วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักเกิดในตลาดสด ตอนที่ 4วันที่ 31 ก.ค. 55


“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 4
      
          
        เวลาต่อจากนั้น กิมฮวยเดินมาที่มุมหนึ่งของงาน แล้วพยักหน้าให้พรรคพวกเป็นการส่งซิก ทั้งหมดลอบมองกันแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆของตลาด กิมฮวยแอบเล็งลูกค้าคนหนึ่งที่เดินไปที่แผงขายปลาในงาน แล้วรีบแอบเข้าไปจูงมือลูกค้าออกมาก่อนจะเดินไปถึงร้านนั้น
        
       “วันนี้มาซื้ออะไรจ้ะ” กิมฮวยทัก
       “ว่าจะซื้อปลากะพงกับกุ้งก้ามกรามน่ะจ้ะ” ลูกค้าตอบกิมฮวย
       “งั้นก็ไปซื้อที่แผงอั๊วซิ” กิมฮวยเชื้อเชิญ
       “เอ๊ะ แต่ซื้อในงานนี่มันถูกกว่าไม่ใช่เหรอเจ๊” ลุกค้าตอบกลับ
       “ใครบอกลื้อ ตลาดเดียวกันมันก็ราคาไม่ต่างกันหรอก ไป เดี๋ยวอั๊วลดราคาพิเศษให้อีกต่างหาก ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวลื้อออกมาถามราคาเปรียบเทียบกันได้เลย”
       กิมฮวยจูงลูกค้าเข้าตลาดไปแบบไม่รอให้ตัดสินใจ
     
       ส่วนเต๊กไฮ้ จูงมือป้าคนหนึ่ง อีกมือจูงชายหนุ่มมาที่แผงพร้อมตะโกนสั่งลักษณ์
       “อาลักษณ์ เอาหมูสามชั้นให้ป้าแกสองโล แล้วก็เอาสันนอกให้สุดหล่อโลนึง นี่ เดี๋ยวอั๊วฝากบอกคนข้างนอกด้วยนะว่าหมูในตลาดถูกกว่าในงาน ให้รีบมาซื้อ”
     
       อีกมุม กิมฮวยเอื้อมมือไปคว้าแขนลูกค้าอีกคนที่กำลังจะเดินไปที่แผงขายปลาในงาน เสียงต๋องดังขึ้นเหมือนตั้งใจประจานกิมฮวย ผู้คนแถวนั้นหันมองตามเสียง
       “กิ๊วๆ หน้าไม่อาย กิ๊วๆ หน้าไม่อาย”
       กิมฮวยหันหลังขวับ พอเห็นว่าเป็นต๋องควันออกหูขึ้นมาทันที
       “ลื้อว่าใครหน้าไม่อายฮะไอ้ต๋อง” กิมฮวยอารมณ์ขึ้น
       “ก็น้ากิมฮวยน่ะล่ะ จับได้คาหนังคาเขา นึกว่าชั้นไม่รู้รึไงว่าพวกน้าน่ะกำลังกระจายกำลังกันแอบฉกลูกค้าคนอื่น อยู่” ต๋องสวนกลับ
       “ทำไม มันมีกากบาทแปะไว้ที่หน้าผากด้วยเหรอว่าคนไหนลูกค้าใครเค้าเห็นของร้านไหน ถูกกว่าดีกว่า เค้าก็เร่ไปซื้อเองล่ะโว้ย” กิมฮวยเฉไฉ
       “ไหนน้าบอกว่าจะไม่ยอมลดราคาของที่ขายไง ทีชั้นชวนให้มาตั้งแผงในงานก็ไม่ให้ความร่วมมือ พอเห็นคนมางานเยอะเข้าหน่อยก็มาแอบตัดราคาแล้วก็ขโมยลูกค้าเค้าไป” ต๋องย้อนกิมฮวย
       “อั๊วจะทำอะไรมันก็เรื่องของอั๊ว วันนั้นอั๊วบอกไม่ลด แต่วันนี้อั๊วเปลี่ยนใจแล้วใครจะทำไม” กิมฮวยไม่ยอมรับ
       “ใครจะไปทำอะไรน้ากิมฮวยได้ ถ้าคิดว่าจะเอาศักดิ์ศรีของตัวเองมาแลกกับการทำอะไรแบบนี้ก็ตามใจ”
       ต๋องพูดเสร็จเดินออกไป ปล่อยให้กิมฮวยยืนแค้นอยู่ตรงนั้น แต่พอกิมฮวยกวาดสายตาไปรอบๆเห็นสายตาพ่อค้าแม่ค้ากำลังมองตนอย่างตำหนิอยู่ เลยถอยทัพกลับไป
     
