วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครปิ่นอนงค์ ตอนที่ 21 อวสาน วันที่ 29 ก.ค. 55

 ครองสุขขับรถพ้นเขตไร่ไพศาลออกสู่ถนนแล้ว นางมารร้ายเขม้นตามองไปเบื้องหน้าจ้องตาไม่กระพริบ เห็นใหญ่ยืนจังก้าขวางถนน อยู่หน้าตาดุดันถือปืนยืนนิ่ง มีคราบเลือดของปิ่นอนงค์เปรอะเลอะที่แขน และตามเสื้อผ้า
      
       ครองสุขทั้งตกใจ ทั้งโมโหที่ใหญ่ตายยากตายเย็น
       “ไอ้ดื้อด้าน ทำไมแกไม่ตายไปสักทีนะตามราวีฉันไม่ยอมเลิกก็ได้ มาเลย วันนี้ฉันจะแลกชีวิตกับแก”
       ครองสุขยิ้มเหี้ยมเร่งความเร็วหวังชนใหญ่ สีหน้าใหญ่จดจ้องที่รถครองสุขเขม็ง
       พอครองสุขพุ่งเข้ามา ใหญ่ยกปืนยิง ปัง! ยางล้อแบนบดถนน รถเสียหลักตกข้างทาง ครองสุขดึงลิ้นชักรถ หยิบปืนพกเล็กออกมา ก่อนจะออกมาจากรถมาอย่างทุลักทุเล สอดส่ายปืนมองหาใหญ่
       ใหญ่โผล่มาทางด้านหลัง ครองสุขหันมา ใหญ่จับปืนดึงมาจากมือครองสุข เล็งปืนของตัวเองไปที่ครองสุข
       ครองสุขหน้าตาตื่น “เราคุยกันดีๆ ก็ได้นะคะคุณใหญ่ เอาปืนออกไปก่อนก็ได้”
       “กลัวตายเป็นเหมือนกันหรือคุณนาย”
       “ตำรวจกำลังตามมา ถ้าแกยิงฉัน แกก็ไม่รอดเหมือนกัน”
       ใหญ่ยิ้มเยาะ “ถึงเวลานี้จะติดคุกหรือโดนยิงเป้าฉันก็ไม่สนอีกแล้ว วันนี้จะเป็นวันที่เราสองคนจะจบปัญหาทั้งหมดที่แกก่อขึ้น”
       “แน่ใจหรือว่ามันเกิดจากฉัน ลองคิดให้ดี วันที่ฉันเหยียบมาที่ไร่ไพศาลเพราะฉันบ้านแตกสาแหรกขาด หวังพาลูกมาพึ่งใบบุญคุณไพศาล ไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่แกแค่เห็นหน้าฉัน ก็ตั้งป้อมเป็นศัตรูรังเกียจฉันกับลูก ความบาดหมางของเรามันเริ่มต้นจากแกก่อน” ครองสุขเริ่มโยนความผิดให้ใหญ่อีกครั้ง
       “ฉันมันก็แค่เด็กคนนึง ทำไมคุณนายไม่ทำดีกับฉัน กลับทำตัวเป็นนางมารร้ายเสี้ยมให้พ่อเกลียดฉัน”
       “ก็แกเป็นเด็กร้ายกาจเอาแต่ใจ คิดแต่จะให้พ่อรักแกคนเดียวไม่เคยเห็นใจหรือสงสารฉันกับลูก เด็กขี้อิจฉาอย่างแกนะหรือจะยอมรับฉันเป็นแม่เลี้ยง”
       ใหญ่ส่ายหน้า ดวงตาร้าวราน
      
       เวลาเดียวกัน ร่างของปิ่นอนงค์นอนนิ่งอยู่บนเตียงรถเข็น ที่ถูกเข็นมาที่ห้องผ่าตัดเร็วรี่ อุปกรณ์ช่วยชีวิตครบ เปี๊ยกถือไม้เท้าของไพศาลติดตัว วิ่งตามรถจนถึงหน้าห้องผ่าตัด ปิ่นอนงค์ถูกเข็นเข้าห้องไป ประตูปิด
       เปี๊ยกเครียด ยืนชะเง้อชะแง้ตามอย่างระทึก
      
