วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครนางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 4 (จบตอน)วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

 

ท่ามกลางบรรยากาศลุ้นระทึก ที่ริมถนนในบ้านไม้งามเวลานั้น ขณะที่ผู้กองธัมโมจะเดินเข้าไปค้นตัวเก่ง ครูเพิ่มก็โผล่พรวดมาขวาง พร้อมกับปราดเข้ามาคว้าตัวเก่งไปต่อหน้า
      
       “หนอยไอ้เก่ง เดี๋ยวนี้เอ็งปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่มั้ยโดนว่านิดว่าหน่อยจะหนีออกจากบ้าน ไป! กลับบ้าน ไม่งั้นข้าจะเขียนจดหมายไปฟ้องแม่เอ็ง”
       ธัมโมงง “เอ่อน้าครับ”
       ครูเพิ่มหันมาท่าทางฉุนเฉียว “อะไรล่ะคุณ คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ กำลังดุหลานเนี่ยไม่เห็นหรือไง”
       เก่งรีบบอกธัมโม “นี่ครูเพิ่มครับ อาผมเอง”
       ธัมโมอธิบาย “แบบว่าผมกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ครับ ถ้ายังไงผมขอ…”
       ครูเพิ่มสวนคำเสียงอย่างดุ “เอาไว้วันหลัง วันนี้ผมกับหลานมีเรื่องต้องเคลียร์กันไปไอ้เก่ง กลับบ้าน”
       ครูเพิ่มลากเก่งไปต่อหน้า ธัมโมได้แต่ทำอะไรไม่ถูก
      
       ครูเพิ่มทำทีเป็นลากแขนเก่งมาอย่างฉุนเฉียว แต่พอพ้นหัวมุมถนน ทั้งคู่ก็รีบพิงกำแพงหลบพักทันที
       เก่งพ่นลมดังฟู่ “เกือบไปแล้วเชียว”
       “ตำรวจคนนั้นท่าทางเค้าสงสัยเอ็งอยู่นะนังแก้ว ข้าว่าต้องรีบจัดการแล้วล่ะ”
       เก่งได้แต่เจ็บใจ คิดไม่ออกว่าจะจัดการผู้กองธัมโมยังไง
      
       บรู๊ซลีย้ง นอนสลบเหมือดอยู่ที่แคร่ที่บ้านกำนันศร โดยมีวาสนาคอยดูแล ดูเหมือนว่าพวกของไชโยโอฬารคงเป็นคนพาย้งและวาสนากลับมาที่บ้าน
       “ย้ง ตื่นเถอะ นี่ย้ง รู้สึกตัวได้แล้ว” วาสนาเรียกปลุก
       ย้งตกใจตื่นรีบลุกหน้าตาเหลอหลา “คุณวาสนา แล้วคนร้ายละครับ คนร้ายอยู่ที่ไหน”
       กำนันศรตอบแทน แถมด้วยคำพูดเหน็บ “เผ่นไปตั้งนานแล้วไอ้ย้ง ที่ถามเนี่ย เอ็งมีปัญญาสู้หรือไงวะ”
       “กระจอกว่ะ คนร้ายเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังสู้ไม่ได้ ถุย” ยอดปากเก่ง
      
       เบิ้มผสมโรง “นั่นสิพี่ยอด แถมยังทำมือตัวเองเจ็บอีกต่างหาก ทุเรศจริงๆ
       วาสนาหงุดหงิด รีบตัดบท “นี่ พอเถอะ ที่ย้งเค้าเป็นแบบนี้ ก็เพราะปกป้องชั้นนะ”
       ยอดทำไม่รู้ไม่ชี้ ผู้กองธัมโมกลับมาถึงพอดี
       จ่าไชโยหันไปเห็น “ผู้กอง เป็นยังไงบ้างครับ”
       “คนร้ายมันหายตัวไปในหมู่บ้าน” ผู้กองบอก
       “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะผู้กอง ขนาดบ้านผมมันยังกล้าบุกเข้ามาแล้วต่อไปชาวบ้านจะอยู่ยังไง”
       “ไม่ต้องห่วงครับกำนัน ผมรับรองว่าจะรีบติดตามคดีนี้โดยด่วนที่สุด” หันมาพูดกับวาสนา “คุณวาสนากับย้งถ้าพอมีเวลา ช่วยไปให้ปากคำกับผมที่โรงพักด้วยนะครับ ผมอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับคนร้าย”
       วาสนารับคำ “ค่ะผู้กอง”
       ที่ย้งไม่ตอบ เพราะมัวแต่ก้มหน้าอยู่ด้วยความอับอาย
      