       อีกมุมหนึ่งของตลาด คนขายคนซื้อกำลังเพลิดเพลินกับการชะเง้อมองการเต้นบนเวที ศักดิ์ชายพยักหน้าให้คนกลุ่มหนึ่งที่จ้างมา 4-5คน ทั้งหมดเดินแยกกันไป อาศัยจังหวะที่คนสนใจการแสดงบนเวทีแอบเทยาลงในหม้อบ้าง เหยือกน้ำบ้าง หม้อก๋วยเตี๋ยวบ้าง ศักดิ์ชายยิ้มชอบใจ พอเดินกลับมาที่ร้านขายผลไม้แช่ของตนพบกับจาตุรงค์ที่กำลังเดินหน้าเครียดมา หาพอดี
       “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าไอ้ต๋องมันจะเรียกคนเข้างานได้ขนาดนี้” จาตุรงค์โพล่งขึ้น
       “ก็เรียกเข้ามามากๆเถอะ จะได้มาช่วยกันฆ่าตัวมันเอง” ศักดิ์ชายยิ้มอย่างมีเลศนัย
       “ยังไงวะ” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
       “แกยังไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่เรื่องที่แกรู้น่ะจัดการให้ชั้นเรียบร้อยรึยัง” ศักดิ์ชายเอ่ย
       “เรื่องอะไรวะ” จาตุรงค์ยังงง จนศักดิ์ชายอารมณ์เสีย
       “เอ้า เฮ้ย”
       “ชั้นล้อเล่น ไอ้ซีนซื้อใจของแกน่ะเหรอ ทุกอย่างพร้อมแล้ว รอชั้นปล่อยคิวเท่านั้นเอง”
       จาตุรงค์หัวเราะ ส่วนศักดิ์ชายยิ้มชอบใจ
     
       ต๋องเดินตรวจตราบริเวณงาน พอผ่านมุมหนึ่งไดยินเสียงกิมลั้งดังขึ้น
       “ต๋อง”
       ต๋องรีบหันไปที่ต้นเสียงทันทีที่ได้ยิน กิมลั้งยืนส่งยิ้มให้อยู่พร้อมถุงโอเลี้ยงในมือ
       “กิมลั้ง” ต๋องดีใจแทบหายเหนื่อย
       “ซื้อมาฝาก” กิมลั้งยื่นถุงโอเลี้ยงให้
       ต๋องรับถุงโอเลี้ยงมาดูดท่าทางมีความสุข
       “ชื่นใจจริงๆเลย”
       “เหนื่อยมั้ย” กิมลั้งถามอย่างห่วงใย
       “หายเป็นปลิดทิ้งเพราะโอเลี้ยงของเธอนี่ล่ะ” ต๋องตอบกลับ
       “เว่อร์อีกแล้ว เอ้อ ชั้นขอโทษแทนม้าด้วยนะเรื่องที่แย่งลูกค้าไป” กิมลั้งพูด
       “ช่างมันเถอะ คิดซะว่าก็ยังดีที่มีลูกค้าให้แย่ง ว่าแต่เธอเห็นแล้วดีใจมั้ย ที่คนเข้าตลาดเราเยอะขนาดนี้” ต๋องตอบแบบไม่คิดอะไร
       “ดีใจซิ นี่ฝีมือเธอแท้ๆเลยนะเนี่ย” กิมลั้งเอ่ยชม
       “ไม่หรอก เป็นเพราะทุกคนที่ร่วมมือกันต่างหาก เอ้อ เดี๋ยววงชั้นจะขึ้นเล่นแล้วนะ เธออย่าลืมไปให้กำลังใจนะ”
       “ไม่ต้องให้กำลังใจแล้วมั้ง คนรอดูรอเยอะขนาดนั้น”
       “มันสำคัญว่าใครมาดูต่างหาก” ต๋องตอบ
       “เดี๋ยวชั้นทำอะไรเสร็จแล้วจะตามไปดูละกัน” กิมลั้งให้สัญญา
       “เอาเป็นว่าถ้ายังไม่เห็นเธอ ชั้นจะไม่เริ่มคอนเสิร์ตนะ” ต๋องบีบบังคับกิมลั้งไปในตัว
       “เรื่องมาก” กิมลั้งพูดแก้เขินแต่แอบดีใจ ต๋องได้แต่ยืนยิ้มมองกิมลั้งเดินเลี่ยงไป
     
