วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครมณีแดนสรวง ตอนที่ 8 วันที่ 27 ก.ค. 55


 ภายในสปาแห่งหนึ่งบรรยากาศเงียบสงบ นายทองทิวกำลังนอนคว่ำหน้าให้หมอนวดส่วนตัวนวดอโรม่าผ่อนคลาย แต่ไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง ในห้องนั้นยังมีลูกน้องไว้คุ้มกันคนหนึ่ง
      
       “อืมมม์...แรงกว่านี้หน่อย เน้นๆแถวบั้นเอวด้วย”
       หมอนวดรับคำสั่งออกแรงเน้นๆที่เอวทองทิวจนเสียงดัง...กร๊อบ !!
       “โอ๊ยยย !!!”
       ทองทิวร้องเสียงดังหน้าแหยเก ลูกน้องทองทิวปรี่ไปกระชากหัวหมอนวดมาตบแล้วจับกดลงกับพื้นอย่างทารุณ
       “หนูขอโทษ หนูไม่ตั้งใจ”
       หมอนวดอ้อนวอน ทองทิวไม่พอใจ
       “ไม่ตั้งใจเหรอ...แกเล่นซะหลังฉันเกือบหักเนี่ยนะ เฮ้ย...เอามันออกไป หางานอื่นให้มันทำ แรงเยอะนักก็ให้มันรับแขกให้เต็มที่”
       “อย่าเลยค่ะหนูขอร้อง...หนูขอโทษ อย่าส่งหนูไปเลย”
       หมอนวดพยายามอ้อนวอน แต่ทองทิวไม่สนใจปล่อยให้ลูกน้องจิกหัวลากตัวไป ระหว่างนั้นสาโรจน์เข้ามา
       “นายครับ สินค้าล็อตใหม่มาถึงแล้วครับ”
       “อยู่ไหน”
       “ทางนี้ครับนาย”
       สาโรจน์เดินนำไป
      
       อีกห้องหนึ่งของสปา ทองทิวที่ยังอยู่ในชุดคลุมสบายๆเข้ามานั่งรอที่โซฟา สักพักลูกน้องของสาโรจน์ก็พาหญิงสาวหน้าตาดีแต่อยู่ในอาการตื่นกลัวเข้ามา ทองทิวลุกไปดูทีละคนพินิจพิจารณา
       “โอเค คนนี้ใช้ได้ นี่ก็ได้..คนนี้ก็โอเค แต่สิวเยอะ นมเล็กไปหน่อย รักษาหน้ามันให้หายฉีดนมเสริมไปด้วย แล้วค่อยส่งไป”
       ทองทิวเดินมาที่คนสุดท้ายของแถว ทองทิวถึงกับอึ้งเหวอ
       “เฮ้ย !! นี่ใครพาอีแก่นี่มาวะ ฉันส่งผู้หญิงออกนอกไม่ได้ส่งไปเป็นแม่บ้านนะเว้ย”
       “นั่นไม่ใช่สินค้าที่เราจะส่งไปครับนาย”
       “แล้วใคร”
       “แม่เล้าที่นายสั่งให้ผมหามาช่วยตรวจคุณภาพสินค้าของเราไงครับ ชื่อณี”
       ดรุณีฉีกยิ้มหวานพนมมือไหว้งามๆ
       “สวัสดีค่ะคุณทองทิว”
       ทองทิวไม่พอใจบีบปากทันที
       “แกไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อฉัน ต้องเรียกฉันว่านาย”
       “เอ่อ...ค่ะนาย”
       ทองทิวพยักหน้าให้ลูกน้องพาพวกสาวๆออกไปแล้วเข้าไปมองดรุณีหัวจรดเท้ากำชับสั่ง
       “ที่ฉันไม่ให้ไอ้พวกนี้ดูแลสินค้าของฉัน เพราะพวกมันชอบทำให้สินค้าของฉันมีตำหนิก่อนส่งออก หน้าที่ของแกคือคอยดูแลสินค้าของฉันให้ดี มันอยากได้อะไรบำรุงพวกมันไปให้เต็มที่ อย่าทำให้ชื่อเสียงฉันเสียหาย..เข้าใจมั้ย”
       “ค่ะนาย”
       ระหว่างนั้นโทรศัพท์ทองทิวดัง สาโรจน์หยิบมาดูเบอร์
       “คุณสิโทรมาครับนาย”
       ทองทิวรับเครื่องโทรศัพท์มาแล้วถือเดินออกไป ดรุณีมองตามทองทิวด้วยความสนใจ สาโรจน์หันมามองดรุณี
       “ไปทำงาน อย่าสอดรู้สอดเห็นเรื่องของนายให้มากนัก”
       “ไปก็ได้”
       ดรุณเดินออกไป สาโรจน์มองตาม
      
