วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละคร มณีแดนสรวง ตอนที่8 วันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ย้อนหลัง

 ชิโลเข็นนารีมาหยุดหอบเหนื่อยเหงื่อแตก ที่บริเวณทางลาดยาวข้างตึกของโรงพยาบาล
       
       “โอ้ยยยย...เหนื่อย”
       ชิโลหอบแฮ่กๆก่อนจะหันมาเห็นนารีนั่งตาตั้งเหวอหัวฟู
       “ว๊ายยยย...คุณป้า !! ชิโลขอโทษค่ะ”
       “ไม่...ไม่เป็นไรจ้ะ แต่ขอป้าดมยาดมหน่อย”
       นารีหยิบเอายาดมขึ้นมาสูด...ปื้ดดดด
       “ทั้งหวาดเสียว ทั้งตื่นเต้น แต่จะว่าไป..ก็สนุกดีนะ ป้าไม่เคยได้ซิ่งแบบนี้มานานแล้ว”
       “คุณป้า”
       ชิโลกับนารีพากันหัวเราะขำคิกๆกัน แต่ทันใดนั้นสาโรจน์ก็โผล่มาข้างหลังแล้วจับที่บ่าชิโลหมับ !!
       “คิดว่าแค่นี้จะหนีพ้นเหรอยัยตัวแสบ”
       ชิโลตกใจหน้าเหวอ สาโรจน์จับชิโลล็อคตัว ชิโลพยายามสะบัด
       “ปล่อยนะ...บอกให้ปล่อย”
       ชิโลสะบัดแรงไปหน่อยจนตัวไปดันรถเข็นของนารีให้ไหลลงไปตามทาง เลื่อนลงเอง ส่วนชิโลถูกสาโรจน์ลากตัวไป
       “คุณป้า !!”
       รถเข็นของนารีวิ่งตามทางเลื่อน ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ทำให้เร็วไหลลงไปขึ้น
       “ชะ....ช่วยด้วยยย”
       รถเข็นนารีกำลังจะพุ่งลงไปซึ่งมีเจ็บตัวสาหัสแน่ๆ นารีหลับตาปี๋คิดว่าไม่รอดแน่แล้ว แต่ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาคว้าหมับจับรถเข็นเบรคเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด นารีค่อยๆลืมตาพอเห็นว่าตัวเองรอดก็หันกลับไปมอง
       “ไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่” สการบอก
       “ตาแซม !!” นารีร้องเรียกอย่างดีใจ
      
       ชิโลถูกสาโรจน์ล็อคตัวลากมาตามทาง ชิโลร้องโวยวาย
       “ปล่อยนะ...ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
       สาโรจน์ล็อคตัวเอาไว้แน่น ชิโลสู้แรงของสาโรจน์ไม่ได้ระหว่างนั้นเองอุ้มสมโผล่เข้ามาข้างหลังแล้วจู่ โจมกระโดดขี่หลังช่วยรุมทึ้งสาโรจน์
       “ปล่อยเพื่อนฉันนะเว้ย...นี่แน๊ะๆๆๆ”
       สาโรจน์โดนอุ้มสมเล่นงานเลยต้องปล่อยมือจากชิโล
       “อุ้มสม!!”
       ชิโลรีบช่วยอุ้มสมหันไปเห็นถาดเหล็กที่ไว้ใช้รองอาหารสำหรับคนไข้ วางอยู่ ชิโลหยิบขึ้นมาแล้วปรี่เข้าไปฟาดที่หน้าของสาโรจน์ทันที
       “ชิโลสู้ตายยย”
       ผั๊วะ !!...ถาดเหล็กฟาดเข้าหน้าสาโรจน์เต็มๆทำเอายืนตัวแข็งทื่อหันมามองหน้าชิโลตาขวาง
       “นะ....นะ...นังตัวแสบ”
       สาโรจนเดินตัวเซก่อนจะทรุดฮวบหมดสติ อุ้มสมรีบเข้ามาคว้าข้อมือชิโล
       “รีบไปจากที่นี่เร็ว”
       “เดี๋ยว...ฉันต้องไปช่วยคุณป้า”
       “คุณป้าไม่เป็นอะไรหรอก เราตามผู้กองสการมาช่วยไปแล้ว”
       “ผู้กองสการ !!” ชิลึ้งไป
      