       ต๋องยืนดูดโอเลี้ยงอย่างสบายใจ แต่ทันใดนั้นมี ชาย 2 คนเข้ามาถามหาต๋อง
       “ชื่อต๋องใช่มั้ย” ชายคนหนึ่งถามขึ้น
       “ใช่ มีอะไรเหรอ” ต๋องตอบ
       ชายคนหนึ่ง ต่อยเข้าที่ปากต๋องจนหน้าหงาย แล้วอีกคนเข้ามาช่วยซ้ำจนถุงโอเลี้ยงแตกกระจาย ผู้คนฮือฮากันครู่หนึ่งศักดิ์ชายกับณดาวิ่งเข้ามาดู จากนั้นผู้คนทยอยกันเข้ามามุงดู
       “ตายแล้วต๋อง” ณดาเอ่ยขึ้น
       ต๋องโดนล็อกตัว โดนชกเข้าที่ท้อง ศักดิ์ชายรีบเข้าไปกระชากชาย คนที่สองออกมาจัดการจึงเป็นจังหวะให้ต๋องเอาศอกกระทุ้งท้องคนที่จับล็อกอยู่ คราวนี้ทั้งต๋องทั้งศักดิ์ชายต่างแยกกันเข้าจัดการฝั่งตรงข้ามอย่างถนัด ณดาเห็นศักดิ์ชายช่วยต๋องแบบเคียงบ่าเคียงไหล่รู้สึกดีขึ้น ศักดิ์ชายกระชากคอเสื้อชายคนนั้นเข้ามาใกล้ตัวแล้วกระซิบเบาๆ
       “ไปได้แล้ว” ศักดิ์ชายกระซิบให้ลูกน้องออกรีบออกไป
       ชายคนนั้น แกล้งผลักอกศักดิ์ชายแล้ววิ่งหนีไป ศักดิ์ชายเห็นต๋องกำลังขยุ้มคนที่จ้างมา เลยกลัวว่าคนร้าย จะเสียทีแล้วถูกจับคาดคั้น ศักดิ์ชายรีบเข้าไปกระชากชายคนดังกล่าวออกมาจากต๋องแล้วผลักออกไปอย่างแรง ให้ไกลแล้วแอบส่งซิกให้วิ่งหนีไป ก่อนที่ศักดิ์ชายจะแกล้งเข้าไปหาต๋อง
       “นายเป็นอะไรรึเปล่าต๋อง”
       ต๋องเช็ดเลือดที่ซึมอยู่มุมปาก
       “แค่นิดหน่อยน่ะ” ต๋องตอบ
       “คุณต๋อง พวกนั้นเป็นใครกันคะ ทำไมอยู่ๆมาทำร้ายกันแบบนี้” ณดาถามขึ้น
       “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นพวกที่เหม็นหน้าผมมั้งครับ ขอบใจนายมากนะที่ช่วยชั้น” ต๋องเข้าไปจับไหล่ศักดิ์ชาย
       “ไม่เป็นไรหรอก” ศักดิ์ชายตอบ
       ระหว่างนั้นรักเร่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
       “พี่ต๋อง ถึงคิววงเราแล้ว”
       “เอ้าเหรอ ? ไปๆ”
       ต๋องรีบวิ่งออกไปกับรักเร่ด้วยความกระตือรือร้นเหมือนลืมไปว่าเกิด อะไรขึ้นเมื่อครู่ ต๋องออกไปแล้วณดาจึงรีบตามออกไป บรรดาไทยมุงเริ่มสลายตัว แล้วจาตุรงค์จึงเดินเข้ามาประกบศักดิ์ชาย
       “เจ็บมั้ยวะ พ่อฮีโร่” จาตุรงค์ถามขึ้นอย่างรู้กัน
       “เจ็บแค่นี้แลกกับความไว้ใจน่ะมันเกินคุ้มเว้ย” ศักดิ์ชายตอบทันที
       ศักดิ์ชายดีใจกับแผนการที่ทำให้ณดารู้สึกดีกับตนเริ่มได้ผล
     