       สการรู้สึกเป็นห่วง เมื่อได้รับการอธิบายจากผู้การดำเกิง
       “ดาบดรุณีน่ะเหรอครับ ที่ผู้การส่งเข้าไปเป็นสายสืบ”
       “ใช่”
       สการท่าทีหนักใจจนดรัณสงสัย
       “ดาบดรุณี..ชื่อคุ้นๆ ใช่ที่เคยอยู่ทีมเดียวกับแกตอนกวาดล้างมาเฟียที่พัทยารึเปล่า”
       สการพยักหน้า
       “คนเดียวกันนั่นแหละ แต่ผู้การครับดาบดรุณีเพิ่งจะยื่นเรื่องขอลาราชการ เพื่อไปแต่งงานไม่ใช่เหรอครับ”
       “ใช่...ตอนแรกผมก็อนุมัติไปแล้ว แต่เธอมาขออาสารับงานนี้เพราะอยากช่วยคุณปิดคดีนี้ให้ได้เร็วๆ ผมเห็นว่าเธอกับคุณสนิทกันและเหมาะสมกับงานก็เลยอนุญาต”
       “เท่าที่รู้มาดาบดรุณีเป็นสายสืบมาตั้งหลายคดีแต่ก็ไม่เคยโดนจับได้สักที ฉันว่าแกไม่ต้องห่วงไปหรอก”
       ผู้การดำเกิงเปิดลิ้นชัก หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเครื่องหนึ่งยื่นให้สการ
       “นี่เป็นโทรศัพท์ที่ไว้ใช้ติดต่อกับดาบดรุณี เธอจะคอยส่งข่าวเข้ามา คุณรับไปแล้วก็คอยประสานงานกับเธอ ทันทีที่ได้ข้อมูลมากพอ เราจะได้กวาดล้างนายทองทิวลากคอมันยัดตะรางซะที”
       สการเข้าไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้แล้วรับคำหนักแน่น
       “ครับผู้การ”
      
       ทองทิวรีบเดินเข้ามาหาสิริสุดาที่นั่งรออยู่ตรงหน้าห้องตรวจกับเอิงเอย ที่โรงพยาบาล
       “ยัยสิ”
       “คุณป๋า”
       สิริสุดาโผเข้าไปกอดทองทิวแล้วซบหน้าสะอื้น ทองทิวเป็นห่วงลูกสาวมาก
       “เกิดอะไรขึ้น พอลูกโทรมาบอกว่าอยู่โรงพยาบาลแล้วเอาแต่ร้องไห้ ป๋าก็รีบมาเลย”
       สิริสุดาสะอื้นไห้ไม่ยอมพูด ทองทิวต้องหันไปถามเอิงเอย
       “ยัยเอย...ลูกสาวฉันเป็นอะไร”
       “เอ่อ..คือ...ยัยสิมาหาหมอตรวจค่ะ ตอนนี้กำลังรอผลตรวจ ยัยสิกลัวว่าผลจะออกมาเป็นอย่างที่กลัวค่ะ”
       ทองทิวตกใจ
       “ห๊ะ...นี่...อย่าบอกนะว่า...แกท้อง !! โธ่เอ้ย ป๋าไม่ได้อยากอุ้มหลานที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของไอ้ดรัณมัน” ทองทิวหันไปสั่งสาโรจน์ที่ตามมา “สาโรจน์ !! แกไปลากคอไอ้ดรัณมา ฉันจะกระทืบมัน”
       สิริสุดารีบขัด
       “ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีกนะ ป๋าขา...ไปกันใหญ่แล้ว สิไม่ได้บอกสักคำว่าสิกลัวว่าตัวเองจะท้อง”
       “อ้าวก็ยัยเอยบอกว่าลูกกำลังกลัวผลตรวจ”
       “ค่ะ...สิกำลังกลัวผลตรวจ แต่ไมได้ตรวจว่าท้องหรือไม่ท้อง”
       “แล้วลูกมาตรวจอะไรล่ะ”
       “ก็คือ...สิมาตรวจว่าสิความจำเสื่อมรึเปล่าค่ะป๋า”
       “ความจำเสื่อม” ทองทิวฟังแล้วงง
      