       เมื่อกลับมาที่คอนโด สการนั่งกอดอกตีหน้าซีเรียสจริงจัง ส่วนคุณนารีนั่งหน้าจ๋อยๆ
       “นี่..อย่ามามองแม่แบบนั้นนะตาแซม ฉันเป็นแม่นะ”
       สการเสียงแข็ง
       “ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”
       “ก็เพราะเราไม่พูดแล้วเอาแต่นั่งหน้าดุใส่แม่แบบนี้น่ะสิ แม่ถึงได้กลัว”
       “ถ้าแม่กลัวผมโกรธ แล้วแม่ออกไปเที่ยวผจญภัยกับยัยตัวแสบนั่น จนเกือบต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลทำไมครับ”
       “ก็...ก็แม่ออกไปทำธุระ แล้ว...แล้วมันก็เกิดเรื่องที่หนูชิโลเขาไม่ตั้งใจ”
       “นี่ขนาดไม่ตั้งใจ ถ้าผมไปไม่ทัน แม่ได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่ ...ผมบอกแล้วว่ายัยนั่นอยู่ใกล้ไม่ได้ เกิดเรื่องแบบนี้ยังไม่โผล่หัวมาขอโทษอีก แบบนี้ผมเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
       สการหุนหันเดินออกไป นารีเป็นห่วงว่าจะไปกันใหญ่
       “ตาแซม...อย่าไปว่าหนูชิโลเขาเลย”
       นารีจะลุกตามแต่เจ็บข้อเท้าอยู่ทำให้ลุกไปไหนไม่ได้
      
       ทางด้านชิโลจะเดินออกจากห้อง แต่อุ้มสมดึงแขนรั้งไว้
       “เดี๋ยวก่อนชิโล”
       “ปล่อยเรานะอุ้มสม เราต้องไปขอโทษคุณป้า”
       “เราไม่ได้ห้ามเจ้าไม่ให้ไปขอโทษคุณป้า แต่เราไม่อยากให้เจ้าไปตอนนี้ รอให้ผู้กองสการใจเย็นกว่านี้ก่อน เจ้าค่อยไปดีกว่า”
       ชิโลเชิด
       ”เราไม่กลัวเขาหรอกอุ้มสม”
       “แต่เราว่าเจ้าควรจะกลัวนะ ขนาดปกติเขายังไม่ค่อยชอบหน้าเจ้าเท่าไหร่ แล้วนี่เจ้าพาแม่เขาไปเจ็บตัวจนเกือบต้องนอนโรงพยาบาลแบบนี้ เขาไม่ปล่อยเจ้าแน่”
       “ถ้าเขาอยากจะทำอะไรเรา คราวนี้เราจะไม่ขัดขืน เราจะปล่อยให้เขาทำ”
       ชิโลยืนกรานเสียงแข็งโดยไม่รู้ตัวว่า สการโผล่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อุ้มสมเห็นก็อึ้ง
       “ชิ..ชิโล..”
       “หยุดห้ามได้แล้ว ในเมื่อเราเป็นคนผิดเราก็ต้องยอมรับผิด คราวนี้เราจะยอมเขาทุกอย่าง”
       อุ้มสมหน้าเสียแล้วชี้ให้ชิโลหันไปข้างหลัง
       “อะไรอุ้มสม”
       “หันหลัง..หันหลังไปสิ”
       ชิโลหน้างงๆแล้วหันขวับไปเจอสการ ยืนกอดอกตีหน้ายักษ์แต่มีรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
       “ผู้กองหน้ายักษ์ !!”
       “ยอมฉันทุกอย่างใช่มั้ย...ดีมาก !!”
       สการเข้าไปจับข้อมือชิโลแล้วยิ้มร้ายใส่
       “เธอโดนฉันจัดชุดใหญ่ให้แน่ยัยตัวแสบ”
       สการฉุดกระชากชากดึงชิโลพาออกไป อุ้มสมหน้าเสียเสียงอ่อย
       “เราช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว..เจ้าดันพลั้งปากยอมเขาเอง”
      
       สการดึงชิโลพามาที่รถ ชิโลโวยวาย
       “ปล่อยฉันนะ จะพาฉันไปไหน”
       “ไม่ต้องถาม”
       “แต่ถ้าฉันจะถูกลงโทษ ฉันควรจะต้องรู้ว่าฉันจะโดนอะไร”
       “จะรู้ไปทำไม”
       “ก็...ก็...จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า”
       “หึ...ต่อให้ทำใจไว้ ยังไงเธอก็ต้องโดนแน่”
       “งั้น...ฉันไม่ยอมแล้ว ฉันหนีดีกว่า”
       ชิโลจะหนีแต่โดนสการดึงคอเสื้อไว้
       “ปล่อยฉันเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง”
       “ไหนบอกธรรมะธัมโม ที่บ้านถือศีลไง ไม่ทันไรก็จะผิดศีลข้อสี่แล้ว”
       ชิโลนิ่งไปด้วยจนแต้ม คอตกหน้าจ๋อยยอมเดินเข้าไปนั่งในรถดีๆ
       “ชิโล...แย่แล้ว”
       สการปิดประตูรถใส่มองชิโลที่นั่งคอตกห่อเหี่ยวจ๋อยสุดฤทธิ์ สการหยิบบีบี ขึ้นมากดส่งข้อความบางอย่างออกไปก่อนจะเข้าไปนั่งที่คนขับ ดึงเข็ดขัดนิรภัยมาใส่ให้ชิโลแล้วขับออกไป ชิโลอยู่ในอาการสำนึก
      