       เวลานี้บนเวทีการแสดงในงานยกธงขาว เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ด
       “ครับ สำหรับเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นใหม่ เพื่อส่งผ่านความรู้สึกดีๆให้กับใครบางคน และหวังว่าคนคนนั้นเค้าจะ รับรู้ได้นะครับ”
       ต๋องเอ่ยถึงเพลงที่แต่งให้กิมลั้งแต่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ต๋องเข้าเนื้อเพลง คนดูฟังแล้วซึ้งปรบมือให้ต๋องด้วยความประทับใจเป็นระยะ ระหว่างที่ร้องเพลง ดูเหมือนต๋องมองไปทางณดาส่งยิ้มตลอด ณดาแอบเขิน ยิ้มตอบให้ต๋อง ซึ่งศักดิ์ชายที่ลอบมองอยู่รู้สึกขัดหูขัดตามาก แต่ดูไปดูมาณดาเพิ่งรู้สึกแปลกใจว่าตนอาจจะเข้าใจผิด แล้วก็หันมองไปด้านหลังตนเอง ณดาจึงได้พบความจริงว่ากิมลั้งยืนอยู่ด้านหลัง กำลังโบกไม้โบกมือทักทายให้กำลังใจต๋อง
       ณดาอึ้งกับสิ่งที่กับเห็นถึงกับช็อกและเกิดอาการหน้าชา ศักดิ์ชายเห็นอาการณดาเริ่มรู้สึกแปลกใจ แต่พอมองตามไปถึงได้รู้ว่าที่แท้ต๋องมองใครอยู่ ศักดิ์ชายเผลอยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อรู้ว่าที่แท้แล้วคนพิเศษของต๋องคือกิมลั้ง
     
       พอต๋องลงจากเวที คิตตี้ ชมพู่ แฟนคลับและสาวๆร้องกรี๊ดกร๊าดเอาดอกไม้มาให้กันไม่ขาดสาย บ้างก็ขอถ่ายรูปราวกับเป็นซูเปอร์สตาร์ ต๋องกวาดสายตาหากิมลั้งจนเห็นว่ายืนอยู่ไกล กิมลั้งชูนิ้วหัวแม่โป้งให้ต๋องแทนคำชม ต๋องเป็นปลื้มมาก แล้วกิมลั้งเดินออกไปด้วยอาการเขิน ณดามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความช้ำใจ ทนยืนอยู่ตรงนั้นต่อไปไม่ไหวถึง ตัดสินใจเดินออกไป แต่พอหันหลังเดินกลับ ณดาเห็นลุงอ่ำที่เดินหน้าตั้งเข้ามาหา
       “คุณหนูครับคุณหนู เกิดเรื่องแล้วครับ” ลุงอ่ำรายงานณดาอย่างหน้าตาตื่น
       “มีอะไรลุงอ่ำ” ณดารีบถามกลับ
       “ลูกค้าหลายคนที่มางานเราท้องเสียกันเป็นแถวเลยครับ บางคนถึงกับนอนปวดท้องตัวงอกันเลย”
       ณดาได้ยินถึงกับช็อก
       “ฮะ”
       ไม่ทันขาดคำลูกค้าหลายคนในงานร้องปวดท้อง บางคนทนไม่ไหวจนต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำ บ้างต้องดมยาดม เพื่อนต้องหิ้วปีก สถานการณ์ภายในงานดูวุ่นวาย
       “ไม่ไหวแล้ว” ลูกค้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
       ต๋องเห็นผู้คนในงานเกิดอาการปวดท้องยิ่งรู้สึกงงและกังวล
       “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
       ศักดิ์ชายยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง มองเหตุการณ์แล้วยิ้มชอบใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
       บ่ายวันเดียวกัน ลูกค้าในตลาดหลายคนถูกนำส่งโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน ซึ่งแต่ละคนอาการหนักไม่แพ้กัน บ้างให้น้ำเกลือบนเตียง บ้างดมยาดมตลอดเวลา หมอ พยาบาลวิ่งวุ่น ต๋อง กิมลั้ง และณดา ยืนเครียด ครู่หนึ่งหมอเดินออกมาคุยกับณดา
       “ตกลงว่าเป็นอย่างที่เราคาดการณ์กันไว้เลยครับ คนไข้ทั้งหมดมีอาการอาหารเป็นพิษซึ่งเกิดจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารที่ ทานเข้าไป” หมอออกมารีบแจ้งอาการทันที
       “ทุกคนก็กระจายกันซื้ออาหารจากหลายร้านนะครับหมอ แต่ทำไมมีอาการเดียวกันหมด” ต๋องรีบแย้ง
       “ถ้างั้นก็แสดงว่าอาหารแทบทุกร้านมีสิ่งปนเปื้อน” หมอชี้แจงต่อ
       “เป็นไปได้ยังไง ปกติที่ตลาดก็ไม่เคยมีปัญหานี้” ต๋องยังงงว่าอาหารไม่สะอาดได้อย่างไร
       “ตอนนี้ถือว่าทุกคนพ้นขีดอันตรายรึยังคะคุณหมอ” ณดาถามขึ้น
       “หมอคิดว่าควบคุมอาการได้หมดแล้วนะครับ ทางเราก็ให้การรักษาแตกต่างกันตามความหนักเบาของอาการแต่ละคนไป” หมอบอก
       “ยังไงรบกวนคุณหมอดูแลทุกคนให้เต็มที่แล้วกันนะคะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดณดาจะรับผิดชอบเอง”
       ต๋องยิ่งรู้สึกผิด เมื่อได้ยินณดาพูดอย่างนั้น
       “ได้ครับคุณณดา ไม่ต้องห่วง งั้นหมอขออนุญาตไปดูแลคนไข้ต่อนะครับ” หมอรีบพูดแล้วเดินออกไป
       “ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
       ณดา ต๋อง และกิมลั้ง ยกมือไหว้ขอบหมอด้วยใบหน้าเครียด
     