       ด้านครองสุขยังคงโต้เถียงกับใหญ่อย่างไม่รู้สำนึก
       “ใช่มั้ยไอ้ใหญ่ ใช่มั้ย ชั้นพูดถูกมั้ย”
       “ใช่ คุณนายพูดถูก แต่ถึงจะยังไงฉันก็ไม่มีวัน ยอมรับนับถือผู้หญิงใจร้าย เลวทรามอำมหิตอย่างแกมาเป็นแม่เลี้ยงหรอก แกคบชู้ แกฆ่าพ่อฉัน”
       ใหญ่ยิงปืนปัง ครองสุขสะดุ้ง เซนิดๆ ก้มมองตัวเอง ใหญ่ยิงแค่เฉียดๆ ครองสุขลูบตัวไปมานึกว่าโดนยิง “แต่พ่อฉันไม่ใช่ชีวิตเดียวที่คุณนายทำลาย ยังมีชีวิตของคนบริสุทธิ์คนอื่น กฎหมายเท่านั้นที่จะพิพากษาโทษคุณนาย”
       ใหญ่กระชากมือครองสุขหมับ ครองสุขไม่ยอมร้องโวยวาย “ไม่ไป ฉันไม่ไป”
       ใหญ่ได้ยินเสียงหวอรถตำรวจ มองไป เห็นรถตำรวจวิ่งมาแต่ไกลจากในไร่
       ใหญ่ซัดปืนใส่คอครองสุขสลบไปทันที จากนั้นจับครองสุขนั่งพิงล้อรถ
       ใหญ่รีบเดินเข้าพงหญ้าข้างทางหายไป
       รถตำรวจวิ่งเข้ามาจอด ตามด้วยรถปลอด ทีมตำรวจลงจากรถวิ่งตรงมายังครองสุข
      
       ที่หน้าห้องผ่าตัดจอมเวลานั้น ทุกคนกระวนกระวาย นั่งไม่ติดที่
       หมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัด เปิดผ้าคาดกันเชื้อ จินตนา น้อย และหวาน ลุกพรวดเดียวมาล้อมหมอ ถวิลลุ้นตัวสั่น หมอหันมาคุยกับถวิล
       “คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ โชคดีจริงๆที่ลูกปืนไม่โดนอวัยวะสำคัญเลยสักนัด ที่สำคัญคนเจ็บแข็งแรงแล้วก็ใจสู้มากยินดีด้วยครับคุณลุง”
       หมอเดินไป ถวิลหันมายิ้มดีใจกับทุกคน
       จอมนอนบนเตียง ถูกเข็นออกมา มีถุงเลือด น้ำเกลือ ให้ออกซิเจนครบครัน
       ถวิลรีบตามเตียงเข็นไป
       หวานเอ่ยขึ้น “โชคดีของไอ้จอม ที่บังเอิญคุณจินแวะมาหาปิ่น”
       “ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก จอมเป็นคนโทร.ตามฉันมา ให้มาช่วยปิ่น ก่อนที่จอมจะโดนยิง” จินตนาบอก
       “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณจินที่มาช่วยปล่อยเราออกมา ไม่งั้นน้อยกับพี่หวานคงอดข้าวอดน้ำตายอยู่ในกระท่อมท้ายไร่นู่น” น้อยว่า
       “อย่ามัวมาขอบใจกันอยู่เลย ไปดูปิ่นกันเถอะ”
       จินตนา น้อย ถวิล และหวาน รีบวิ่งตามกันไปที่ห้องผ่าตัดปิ่นอนงค์
      
       ปิ่นอนงค์ได้รับการผ่าตัดโดยทีมแพทย์ ที่ยามนี้ มือหมอ เครื่องมือต่างๆ สาละวนอยู่บนร่างปิ่นอนงค์ เพื่อชีวิตแสนดีนี้ไว้ ขณะที่สัญญาณชีพจรขอเธอบนจอ กลับอ่อนลงๆ หมอ พยาบาล หันมาสบตากัน
      
