่งเป็นมือปืนที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมได้จังหวะกำลังจะยกปืนขึ้นแต่แสงมณี เดินเข้ามาพอดี คมเสียดายจังหวะที่จะได้ปลิดชีวิตภูผา แสงมณีเดินเข้ามาหาภูผา ส่วนปรางแก้วเดินตามหาภูผาก่อนจะมาหยุดชะงักมอง
       “ฉันเสียใจด้วยนะคะ” แสงมณีพูดกับภูผา
       ภูผาหันกลับมามองสายตาเศร้า “ผมดีใจต่างหาก”
       “อย่าปิดบังความรู้สึกตัวเองเลยค่ะ...คุณรักคุณแพรไหม”
       ภูผาอึกอัก “ผม”
       “เราก็คงอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน...รัก แต่ไม่สมหวัง” แสงมณีตัดใจ “พรุ่งนี้ ฉันก็จะกลับเชียงทวาย...น่าใจหายนะคะ...ที่นี่ ทำให้ฉันมีความสุขที่สุดแล้วก็ทำให้ฉันมีความทุกข์ที่สุดด้วย”
       “ขอให้คุณพบคนดีๆ ที่เขารักคุณอย่างจริงใจ”
       “ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน ฉันถึงจะลืมคุณได้”
       “ผมไม่มีค่าสำหรับเจ้าหรอกครับ”
       “ค่าของคนอยู่ที่อะไรล่ะคะ...จนป่านนี้ฉันยังตอบตัวเองไม่ได้ ทำไมฉันถึงได้รักคุณ” แสงมณีน้ำตาริน “ลาก่อนค่ะ คุณภูผา”
       แสงมณีมองอย่างอาลัยก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านหน้าปรางแก้วไปไป
      
       นาราเดินอย่างยั่วยวนโดยไม่หันไปมองว่าธนาเดินตามมาทางด้านหลังอย่างเงียบๆ
       จันทร์เทพนั่งมองภาพจากกล้องที่ส่งเข้ามาจากนารา พอเห็นว่าลับตาคนจันทร์เทพก็ออกคำสั่ง
       “เด็ดหัวมันได้แล้ว”
      
       ธนาเดินมาแล้วไม่เห็นนารา เขามองไปรอบๆ และกำลังจะถอยหลังกลับ แต่จู่ๆ นาราก็พุ่งเข้ามา ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
      