       เวลาต่อจากนั้น ณดานั่งถอนหายใจที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล ครู่หนึ่งต๋องเดินตามมาหา
       “ผมขอโทษนะครับที่พลอยทำให้คุณต้องมาเดือดร้อนรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปด้วย” ต๋องเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
       “ช่างมันเถอะค่ะ ใครจะคิดล่ะคะว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันสุดวิสัยจริงๆ” ณดาเอ่ยขึ้น
       ครู่หนึ่งกิมลั้งเดินถือกาแฟร้อนเข้ามา 2 แก้ว
       “ดื่มกาแฟหน่อยนะ” กิมลั้งส่งกาแฟให้ณดา
       ณดายังตึงใส่กิมลั้ง แต่เก็บอาการรักษามารยาท เพราะรู้แล้วว่าต๋องมีใจกับกิมลั้ง
       “ไม่เป็นไร ชั้นจะกลับแล้ว ณดากลับก่อนนะคะ อยากรีบไปพักผ่อน” ณดาตอบแบบรักษามารยาท
       “งั้นผมไปส่งที่รถนะครับ” ต๋องรีบพูด แต่ณดาปฏิเสธ
       “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็ฝากคุณช่วยดูแลทุกคนด้วยละกัน ไปนะคะ”
       ณดารีบเดินออกไปโดยไม่ปลายตามอง ส่วนกิมลั้งส่งกาแฟอีกแก้วให้ต๋อง
       “ขอบใจนะ”
       ต๋องลงนั่งที่เก้าอี้ถอนหายใจอย่างหมดแรง และฟุ้งซ่านกับเรื่องที่เกิดขึ้น
       “แทนที่งานนี้จะช่วยเรียกลูกค้า ชั้นกลับทำให้ตลาดเสียชื่อหนักเข้าไปอีก ชั้นมันสะเพร่าเอง ถ้าใส่ใจตรวจตราเรื่องอาหารอีกซักนิด เรื่องมันก็คงไม่เกิดขึ้น”
       กิมลั้งนั่งลงใกล้ต๋อง พร้อมกับยื่นมือไปจับแขนปลอบใจ
       “เธอทำดีที่สุดแล้วต๋อง เลิกโทษตัวเองซักทีไม่งั้นก็เหมือนเธอดูถูกความตั้งใจที่ดีของตัวเองนะ ถ้าคนนำยังท้อแท้แบบนี้ คนที่เป็นแนวร่วมกับเราเค้าจะรู้สึกยังไง” กิมลั้งพูดให้กำลังใจต๋อง
       ต๋องนิ่งเมื่อฟังคำพูดของกิมลั้ง และเอามือไปแตะกับมือของกิมลั้งที่จับตนอยู่
       “ขอบใจนะที่เตือนสติชั้น” ต๋องพูดกับกิมลั้ง
       ณดาแอบมองทั้งคู่อย่างขมขื่นใจ เธอทนไม่ได้ เสียใจจนต้องวิ่งออกไป
     