       ที่โกดังมืดๆทึมๆ รถสการขับเข้ามาจอด ชิโลนั่งอยู่ในรถสายตาเริ่มมีแต่ความระแวง สการลงจากรถแล้วเดินไปปิดประตูโกดังบานใหญ่ทำให้สภาพแสงในโกดังดูทึมๆน่า กลัว
       ชิโลนั่งตัวแข็งกลืนน้ำลาย...เอื๊อก สการโผล่มาข้างรถทำเอาสะดุ้ง
       “ลงมาได้แล้ว”
       ชิโลเอามือจับเข็มขัดนิรภัยแน่นแล้วส่ายหน้า
       “ไม่เอา...ไม่ลง”
       “ฉันบอกให้ลง !!”
       “ไม่ลง”
       สการเสียงดัง
       “บอกให้ลงมา”
       “เรื่องอะไรจะลง คนใจยักษ์ใจมารแบบคุณ พาฉันมาที่น่ากลัวแบบนี้ ฉันไม่เหลือชิ้นดีกลับบ้านแน่”
       “ยังจะพยศอีกใช่มั้ย..ได้ งั้นเห็นดีกันแน่”
       สการเปิดประตูรถแล้วเข้าไปปลดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งต้องอ้อมตัวเบียดกัน ชิโลพยายามยื้อยุดไม่ยอม
       “ไม่...ฉันไม่ลง...ไม่ลง !!”
       สการกับชิโลยื้อยุดกันอยู่ในรถแคบๆ ทำให้เผลอหน้าชนกันจมูกชิดจมูก ชิโลผงะสบตากันนิ่ง ทั้งคู่มองหน้ากันซึ้งๆอย่างลืมตัว ก่อนที่ชิโลจะรู้ตัวรีบดันตัวสการ
       “ยอมแล้ว...ฉันยอมลงแล้ว”
       ชิโลเบือนหน้ากลัว สการเลยปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ชิโลรีบก้าวลงจากรถใจเต้นตึกตัก
      
       สการผลักไหล่ชิโล ให้เข้ามาไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งตั้งกลางห้องโถงของโกดัง
       “ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น”
       ชิโลยืนอึ้งมองไปรอบๆนอกจากจะมีเก้าอี้แล้ว ใกล้ๆกันยังมีเตียง และโซ่ตรวนที่ไว้ใช้ทรมานนักโทษ
       “ที่...ที่นี่มันอะไรกัน ทำไมมีของพวกนั้นเต็มไปหมด”
       “ฉันเรียกว่าเซฟเฮ้าส์ เป็นที่ปลอดภัยไว้สำหรับเล่นของหนักกับพวกคนร้ายปากแข็ง”
       “ไม่นะ...ฉัน...ฉันไม่ยอมให้คุณทรมานฉัน”
       ชิโลจะหนีแต่โดนสการจับตัวไว้แล้วลากมานั่งที่เก้าอี้ เอากุญแจมือมาล็อคแขนไว้ทันที
       “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยฉันที”
       “อยู่ที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกยัยตัวแสบ”
       สการยิ้มร้ายแล้วเอาเทปมาปิดปาก ชิโลได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ดิ้นสุดฤทธิ์ สการหยิบห่อผ้าสีดำออกมาคลี่กาง โชว์อุปกรณ์ทรมานแบบต่างๆเต็มไปหมด ทั้งมีด เลื่อย ค้อน ที่ตอกเล็บ สการหัวเราะลงลูกคอน่ากลัวสุดๆ
       “เธอเสร็จฉันแน่..ยัยตัวแสบ...ฮ่าๆๆๆ”
      