       ค่ำคืนนั้น หมวยใหญ่ทาแป้ง พอกหน้าขาวว่อก กำลังกินขนมพลางดูทีวีอยู่ในห้องโถง ขณะที่เถ้าแก่ตงกำลังนั่งตัดเล็บเท้าอยู่อีกมุมหนึ่ง สักครู่ก็เห็นย้งผลุนผลันเข้ามานั่งที่โซฟาในสภาพมือมีผ้าพันแผล
       “ฮึ่ย เจ็บใจ เจ็บใจโว้ย ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้วะ ทำไม”
       หมวยใหญ่รำคาญ “ไม่รู้โว้ย ไปแหกปากที่อื่นไป รำคาญ”
       ย้งสะบัดหน้าหนีไปด้วยความน้อยใจ
       “ลื้อไปเจี๊ยะตีนใครมาอีกวะอาย้ง ทำไมถึงได้อารมณ์เสีย” เถ้าแก่ตงถามลูกชาย
       “วันนี้คุณหมอวาสนาถูกคนร้ายจับไป อั๊วอุตส่าห์ตามไปช่วยแต่อั๊ว…อั๊วสู้มันไม่ได้”
       “แล้วไง คุณหมอปลอดภัยรึเปล่า” หมวยใหญ่ถาม
       “ปลอดภัย แต่อั๊วสิ อั๊วโดนพวกไอ้ยอดมันเยาะเย้ยถากถางมันหาว่าอั๊วไม่มีน้ำยา
       เถ้าแก่ตงดันเห็นด้วย “ฮื๊อ ก็มันพูดเรื่องจริง ลื้อจะคิดมากทำไม”
       “เออ ก็ใช่นะ” ย้งนึกขึ้นได้ “เง้อออ ไม่ใช่สิป๊า อั๊วไม่ยอมนะอั๊วไม่ใช่คนกระจอก อั๊วไม่ยอม” ตี๋ย้งงอแงยังกะเด็กประถม
       “เอาล่ะๆ อั๊วเข้าใจแล้วอาย้ง ของแบบนี้มันมีทางแก้โว้ย
      
       ย้งรีบลงจากโซฟาไปหา “จริงเหรอป๊า แล้วอั๊วต้องทำยังไง”
       เถ้าแก่ตงวางมาดเข้ม “ลื้อต้องสืบเสาะหาซือแป๋ มาถ่ายทอดวรยุทธให้ลื้อเพื่อจะได้เป็นยอดฝีมือ”
       “ยอดฝีมือ” ย้งตื่นเต้น
       “ถูกต้อง”
       ย้งรำพึง “ยอดฝีมือ” ฝันเป็นตุเป็นตะ
      
       จินตนาการของย้งฟูฟ่อง นึกเห็นลานโล่งบนภูเขา ย้งไว้ผมทรงเฉินหลงเป๊ะ กำลังรำมวยจีนไปมา ก่อนจะพุ่งเข้าชกต่อยแตงโมที่แขวนอยู่หลายใบ แต่ละใบมีสีเพ้นท์เป็นรูปหน้าคน
       ย้งชกแตงโม เตะแตงโม ศอกแตงโม เอาหัวโขก เอามีดแทง บางจังหวะมีพักเบรคกินแตงโมด้วยจากนั้นก็เอาฟันแทะ เอานิ้วจิ้ม จนลูกแตงโมแตกหมด
       ย้งคำราม “อว๋อออออ”
       ที่แท้เป็นฉากฝันจากภาพยนตร์ “อาย้ง ไอ้หนุ่มหมัดจินตหรา”
      
       ย้งกำลังนั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้กับมโนภาพเพ้อๆ อย่างสะใจ
       “ยอดฝีมือ ฮ่าๆ หนึ่งในยุทธภพ ฮ่าๆๆๆ ยอดฝีมือ เป็นยอดฝีมือ”
       หมวยใหญ่ฮึดฮัด “ป๊าก้อ ไปสอนมัน... เดี๋ยวมันก็บ้าให้ดูอีกหรอก”
       “โอ้ยช่างมันเหอะอาหมวย ทุกวันนี้มันก็ติงต๊องอยู่แล้วปล่อยมันไปเหอะ”
      
