วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครเล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 8 วันที่ 10 ก.ค. 55

ระหว่างทางเดิน เจ๊อ้อยพูดกับต้นหอม
        
       “คุณนภานี่แกดุนะ”
       “ใช่ น้าอ้อยอย่าไปพูดเล่นกับแกล่ะ แกไม่ชอบ”
       “แล้วคุณผู้หญิงเจ้าของบ้านล่ะไม่อยู่หรือ”
       “คุณผู้หญิงคนไหนล่ะ บ้านนี้มีคุณผู้หญิงตั้งสามคน อ้อสี่สิ มีคุณตาลอีกคน แต่ตอนนี้คุณตาลอยู่โรงพยาบาล”
       “หา เป็นอะไร” เจ๊อ้อยร้องด้วยความตกใจ
       ต้นหอมมองอย่างแปลกใจแล้วถาม
       “ทำไม น้าอ้อยรู้จักคุณตาลหรือ”
       “อ๋อ เปล่า พอดีชั้นเป็นคนตกใจเวลาได้ยินใครพูดเรื่องเข้าโรงพยาบาลน่ะ เค้าเป็นอะไรหรือ” เจ๊อ้อยพูดเฉไฉแก้ตัว
       “ถูกยิง” ต้นหอมบอก
       “ห๊า ถูกยิง” เจ๊อ้อยเสียงสูงด้วยความตกใจ
       “น้าอ้อยไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก คุณตาลเค้าปลอดภัยแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ เอาล่ะ เดี๋ยวหนูจะพาน้าอ้อยไปดูที่พักก่อนนะ”
       ต้นหอมเดินไปแล้วแต่เจ๊อ้อยยังยืนอึ้งอยู่
       “ทำไมไอ้ตาลไม่บอกเรา”
       ต้นหอมร้องเรียก
       “เอ้า น้าอ้อย ทำไมไม่ตามมาล่ะ”
       “เออ เออ”
       เจ๊อ้อยรู้สึกตัวรีบเดินตามต้นหอมไป
      
       ที่หน้าห้องทำงานของภูบดี ภายในบริษัทวรารมย์ ปารมีเดินเข้ามาหาป้อม เลขาของภูบดี
       “สวัสดีค่ะคุณปารมี พักนี้ไม่ค่อยเห็นมาที่บริษัทเลยนะคะ”
       “ไม่ค่อยว่างน่ะค่ะ คุณภูอยู่รึเปล่า”
       “อยู่ค่ะ คุณปารมีจะพบคุณภูหรือคะ เดี๋ยวป้อมบอกให้”
       “ไม่ต้องหรอก ชั้นมาเซอร์ไพรส์เค้าน่ะ”
       ปารมีเดินไปเคาะประตูห้องภูบดี
       “เชิญครับ”
       ปารมีเปิดประตูเข้าไป
      