       ชิโลหน้าซีดหลังจากคิดไปเองว่า ตัวเองกำลังถูกสการพามาทรมาน สการจับหมับที่บ่า ชิโลตกใจส่งเสียงดังลั่น
       “อ๊ายยยย”
       สการแสบแก้วหู
       “โอ้ยยยย...หุบปาก...แสบแก้วหู”
       “อย่านะ...อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันสู้จริงๆด้วย”
       “นี่เธอคิดอะไรของเธอเนี่ยยัยตัวแสบ”
       “ก็...ก็คุณพาฉันมาที่แบบนี้” ชิโลมองไปที่เครื่องทรมาน “คุณคงไม่พาฉันมาเลี้ยงข้าวหรอก”
       สการเห็นท่าทางกลัวของชิโลก็หัวเราะขำ
       “ฉันนึกว่าเธอจะดีแต่เพี้ยน สติไม่สมประกอบ แต่เอาเข้าจริงก็ฉลาดเหมือนกัน”
       ชิโลเหวอ
       “นี่...นี่คุณจะพาฉันมาทรมานจริงๆเหรอ คนใจยักษ์ ใจมาร คุณไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์เลย คอยดูนะฉันกลับสวรรค์ไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะเสกให้คุณหัวล้าน ไม่เหลือผมบนหัวสักเส้น”
       “เอ้า...ยังไม่เลิกเพี้ยนอีก เดี๋ยวก็จับทรมานเอาไฟฟ้าช็อตให้หายเพี้ยนซะเลย”
       “อย่านะ”
       “ฉันพูดเล่นน่ายัยตัวแสบ ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ เพราะฉันอยากหาที่คุยกับเธอสองต่อสอง โดยที่แม่ฉันไม่ต้องมารับรู้เรื่องด้วย”
       ชิโลชะงัก
       “ไม่ได้พาฉันมาทรมานจริงๆนะ”
       “นี่...ฉันเป็นตำรวจนะ จะไปทรมานใครซุ่มสี่ซุ่มห้าได้ยังไง ไอ้ของพวกนั้นมีไว้ขู่อย่างเดียว ไม่เคยใช้จริงๆหรอก”
       ชิโลโล่งอก
       “งั้นคุณอยากคุยอะไรกับฉัน”
       “ก็เรื่องวันนี้ที่เธอโดนตามล่าตัวฉันอยากรู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
       ชิโลอึ้งไปกับคำถาม
      
       สิริสุดานั่งหน้าไม่พอใจอยู่ในบ้าน ส่วนทองทิวหันมาใส่อารมณ์กับสาโรจน์
       “กับแค่ผู้หญิงคนเดียว ยังจับตัวมาไม่ได้ แล้วฉันจะไว้ใจให้แกทำงานให้ฉันได้อีกเหรอ”
       สาโรจน์หน้าจ๋อย
       “ผมขอโทษครับนาย”
       “คราวหน้าอย่าให้ฉันเห็นว่าแกทำงานไม่ได้เรื่องอีก...ไป !!”
       สาโรจน์เดินออกไป ทองทิวเข้ามานั่งโอบไหล่ลูกสาว
       “ป๋าขอโทษนะ คราวหน้าป๋าสัญญาว่าป๋าจะไม่ปล่อยให้นังผู้หญิงคนนั้นหนีรอดไปได้อีก”
       “มันหนีไปได้แบบนี้ แล้วจะมีคราวหน้าอีกเหรอคะป๋า”
       “มีสิ...ลูกเคยเห็นป๋าสัญญาอะไรแล้วทำให้ไม่ได้บ้างล่ะ”
       ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของทองทิวดัง ทองทิวเอาเบอร์มาดูแล้วแปลกใจ
       “ผู้กองดรัณโทรมา”
       “ดรัณจะโทรหาป๋าทำไมคะ”
       “คงคิดจะขอความเห็นใจจากป๋าน่ะสิ...”
       ทองทิวจะกดปิดสาย สิริสุดารีบบอก
       “เอ่อ...รับสายเขาเถอะค่ะป๋า ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู ป๋าก็ด่าไปเลย จะได้ไม่กล้าโทรมาอีก”
       ทองทิวพยักหน้ารับแล้วกดรับสาย สิริสุดาขยับเข้าไปอยากฟัง อยากรู้อยากเห็นเพราะลึกๆแล้วยังตัดดรัณไม่ขาด
      
       “มีธุระอะไรเหรอครับผู้กองดรัณ” ฟังอยู่ครู่แล้วแปลกใจ “ว่าไงนะ”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th  
ละครมณีแดนสรวง บทประพันธ์โดย : พงศกร บทโทรทัศน์โดย : ณัชภีม กำกับการแสดงโดย : คมกฤษ ตรีวิมล ผลิตโดย : บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด แนวละคร : โรแมนติก – แฟนตาซี ออกอากาศ : จันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.30 น. – 20.00 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น