       อีกด้านของโรงพยาบาล...ชิโลเข็นรถเข็นที่นารีนั่งมาเพราะหมอเข้าเฝือกอ่อนที่ข้อเท้ากับทำแผลที่มือ ชิโลมองอย่างห่วงมาก
       “คุณป้าคงจะเจ็บมากเลยนะคะ”
       “ป้าไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะหนูชิโล แค่ใส่เฝือกอ่อนไว้ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
       “เป็นความผิดของชิโลเองที่ทำให้คุณป้าต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
       “จะเป็นความผิดของหนูได้ยังไงจ้ะ ก็ป้าเป็นลมหน้ามืดล้มลงไปเองไม่ใช่เหรอ”
       ชิโลนิ่งไปหน้าเศร้า
       “ค่ะ แต่ถ้าลูกชายป้ารู้ว่าป้าออกมากับชิโลแล้วบาดเจ็บกลับไปแบบนี้ เขาต้องโกรธชิมากแน่ๆ”
       “ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ...ป้าไม่บอกเขาหรอก อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วใช่มั้ยจ้ะ”
       นารีแตะแขนชิโลแล้วยิ้มให้ปลอบใจไม่ต้องกังวล
       “งั้นเดี๋ยวชิโลไปรับยาให้นะคะ”
       “จ้ะ”
       ชิโลจอดรถเข็นไว้ให้นารีนั่งรอ ส่วนตัวเองก็เดินไปที่เคาท์เตอร์รับยา
      
       ทางเดินทองทิวโอบไหล่ลูกสาวเดินมาตามทาง มีสาโรจน์กับเอิงเอยเดินตาม
       “เห็นมั้ยป๋าบอกแล้วว่าลูกน่ะคิดมาก ผลตรวจออกมาหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรสักนิด”
       สิริสุดายังไม่คลายกังวล
       “แต่มันน่าแปลกมากเลยนะคะคุณป๋า อยู่ๆความจำของสิก็วูบไป จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ยัยเอยก็เป็นเหมือนกัน”
       เอิงเอยพยักหน้าเห็นด้วย
       “ค่ะคุณพ่อ เอยกับยัยสิพยายามช่วยกันนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ไปนอนหมดสติไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้าง”
       ทองทิวหน้าเหี้ยมขึ้นมาทันที
       “งั้นป๋าพอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้สาโรจน์ ไปสืบมาว่าใครมันกล้ามามอมยาลูกสาวฉัน”
       “ป๋าคะ...พอเถอะค่ะ ถ้าสิโดนมอมยาจริงๆ ป่านนี้สิคงเละเทะไปทั้งตัวแล้ว ไม่ตื่นขึ้นมาข้าวของยังอยู่ครบ เนื้อตัวไม่บุบสลายหรอกค่ะ”
       ระหว่างนั้นชิโลรับยาเสร็จแล้วและกำลังเดินมาทางพวกสิริสุดา ทั้งหมดจะต้องเดินมาเผชิญหน้ากันตรงทางเดินแน่ๆ แต่ชิโลชนกับญาติคนไข้ที่เดินสวนมาทำให้ถุงยาตก ชิโลก้มลงไปเก็บถุงยาที่พื้น เป็นจังหวะที่สิริสุดากับทองทิวเดินมาหยุดตรงนั้นพอดี
       “นั่นสิ...ถ้างั้นป๋าว่า สิคงทำงานหนักแล้วก็เครียดเรื่องไอ้หมอนั่นก็เลยวูบไปมากกว่า ไม่ต้องห่วงนะสิ ป๋าสัญญาว่าป๋าจะตามหาตัวนังหน้าด้านที่มาทำลายงานแต่งงานของลูกให้เจอ ป๋าจะให้ลูกน้องจัดการกับมันแน่”
       ชิโลที่กำลังก้มเก็บยาชะงักอึ้ง ค่อยๆหางตาหันไปมองแล้วก็เห็นว่าเป็นสิริสุดา
       “ถ้างั้นสิก็คงจะเครียดเพราะนังนั่นจริงๆค่ะป๋า หึ...คอยดูนะ ถ้าเจอตัวมันเมื่อไหร่ สิจะแก้แค้นมัน จะตบๆๆสั่งสอนมัน หน้ามันจะต้องเสียโฉมเพราะสิ”
       ชิโลถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก เอามือปิดปากไม่ส่งเสียงแล้วค่อยๆลุกขึ้นเดินตัวลีบออกไป ชิโลกำลังจะไปพ้นอยู่แล้วแต่เอิงเอยดันเห็นถุงยาเหลือตกอยู่ที่พื้น
       “เดี๋ยวค่ะคุณ...คุณทำยาตกอยู่อีกถุงค่ะ”
       เอิงเอยช่วยหยิบให้แล้วเดินไปที่ชิโล ซึ่งก้มหน้าก้มตาไม่ให้เห็นหน้า
       “ขะ...ขอบคุณค่ะ”
       ชิโลจะรีบเดินไป แต่เอิงเอยสงสัยเพราะหน้าตาคุ้นมากๆ
       “เดี๋ยวก่อน...ฉันว่าฉันคุ้นหน้าเธอ”
       ชิโลชะงักกึกหน้าเสีย เอิงเอยนึกได้ก็ตาโตรีบตะโกนบอกสิริสุดา
       “ใช่แล้ว...แก...ยัยสิ...นังนั่น...นังหน้าด้านที่ทำลายงานแต่งแก”
       “ไหนยัยเอย”
       “นั่นไง”
       ชิโลหันหน้ามาพอดีเลยปะหน้ากับสิริสุดาเต็มๆ สิริสุดาจำหน้าของชิโลได้ดี
       “แก...ใช่แกจริงๆด้วย คุณป๋าคะ...นังหน้าด้านนั่นแหละค่ะ”
       ทองทิวสั่งทันที
       “สาโรจน์ จับนังนั่น”
       ชิโลเหวอ
       “ชิ...ชิโล...แย่แล้ว”
       ชิโลวิ่งแจ้นไปทันที สาโรจน์รีบไล่กวดตามไปติดๆ
      