       ภายในห้อง ธาวินเงยหน้าเห็นปารมีเดินเข้ามาก็ชะงัก
       “อ้าว ปารมี”
       “หวัดดีค่ะพี่ภู พอดีปามาทำธุระแถวนี้น่ะค่ะก็เลยแวะมาหาพี่”
       “มีอะไรหรือ”
       “ปาซื้อขนมเค้กมาฝากค่ะ”
       “ขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอกนะ”
       ธาวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามที่จะไม่ให้เกิดความสนิทสนม
       “พี่ภูพูดแบบนี้แสดงว่ายังโกรธปาอยู่ใช่มั้ยคะ”
       “เปล่า พี่ไม่ได้โกรธ เพียงแต่พี่ไม่อยากให้ปาให้ความสนใจพี่เป็นพิเศษ”
       “ก็นี่แหละค่ะ ปาถึงมาหาพี่ภู”
       ธาวินมองหน้า ปารมีพูดต่อ
       “คือ... ปาอยากจะมาขอโทษเรื่องเมื่อคืนที่ปา ... เอ่อ”
       ปารมีแสแสร้งทำอ้ำอึ้งเหมือนไม่กล้าพูด
       “เอาล่ะ พี่เข้าใจ ปาไม่ต้องพูดหรอก”
       “แต่พี่ภูยังไม่บอกเลยว่ายกโทษให้ปา”
       ปารมีจ้องหน้า ทำแววตาใสซื่อน่าสงสาร
       “ก็พี่ไม่ได้โกรธปานี่” ธาวินบอก
       “จริงนะคะ”
       ธาวินพยักหน้า
       “แล้วพี่ภูจะบอกพี่ตาลรึเปล่าคะ”
       “คงไม่บอกหรอก พี่ไม่อยากให้ตาลไม่สบายใจ”
       “ขอบคุณนะคะพี่ภู งั้นจากนี้ไปปาจะขอเป็นน้องสาวที่แสนดีของพี่ภูนะคะ”
       ธาวินพยักหน้า ปารมีโผเข้ากอด ธาวินสะดุ้ง ปารมีรับผละออกมาแล้วบอก
       “น้องสาวกอดพี่ชายคงไม่เป็นไรนะคะ”
       ธาวินฝืนยิ้ม ปารมีโผเข้ากอดอีกทีแล้วยิ้มร้าย
      
       อนุทินเดินมาหยุดหน้าห้องประชุมของบริษัทวรารมย์แล้วเคาะประตูก่อน เปิดเข้าไป ภายในห้อง ปรารภนั่งอยู่กับเจ้าหน้าที่บัญชีอีก 3 คน
       “คุณปรารภให้คนตามผม มีอะไรครับ” อนุทินถาม
       “เชิญนั่งก่อนครับ”
       อนุทินลงนั่ง ปรารภยื่นแฟ้มเอกสารให้แล้วบอก
       “ผมอยากให้คุณเอมาดูหลักฐานการยักยอกเงินของคุณเอนก”
       “ตลอดสามปีที่ผ่านมาคุณเอนกยักยอกเงินไปห้าสิบแปดล้านบาท” ปรารภบอก
       อนุทินมองเอกสารตรงหน้าแล้วอึ้งไป
       “แน่ใจหรือครับว่าไม่มีการใส่ร้ายพ่อผม” อนุทินถาม
       “ไม่ได้ใส่ร้ายหรอกครับคุณเอ เพราะผมเป็นพยานได้ว่าคุณเอนกสั่งให้ผมแก้ไขตัวเลขในบัญชี” สุธีพูด
       “คุณปรารภเรียกผมมาเพื่อจะบอกเรื่องนี้หรือครับ” อนุทินถาม
       “ใช่ครับ ข้อแรกผมต้องการให้คุณเอรับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ข้อสองคณะกรรมการกำลังจะตรวจสอบว่าคุณมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย รึเปล่า” ปรารภบอก
       “ตรวจสอบผมหรือครับ”
       “ใช่ครับ ถ้าเราพบว่าคุณมีส่วนรู้เห็นกับคุณเอนก คุณจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย”
       อนุทินมีสีหน้าอึ้งไป
      
       ปารมีเดินออกมาจากห้องทำงานกับธาวิน อนุทินเดินเลี้ยวออกมาเห็นเข้าพอดีก็ชะงัก
       “ปารมี” อนุทินพึมพำในลำคอ
       ปารมีเดินเข้าลิฟต์พร้อมกับธาวินโดยไม่ได้เอะใจว่า อนุทินมองตามอย่างไม่พอใจ
      