       ปลอด ปานเทพ และเปี๊ยก ยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง
       “แน่ใจนะว่าคุณใหญ่ปลอดภัยแน่ ป่านนี้ยังไม่เห็น” ปลอดถามหน้าเครียด
       “ถ้ามันโทร.มาหาผมได้ แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่แน่ แต่มันคงกลัวจะเจอตำรวจ เพราะมันยังอยู่ในหมายจับ”
       เสียงใหญ่ดังขึ้น “อาปลอด ไอ้ปาน”
       ใหญ่สวมหมวกแก๊บพรางตัววิ่งเข้ามากอดกับปลอด
       “ปิ่นเป็นยังไงบ้างครับอา” ใหญ่ถาม
       “ยังอยู่ในห้องผ่าตัด คุณใหญ่ใจเย็นๆก่อน เกิดตำรวจมาเจอตัวเข้าจะยุ่ง”
       ใหญ่ไม่สน “ขอให้ปิ่นปลอดภัย ผมยอมเข้าคุก”
       จังหวะนั้นหมอเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ใหญ่รีบเข้าไปหา
       “คุณหมอครับ เมียผมเป็นยังไงบ้าง”
       “น่าเป็นห่วงทั้งแม่ทั้งลูก คนเจ็บเสียเลือดไปมาก” หมอว่า
       ใหญ่ตกใจ “ลูก ลูกใครครับ”
       “อ้าว...คุณเป็นสามีไม่รู้เหรอว่าภรรยาคุณตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว ขอตัวนะครับ ผมต้องรีบติดต่อเรื่องเลือดให้ภรรยาคุณเราต้องการเลือดกรุ๊ปโอด่วนเลย”
       ใหญ่ใจหายวาบ เซไปทรุดนั่งอย่างหมดแรง “ปิ่น ปิ่นท้อง ทำไมผมไม่รู้เรื่อง หรือระแคะระคายอะไรเลย”
       ปานเทพเข้ามาตบบ่าปลอบ “ปิ่นอาจไม่รู้ว่าตัวเองท้องก็ได้”
       พยาบาลสวมชุดเขียวกันเชื้อ ถือถุงเลือดจะเข้าห้อง ใหญ่รีบวิ่งตาม พยาบาลชะงัก
       “เข้าไม่ได้นะคะ เดี๋ยวคนเจ็บติดเชื้อจะไปกันใหญ่ ญาติๆ ช่วยหาเลือดกรุ๊ปโอดีกว่า ที่คลังเลือดไม่เหลือแล้วค่ะ”
       ถวิล น้อย หวาน และจินตนาวิ่งเข้ามาพอดี
       ใหญ่ยื่นแขนให้พยาบาล “เลือดหรือครับ เอาเลือดผมไป เอาไปช่วยเมียผม”
       เปี๊ยกกะปานเทพดึงแขนใหญ่เอาไว้ “ตั้งสติหน่อยไอ้ใหญ่ เลือดแกไม่ใช่กรุ๊ปโอ”
       พยาบาลเดินเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างเร็ว
       หมู่มวลมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างพึมพำ “เลือดกรุ๊ปโอ”
      
       จอมนอนให้ออกซิเจน น้ำเกลือ เลือด ตาปรือ อยู่บนเตียง จอมขยับตัวจับแขนถวิลที่อยู่ข้างเตียงกับจินตนา
       จังหวะนั้นจอมดึงที่ครอบจมูกออกพูดเสียงแผ่วๆ “พาชั้นไปให้เลือดปิ่น ชั้นเลือดกรุ๊ปโอ”
       “ไม่ได้หมอเค้าบอกแล้ว เอ็งเสียเลือดไปมากอาจถึงตายได้”
       “ชีวิตชั้นมันไม่มีค่าอะไร แต่สำหรับปิ่น ปิ่นยังมีลูกอีกคนอยู่ในท้อง”
       จอมจะไปให้ได้ ถวิลเสียงดังใส่ “ใครว่า ชีวิตเอ็งไม่มีค่าอะไร เอ็งมีค่ากับไอ้แก่คนนี้นี่ไง ถ้าเอ็งเป็นอะไรไปข้าก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกันไอ้ลูกโง่”
      
       น้ำตาจอมไหลริน หนุ่มเลือดร้อนร้องไห้ครวญคร่ำอย่างน่าเวทนา “ชั้นรักพ่อ แต่ชั้นต้องชดใช้ให้ปิ่น ชั้นมีส่วนทำให้ป้าอุ่นต้องตาย คุณจินเรียกหมอมาเอาเลือดผมไปให้ปิ่นด้วย ปิ่น...ปิ่น...”
       จอมหมดสติไป ถวิล กับจินตนาตกใจ พยาบาลเข้ามาครอบจมูกให้จอม ฟังคลื่นหัวใจ จับชีพจร
       ถวิลร้องลั่น “ลูกผมๆ”
       “คนเจ็บหลับค่ะ เสียเลือดไปมากให้เค้าพักผ่อนดีกว่านะคะ”
       พยาบาลดูน้ำเกลือ ดูเลือด จินตนาแตะแขนถวิลแล้วเดินออกจากห้องไป
      