       ภูผายืนนิ่งอย่างเจ็บปวด ปรางแก้วเดินเข้ามาแตะแขนภูผาเบาๆ
       “ให้แก้วอยู่เป็นเพื่อนนะคะ”
       “กลับเข้าไปในงานเถอะ ... อย่ามาสนใจพี่เลย” ภูผาบอก
       “แก้วรู้ว่าพี่ภูเสียใจ....แต่พี่ภูรู้ไหมคะ แก้วเสียใจยิ่งกว่า เพราะแก้วรักพี่ภูรักมากกว่าตัวเอง”
       “แก้ว....ตัดใจจากพี่ซะ ไม่งั้น แก้วก็เริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้”
       “ไม่ค่ะ....แก้วไม่มีวันทิ้งพี่ภูเด็ดขาด...ต่อให้พี่ภูไม่รัก แก้ว...แก้วก็จะรักพี่ภูคนเดียวถึงในหัวใจพี่ภูจะมีแต่คุณแพรไหม แก้วก็จะรักพี่ภูตลอดไป”
       ปรางแก้วยืนร้องไห้ ภูผามองอย่างสงสาร
       “ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก” ภูผาบอก
       “แก้วไม่คิดจะแทนที่ใคร...แก้วแค่อยากเห็นคนที่แก้วรักมีความสุข พี่ภูไม่ต้องกังวลกับความรู้สึกของแก้ว... แก้วเกิดมาเพื่อรักพี่ภู แก้วก็จะอยู่กับความรู้สึกนั้นอย่างมีความสุข... อย่าห้ามแก้วเลยค่ะขอให้แก้วได้รักพี่ภู ...ได้ดูแลพี่ภูอยู่ห่างๆ แก้วก็พอใจแล้ว”
       พูดจบภูผาก็ทำท่าจะผละไป ทันใดนั้นเองมือปืนก็ได้จังหวะโผล่หน้าออกมาเล็งปืน ปรางแก้วหันไปเห็นจึงร้องออกมา
       “พี่ภู...ระวัง”
       ปรางแก้วพุ่งเข้าไปขวางทางปืน เสียงปืนดังปัง ร่างของปรางแก้วทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของภูผา
       ผู้คนแตกตื่น ทวีปเล็งปืนไปที่มือปืนและเกิดการยิงต่อสู้กัน แสงฉายยืนอยู่กับแพรไหม แพรไหมหันไปมองตามเสียงปืนและเห็นปรางแก้วอยู่ในอ้อมกอดภูผา
       “คุณปรางแก้ว”
       แพรไหมทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาปรางแก้วและภูผา แต่แสงฉายกระชากแขนแพรไหมไว้
       “อย่าไป...เดี๋ยวก็โดนลูกหลง” แสงฉายบอก
       “ปล่อยฉัน ... ฉันจะไปช่วยคุณปรางแก้ว...ปล่อย”
       จังหวะนั้นเอง อรัญและนทีก็กระโดดลงจากชั้นบนแล้วกระชากปืนออกยิงกราดองครักษ์ของแสงฉายจน ล้มตาย แสงฉายผลักแพรไหมออกไปก่อนจะหันไปต่อสู้กับเหล่านักฆ่า อโณทัยพุ่งเข้าไปถึงตัวเจ้าแสงฉาย ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แขกในงานต่างกรีดร้องกันระงม แพรไหมวิ่งไปหลบใต้โต๊ะด้วยความตกใจ
      
       นาราและธนาต่อสู้กันอย่างดุเดือด คมและพลตามมาช่วยธนา ในที่สุดนาราก็เสียทีถูกธนาใช้มีดฆ่าตาย
      
       แสงฉายต่อสู้กับอโณทัยอย่างดุเดือด นทีและอรัญต่อสู้กับองครักษ์ที่จะเข้ามาปกป้องเจ้านาย แพรไหมก้มหลบอยู่มุมข้างโต๊ะและพยายามจะหนีออกจากวงล้อม แขกในงานต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน แสงฉายต่อสู้กับอโณทัย นทีเข้ามาช่วย แสงฉายทำท่าจะเสียทีแต่ธนาพุ่งเข้ามาช่วยแสงฉาย อรัญเข้ามาขวางจนเกิดต่อสู้กัน
      