       หมวยใหญ่ระอาใจ หันไปมองน้องชายที่ยังหัวเราะคิกคักไม่เลิก ไม่รู้มันดีใจอะไรนักหนา
คืนเดียวกันนั้นเสี่ยเล้งนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก ขณะหารือกับเพลินตา และจำเริญ โดยมิ่งยืนรอรับใช้อยู่ห่างๆ
      
       “ผมว่าเราฆ่าไอ้ผู้กองธัมโมซะก็หมดเรื่อง ถ้ามันยังอยู่แล้วเราจะเปิดบ่อนได้ยังไง แล้วที่สำคัญมันบุกมาที่บ่อนวันเดียวกับที่นางโจรนั่นลงมือ มันอาจเป็นพวกเดียวกันก็ได้” จำเจิญแค้นไม่หาย
       เพลินตารีบท้วง “ไม่ได้นะเฮีย ครอบครัวของธัมโมน่ะเค้าเป็นตำรวจมากี่ชั่วคนแล้วเฮียรู้มั้ย ถึงไม่มีอำนาจ แต่ถ้าเค้าตายล่ะก็ รับรองต้องกลายเป็นข่าวใหญ่แน่”
       เสี่ยเล้งเห็นด้วย “ถ้ามีข่าว ทางการก็ต้องมาเพ่งเล็งพวกเรา ป๊าว่าป๊าเห็นด้วยกับเพลินตานะ”
       จำเริญหันมาทางเพลินตา “ตกลงจะเอายังไง”
      
       “ธัมโมเป็นคนหัวแข็งแต่ว่าใจอ่อน ตาจะดึงเค้ามาเป็นพวกเดียวกับเรา” สีหน้าเพลินตามั่นมาก
      
       ผู้กองธัมโมอยู่ในห้องนอนแล้ว แต่ยังไม่หลับ กำลังเสก็ตซ์ภาพของนางสิงห์ดำขึ้นมาคร่าวๆ ด้วยดินสอ ธัมโมเพ่งพินิจมองภาพนั้นอย่างใช้ความคิด
       หลายฉากหลายตอนที่แสดงความเก่งกาจของเก่ง ผุดขึ้นในหัวผู้กองตงฉิน
       ความเก่งกาจของเก่งขณะสู้กับโจรปล้นรถทัวร์ ตอนที่ย้งถามที่มาของเก่ง แต่เก่งตัดบทว่าไม่เกี่ยวกับใคร
       ธัมโมนึกสงสัยที่เก่งถนัดบู๊ เก่งบอกว่าตัวเองเป็นนักมวย
       เมื่อหมวยใหญ่มาแจ้งความว่ามีเรื่องที่บ่อน ธัมโมทักว่าเก่งที่น่าจะมาด้วยกันหายไปไหน
       ตอนนางสิงห์ดำอาละวาดในบ่อน ธัมโมเห็นนางสิงห์ครั้งแรก และหลังต่อสู้กันนางสิงห์พูดกับธัมโมเรื่องสำนึกรักบ้านเกิด
       ธัมโมยังติดใจเรื่องเห็นเก่งหิ้วลังกระดาษ เก่งบ่นเรื่องที่ธัมโมชอบสงสัย เหมือนตนเป็นผู้ต้องหา
       และล่าสุดตอนนางสิงห์ พิฆาตทรชน แจกเงินในวัด ธัมโมเห็นลังกระดาษแบบเดียวกันหล่นอยู่แถวนั้น
       ผู้กองธัมโมดึงตัวเองกลับมา ลูบหนวดอย่างใช้ความคิด
       “หรือว่านายเก่งจะเป็นนางสิงห์พิฆาตทรชน ถ้างั้นก็แสดงว่า…” สีหน้าตกใจเว่อร์ “นางสิงห์… เป็นกะเทยเหรอเนี่ย”
       ธัมโมออกอาการคิดหนัก
      