       ณดาวิ่งไปที่ลานจอดรถ ศักดิ์ชายมองเห็นจากอีกมุมหนึ่งของโรงพยาบาลยิ้มชอบใจ ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
       “ครับคุณแม่” ศักดิ์ชายตอบปลายสาย
       รัศมีรีบโทรมาถามข่าวคราวทันที
       “เป็นยังไงลูก ตกลงว่าเรียบร้อยมั้ย”
       “เอาเป็นว่า หลังจากนี้ตลาดร่วมใจเกื้อคงกลายเป็นป่าช้าพักใหญ่เลยล่ะครับ” ศักดิ์ชายตอบ
       รัศมีได้ยินดังนั้นดีใจจนออกนอกหน้า
       “ต๊าย คืนนี้แม่ต้องนอนฝันดีแน่ๆ แล้วนี่ชายจะกลับบ้านรึยังลูก จะได้มาฉลองกัน”
       “ยังฉลองไม่ได้หรอกครับ เพราะภารกิจผมยังไม่เสร็จ” ศักดิ์ชายยิ้มอย่างมีเลศนัย
       “อ้อ ต้องเป็นเรื่องลูกสาวยัยคุณนายสดศรีแน่เลยใช่มั้ย” รัศมีรู้ทัน
       “มีอะไรที่คุณแม่ไม่รู้บ้างมั้ยครับเนี่ย” ศักดิ์ชายชมแม่ตัวเอง
       “อย่าลืมซิจ๊ะ ว่าแม่เป็นแม่ของชาย ไม่ว่าลูกกำลังจะทำอะไรก็ตาม แม่เชื่อว่ามันต้องสำเร็จ” รัศมีให้กำลังใจลูก
       “เป็นพรที่ประเสริฐที่สุดเลยครับคุณแม่” ศักดิ์ชายเอ่ย
       “งั้นแค่นี้ก่อนละกันนะครับคุณแม่ ผมต้องรีบไปแล้ว”
       ศักดิ์ชายเห็นณดาขึ้นไปในรถ จึงรีบกดวางสาย แล้วขึ้นรถตัวเองที่จอดอยู่ใกล้ๆขับตามรถณดาออกไป
     