       ภูผายังประคองปรางแก้วที่นอนเลือดอาบทั้งน้ำตา
       “พี่ภู...แก้วดีใจที่พี่ภูไม่เป็นอะไร” ปรางแก้วพูดเสียงแผ่ว
       “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ... พี่จะพาแก้วไปหาหมอ...แก้วต้องไม่เป็นอะไร”
       ปรางแก้วส่ายหน้า “แก้วจะอยู่กับพี่ภู.... แก้วรักพี่ภู...รักพี่ภูคนเดียว”
       “พี่รู้...แก้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...แข็งใจไว้...แก้วต้องอยู่กับพี่ พี่จะแต่งงานกับแก้ว...พี่สัญญา”
       “แก้วรู้ว่าพี่ภูหวังดีกับแก้ว...แก้วดีใจ ที่ได้รักพี่ภู แก้วอยากให้พี่ภูมีความสุขกับคนที่พี่ภูรัก”
       “ความรัก มันไม่สำคัญกับพี่..เท่ากับชีวิตของแก้ว... แก้ว...”
       ปรางแก้วค่อยๆหลับตาลง
       “อย่าทิ้งพี่ไป”
       ทวีปวิ่งเข้ามาจับมือน้องสาว
       “แก้ว...แก้วน้องพี่ ... อย่าเป็นอะไรนะ...พี่อยู่นี่..แก้ว...พูดกับพี่สิ...แก้ว.... อย่าทิ้งพี่ไป... เรามีกันอยู่สองคนเท่านั้น แก้วต้องอยู่กับพี่....แก้ว....อยู่กับพี่ก่อน”
       ปรางแก้วลืมตามองทวีปเฮือกสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ ทวีปกอดร่างปรางแก้วแล้วร้องไห้โฮ
       ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ภูผาหันไปมองก็เห็นแพรไหมถูกอโณทัยใช้ปืนจี้ แสงฉายหยุดการต่อสู้ เขาหันไปโบกมือห้ามองครักษ์ทั้งหมด
       “สั่งคนของเจ้าวางอาวุธ .... ไม่งั้น ผู้หญิงคนนี้ ตาย” อโณทัยขู่
       “แกหนีไปไหนไม่รอดหรอก” แสงฉายบอก
       “รอดหรือไม่รอด ... เดี๋ยวก็รู้ ... ไป”
       อโณทัยใช้ปืนจี้แพรไหมให้เดินไป นทีและอรัญใช้ปืนคุ้มกันขู่ ธนาและกลุ่มองครักษ์เดินตามแล้วรอจังหวะ ก่อนที่นทีจะหันไปถามอโณทัย
       “นาราล่ะ....เราต้องช่วยนารา”
       “มันตายแล้ว” ธนาแทรกขึ้น “เหลือแต่พวกแก... ปล่อยคุณแพรไหมซะ ถ้าไม่อยากตายเหมือนกับนังนั่น”
       อโณทัยหวั่นไหวขึ้นมา
       “ ไม่จริง...”
       “ฉันก็ไม่อยากฆ่าผู้หญิงหรอกนะ...มันรนหาที่เอง ช่วยไม่ได้” ธนาบอก
       อโณทัยโกรธจัดจึงหันปืนไปหาธนาก่อนจะยิงใส่หลายนัดทำให้เกิดการ ต่อสู้กันอย่างชุลมุน อรัญถูกกระสุนเข้าที่อกหลายนัดจนล้มลงไป นทีและอโณทัยตกใจ ภูผากระโดดลงมาถีบอโณทัยแล้วกระชากแขนแพรไหมให้วิ่งหนี
       “ไปกับผม” ภูผาบอก
       แพรไหมถาม “ไปไหนคะ”
       “ไม่ต้องถาม ...หนีเร็ว”
       ภูผาพาแพรไหมวิ่งหนีไป อโณทัยและนทีได้โอกาสวิ่งหนี แสงมณีกับดวงใจเดินหน้าตื่นเข้ามา แสงฉายหันไปสั่งยศกับเลิศทันที
       “คุ้มกันแสงมณี”
       ยศกับเลิศและองครักษ์กลุ่มหนึ่งตรงเข้าคุ้มกันแสงมณี แสงฉายหันไปสั่งธนา
       “ตามไปเอาตัวคุณแพรไหมกลับมา”
       ธนาพร้อมกับคมและพลจึงวิ่งตามแพรไหมไป
      
