“ฮัลโหลค่ะ...” กิมลั้งทำฟอร์ม
“แหม พูดซะเพราะเชียว นี่ชั้นเอง ต๋อง” ต๋องรีบรายงานตัว
“เอ้า ต๋องเองเหรอ เผอิญไม่ได้เมมชื่อไว้น่ะ ว่าไง มีอะไรรึเปล่า” กิมลั้งแกล้งเหมือนไม่ได้เก็บเบอร์ต๋องไว้
“โอ้โห พูดซะห่างเหินเชียว” ต๋องแอบน้อยใจ
“ชั้นกับเธออยู่กันคนละที่ มันก็ต้องห่างกันอยู่แล้วล่ะ” กิมลั้งแกล้งเฉไฉ
“ใครบอกล่ะ ออกมาที่ระเบียงดิ” ต๋องท้า
“อะไรนะ!” กิมลั้งตกใจแต่ลึกๆแอบดีใจไปพร้อมๆกัน เธอรีบเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นต๋องยืนจังก้าอยู่
“ไม่ต้องดีใจขนาดนั้น” ต๋องแซวกิมลั้ง
กิมลั้งออกมาที่ระเบียงพร้อมทำแอ็กติ้งหน้ายักษ์ใส่ต๋อง ทั้งคู่ยังคุยกันผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ใครบอกว่าดีใจ ชั้นตกใจต่างหากว่าเธอทำบ้าอะไรของเธอ”
“มาหาเธอแล้วมันบ้าตรงไหน”
“ไม่กลัวแม่ชั้นเห็นรึไง” กิมลั้งถามต๋อง
“ดีใจจังที่เธอเป็นห่วง” ต๋องอมยิ้ม
“ชั้นก็แค่ไม่อยากให้มันมีเรื่อง ที่ผ่านมายังปวดหัวไม่พออีกรึไง” กิมลั้งเฉไฉ
“เธอเพิ่งบอกชั้นไม่ใช่เหรอว่าให้อดทน แล้วทุกคนก็จะเห็นเองว่าชั้นเป็นคนยังไง แล้วนี่ชั้นก็กำลังทำอยู่”
“เรื่องตลาด...ที่เธอจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นน่ะเหรอ” กิมลั้งถาม
“ใช่” ต๋องรีบตอบ
“ว่าแต่เธอจะทำยังไง” กิมลั้งยังสงสัย
“ขอปิดไว้เป็นความลับก่อนละกันนะ ที่มานี่ คืนนี้ก็เพราะอยากได้กำลังใจน่ะ”
กิมลั้งแอบดีใจแต่พอคิดถึงภาพณดากับต๋องขึ้นมาถึงกับอดประชดไม่ได้
“ชั้นว่าเธอน่าจะได้กำลังใจล้นเหลืออยู่แล้วนะ”
“กำลังใจล้นเหลือ” ต๋องไม่เข้าใจ และยังงงว่ากิมลั้งหมายถึงใคร
“ล้นซิ ก็เป็นกำลังใจจากระดับลูกสาวเจ้าของตลาดเลยนี่นะ”
“อ๋อ....คุณณดาน่ะเหรอ เอ้อ ชั้นลืมบอกเธอไปว่าคุณณดาเป็นคนช่วยเอาตัวชั้นออกมาจากโรงพักเองล่ะ”
“เห็นมั้ย ยัยคุณหนูนั่นเค้าออกจะเอาใจช่วยเธอเป็นพิเศษ”
“คิดอะไรของเธอนี่ เค้าก็แค่มีน้ำใจกับชั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องกำลังใจ ชั้นว่ามันหาได้จากเฉพาะบางคนเท่านั้นนะ”
“แล้วจะมาหาอะไรแถวนี้ บ้านชั้นน่ะขายปลา ไม่ได้ขายกำลังใจ”
กิมลั้งยิ้มอายใจหวิวขึ้นมาแต่พยายามปกปิดอาการ
“ขายปลาอะไรล่ะ ปรา - กฎ - ว่า เธอก็แอบเอาใจช่วยชั้นอยู่ใช่มั้ย ถ้าใช่ แค่นี้ชั้นก็ชื่นใจแล้ว” ต๋องเริ่มหยอด
กิมลั้งเขินหนักจนรู้สึกว่าตัวเองจะเก็บอาการไม่อยู่จึงยกเรื่องมาอ้าง แกล้งหันไปมองด้านอื่น