       เสียงโทรศัพท์ของปารมีดังขึ้น เมื่อปารมีกับธาวินเดินออกจากลิฟต์ ปารมีลังเลอยู่ว่าจะรับดีหรือไม่เพราะเป็นสายของอนุทิน ธาวินมองอยู่ ปารมีแสร้งยิ้มแล้วกดรับ
       “ฮัลโหล”
       ที่ชั้นบนของบริษัทวรารมย์ อนุทินพูดโทรศัพท์อยู่
       “ชั้นเห็นเธอออกไปไหนกับไอ้ภูบดี”
       “อ๋อ พอดีพี่ภูเค้าจะไปเยี่ยมพี่ตาลน่ะค่ะ ปาก็เลยขอติดรถไปด้วย”
       “นี่เธอคิดจะนอกใจชั้นใช่มั้ย”
       “เดี๋ยวปาเสร็จธุระแล้วจะโทรหานะคะ”
       ปารมีวางสายแล้วปิดโทรศัพท์ไปทันที
       “ปารมี” อนุทินเรียกปารมีค้างไว้
       อนุทินกดโทรศัพท์ซ้ำ ปลายสายบอกไม่มีสัญญาณตอบรับ อนุทินจึงปิดโทรศัพท์ด้วยความโกรธแล้วเดินไปอย่างรวดเร็ว
       ฝ่ายปารมีหันมาบอกธาวิน
       “คุณแม่น่ะค่ะ โทรมาถามว่าปาอยู่ไหน”
       “ที่จริงปาไม่ต้องไปเยี่ยมตาลก็ได้นะ อีกวันสองวันก็จะกลับบ้านแล้ว” ธาวินบอก
       “แต่ปาอยากไปค่ะ พี่ตาลเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายวันปาไม่ได้ไปเยี่ยมเลย เดี๋ยวเค้าจะคิดว่าปาเป็นคนใจดำ”
       รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท บุญทันลุกเดินลงมาเปิดประตูให้ธาวินแต่ก็ชะงักไปที่เห็นปารมีมาด้วย
       “คุณปารมีเค้าจะไปเยี่ยมตาลด้วย” ธาวินบอก
       “ครับ”
       ปารมีขึ้นรถไปกับธาวิน บุญทันขับรถออก อนุทินวิ่งตามออกมาแต่ไม่ทัน
       “ฮึ่ย ...”
      
       ภายในห้องคนไข้ ภายในโรงพยาบาล ญาดานั่งดูทีวี ปารมีเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วทักทาย
       “หวัดดีค่ะพี่ตาล”
       “อ้าวคุณปา หวัดดีค่ะ”
       “พี่ตาลเป็นยังไงบ้างคะ ขอโทษนะคะที่ปาเพิ่งมาเยี่ยม ช่วงนี้ที่บ้านมีแต่เรื่องยุ่งๆน่ะค่ะ”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พรุ่งนี้ตาลก็กลับบ้านแล้ว”
       “นี่คะ ปาซื้อโจ๊กจักรพรรดิ์มาเยี่ยม ตอนแรกจะซื้อหูฉลาม แต่พี่ภูบอกว่าพี่ตาลไม่ทาน เถียงกันอยู่ที่ร้านตั้งนาน”
       ญาดาชะงักไปชั่วขณะ
       “คุณปามากับคุณภูหรือ”
       “ค่ะ พี่ภูเค้าชวนปามา ปาก็เลยติดรถมาด้วย พี่ตาลไม่ว่านะคะ”
       ญาดาไม่เข้าใจกับคำพูดของปารมี
       “ ว่าเรื่องอะไรคะ
       “ก็ ปากลัวว่า พี่ตาลจะหึงน่ะค่ะ”
       “ไม่หรอกค่ะ ตาลไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้น แล้วคุณภูล่ะคะ”
       “เห็นบอกว่าจะแวะไปเยี่ยมน้องเมย์ค่ะที่จริงปาก็อยากไปนะคะ สงสารเค้า แต่น้องเมย์เค้าไม่ชอบปา ปาเลยไม่กล้าไป”
       ปารมีทำเสียงเศร้า ญาดามองอย่างเห็นใจ
       “พี่ตาลจะทานโจ๊กเลยมั้ยคะ ปาแกะให้”
       “ยังดีกว่าค่ะ เดี๋ยวตาลต้องรอทานยาจากพยาบาลก่อน”
       ปารมีเอาโจ๊กไปวางโต๊ะ ธาวินเปิดประตูเข้ามาและเดินไปหาญาดา
       “น้องเมย์เป็นไงบ้างคะ” ญาดาถาม
       “เค้าหลับน่ะก็เลยไม่ได้เยี่ยม คิดถึงตาลจัง”
       ธาวินจูบที่หน้าผากญาดา ปารมีมอง
       “คุณภู อายคุณปาบ้าง” ญาดาบอก
       “ไม่ต้องอายหรอก ปาเค้าก็รู้ว่าผมรักตาลใช่มั้ย ปา”
       ปารมีแสร้งฝืนยิ้ม
       “ค่ะ”
       “เมื่อกี้ผมเจอหมอ หมอบอกว่าพรุ่งนี้สายๆตาลก็กลับบ้านได้แล้ว” ธาวินบอก
       “ดีจังเลยค่ะ ตาลอยู่โรงพยาบาลนอนแต่บนเตียงเบื๊อเบื่อ”
       “แต่ถึงกลับบ้านตาลก็ต้องนอนเฉยๆก่อนนะ ห้ามเดินไปไหนมาไหน รู้มั้ย เดี๋ยวแผลจะอักเสบ”
       “แต่ตาลไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ”
       “จ้า คนเก่ง ตาลเนี่ยเก่งตลอด”
       ธาวินดึงจมูกหยอกล้อญาดา ปารมีมองด้วยแววตาอิจฉาในความรักที่ธาวินมีให้ญาดา
      