       ภูผาลากแขนแพรไหมวิ่งหนีมาเรื่อยๆ ธนา คมและพลวิ่งตามมาพร้อมไล่ยิงมาด้วย ภูผาจูงแขนแพรไหมไปที่รถ เขาพาแพรไหมไปหลบอยู่ที่กำบังก่อนจะหันไปบอกแพรไหม
       “รีบไปที่รถ...ผมจะยิงป้องกันคุณเอง”
       “ไม่ ฉันกลัว”
       “เขาไม่ยิงคุณหรอก... ผมต่างหากที่เขาอยากจะฆ่า นี่กุญแจ...ไปสตาร์ทรถ ขับมารับผม”
       แพรไหมลังเล “ฉัน”
       “ไปสิ... หรือว่าคุณอยากกลับไปเป็นเมียเขา”
       “ค่ะ...ค่ะ”
       แพรไหมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกุญแจแล้ววิ่งไปที่รถ ภูผายิงต่อสู้กับ ธนา คมและพล แพรไหมรีบวิ่งไปที่รถ แสงฉายวิ่งตามมาแล้วหันไปเห็นออกคำสั่ง
       “ไปเอาตัวคุณแพรไหมมา...อย่าให้หนีไปได้”
       แพรไหมรีบวิ่งไปที่รถ คมและพลวิ่งตามไม่ทัน แพรไหมสตาร์ทรถแล้วขับรถออกมา
       ภูผายิงป้องกันตัวก่อนจะพุ่งผ่านประตูรถที่เปิดอยู่ รถแล่นออกไป เจ้าแสงฉายมองตามไปอย่างโกรธแค้น
       ธนาหันมาถาม “เอาไงครับเจ้า”
       “สั่งคนของเราตามไป.... มันคงไปได้ไม่ไกลหรอก” แสงฉายบอก
       รถตู้แล่นเข้ามาจอด ธนาเปิดประตู แสงฉายก้าวขึ้นรถ คมและพลก้าวตาม แล้วรถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
      
       รถของภูผาแล่นมาตามถนน โดยที่แพรไหมเป็นคนขับรถมาตามทาง ภูผาหันไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วเขาก็ออกคำสั่ง
       “จอด”
       แพรไหมยังงงๆ “คะ”
       “จอดเดี๋ยวนี้”
       แพรไหมลนลานรีบจอด ภูผาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ เขากระชากแขนแพรไหมลงมา แพรไหมร้องโวยวาย
       “คุณจะทำอะไร” แพรไหมงง
       ภูผาไม่ตอบ เขากระชากแขนแพรไหมเดินไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตู ภูผาผลักแพรไหมเข้าไปในรถอย่างแรงจนหัวของเธอชนกับขอบประตู
       “ฉันเจ็บนะ”
       ภูผาไม่สนใจ เขาเดินกลับไปนั่งประจำที่คนขับแล้วกระชากรถออกไป
      
       รถของภูผาแล่นไปตามถนน ดวงตาภูผาแดงช้ำ น้ำตาของเขารินไหลเพราะคิดถึงปรางแก้ว
       แพรไหมปรายตามองด้วยความเห็นใจ
       “ฉันเสียใจด้วยนะคะ คุณปรางแก้วไม่น่าโชคร้ายเลย” แพรไหมพูด
       “ถ้าแก้วไม่ตาย ... คนที่ตายก็คงเป็นผม... มือปืนมันคงกะเล่นงานผมให้ตาย”
       ภูผาขับรถไปจอดแล้วฟุบหน้านิ่งกับพวงมาลัยก่อนจะร้องไห้ด้วยความเสียใจ
       “แก้วตายเพราะผมแท้ๆ”
       “ใครจะฆ่าคุณเหรอคะ” แพรไหมถาม
       ภูผาโมโห “จนป่านนี้ คุณยังดูไม่ออกเหรอ...ว่าเจ้าแสงฉายมันร้ายกาจแค่ไหนหรือว่า อยากจะแต่งงานกับมันมาก จนมองไม่เห็นความเลวของมัน”
       “แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเขาจะฆ่าคุณเพื่ออะไร ในเมื่อฉันก็ยอมทำตามเงื่อนไขของเขา”
       “เพื่อกำจัดศัตรูหัวใจของเขายังไงล่ะ... แต่อย่าหวังเลยว่า เขาจะสมหวัง ผมนี่แหละ จะทำให้เขาเจ็บปวด... เขาจะต้องสูญเสียคนที่เขารักเหมือนกัน”
       ภูผากระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว แพรไหมนั่งตัวลีบแล้วนึกกลัวใจภูผาขึ้นมา
      