       คืนวันเดียวกัน ต๋องมาส่งกิมลั้งที่หน้าบ้านหลังจากกลับจากโรงพยาบาล
       “วันนี้เธอเลยต้องมาเหนื่อยกับชั้นไปด้วยทั้งวัน ขอโทษทีนะ” ต๋องเอ่ยขึ้น
       “ชั้นจะเหนื่อยก็เพราะได้ยินคำพูดเธอนี่ล่ะ” กิมลั้งย้อนกลับ
       “เอ้า ทำไมล่ะ ก็ชั้นรู้สึกผิดจริงๆนี่” ต๋องยืนยันความรู้สึก
       “เธอพูดเหมือนชั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานวันนี้ ก็นึกว่าเห็นเราเป็นกำลังสำคัญ”
       กิมลั้งงอน เบี่ยงหน้าหนี ต๋องรับวิ่งไปดักหน้า
       “สำคัญซิ ถ้าไม่สำคัญชั้นจะแต่งเพลงวันนี้ให้เธอเหรอ” ต๋องรีบง้อ
       พอได้ยินต๋องพูดอย่างนั้น กิมลั้งเขินขึ้นมาทันทีแต่ยังฟอร์ม
       “เพลงอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
       “ถ้าไม่รู้เรื่อง เธอคงไม่ฟังเพลงไปหน้าแดงไปแบบนั้นหรอกมั้ง” ต๋องย้อน
       “ตกลงว่าตอนนั้นเธอร้องเพลงหรือจ้องหน้าชั้นอยู่กันแน่” กิมลั้งสวนขึ้นบ้าง
       “เอ้า ก็ตั้งใจร้องให้ใคร ก็ต้องจ้องคนนั้นซิ”
       ต๋องหันไปจ้องหน้ากิมลั้ง จู่ๆความเงียบเกิดขึ้นฉับพลัน ในที่สุดต๋องตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่างกับกิมลั้ง
       “กิมลั้ง เธอรู้ใช่มั้ยว่าชั้นรู้สึกกับเธอยังไง ชั้น...” ต๋องเอ่ย
       กิมลั้งกลัวในสิ่งที่ต๋องกำลังจะพูดจึงรีบตัดบท
       “อย่าเลยต๋อง อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะ ชั้นคิดว่าชั้นยังไม่พร้อมที่จะฟังน่ะ ถึงแม้ว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ชั้นอยากได้ยินก็ตาม”
       ต๋องเอื้อมไปจับมือกิมลั้ง
       “ก็ได้ชั้นจะรอให้เธอพร้อมนะ ต่อให้มีอะไรจะบอกเธอมากมายแค่ไหน...เอาเป็นว่าชั้นจะรอ” ต๋องเอ่ยขึ้น
       ทันใดนั้นกิมฮวยเปิดประตูออกมา เห็นทั้งคู่กำลังจับมือกันอยู่พอดี จึงโวยวายเสียงดังลั่น
       “อากิมลั้ง ลื้อทำอะไรของลื้อฮะ”
       กิมลั้งเห็นแม่เข้ามายิ่งตกใจ รีบดึงมือออกจากมือต๋อง
       “ต๋อง รีบกลับบ้านไปเร็ว” กิมลั้งรีบพะเพราะกิมฮวยเดินลงมาจากบ้านแล้ว
       “จะให้ชั้นปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับแม่คนเดียวงั้นเหรอ ชั้นทำไม่ได้” ต๋องเอ่ยขึ้น
       “แต่ถ้าเธออยู่ อะไรๆมันจะเลวร้ายไปยิ่งกว่านี้ รีบไปเถอะ เร็วเข้า” กิมลั้งรีบไล่กลัวต๋องเจอศึกหนัก
       ต๋องจำใจกลับไปทั้งที่อยากอยู่ปกป้องกิมลั้งใจแทบขาด ระหว่างนั้นกิมฮวยส่งเสียงดังมาแต่ไกลขณะก้าวออกมาจากประตูรั้วพร้อมกับ เคี้ยงและกิมแชอย่างเสียอารมณ์
       “ไอ้เวรต๋อง ลื้อตายแน่” กิมฮวยเดินออกมาด้วยอารมณ์โกรธสุดชีวิต
       เคี้ยงรีบดึงมือกิมฮวยไว้ แต่โดนสะบัดออก
       “ใจเย็นๆน่ะกิมฮวย”
       “อั๊วไม่ใช่ผีตายซากอย่างลื้อนี่ ไอ้ต๋องมันอยู่ไหนกิมลั้ง” กิมฮวยรีบถาม
       “เค้ากลับไปแล้วม้า” กิมลั้งรีบตอบ
       กิมฮวยมองหาด้วยอารมณ์โกรธ
       “หนอย ลูกไม่รักดี เข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”
     