“ เอ่อ มีคนมาแล้ว เธอรีบไปก่อนไป”
“ก็ได้ๆ แล้วเจอกันนะ”
ต๋องวางสายแล้วยิ้มแฉ่งโบกมือบ๊ายบายให้กิมลั้งก่อนจะเดินกลับบ้านไป กิมลั้งเขินจนตัวม้วเก็บอาการไม่อยู่
“คนบ้า”
กิมลั้งอายแต่แอบดีใจไม่น้อยกับสิ่งที่ต๋องบอกเธอ
พอเดินเข้ามาในห้อง กิมลั้งต้องช็อกเมื่อเห็นกิมแชยืนอยู่
“ว้าย มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะกิมแช”
“ก็ตั้งแต่...แล้วจะมาหาอะไรแถวนี้ บ้านชั้นน่ะขายปลา ไม่ได้ขายกำลังใจ”
กิมแชเลียนแบบท่าเขินของกิมลั้งจนอีกฝ่ายเขินอาย
“อะไรของลื้อฮะกิมแช” กิมลั้งเขิน
“นั่นใช่มั้ยพี่ต๋องคู่ปรับของม้า เค้าจีบกับเจ้อยู่อ่ะดิ” กิมแชเอ่ยขึ้น
“จีบเจิบอะไร มีคำไหนที่อั๊วพูดกับต๋องไปแล้วทำให้ลื้อรู้สึกแบบนั้น” กิมลั้งเปลี่ยนเรื่อง
“โอ๊ย ถึงวันๆอั๊วจะอยู่แต่ในบ้าน แต่อั๊วก็ดูซีรีส์เกาหลีประจำนะ ไอ้ท่าทางสะเทิ้น หงึกๆหงักๆ พูดไม่ตรงกับใจน่ะ มันเป็นอาการของนางเอกปากแข็งชัดๆ แหม แล้วคิดว่าเล่นเรื่องโรมิโอจูเลียตกันอยู่รึยังไง พระเอกถึงต้องแหงนคอยคุยกับนางเอกบนระเบียง” กิมแชย้อนพี่สาว
“หรือลื้อจะให้ชวนเค้าเข้ามาจิบชาในห้องรับแขก” กิมลั้งประชดกลับ
“ตกลงยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเจ้กับพี่ต๋องนี่ยังไงๆกันอยู่”
“ถ้ายังจะมาคาดคั้นเรื่องไร้สาระนี่ อั๊วก็ไม่มีอะไรจะคุยกับลื้อแล้วนะ” กิมลั้งลุกขึ้นเดินหนี
“เจ้ๆ”
“อะไร”
กิมแชหยอกล้อพี่สาว แถมทำท่าเลียนแบบกิมลั้งตอนเขินต๋อง
“คนบ้า”
กิมลั้งหยิบของขว้างใส่กิมแชด้วยความอาย กิมแชมองตาม หัวเราะชอบใจกับท่าทางของพี่สาวที่กำลังมีความรักกับคู่ปรับของแม่ตัวเอง
บ่ายวันใหม่ รถกระบะคันหนึ่งจอดลงใกล้ซอยในตลาด รถกระบะบรรทุกคนมาหลายคน ทั้งหมดลงมาจากรถพร้อมถุงกระดาษ มีกระเป๋า บ้างมีย่ามในมือ เลื่อนกับรักเร่ใส่หมวกอำพรางใบหน้ากำลังเดินมองซ้ายขวาอย่างระมัดระวังขณะ เดินมาหาคนกลุ่มนี้ เลื่อนกับรักเร่นัดแนะกับคนในกลุ่ม สักครู่ทั้งหมดเดินแยกย้ายสลายกันไปคนละทิศละทาง
ต่อจากนั้น เพื่อนของเลื่อนกับรักเร่กระจายเข้าไปยังจุดต่างๆของตลาด เลื่อนกับรักเร่ถอดหมวกออก เข็นรถเข็นของตัวเองเข้ามา ผ่านหน้าต๋องที่ยืนดูดโอเลี้ยงแต่แอบส่งซิกว่าเรียบร้อยเป็นไปตามแผน จากนั้นแยกย้ายกันไปคนละทาง