       ใหญ่นั่งหมดอาลัยตายอยากจนถึงตอนเช้าวันต่อมา ปานเทพเดินเข้ามาหาซึมๆ
       “ไปพักผ่อนซะบ้างไอ้คุณใหญ่ เดี๋ยวจะเจ็บไข้ได้ป่วยไปอีกคนมันจะยุ่ง”
       “ชั้นจะรอจนกว่าปิ่นจะออกมา ทำไมถึงเป็นอย่างนี้วะ ยัยเด็กคนนี้ดีแต่ทำเพื่อคนอื่น จนชั้นกับใครๆก็มองว่าเป็นคนโง่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบ จุ้นจ้านอยากช่วยคนนั้นคนนี้ พอถึงคราวจะตาย สวรรค์กลับไม่ช่วย มันไม่ยุติธรรมเลยว่ะ ทำไมคนเลวอย่างชั้นถึงไม่เป็นอะไร ชั้นสมควรตายมากกว่า”
       ใหญ่พร่างพรูความรู้สึก ก่อนจะซบหน้าลงกับฝ่ามือ
       ปานเทพปลอบตบไหล่ใหญ่เบาๆ
       จังหวะนั้นเสียงอรสอางค์ดังขึ้น “คุณใหญ่ คุณใหญ่คะ”
       ใหญ่ กับปาน เหลียวไปพร้อมกันเห็นอรสอางค์เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
       “อรเลือดกรุ๊ปโอคะ เราได้เลือดมาจากกรุงเทพฯด้วย เผื่อว่าเลือดอรคนเดียวไม่พอ”
       ใหญ่ลุกขึ้นด้วยความดีใจ “เออ คุณอรรู้ข่าวได้ยังไง”
       “อรโทร.หาปิ่นค่ะ แต่คุณจินตนาเป็นคนรับสาย เร็วเถอะค่ะ ติดต่อกับหมอให้อรด้วย”
       ทั้งหมดรีบออกจากห้อง
      
       เวลาเคลื่อนคล้อยไป จอแสดงสัญญาณชีพจรของปิ่นอนงค์ อ่อนแรงลงทุกทีๆ
 ขณะเดียวกัน นางมารร้ายครองสุขยืนแกร่วอยู่ในห้องขัง ทรรศนะ กับทัศนีย์ เกาะลูกกรงตาละห้อย ทัศนีย์สะอึกสะอื้น เช็ดน้ำตาป้อยๆ ครองสุขตวาดแว้ด
      
       “แกจะร้องไห้ทำไมยัยนี ชั้นยังไม่ได้ตายซะหน่อย มาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
       “คุณน้าไม่น่าหนี ทนายบอกว่าจะขอประกันยาก” ทรรศนะเอ่ยขึ้น
       “ฉันก็บอกไปแล้วว่าฉันตกใจๆ ถ้ามันไม่มีปัญญาก็เปลี่ยนทนายใหม่ซิ” ครองสุขหงุดหงิด
       “แต่ยังไง ด้วยพยานหลักฐาน คงจะพ้นผิดยาก ทนายแนะนำให้คุณน้ายอมรับสารภาพจะได้รับการลดโทษในชั้นศาล” ทรรศนะว่า
       ครองสุขโกหก “น้าก็ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว อะไรที่น้าทำผิดไปน้าจะสารภาพยอมรับผิดทุกอย่างแต่นะต้องพยายามประกันน้าออก ไปให้ได้ก่อนนะ น้าอยากจะมีเวลาทำใจก่อน”
       ทัศนีย์อดเหน็บไม่ได้ประสาสาวปากไว “แล้วทีเวลาทำร้ายใคร คุณน้าไม่คิดก่อนละคะ”
       ครองสุขแว้ดใส่ทันควัน “นังนี แกมันเป็นลูกฉันหรือเปล่า ถึงดีแต่เข้าข้างคนอื่น” ครองสุขแกล้งร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจหนัก “งั้นพวกแกก็ปล่อยให้ฉันตายคาห้องขังนี่ไปเลย”
       ทรรศนะมองหน้าทัศนีย์เป็นเชิงบอกให้หุบปาก ทัศนีย์หน้าเศร้าลง ลึกๆ ในใจก็ห่วงแม่เหมือนกัน
      