       กิมฮวยกระชากกิมลั้งเข้าบ้าน ส่วนเคี้ยงกับกิมแชมองดูด้วยความห่วงใย
       “นี่ลื้อทำอะไรลงไป ลื้อรู้บ้างมั้ยอากิมลั้ง” กิมฮวยถามด้วยความโกรธ
       “มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่ม้าคิดนะ” กิมลั้งเถียง
       “นั่นซิ” เคี้ยงกับกิมแชรีบสนับสนุน แต่เจอสายตากิมฮวยพิฆาตจึงต้องเงียบไป
       “คิดว่าหลบอยู่ในเงามืดแล้วอั๊วจะมองไม่เห็นรึไง อั๊วไม่ได้ขาดวิตามินเอนะ ไอ้ต๋องมันจับมือลื้อขนาดนั้นยังบอกว่าไม่มีอะไร ต้องให้มันจูบปากรึไง มันถึงจะชัด” กิมฮวยเริ่มเสียงดังเพราะเห็นต๋องจับมือกิมลั้งกับตา
       “ไปกันใหญ่แล้วม้า ต๋องเค้าก็แค่จับมือขอบคุณที่อั๊วช่วยพาคนที่ตลาดไปโรงบาล” กิมลั้งรีบเอ่ย
       เคี้ยงกับกิมแชรีบประสานเสียง
       “ก็แค่นั้น”
       กิมฮวยหันไปที่เคี้ยงกับกิมแชอีก คราวนี้ทั้งคู่เอามือปิดปากตัวเอง
       “ลื้อกล้าพูดมั้ยว่ามันจับมือขอบคุณทุกคนที่ช่วยมันแบบนี้ โดยเฉพาะผู้หญิง” กิมฮวยโพล่งขึ้น
       กิมลั้งอึ้งไป
       “กิมลั้ง ลื้อปล่อยให้ไอ้เรื่องบ้าๆนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงในเมื่อลื้อก็รู้ว่าอั๊ว เกลียดไอ้ต๋องแค่ไหน อั๊วเกลียดมันเข้าไส้ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอด้วยซ้ำ เข้าใจมั้ยว่าชาตินี้อั๊วไม่มีวันญาติดีกับไอ้ต๋องมันเด็ดขาด เพราะฉะนั้นลื้อก็อย่าทำให้อั๊วต้องไปเป็นญาติกับมัน ผู้ชายคนเดียวที่ลื้อจะสนใจได้ก็มีแต่อาจาตุรงค์เท่านั้น” กิมฮวยสาธยาย
       “แต่อั๊วไม่ได้ชอบเค้า” กิมลั้งตอบ
       “ไม่ได้ชอบเค้าแล้วลื้อชอบใคร ไอ้ต๋องเหรอ มันมีอะไรดีฮะ ถนัดแต่สร้างปัญหา เรื่องที่เกิดขึ้นที่ตลาดวันนี้ก็เป็นเพราะมัน พรุ่งนี้ถ้าไม่มีคนเข้าตลาดก็เพราะมัน เห็นรึยังว่ามันทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง” กิมฮวยเริ่มโกรธ
       “ต๋องเค้าก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกม้า” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
       “ไม่ทันไรลื้อก็ออกตัวแทนมันแบบไม่แตะเบรกแล้วเห็นมั้ย ฟังให้ดีนะ ถ้าลื้อคิดจะเอาไอ้ตัวซวยนี่มาทำผัว ก็เตรียมมีเรื่องกับอั๊วได้เลย”
       พูดจบกิมฮวยเดินขึ้นบันไดไปด้วยความโมโห เคี้ยงรีบเดินตามไป กิมแชเดินมาจับมือให้กำลังใจกิมลั้ง
     
       เวลาต่อจากนั้น กิมฮวยเปิดประตูห้องนอน เข้ามานั่งที่เตียงอย่างเสียอารมณ์ ครู่หนึ่งเคี้ยงเข้าห้องมานั่งข้างๆ
       “อั๊วคงต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว” กิมอวยโพล่งขึ้น แต่เคี้ยงยังงง จึงโดนกิมฮวยดุ
       “เมื่อกี้นี่ยังไม่เรียกว่าทำอะไรอีกเหรอ”
       “เฮียเคี้ยง” กิมฮวยตะคอก
       “อั๊วอยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องเสียงดังก็ได้” เคี้ยงเสียงเบาลงด้วยความกลัว
       “ลื้อนี่ไม่ได้เรื่อง ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย เห็นมั้ยว่าไอ้ต๋องมันกำลังจะทำเรื่องบัดสีกับอากิมลั้ง” กิมฮวยพูด
       “ลื้อก็พูดเกินไป เค้ายังไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกันซักหน่อย” เคี้ยงพยายามอธิบาย
       “แค่มันคิดจะยุ่งกับลูกสาวเราก็บัดสีแล้ว อั๊วจะต้องหาทางทำให้ไอ้ต๋องออกไปจากชีวิตกิมลั้งก่อนที่อะไรจะสายไปกว่า นี้” กิมฮวยพูดจบหยิบมือถือขึ้นมากดทันที
       “อาเต๊กไฮ้เหรอ อั๊วมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยหน่อย” กิมฮวยเอาจริง
       เคี้ยงมองกิมฮวยอย่างไม่ค่อยสบายใจกับการบังคับจิตใจลูกเรื่องแต่งงานกับจาตุรงค์
ขอขอบคุณจาก manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น