บรรดาเพื่อนๆของเลื่อนกับรักเร่กระจายไปตามแผงต่างๆในตลาด แต่ละคนเข้าไปซื้อของด้วยท่าทีปกติที่สุด แต่พอคนขายเผลอแอบหยิบกล้องมาแอบถ่ายพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้น ทั้งร้านป้าพิณ ร้านคำมูล ร้านกาแฟอาโก ร้านทำผมของชมพู่กับน้อยหน่าโดนกันทั่วหน้า
สาวกของเลื่อนกับรักเร่ไปที่ร้านขายของชำของจะเด็ด สภาพร้านดูรก เก่า มีหยากไย่เต็มไปหมด เพราะจะเด็ดเน้นเข้าทรงไม่เน้นขายของ กลุ่มสายสิบเข้าไปในร้านปรากฏว่าไม่มีคนขาย จนไปเห็นกลุ่มควันมาจากหลังร้าน จึงเดินตามควันไป ท่ามกลางกลุ่มควันจะเด็ดนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูปและเครื่องรางของขลังทั้ง หลาย ซึ่งกำลังเอาเศษเหล็ก เศษผมยัดใส่เข้าไปในฟองไข่ สายสืบจำเป็นสงสัยว่าจะเด็ดทำอะไรจึงเรียกขึ้น
“ลุง...”
จะเด็ดสะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย”
ด้วยความตกใจจะเด็ดรีบกระโดดนั่งคร่อมกองไข่ประมาณครึ่งโหลที่วางไว้แล้ว แต่ยังทำไม่เสร็จ
“ทำอะไรน่ะลุง” สายสืบของต๋องถามขึ้น
“เอ่อ กกไข่” จะเด็ดตอบหน้าตาเฉย
“ฮะ คนนะไม่ใช่ไก่”
“ก็ไข่พวกนี้ไว้สำหรับใช้ในพิธีของข้าก็ต้องเสกคาถาอาคมกันหน่อยซิ”
“คาถาไม่เสื่อมหมดเหรอใช้ท่านี้” สายสืบถามด้วยความสงสัย
“เอ็งนี่ไม่รู้อะไร เสกไข่มันก็ต้องใช้ไข่เสกซิวะ” จะเด็ดหลบไปน้ำขุ่นๆ
“อะไรนะ”
“เอ็งเลิกถามซักทีเถอะ ตกลงจะเอาอะไร จู่ๆก็บุกเข้ามาในสำนักข้าแบบไม่นัดล่วงหน้าอย่างนี้”
จะเด็รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวความแตก
“ชั้นจะซื้อของ เห็นไม่มีใครอยู่ก็เลยเดินเข้ามา”
เพื่อนของรักเร่กับเลื่อนที่มาช่วยหลอกถามจะเด็ดไปเรื่อย ส่วนจะเด็ดเริ่มมองหาลูกศิษย์อย่างบะหมี่กับเกี๊ยวคนต้นทางที่ตอนนี้หาไม่ เจอ
“บะหมี่ เกี๊ยวมันหายไปไหนของมันอีกแล้วนี่ ว่าแต่เอ็งจะซื้ออะไร”
กลุ่มเพื่อนของเลื่อนกับรักเร่กระซิบบอกเบาๆ จะเด็ดถึงกับสะดุ้ง ไม่นานจะเด็ดยื่นกล่องถุงยางให้ด้วยความกระอักกระอ่วน โดยไม่รู้ว่าโดนแอบถ่ายภาพของบางอย่างในร้านไว้เรียบร้อยแล้ว
หลายวันผ่านไป จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ที่ตลาดพ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บร้าน เลื่อนเที่ยวเดินป่าวประกาศทางโทรโข่งกับชาวตลาด
“กระจ๊องง้อง กระจ๊องง้อง เจ้าข้าเอ๊ย กระจ๊องง้อง กระจ๊องง้อง เจ้าข้าเอ๊ย”
ทุกคนในตลาดหันมามองที่เลื่อนเป็นสายตาเดียวกัน