       ในมุมลับตาคนภายในโรงพยาบาล ปารมีกดโทรศัพท์ ภายในอพาร์ทเมนท์ เสียงโทรศัพท์ดังของสารวัตรสมยศดังขึ้น
       “ว่าไงจ๊ะดาร์หลิง”
       “เมื่อไหร่จะจัดการกับนังตาลซะที”
       “ก็บอกแล้วไงว่าต้องรอจังหวะ”
       “งั้นคืนนี้ก็มาเอาตัวมันได้เลย มันอยู่โรงพยาบาลคนเดียว”
       “คุณจะบ้าหรือ โรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด มันเสี่ยงมากนะ”
       “ไม่รู้ล่ะ คุณต้องมาเอาตัวมันไป ชั้นเกลียดมัน ชั้นอยากให้มันตาย”
       “ผมไม่บ้าไปกับคุณด้วยหรอก ถ้าอยากให้แผนสำเร็จก็ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ขืนบุ่มบ่ามทำอะไร เกิดถูกจับได้ ผมติดคุกหัวโตนะ”
       “นี่คุณจะไม่ช่วยใช่มั้ย” ปารมีถาม
       “ไม่ใช่ไม่ช่วย แต่ผมว่าคุณใจเย็นก่อน เรื่องฆ่าคนมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องทำทุกอย่างให้มัรอบคอบ”
       “แต่ชั้น...”
       “นี่ ผมไม่เอาตัวเองเดินเข้าไปติดตะรางหรอกนะ ถ้าจะให้ผมช่วยก็ต้องเชื่อผม”
       “ก็ได้ อย่าให้มันช้านัก ชั้นไม่อยากจะรอแล้ว”
       บุญทันเดินเข้ามาเห็นปารมีพูดโทรศัพท์อยู่ บุญทันชะงักแล้วมอง
       “ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ มาหาผมดีกว่าจะช่วยดับอารมณ์ให้” สารวัตรสมยศบอกปารมี
       “ไม่ได้ ชั้นไม่ว่างแค่นี้นะ”
       ปารมีปิดโทรศัพท์แล้วหันมาเห็นบุญทันเข้าพอดี ปารมีชะงักแล้วถาม
       “นี่แกมายืนตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
       “ผมเพิ่งมาครับ คุณภูให้มาบอกคุณปาว่าจะกลับแล้วครับ”
       “อืมม์”
       ปารมีเดินออกไป บุญทันมองตามด้วยความแปลกใจ
       “คุยกับใคร”
      