       แสงฉายเดินเข้ามาในบ้านอย่างเงียบๆ ธนาเดินตามมา
       “สั่งคนของเราตามหามันให้เจอ...ต่อให้พลิกแผ่นดินก็ต้องตาม...จับตัวมาทั้งคู่เลย” แสงฉายบอก
       “แต่วันพรุ่งนี้ เจ้าอาจจะยุ่งยาก...มีคนตายในงาน หลายคน” ธนาพูด
       “เราไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....ไม่มีหลักฐานสาวมาถึงเราได้ง่ายๆหรอกฆ่ามันได้แล้ว ..เราก็จะกลับเชียงทวาย...ไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
       แสงมณีเดินเข้ามาได้ยินและแอบฟัง เธอตัวแข็งกับความจริงที่ได้ยิน
       “แต่ผู้หญิงคนนั้น ไม่น่ามารับกระสุนไว้เลย ...ไม่งั้นไอ้ภูผามันตายไปแล้ว” ธนาบอก
       “มันไม่ตายตอนนี้...อีกไม่นานมันก็ต้องตายอยู่ดี...ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเองสั่งคนของเราไปลากคอมันมาให้ได้” แสงฉายสั่ง
       ธนารับคำแล้วเดินออกไป แสงฉายปัดข้าวของบนโต๊ะหล่นแตกกระจายด้วยความแค้น แสงมณีวิ่งร้องไห้ขึ้นบ้านไปเพราะเธอเพิ่งรู้ว่าพี่ชายของเธอโหดร้ายกว่าที่ เธอคิดไว้เสียอีก
      
       แสงมณีวิ่งร้องไห้เข้ามาในห้อง ดวงใจเดินตามมา
       “คุณหญิงขา...ร้องไห้ทำไมคะ...เกิดอะไรขึ้น”
       “หญิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ พี่ชายไม่น่าเป็นคนอย่างงี้เลย”
       “เจ้าแสงฉายคงมีเหตุผลที่ต้องทำ...ใจเย็นๆนะคะคุณหญิง ยังไงเจ้าแสงฉายก็เป็นพี่ชายคุณหญิงนะคะ” ดวงใจปลอบ
       “เพราะเป็นพี่ชายของหญิงน่ะสิ...หญิงถึงทำอะไรไม่ได้”
       ดวงใจกอดแสงมณีที่กำลังร้องไห้ด้วยความน่าสาร
      
       ภูผาโยนแพรไหมลงบนที่นอนในห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วมองอย่างโกรธแค้น แพรไหมมองภูผาอย่างหวาดกลัว
       “พาฉันกลับบ้านเถอะนะคะ...อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้เลย ป่านนี้ เจ้าแสงฉายคงส่งคนตามหาเราจนทั่วแล้ว” แพรไหมวอน
       “ให้เขาคลั่งตายไปเลยยิ่งดี”
       “โธ่...คุณภูผา...ฉันเข้าใจนะคะว่าคุณเสียใจ... แต่ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆนะคะ ถ้าคุณพาฉันกลับไปตอนนี้ ฉันเชื่อว่า ฉันคุยกับเขาให้เข้าใจได้”
       “แล้วชีวิตของแก้วล่ะ... แก้วไม่มีความผิด แต่ต้องมาสังเวยชีวิตให้มัน พี่ชัยก็เหมือนกัน ... คุณว่า โลกนี้ มันยังมีความยุติธรรมอยู่ไหม หรือเลวพอๆกัน ก็เลยไม่คิดถึงใจคนอื่น .... หา”
       ภูผากระชากแขนแพรไหมเข้ามาจ้องหน้าอย่างน่ากลัว แพรไหมดิ้นรนสุดแรง
       “ปล่อยฉันนะ... ฉันไม่ได้ทำ...ปล่อย”
       “ปล่อยให้คุณกลับไปหามันอย่างงั้นเหรอ...ไม่มีทาง”
       “คุณต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ .... ปล่อยฉัน...ปล่อย”
       แพรไหมทุบตีภูผา ภูผาพุ่งเข้าเอาตัวทับไว้ก่อนจะระดมจูบแพรไหมอย่างรุนแรง แพรไหมดิ้นรนจนหมดแรงจึงต้องปล่อยให้ภูผาย่ำยีอย่างเจ็บปวด
      