“วันนี้ลุงชวนชมใจดีเหมือนผีเข้า ก็เลยจะชวนทุกคนไปชมหนังฟรีที่โรงหนังตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลยจ้ะ” เลื่อนรีบอธิบาย
“ลุงชวนชมอมทุกข์นี่นะ พูดจริงเหรอเลื่อน” คิตตี้ถามอย่างสงสัยเพราะปกติลุงชวนชมเจ้าของโรงหนังเก่ามักไม่ค่อยสุงสิง กับใคร จนโดนเม้าท์อย่างเสียหายจากชาวตลาดเสมอ
“จริงซิพี่คิด ก็หมู่นี้แทบจะไม่มีคนเข้าโรงหนังแกเลย แกก็เลยจะแก้เคล็ด ด้วยการให้คนเข้าโรงหนังกันมากๆ” เลื่อนตอบ ชาวตลาดเริ่มคุยกันด้วยความสนใจ
“ม้าอยากไปดูมั้ย” กิมลั้งถามกิมฮวย
“ผีดิบอย่างอาชวนชมอีเคยแจกของฟรีที่ไหน ถ้าไม่ดูก็โง่แล้วกิมลั้งเอ๊ย”
กิมฮวยตื่นเต้นจะได้ดูหนังฟรีของลุงชวนชม ที่หน้าตาดุ และไม่เคยพูดคุยกับใครในตลาดแห่งนี้และโดนมองเป็นตัวประหลาดด้วยซ้ำไป
อีกฟากหนึ่งรักเร่ที่กำลังป่าวประกาศอยู่หน้าโรงหนัง ขณะชาวตลาดกลุ่มใหญ่กำลังรี่กันเดินไปที่โรงหนัง
“เชิญเลยครับทุกคน ของฟรีมีรอบเดียวเท่านั้น สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามา”
ต่อจากนั้นในโรงหนังกำลังฉายสนุกสนาน หัวเราะชอบใจ ชาวตลาดมาดูกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่จู่ๆหนังเกิดขาดขึ้นมา
“โห่....” คนดูโวยวาย ต๋องพูดผ่านไมค์เข้ามา
“ใจเย็นๆครับใจเย็นๆ เครื่องมันแก่แล้วก็ต้องเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าระหว่างรอการแก้ไข ขอให้ทุกท่านดูอะไรสนุกๆไปพลางๆก่อนละกันนะครับ”
ต๋องพูดผ่านไมค์เข้ามา โดยที่จอภาพเห็นภาพตลาดร่วมใจเกื้อปรากฏขึ้น พอคนดูเห็นตลาดตัวเองในจอยิ่งงงแต่ยิ่งสนใจเพราะเป็นภาพบรรยากาศที่ดีของ ตลาดที่กำลังขายของกันอยู่ พอคนดูเห็นตัวเองจอเริ่มชี้ชวนกันดูอย่างชอบใจ
“วู้ว”
ภาพในตลาดเริ่มฉายขึ้นบนจอ ทั้งหมดเป็นมุมกล้องที่แอบถ่ายมาโดยเพื่อนๆของเลื่อนกับรักเร่ ในภาพเห็นลูกค้าสั่งของแม่ค้ามะพราวขูด แต่พอคนซื้อหันไปเลือกดูของร้านใกล้ๆ แม่ค้าแอบเทน้ำเติมใส่มะพร้าวที่ขูดแล้ว แล้วรีบตัดใส่ถุงขึ้นชั่งตาชั่งด้วยความรวดเร็ว
ชาวตลาดที่กำลังดูหนังอยู่เหล่ไปมองแม่ค้ามะพร้าวขูดที่นั่งดูหนัง อยู่ แม่ค้าคนดังกล่าวทำตัวไม่ถูก ในขณะที่แม่ค้าอีกเจ้าที่กำลังวางผักขายเป็นกอง แต่วางผักเน่าไว้ด้านล่างแล้ววางผักดีโปะทับด้านบนพอคนมาซื้อชี้ไปที่กองดัง กล่าวที่เพิ่งจัดเสร็จแม่ค้ารีบรวบผักใส่ถุงไม่ให้ลูกค้าเห็นผักเน่า จนแม่ค้าผักในโรงหนังนั่งทำตาปริบๆที่ถูกจับได้