       ชิโลวิ่งหน้าตั้งกลับมาที่นารีซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นรอ ชิโลหอบแฮ่กๆ
       “ทำไมไปนานจังล่ะหนูชิโล แล้วนี่ไปทำอะไรมาถึงได้หอบมาขนาดนี้”
       “คือ...อย่าเพิ่งให้ชิโลพูดอะไรตอนนี้เลยค่ะคุณป้า เรารีบไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
       ชิโลพูดไปก็หันไปเห็นสาโรจน์วิ่งเข้ามา ชิโลไม่รีรอจับคันบังคับรถเข็นแล้ววิ่งเร็วจี๋เข็นนารีออกไปตามทางในโรง พยาบาล นารีตกอกตกใจร้องเสียงดัง
       “ว๊ายๆๆๆ หนูชิโล...ช้าๆหน่อย ป้าหัวใจจะวาย”
       “ช้าไม่ได้ค่ะคุณป้า ไม่งั้นชิโลแย่แน่”
       ชิโลไม่ลดความเร็วกลับยิ่งเร่งสปีดเข็นนารีแล้วเลี้ยวซ้าย ล้อขวารถยกเอียง...นารีเหวอ
       “ว๊ายๆๆๆๆ”
       ชิโลซิ่งต่อเลี้ยวปาดขวาล้อรถเข็นทางซ้ายยกเอียง นารีตาตั้ง...เหวอ
       “ว๊ายๆๆๆๆ”
       ชิโลซิ่งมาแล้วเบรกเอี๊ยดเมื่อเจอสาโรจน์ ที่วิ่งตัดมาจากอีกทางมายืนขวางทางทำหน้าเหี้ยมหักนิ้วดัง...กร่อบ !!
       “แย่แล้ว...คุณป้าคะ...เกาะแน่นๆนะคะ”
       นารีตกใจ
       “ห๊ะ...ยังจะมีซิ่งอีกเหรอ”
       “ค่ะ...คราวนี้ต้องเร็ว...ต้องแรงกว่าเดิม ไม่งั้นไม่รอดแน่”
       “เอ่อ...จะ...จ้ะ”
       นารีหลับตาปี๋ มือจิกที่วางพักเท้าบนรถเข็น
       “ชิโล....สู้ตายยยย”
       ชิโลออกแรงเข็นเต็มที่พุ่งตรงไปที่สาโรจน์ นารีหลับตาปี๋ตัวเกร็ง
       “คิดจะพุ่งชนเหรอ...หึๆๆๆ ฉันไม่หลบแกหรอก”
       สาโรจน์ตั้งท่ามั่นรอเล่นงาน ชิโลพุ่งรถเข็นวิ่งตรงดิ่งมาจนเกือบจะถึงสาโรจน์ แต่กลับเลี้ยวหักศอกกะทันหันจนรถยกล้อข้างสูง นารีร้องเสียงหลง
       “คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วยยยย”
       ชิโลหักเลี้ยวหนีไปอีกทาง สาโรจน์ตกใจกัดกรามหน้าเหี้ยม
       “นังตัวแสบ !!!”
      