       ศุภลักษณ์นั่งซึมอยู่ในบ้านเมื่อเห็นว่าเรื่องทั้งหมดเลวร้ายเกิน กว่าที่เธอคิดไว้ วนิดาเดินเข้ามายืนมองแล้วยิ้มเยาะอย่างสมใจก่อนทำท่าจะเดินเลี่ยงไป
       “เสียใจด้วยนะคะ ที่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่หวังไว้” วนิดาเปรย
       “ออกไป้ ...ไปให้พ้น...ถ้าเป็นไปได้ ออกไปจากบ้านฉันเลยยิ่งดี ยังไงเธอก็ไม่นับถือฉันเป็นพี่อยู่แล้วนี่” ศุภลักษณ์ไล่
       “ดาลืมว่าเราเป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่วันที่พี่ศุ แย่งพี่วิเชียรไปจากดาแล้วค่ะ”
       “ใครกันแน่ที่แย่งเขาไปจากฉัน...ทั้งที่เราหมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก”
       “ก็แค่หมั้น...แต่มันไม่ใช่ความรัก... เขาไม่ได้รักพี่ศุ...เขาแค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่...พี่ศุนั่นแหละที่ หน้ามืด รักเขาข้างเดียว จนไม่เปิดตาขึ้นมาดูความจริง”
       “ไม่จริง...เขารักฉัน” ศุภลักษณ์แย้ง
       “หลอกตัวเอง...ถ้าเขารักพี่ศุ เขาคงไม่ย่องเข้ามาหาดาแทบทุกคืน แต่พี่ศุก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น... เพราะไม่อยากเสียผัว”
       “พอที เถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว...ฉันไม่อยากฟัง”
       “พี่ศุต้องฟัง... จะได้ยอมรับความจริงซะที...พี่ศุนั่นแหละที่เป็นแย่งผัวของน้องแล้วยังพรากลูกของดาไป”
       พันทิญาเดินเข้ามาได้ยินคำว่าลูกทำให้เธอต้องหยุดฟัง
       ศุภลักษณ์เปรยออกมา “ลูก”
       “ใช่ค่ะ .... ดากับพี่วิเชียรมีลูกด้วยกัน ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับพี่ศุ”
       “นี่อย่าบอกนะว่า...ยายพันเป็นลูกของเธอ” ศุภลักษณ์ถาม
       “ค่ะ....ยายพันเป็นลูกสาวของดากับพี่วิเชียร... ดาถึงได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ทนเป็นเมียเก็บของเขา...ยอมหวานอมขมกลืน ทนกินน้ำใต้ศอกของพี่ศุเพื่อได้อยู่กับลูก... เพราะพี่ศุอยากจะยึดพี่วิเชียรไว้ ถึงได้ทำตัวเป็นแม่พระยอมให้เขาเอาลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน... โดยไม่ถามเขาซักคำว่า ใครเป็นแม่ของลูกเขา พี่ศุเห็นแก่ตัว” วนิดาต่อว่า
       ศุภลักษณ์ลุแก่โทสะจึงตบหน้าวนิดาอย่างแรง พันทิญายืนตะลึงสักพักก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆเอ่อขึ้นมา
       วนิดาโกรธแค้น “พี่ศุรู้ไหมคะ...ดาเจ็บแค่ไหนที่ต้องทนเห็นพี่ศุหน้าชื่นตาบานอยู่กับสามีของดา”
       “ไม่จริ๊ง .... ไม่จริ๊ง ... พันไม่เชื่อ” พันทิญาร้องโวยวาย
       พันทิญาวิ่งร้องไห้ออกไป วนิดาและศุภลักษณ์ตกตะลึง แล้ววนิดาก็รีบวิ่งตามไป
       “พัน ... ลูกแม่”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น