จอเห็นภาพหมูที่ยังไม่ถูกแล่กองอยู่กับพื้นมีหนูกำลังรุมตอดแทะเนื้อ สักครู่มีมือมือหนึ่งมาแบกหมูไป ที่แท้คนแบกคือเต๊กไฮ้ แล้วเต๊กไฮ้กับลักษณ์ช่วยกันแล่เนื้อหมูที่หนูรุมกัดขายต่อให้ลูกค้า คนดูในโรงหนังทำหน้าขยะแขยง เต๊กไฮ้กับลักษณ์มองไปทางอื่นด้วยความอาย
จนมาถึงแผงของกิมฮวย ในจอภาพกิมลั้งกำลังจัดของอยู่ กิมฮวยแอบตักของขึ้นตาชั่งแต่ดันใส่น้ำแข็งเข้าไปด้วย เพื่อให้น้ำหนักมากขึ้น กิมฮวยนั่งดูอยู่ด้วยในโรงหนังทั้งโกรธทั้งอาย
ต่อด้วยร้านของจะเด็ด ที่ยื่นกล่องถุงยางให้เพื่อนเลื่อนที่เข้าไปซื้อ แต่พอหงายกล่องดูจึงพบว่าหมดอายุแบบข้ามปีไปแล้ว สายสืบของต๋องแกะซองถุงยางออกดูปรากฏว่าถุงยางเสื่อมจนฉีก
เขียวหวานซึ่งนั่งอยู่ข้างป้าพิณและคำมูลในโรงหนังเห็นภาพแล้วโพล่งขึ้นเป็นภาษากะเหรี่ยง
“ที่แท้มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“นั่นซิ ก็ทำกันอย่างนี้ แล้วใครจะอยากเข้าตลาดเรา” ป้าพิณเสริม
คำมูลมองไปที่จอตื่นเต้น พูดกรุงเทพโก้เก๋แต่สำเนียงอีสาน
“ว้าว มีร้านป้าพิณด้วย เห็นชั้นตำปาปาย่าป๊อกๆอยู่หน้าร้านด้วยอ่ะ”
ช่วงที่กล้องกำลังแพนถ่ายอาหารต่างๆดูร้อนๆ สีสันน่ากินเชียว แถมคนแน่นร้าน
“เห็นมั้ย เค้าถ่ายมาให้เห็นว่าเป็นตัวอย่างของร้านที่ดี”
ป้าพิณเอ่ยชมร้านตัวเอง ขึ้นมาปราฎว่าในจอภาพเห็นเขียวหวานกำลังตักกับข้าวใส่จานให้ลูกค้าแต่คันหัว เลยเกา ปรากฏว่าผมร่วงใส่อาหาร ป้าพิณ ที่โพกผ้ากันผมหันมาเห็นเลยด่าให้
“เอ๊ะ นังเขียวหวานมาเกาหัวแถวนี้ผมก็ตกใส่กับข้าวซิ บอกหลายทีแล้วให้โพกผ้าแบบข้า”
ด่าเขียวหวานเสร็จ ป้าพิณหันไปตักกับข้าวตรงที่มีผมของเขียวหวานร่วงใส่ทิ้งลงถังขยะ
“โอ้โห ป้าพิณ มีสำนึกรักลูกค้าสุดๆ”
คำมูลเห็นในภาพจึงแซวป้าพิณกลับ ในจอภาพป้าพิณทำจมูกฟุดฟิดแล้วในที่สุดก็จามใส่อาหารทั้งหมดตรงหน้าโดยยังมี น้ำมูกเยิ้มคาจมูกอยู่ ชาวตลาดในโรงหนังที่เป็นลูกค้าประจำป้าพากันทำหน้ายี้ ป้าพิณหน้าแตกจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แล้วภาพในจอดับไป จากนั้นต๋องจึงค่อยโผล่มายืนแทนที่
“ไอ้ต๋อง...” กิมฮวยโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ
ในขณะที่ต๋องยืนพูดอยู่หน้าแท่นเครื่องฉายอย่างไม่มีท่าทางหวาดกลัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นเพื่อให้ความจริงปรากฏ
“ทีนี้ทุกคนคงรู้กันแล้วนะว่าตัวซวยของตลาดน่ะเป็นใคร”