       วันต่อมาวาสนากับย้งขณะมาให้ปากคำตามนัดที่ห้องทำงานผู้กองธัมโม
       “ไม่จริงหรอกค่ะ ชั้นมั่นใจว่าคนร้ายต้องเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายปลอมตัวมาเด็ดขาด” วาสนามั่นใจมาก
       ย้งคาใจ “ทำไมผู้กองถึงสงสัยว่าจะมีการปลอมตัวเกิดขึ้นเหรอครับ”
       “ตอนที่เผชิญกันเค้าพูดกับชั้นเรื่องความสำนึกรักในบ้านเกิดชั้นเลยสงสัยว่าเค้าจะต้องปลอมตัวอยู่ในพื้นที่”
       วาสนาอยากรู้ “แล้วผู้กองสงสัยใครรึเปล่าคะ”
       “ผมยังไม่แน่ใจครับ คงต้องดูไปก่อน”
       ผู้กองธัมโมบอกก่อนจะเดินออกมาส่งย้งกับวาสนา
       “ต้องขอบคุณผู้กองมากนะคะที่ใส่ใจกับคดีนี้ ตอนแรกชั้นนึกว่าผู้กองจะเฉยๆ ซะอีก”
       “ทำไมคุณวาสนาถึงคิดแบบนั้นละครับ”
       “ก็เพราะผู้กองไม่ชอบพ่อชั้น ผู้กองอาจจะดีใจก็ได้ที่เห็นเค้าเดือดร้อน”
       “ผมเป็นผู้รักษากฎหมายนะครับคุณวาสนา จะคนดีหรือคนร้ายก็ต้อง ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายเท่าเทียมกัน”
       “ก็ได้ค่ะชั้นจะเชื่อใจผู้กอง ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะคะ”
      
       วาสนายื่นมือให้ตามมารยาท สองคนจับมือกันต่อหน้าย้งที่มองอย่างไม่พอใจ
       ย้งของแจม จับด้วย “ผมก็เหมือนกันครับผู้กอง ถ้ามีอะไรบอกผมแทนก็ได้ครับคุณวาสนาเค้างานยุ่ง”
       ธัมโมรับปากงงๆ “อ่อ….ได้ครับ ได้”
       ย้งฉีกยิ้มแบบเสแสร้ง
      
       เก่งเดินมาตามทางในหมู่บ้าน เหมือนกำลังใช้ความคิดหนัก
       “จะทำอะไรดีวะ จะหางานที่ไหนดีวะ”
      
       เก่งนึกเรื่องที่เพิ่งคุยในห้องรับแขกบ้านครูเพิ่ม โดยไม่กี่ชั่วโมงก่อนครูเพิ่มสอนหนูเก่ง
       “ถ้าไม่อยากให้ผู้กองธัมโมสงสัย เอ็งต้องหางานทำไม่ใช่ลอยไปลอยมาทั้งวันแบบนี้”
       “แล้วครูจะให้ชั้นทำอะไร”
       “เอ็งก็เป็นลูกมือช่วยข้าซ่อมรถสิวะ” ครูว่า
       “ไม่ได้นะครู ถ้าชั้นจะเล่นงานพวกกำนันศร ชั้นต้องหาข่าว”
       “งั้นเอ็งต้องหางานที่มันไม่เป็นหลักแหล่ง” ครูเพิ่มย้ำ
      
       เก่งนึกไม่ออกว่าจะทำงานทำการอะไร เดินก้มหน้าก้มตาอยู่ด้วยความเครียด ขณะที่ย้งก็ก้มหน้าก้มตาสวนมาเช่นกัน
       “ต้องหางาน ต้องหางานทำให้ได้” เก่งพึมพำ
       “ต้องหาอาจารย์ ต้องฝึกวรยุทธ” ย้งก็พึมพำ
       เก่งทักโดยไม่มองหน้า “หวัดดีย้ง”
       ย้งทักตอบไม่มองหน้าเช่นกัน “หวัดดีเก่ง”
       ทั้งคู่เดินสวนกันไปก่อนจะชะงักหันมามองหน้ากัน
       “มีเรื่องให้ช่วยรึเปล่า” ย้งถาม
       เก่งพยักหน้าบอก “เออ”
       “มีเหมือนกันว่ะ” ย้งบอก
      