       รถมาจอดหน้าบ้านพิพัฒน์ในเวลากลางคืน ปารมีบอก
       “ขอบคุณนะคะพี่ภู”
       “จ้ะ”
       ปารมีเดินออกไป ธาวินหันมาเห็นสายตาที่บุญทันมองตามปารมีไป
       “คุณปารมีเค้านึกยังไงถึงไปหาแกที่ทำงาน” บุญทันถาม
       “เค้าบอกว่ามีธุระแถวนั้นก็เลยแวะไป”
       “หวังว่าแกไม่ได้มีอะไรกับเค้านะ”
       “ไอ้บ้า ชั้นไม่ได้เลวอย่างงั้นนะ ชั้นบอกแกแล้วไงว่าชั้นรักตาล ชั้นไม่สนใจใครอีกแล้ว”
       “ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ เออ คืนนี้ชั้นจะไม่อยู่นะ”
       “แกจะไปดูน้องเมย์หรือ”
       “อืมม์ ไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียว”
       “เดี๋ยว”
       “อะไร”
       “แกชอบน้องเมย์เค้าจริงๆใช่มั้ย”
       “ใช่ ชั้นรักเค้า”
       บุญทันบอกเรียบๆแล้วเดินขึ้นรถขับออกไป ธาวินมองตามแล้วหัวเราะ
       “ไอ้นี่ เห็นทำขรึมที่แท้ก็ร้ายไม่เบา”
       พิพัฒน์ยืนมองมาจากมุมหนึ่งรู้สึกแปลกใจในความสนิทสนมของธาวินกับบุญทัน
      
       ปารมีเดินจากบ้านพิพัฒน์มายังบ้านของตัวเอง ภายในบ้านเงียบกริบ ปารมีเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนภา ปารมีมองเห็นนภานอนหลับอยู่ ปารมีปิดประตูลงแล้วเดินไปห้องตัวเอง
      
       ปารมีเปิดประตูห้องนอนและเปิดไฟ เมื่อห้องสว่างขึ้น ปารมีก็ต้องสะดุ้งตกใจที่เห็นอนุทินยืนรออยู่
       “พี่เอ” ปารมีเรียกขึ้น
       “ไปไหนมา”
       “นี่พี่เอเข้ามาทำไม เดี๋ยวแม่ปามาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องนะคะ”
       อนุทินเข้าไปกระชากแขนปารมีแล้วส่งเสียงตะคอกด้วยความหึงหวง
       “ชั้นถามว่าเธอไปไหนมา”
       “ก็บอกแล้วไงคะว่าไปเยี่ยมเมียพี่ภู”
       “ชั้นถามจริงๆ เธอคิดจะทำอะไรถึงเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดไอ้ภูบดี”
       “จะทำอะไรคะ ก็ปาเคยบอกแล้วไงว่าปาทำทุกอย่างเพื่อพี่เอ ที่ปาไปใกล้ชิดเค้าก็เพื่อให้เค้าตายใจ”
       อนุทินจ้องหน้าด้วยสายตาคาดคั้น
       “เธอไม่ได้คิดหักหลังชั้นนะ”
       “ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ ปาเสียใจนะ พี่เอก็รู้ว่าปารักพี่เอแค่ไหน”
       ปารมีโผเข้ากอด อนุทินยืนนิ่ง
       “พี่เอไม่เชื่อปาหรือคะ”
       ปารมีผละออกมามองแล้วตัดสินใจหันไปคว้าคัตเตอร์บนโต๊ะ
       “ถ้าพี่เอไม่เชื่อ ปาจะพิสูจน์ให้พี่เอดูก็ได้”
       อนุทินคว้าคัตเตอร์จากมือปารมี
       “เอาล่ะ พี่เชื่อแล้ว พี่ขอโทษ เป็นเพราะพี่รักปา พี่ถึงไม่อยากให้ปาไปใกล้ชิดใคร”
       “ปาเข้าใจค่ะ แต่ที่ปาทำก็เพื่ออนาคตของเรานะคะ”
       ปารมีมองหน้าอนุทิน อนุทินมองสบตาแล้วเคลื่อนหน้าเข้ามาจะจูบ
       “อย่าค่ะ เดี๋ยวแม่มาเห็น” ปารมีบอก
       “แม่ปาหลับไปแล้ว ไม่ตื่นมาหรอก มา ให้พี่ชื่นใจหน่อย”
       อนุทินดึงปารมีเข้ามากอดแล้วล้มตัวลงบนเตียง
      