พอไฟสว่างจากหน้าจอ จึงเห็นว่าต๋องยืนจังก้าอยู่หน้าจอฉาย ทุกคนตะลึงพูดไม่ออกคล้ายน้ำท่วมปากเพราะการกระทำของตนถูกฟ้องด้วยหลักฐาน
“อาต๋อง ลื้อเล่นสกปรกชัดๆ” เต๊กไฮ้รีบโวยวายกลบเกลื่อน
“ชั้นเอาความจริงมาให้ทุกคนเห็นต่างหาก หลักฐานฟ้องขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าเถียงอีกมั้ยว่าตัวเองไม่ได้ทำให้คนเข้า ตลาดน้อยลง” ต๋องอธิบาย
“นั่นซิ คนที่เคยด่าๆพี่ต๋องไว้ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ย” ชมพู่ปกป้องต๋องอีกครั้ง
“ชมพู่ พี่ขอบใจนะที่เรายืนอยู่ฝั่งเดียวกับพี่” ต๋องเอ่ยขึ้น
ชมพู่ถึงกับยิ้มแฉ่งหน้าบาน
“ด้วยรักและเต็มใจจ้ะพี่ต๋อง”
“แต่สายพี่บอกมาว่าพวกอุปกรณ์ในร้านเสริมสวยของชมพู่น่ะสกปรกมาก น่าจะทำความสะอาดซะหน่อยนะ” ต๋องเอ่งอย่างตรงไปตรงมา
“เอ่อ ขอบคุณจ้ะพี่ที่เตือน” ชมพู่กับน้อยหน่ามองหน้ากันอย่างอายๆ
“นี่เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นใครฮะไอ้ต๋อง ถึงได้มาเที่ยวจับผิดคนอื่นแบบนี้” จะเด็ดเดือด
“แล้วไอ้ที่ทุกคนทำอยู่น่ะมันดีมั้ยล่ะ มัวแต่พากันไปไหว้เจ้าไว้ผี แถมยังโยนขี้มาให้ชั้น สรุปแล้วที่แท้ก็เป็นเพราะความไม่รับผิดชอบต่ออาชีพของตัวเองกันทั้งนั้น” ต๋องโพล่งอย่างเหลือ
ณดาเห็นท่าทีจริงจังและเฉลียวฉลาดของต๋องยิ่งประทับใจ ทำให้ศักดิ์ชายที่แอบสังเกตการณ์อยู่รู้สึกไม่พอใจ
กิมฮวยมึนอยู่ครู่หนึ่ง แต่เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“อาต๋อง ลื้อนี่เก่งจริงๆ หานั่นหานี่มาเบี่ยงประเด็นให้พ้นตัวเอง คิดว่าอั๊วจะยอมรับไอ้คลิปบ้าบอที่ลื้อทำมาเหรอ เดี๋ยวนี้น่ะใครๆก็ตัดต่อให้ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาวได้ ใช่มั้ยพวกเรา..” กิมฮวยเริ่มหาพรรคพวก
ชาวตลาดได้โอกาสรีบเห็นด้วยขึ้นมาทันที
“ใช่” พ่อค้าแม่ค้าบางคนเริ่มส่งเสียงเข้าข้างกิมฮวยบ้าง
“ลื้อมาทำซี้ซั้วต่า อั๊วฟ้องได้เลยนะโทษฐานทำลายชื่อเสียง” กิมฮวยขู่
“น้าต่างหากที่ทำลายชื่อเสียงตัวเอง แล้วก็กำลังทำลายชื่อเสียงของตลาดเหมือนกับที่อีกหลายคนทำ แล้วถ้ายังคิดว่าจะเป็นแบบนี้กันต่อไป ก็อย่าหวังว่าจะดึงลูกค้าคืนมาจากห้างเวรี่แฮปปี้ของเสี่ยชายศักดิ์เลย” ต๋องรีบแจง