       พอเถ้าแก่ตงรู้ที่ลูกชายจะให้เก่งมาช่วยงานในร้านก็หน้าเบ้
       “ไอ่หย่าอาย้ง ลื้อคิดได้ยังไงวะ ชักศึกเข้าบ้านแท้ ๆ ให้อีมาเป็นลูกจ้างก็พอว่า นี่ให้มาเปิดร้านแข่งกับอั๊วลื้อบ้ารึเปล่า ทุกวันนี้ลื้อเจี๊ยะข้าว หรือเจี๊ยะฟางอาย้ง”
       “ไม่ใช่นะป๊า ไอ้เก่งมันจะขับรถเร่ขายกาแฟ ไม่ได้มาขายแถวนี้ซะหน่อย”
       หมวยใหญ่กระแซะเก่ง “นั่นสิป๊า กาแฟเอย น้ำตาลเอย นมเอย น้องเก่งเค้าก็มาซื้อกะป๊าอยู่ดี แบบนี้เท่ากับเป็นการเพิ่มยอดขายนะ”
       “ให้ผมสาบานก็ได้ครับเถ้าแก่ ผมจะไม่มาขายละแวกนี้เด็ดขาดห่างออกไม่ต่ำกว่า 200 เมตร” เก่งบอก
       “ลื้อออกไปเลย 300 เมตร เฉียดเข้ามาเมื่อไหร่ ลื้อซี๊แน่นอน”
       “เอ่อว่าแต่ ใครจะเป็นคนสอนไอ้เก่งมันชงกาแฟล่ะครับ อาป๊าหรือว่าอาเจ้”
       “อั๊วเอง เก่งเค้าหัวอ่อน ต้องค่อยๆสอนถึงจะเข้าใจ” หมวยใหญ่ปากว่ามือถึง ลูบไล้…ลวนลาม ขณะปากถาม “ใช่มั้ยจ๊ะน้องเก่ง”
       เก่งบิดหลบเป็นจังหวะตามมือหมวย “เอ่อครับ ใช่ อุ้ยๆ ใช่ครับ”
      
       วาสนาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน และเจอยอดปลีกตัวจากกลุ่มสมุนมาทัก
       “คุณวาสนาหายไปไหนมาครับ ผมให้คนไปตามที่อนามัยก็ไม่เจอ”
       “ชั้นไปที่โรงพักมาน่ะ มีอะไรเหรอนายยอด”
       “เสี่ยเล้งให้คนมาเชิญพ่อกำนันไปทานข้าวครับ แล้วบอกให้คุณวาสนาไปด้วย”
       วาสนาอึดอัดใจ ยอดมองวาสนาอย่างเห็นใจ
       “ถ้าคุณวาสนาไม่อยากไป ผมบอกพ่อกำนันให้ก็ได้นะครับ”
       “ไม่ต้องหรอกนายยอด ไม่ไปวันนี้ วันหน้าก็ต้องไปอยู่ดี”
      
       ไม่นานต่อมา มิ่งพาเสี่ยเล้งกับจำเริญออกมาต้อนรับกำนันศรและคณะที่เพิ่งมาถึง วาสนาไหว้เสี่ยเล้งและจำเริญตามมารยาท
       “สวัสดีค่ะคุณอา สวัสดีค่ะพี่จำเริญ”
       เสี่ยเล้งยิ้มแย้ม “หนูวาสนานี่ยิ่งโตยิ่งสวย เหมือนแม่ไม่มีผิดกำนันนี่โชคดีนะ ได้ลูกสาวทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้”
       “ก็ดีหน่อยตรงที่เป็นหมอ ต่อไปจะได้ฝากผีฝากไข้” กำนันมองไปที่จำเริญ “แต่ยังไงสู้ลูกชายของเสี่ยไม่ได้หรอกมั๊ง ได้ข่าวว่าขยันช่วยงานเหมือนกันนี่”
       “แหม ผมก็แค่เด็กฝึกงานเท่านั้นเองครับลุงกำนันถ้าขาดเหลือยังไงลุงกำนันช่วยสั่งสอนผมก็ได้นะครับ”
      
       กำนันศรพยักหน้าพอใจ แต่วาสนานึกระอาที่ถูกจำเริญมองด้วยแววตาเจ้าชู้ตลอดๆ 
ขอขอบคุณจาก manager.co.th   
นางสิงห์สะบัดช่อ ละครนางสิงห์สะบัดช่อ ทางช่อง 5 ผลิตโดย : ค่ายเอ็กแซ็ก บทประพันธ์-บทโทรทัศน์ : ณพุทธ สุศรีฯ อำนวยการผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ กำกับการแสดง : อรรถพร ธีมากร แนวละคร : แอคชั่น ออกอากาศ : จันทร์-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางททบ.5   

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น