       ภายในบ้านนภา ผู้ชายสองคนเดินขึ้นบันไดมาแล้วมาหยุดที่หน้าห้องนภา แง้มประตูเปิดเข้าไป บนเตียง นภายังนอนหลับอยู่ ชายทั้งสองคน มองหน้ากันแล้วยิ้ม
       นภาลืมตาตื่นมองตะลึงที่เห็นชายทั้งสองคนเข้ามาในห้อง
       “หา อย่านะ”
       ชายทั้งสองคนวิ่งเข้ามาคว้าจับแขนจับขาไว้
       “ไม่ อย่านะ อย่าทำอะไรชั้น ช่วยด้วย”
       นภาส่งเสียงหวีดร้อง ทั้งสะบัดทั้งถีบจนคนร้ายกระเด็นไป
      
       นภาสะดุ้งตื่น หายใจหอบแล้วมองไปรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ทุกอย่างเงียบสงัด
       “นี่เราฝันหรือเนี่ย”
       นภาถอนใจอย่างโล่งอก มองนาฬิกาหัวเตียงที่บอกวลาสี่ทุ่มกว่า
       “ยัยปากลับมารึยัง”
       นภาลุกลงจากเตียงเดินออกประตู
      
       นภาสะดุ้งตื่น หายใจหอบแล้วมองไปรอบห้องด้วยสายตาตื่นตระหนก ทุกอย่างเงียบสงัด
       “นี่เราฝันหรือเนี่ย”
       นภาถอนใจอย่างโล่งอก มองนาฬิกาหัวเตียงที่บอกวลาสี่ทุ่มกว่า
       “ยัยปากลับมารึยัง”
       นภาลุกลงจากเตียงแล้วเดินออกจากประตูห้องไป
      
       ภายในห้องปารมี อนุทินนอนกอดปารมีอยู่บนเตียง
       “แล้วพี่เอคิดได้รึยังว่าจะทำยังไงกับพี่ภู” ปารมีถามขึ้น
       “พี่ยังคิดไม่ออก”
       “แต่ปาว่าทางที่ง่ายที่สุดก็คือ กำจัดเค้าซะ”
       “ไม่ พี่ไม่อยากติดคุก พี่กำลังคิดว่าพี่อาจจะขอเงินคุณปู่ซักก้อนแล้วไปจากที่นี่ ปาไปกับพี่นะ”
       “หมายความว่าพี่เอจะทิ้งมรดกทั้งหมดให้กับพี่ภูงั้นหรือคะ”
       “พี่มาคิดดูแล้ว จริงๆพี่เองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในมรดกก้อนนี้ ถ้าพี่จะไปแย่งชิงกับมันพี่ก็ต้องเสี่ยงติดคุก”
       “ไม่ได้นะคะ ปาไม่ยอมให้พี่ทำแบบนั้น ปาลงทุนไปเยอะแล้วนะคะ”
      
       นภาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องปารมีก็ชะงักเหมือนได้ยินเสียงใครสนทนากัน นภาเคาะประตูแล้วร้องเรียก
       “ปา..”
       ภายในห้อง ปารมีสะดุ้ง
       “แม่ พี่เอไปแอบในห้องน้ำก่อนเร็ว”
       อนุทินวิ่งเข้าไปเข้าห้องน้ำ ปารมีคว้าเสื้อคลุมมาสวม เสียงเคาะประตูดังซ้ำ
       “ปา คุยอยู่กับใครหรือลูก” นภาร้องถามที่หน้าห้อง
       ปารมีเดินไปเปิดประตู
       “มีอะไรคะแม่” ปารมีถาม
       “แม่ได้ยินเสียงเหมือนลูกพูดกับใคร”
       “อ๋อ ปาพูดโทรศัพท์กับเพื่อนน่ะค่ะ แล้วแม่ตื่นมาทำไมคะเนี่ย”
       “แม่ฝันร้ายน่ะเลยตกใจตื่น”
       “อ้าว นี่แม่ไม่ได้กินยานอนหลับของหมอหรือคะ”
       “แม่เห็นลูกยังไม่กลับก็เลยเป็นห่วงเลยไม่อยากกินยา เดี๋ยวหลับแล้วไม่รู้เรื่อง”
       “ก็ปาโทรมาบอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องห่วง ไปค่ะ เดี๋ยวปาเอายาให้”
       นภาหันหลังเดินออกไป ปารมีหันไปมองอนุทินที่ใส่เสื้อผ้าแล้วโผล่หน้าออกมามอง ปารมีพยักหน้าส่งสัญญาณให้กลับไปก่อน อนุทินพยักหน้ารับรู้ ปารมีเดินตามแม่ไป อนุทินออกมาจากที่ซ่อนแล้วย่องลงบันไดไป
      
       ภายในห้องนอนคนไข้ของมณทกานต์ในโรงพยาบาล หมอเอาสายน้ำเกลือกับเลือดออกแล้ว มณทกานต์มองไปที่โซฟาเห็นบุญทันนอนหลับอยู่
       มณทกานต์นึกถึงคำพูดเก่าๆของบุญทันที่พูดกับอนุทิน
       “ผมจะแต่งงานกับคุณเมย์”
       “แต่งงาน”
       “ใช่ครับ เพื่อไม่ให้คนดูถูกหรือนินทาคุณเมย์ผมจะแต่งงานกับเธอ”
       บุญทันพูดกับมณทกานต์
       “คุณเมย์รังเกียจที่ผมฐานะต่ำต้อยกว่าใช่มั้ยครับ”
       “เปล่า ชั้นไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
       “ถ้าคุณเมย์ไม่ได้คิดเรื่องนั้นทำไมถึงไม่ตอบแต่งงานกับผม”
       “ชั้นจะแต่งกับนายได้ยังไง ในเมื่อชั้นไม่ได้รักนายหรือนายจะบอกว่านายรักชั้น”
       “ใช่ครับ ผมรักคุณ ... ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มรักคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมรู้ว่าทุกครั้งที่เห็นคุณร้องไห้ ผมอยากจะเป็นคนที่เช็ดน้ำตาให้คุณ”
       มณทกานต์เห็นบุญทันขยับตัวผ้าห่มหลุดไปอยู่ที่ปลายเท้า มณทกานต์ลุกขึ้นเดินมาที่โซฟาหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ บุญทันขยับรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้น
       “คุณเมย์”
       “ชั้นว่านายกลับไปนอนที่บ้านเถอะ ชั้นอยู่คนเดียวได้”
       “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
       ”นายกลัวว่าชั้นจะทำร้ายตัวเองอีกหรือ”
       “ผมไม่อยากให้คุณเมย์คิดมาก ถึงแม้วันนี้คุณเมย์อาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีใคร แต่ผมอยากให้รู้ว่าคุณยังมีผมอยู่ตรงนี้”
       มณทกานต์มองหน้าบุญทันแล้วน้ำตาซึม
       “ทำไมนายถึงดีกับชั้น ทั้งๆที่ชั้นไม่เคยดีกับนายเลย”
       “ผมบอกแล้วไงครับว่าผมรักคุณ”
       “ทั้งๆที่ชั้นเคยด่านาย ร้ายกาจกับนายเนี่ยหรือ”
       “ครับ ผมรักคุณเมย์ที่คุณเมย์เป็นแบบนี้”
       มณทกานต์น้ำตารินมองหน้า บุญทันดึงมณทกานต์มากอด มณทกานต์กอดตอบบุญทันด้วยความตื้นตันใจ

อ่านละครเล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 5 วันที่ 4 ก.ค. 55

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น