ศักดิ์ชายมองต๋องที่นับวันจะเห็นว่าต๋องเป็นเสี้ยนหนามหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้ต๋อง ลื้อไม่ต้องมาสั่งสอนพวกอั๊วหรอก พวกอั๊วอยู่ที่นี่ตั้งแต่ลื้อยังไม่ชิงหมามาเกิดด้วยซ้ำ ทำไมจะไม่รู้ว่าต้องแก้ไขเรื่องปากท้องตัวเองยังไง ไปกันเถอะพวกเรา เสียเวลากับเรื่องงี่เง่านานเกินไปแล้ว” กิมฮวยรีบเฉไฉไปเรื่องอื่น
กิมลั้งจำต้องลุกตามแม่ไป แต่แอบมองต๋องด้วยความลำบากใจ ชาวบ้านเดินตามออกไปเช่นกัน ต๋องมองตามด้วยความเซ็ง
บ่ายนั้น ต๋องเดินด้วยอารมณ์เซ็งออกมาที่มุมหนึ่งของโรงหนัง ลุงชวนชมที่ทำหน้าเหมือนไม่สนใจโลกกำลังเงยหน้าจากหนังสือที่นั่งอ่านอยู่
“เป็นไง เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ข้าจะได้ทำมาหากินต่อซักที” ลุงชวนชุมเอ่ยขึ้น ต๋องรีบยกมือไหว้
“ก็ไม่เรียบร้อยนักหรอกลุง แต่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไงชั้นต้องขอบคุณลุงชวนชมมากเลยนะจ๊ะที่ให้ยืมใช้โรงหนัง”
“ข้าก็แค่สนับสนุนให้ผู้คนมันแหกตามองความจริงบ้างเท่านั้น เพราะคนแถวนี้มันถนัดโทษคนอื่นมากกว่าตัวเอง” ต๋องมองลุงชวนชมแล้วยิ้มชอบใจ
“แปลกจัง ทำไมคนอื่นชอบหาว่าลุงเป็นคนประหลาด ชั้นไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย” ต๋องเอ่ยอย่างแปลกใจ
“เป็นเพราะเอ็งรู้จักข้าน้อยไปน่ะซิ แต่ก็ช่างเถอะ ใครจะคิดกับข้ายังไงข้าไม่เห็นจะเดือดร้อน ไม่ได้ขอใครกินซักหน่อย” ลุงชวนชมพูดอย่างไม่สนใจใคร
“มันไม่ได้เกี่ยวกับขอใครกินไม่ขอใครกินหรอกลุง บางทีการมีใครซักคนที่เข้าใจเรา มันก็ทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นนะ” ต๋องโพล่งความในใจ
“หมดธุระแล้วใช่มั้ย งั้นเอ็งก็รีบๆไปซะที” ลุงชวนชมคล้ายจะขอตัวไปมุมของตัวเองเช่นเคย
ต๋องไม่อยากกวนใจจึงเดินออกมาจากโรงหนัง
ต๋องเดินออกมาที่หน้าโรงหนัง เห็นณดายืนรออยู่
“ต๋อง วันนี้คุณทำเรื่องที่เจ๋งมากเลยนะ” ณดารีบพูด
“นี่คุณก็เข้าไปดูด้วยเหรอครับ” ต๋องถามกลับ
“ค่ะ...ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณจะลงทุนขนาดนี้ ทั้งแอบถ่าย ทั้งตัดต่อนี่ถ้ารู้แผนคุณตั้งแต่แรกชั้นจะได้ช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย บ้าง” ณดาเอ่ยอย่างอยากช่วย
“อุย ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ทั้งหมดนี้ที่เสร็จออกมาได้เพราะผมก็ให้เพื่อนนิเทศที่มหาลัยช่วยทำให้น่ะ ครับ พวกนี้เค้ามีเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว” ต๋องรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ณดาพยักหน้ารับรู้ แต่อดกังวลไม่ได้