       ปิ่นอนงค์ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องไอซียู อุปกรณ์ช่วยชีวิตครบ จอแสดงสัญญาณชีพจร พยาบาลเข้ามาแขวนถุงเลือดถุงใหม่
       ใหญ่เกาะกระจกอยู่หน้าห้อง “ตื่นเร็วสิปิ่น ชั้นรอเธออยู่นะ ต่อไปนี้ชั้นจะไม่แกล้งเธออีกแล้ว ชั้นจะไม่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอีกต่อไป”
       ถวิลเข้ามาหา ยื่นไม้เท้าให้ใหญ่ “ปิ่นกอดไม้เท้าเอาไว้แน่น ตอนที่ไอ้เปี๊ยกพามาส่งโรงพยาบาล ถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นไม้เท้าของนายท่าน คุณใหญ่เก็บเอาไว้เถอะครับ”
       ถวิลออกไปนอกห้อง ใหญ่ถือไม้เท้าเพ่งมอง
       “พ่อไม่เคยรักผม มีแต่ปิ่นเท่านั้นที่รักผม นี่พ่อยังคิดจะมาพรากปิ่นไปจากผมอีก ผมไม่ต้องการอะไรที่เป็นของพ่อ”
       ใหญ่เขวี้ยงไม้เท้าไปที่มุมห้อง ไม้เท้าหักสองท่อน
       มีกระดาษม้วนเป็นไส้อยู่ข้างในยื่นออกมา ใหญ่ขมวดคิ้วมอง ก่อนจะเดินไปจุดที่ไม้เท้าทั้งสองท่อนหยิบกระดาษออกมาจากไม้เท้า คลี่ออกดู
       ใหญ่มองเห็นลายมือของไพศาลตัวอักษรโย้เย้เพราะเขียนตอนป่วย
       ใหญ่ๆ อ่านไป ราวกับฟังเสียงพ่อที่ข้างหู
       “ข้าพเจ้า นายไพศาล ธำรงรัตน์ ขอยกทรัพย์สิน อันพึงมีพึงได้ทั้งหมด...”
       ภาพจำในอดีตของพ่อผุดขึ้นในหัวของใหญ่
       ใหญ่โดนไพศาลตบ ไพศาลชี้หน้าด่าใหญ่จะตีด้วยไม้เท้า อีกครั้งใหญ่ยื้อแย่ง ปาไม้เท้าพ่อทิ้ง เดินหนีไป
       กระทั่งภาพไพศาลนั่งอยู่บนรถเข็น พยายามเขียนพินัยกรรมอย่างยากลำบาก ในห้วงสุดท้ายของชีวิต
       “...ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต อันมีที่ดิน สองพันสี่ร้อยยี่สิบไร่ บ้าน และเงินในธนาคารให้กับบุตรชายคนเดียวของข้าพเจ้าคือนายชาลิต ธำรงรัตน์”
      
       ใหญ่อึ้ง ค่อยๆ อ่านต่อ
       “ใหญ่ลูกรัก นี่คือสิ่งเดียวที่พ่อทำให้ลูกเพื่อเป็นการไถ่โทษยกโทษให้พ่อด้วย พ่อรักแกมากกว่าสิ่งใดๆ ในโลก”
       น้ำตาใหญ่หยดลงบนกระดาษ ใหญ่หันไปหาปิ่นอนงค์
       “เธอไม่ได้โกหกชั้นปิ่นอนงค์ พ่อไม่ได้เกลียดชังชั้น พ่อรักชั้น ฉันต่างหากที่เป็นคนโง่”
       ถวิลสงสารจับใจ “คุณใหญ่”
       เสียงสัญญาณชีพจรหยุด เครื่องร้อง ใหญ่สะดุ้ง หันไปมองหน้าจอ
       สัญญาณบอกว่าหัวใจหยุดเต้น ใหญ่ตะลึง ตาค้าง
       “ปิ่น”
      
       หมอ พยาบาล ช่วยกู้ชีวิตปิ่นอนงค์ ตรวจดูม่านตา เช็กเครื่องปั๊มหัวใจ กดปั๊มหัวใจด้วยมือ ดูวุ่นวายไปหมด ทว่าจอภาพไม่เปลี่ยนแปลง
       หมอหยุดมองทีมงาน บุรุษพยาบาล พยาบาลหยุดกันหมด รายงานเวลาเสียชีวิต สักครู่หนึ่งหมู่มวลทยอยเดินออกจากห้องไป
       หมอเดินมาหาใหญ่ที่มุมห้อง มีจินตนา กับปานเทพ ลุ้นฟังผลผ่าตัดอยู่ข้างใหญ่
       “เสียใจด้วยครับ”
       หมอเดินออกไป
       ใหญ่เดินช็อกไปที่เตียง กอดปิ่นอนงค์ไว้ทั้งตัว ลูบหัว ร้องไห้
       “ปิ่นอนงค์ ปิ่น อย่าทิ้งชั้นไป อย่าทำอย่างนี้กับชั้น ชั้นรักเธอปิ่นอนงค์”
      
       ปิ่นอนงค์เดินร่าเริงอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้สวยงามราวกับภาพวาด ปิ่นอนงค์ลูบไล้กลีบดอกไม้ตามรายทางอย่างสุขใจ ก่อนจะเดินตามผีเสื้อแสนสวยไป พลางยื่นมือออกไปจะแตะผีเสื้อตัวนั้น
       ครั้นพอหันไปมองหญิงสาวก็เห็นอุ่นเรือนยืนยิ้มอยู่กลางทุ่งดอกไม้ ปิ่นอนงค์ดีใจมาก
       “แม่ แม่ขา”
       ปิ่นอนงค์วิ่งเข้าไปหา อุ่นเรือนยื่นมือรอรับ ปิ่นอนงค์ส่งมือให้แม่ อุ่นเรือนดึงปิ่นอนงค์เข้าไปกอด
       สองแม่ลูกจูงกันเดินไป
      
       ใหญ่วางไม้เท้าที่หักไว้บนตัวปิ่นอนงค์ เอามือปิ่นอนงค์มากุมไว้
       “ถ้าวิญญาณพ่อให้อภัยลูกเลวๆ คนนี้ ช่วยเมียผมกับหลานของพ่อด้วยเถอะครับ”
       ใหญ่ซบหน้าร้องไห้บนมือปิ่นอนงค์ฟูมฟายไม่หยุด “ปิ่น ปิ่น...อย่าไปนะ ปิ่น”
       จินตนาปล่อยโฮ ปานเทพอึ้ง
       ใหญ่ขยับขึ้นไปสวมกอดปิ่นอนงค์บนเตียงใจจะขาดรอนๆ
      
       ในทุ่งดอกไม้แห่งนั้น อุ่นเรือน จูงปิ่นอนงค์เดินไป สองคนยิ้มแย้มให้กัน จังหวะหนึ่งที่แก้มของปิ่นอนงค์มีน้ำหยดลงมา
       ปิ่นอนงค์ชะงักลูบแก้ม ยินเสียงสะท้อนของใหญ่ เรียกหา “ปิ่น”
       ปิ่นอนงค์หันไปมองอุ่นเรือน “แม่...คุณใหญ่”
       อุ่นเรือนยิ้มบางๆ พลางพยักหน้าให้ แล้วปล่อยมือ ปิ่นอนงค์หันหลังกลับวิ่งไปเร็วรี่กลางแสงสีขาวเจิดจ้า
      
       ใหญ่หัวใจสลายเอาแก้มแนบซบไหล่ปิ่นอนงค์กลั้นก้อนสะอื้น มือใหญ่จับมือปิ่นอนงค์แน่น อีกข้างโอบหัวไว้ จังหวะนั้นเสียงหัวใจปิ่นอนงค์ทำงาน ที่เครื่องวัดสัญญาณชีพจร จอทำงาน เส้นกราฟเดิน
       และที่มือปิ่นอนงค์ในมือใหญ่ก็เริ่มขยับ ใหญ่ยิ้มดีใจสุดชีวิต ยอดรักของเขากลับมาแล้วด้วยแรงรักที่เขาผ่องถ่ายส่งไปให้
       “ปิ่นอนงค์” ใหญ่ร้องลั่น “หมอ....”
      
       ทีมหมอวิ่งเข้ามางงๆ จ้องจอดูสัญญาณชีพจรเขม็ง จินตนา ปานเทพ และถวิลวิ่งเข้ามา ต่างชะเง้อชะแง้ดู อย่างไม่เชื่อสาย
ขอขอบคุณจาก manager.co.th    ดูปิ่นอนงค์ 3 august 2012

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น