“ไม่คิดเลยนะคะว่าเบื้องหลังตลาดจะเป็นแบบนี้ ถ้าคุณแม่รู้คงโกรธน่าดู”
“คุณนายสดศรีไม่มีทางรู้หรอกครับเพราะวันๆสนใจแต่เก็บค่าเช่า” ต๋องลืมตัวหลุดพูดออกมาเหมือนกำลังกัดแม่ณดาอยู่
“อุ้ย ผมขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ณดาเข้าใจ ว่าแต่คุณคิดว่าพวกเค้าจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองมั้ย”
“ตอนนี้แค่เปลี่ยนตัวเองยังน้อยไปด้วยซ้ำครับ ผมว่าเราต้องหากลยุทธอะไรบางอย่างเพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้กลับมาเร็วที่สุด” ต๋องรีบพูด
“จะทำอะไรล่ะคะ ณดายินดีให้ความร่วมมือเต็มที่” ณดายังแสดงเจตจำนงชัดเจน แต่ต๋องยังไม่เข้าใจ
“ผมขอเวลาคิดนิดนึงละกันครับ แล้วจะบอกคุณอีกที”
ต๋องยังมีโครงการช่วยตลาดอย่างตั้งมั่น แต่ยังไม่อยากบอกณดา
เวลาเดียวกันที่สวนสาธารณะใกล้ตลาด ศักดิ์ชายกับจาตุรงค์นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของต๋องอย่างมีอารมณ์
“ไอ้ต๋องมันกล้าฉีกหน้าทุกคนในตลาดขนาดนั้นเลยเหรอ” จาตุรงค์ถามขึ้น
“ก็ใช่น่ะซิ นับวันมันชักจะเป็นตัวอันตรายสำหรับชั้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว” ศักดิ์ชายพูดอย่างกังวล
“ชั้นน่าจะพูดคำนี้มากกว่านะ วันก่อนมันทำร้ายชั้นกับพ่อ แล้ววันนี้มันยังทำให้พ่อแม่ชั้นอับอายอีก ไม่เห็นแกจะโดนมันทำอะไรเลย”
“แกลืมไปแล้วเหรอว่าชั้นมาที่นี่เพื่ออะไร” ศักดิ์ชายย้ำ
“ก็เพื่อทำทุกอย่างให้ได้ตลาดมาไง จริงด้วยแต่ไอ้ต๋อง มันกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ตลาดยังอยู่” จาตุรงค์สวนขึ้น
“ที่สำคัญดูท่าทางณดาจะปลื้มมันมากขึ้นเรื่อยๆ” ศักดิ์ชายสีหน้ากังวลชัดเจน
“ถ้าคุณณดาเกิดลงเอยกับมันขึ้นมาก็แปลว่า...แผนแกจบแน่ๆ” จาตุรงค์สรุปให้เพื่อน
“นึกเหรอว่าชั้นจะยอมให้มีวันนั้น” ศักดิ์ชายย้ำอย่างจริงจัง
“งั้นแกก็ต้องจับมือกับชั้นทำสงครามกับมัน” จาตุรงค์เข้าร่วมด้วยอีกแรง
“ชั้นไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นหรอก”
“ช่วยกันสองแรงแล้วมันโง่ยังไงวะ” จาตุรงค์ไม่เข้าใจ
“วิธีจัดการศัตรูที่แยบยลที่สุดก็คือ ไม่ให้มันรู้สึกว่าเราเป็นศัตรูกับมันเว้ย”
ศักดิ์ชายทำหน้าเจ้าเล่ห์ อย่างมีแผนการในใจ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น