       สาโรจน์ไล่ตามต่อไปทันที
ชิโลเข็นนารีมาหยุดหอบเหนื่อยเหงื่อแตก ที่บริเวณทางลาดยาวข้างตึกของโรงพยาบาล
       
       “โอ้ยยยย...เหนื่อย”
       ชิโลหอบแฮ่กๆก่อนจะหันมาเห็นนารีนั่งตาตั้งเหวอหัวฟู
       “ว๊ายยยย...คุณป้า !! ชิโลขอโทษค่ะ”
       “ไม่...ไม่เป็นไรจ้ะ แต่ขอป้าดมยาดมหน่อย”
       นารีหยิบเอายาดมขึ้นมาสูด...ปื้ดดดด
       “ทั้งหวาดเสียว ทั้งตื่นเต้น แต่จะว่าไป..ก็สนุกดีนะ ป้าไม่เคยได้ซิ่งแบบนี้มานานแล้ว”
       “คุณป้า”
       ชิโลกับนารีพากันหัวเราะขำคิกๆกัน แต่ทันใดนั้นสาโรจน์ก็โผล่มาข้างหลังแล้วจับที่บ่าชิโลหมับ !!
       “คิดว่าแค่นี้จะหนีพ้นเหรอยัยตัวแสบ”
       ชิโลตกใจหน้าเหวอ สาโรจน์จับชิโลล็อคตัว ชิโลพยายามสะบัด
       “ปล่อยนะ...บอกให้ปล่อย”
       ชิโลสะบัดแรงไปหน่อยจนตัวไปดันรถเข็นของนารีให้ไหลลงไปตามทาง เลื่อนลงเอง ส่วนชิโลถูกสาโรจน์ลากตัวไป
       “คุณป้า !!”
       รถเข็นของนารีวิ่งตามทางเลื่อน ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ทำให้เร็วไหลลงไปขึ้น
       “ชะ....ช่วยด้วยยย”
       รถเข็นนารีกำลังจะพุ่งลงไปซึ่งมีเจ็บตัวสาหัสแน่ๆ นารีหลับตาปี๋คิดว่าไม่รอดแน่แล้ว แต่ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาคว้าหมับจับรถเข็นเบรคเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด นารีค่อยๆลืมตาพอเห็นว่าตัวเองรอดก็หันกลับไปมอง
       “ไม่เป็นอะไรแล้วครับแม่” สการบอก
       “ตาแซม !!” นารีร้องเรียกอย่างดีใจ
      
       ชิโลถูกสาโรจน์ล็อคตัวลากมาตามทาง ชิโลร้องโวยวาย
       “ปล่อยนะ...ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
       สาโรจน์ล็อคตัวเอาไว้แน่น ชิโลสู้แรงของสาโรจน์ไม่ได้ระหว่างนั้นเองอุ้มสมโผล่เข้ามาข้างหลังแล้วจู่ โจมกระโดดขี่หลังช่วยรุมทึ้งสาโรจน์
       “ปล่อยเพื่อนฉันนะเว้ย...นี่แน๊ะๆๆๆ”
       สาโรจน์โดนอุ้มสมเล่นงานเลยต้องปล่อยมือจากชิโล
       “อุ้มสม!!”
       ชิโลรีบช่วยอุ้มสมหันไปเห็นถาดเหล็กที่ไว้ใช้รองอาหารสำหรับคนไข้ วางอยู่ ชิโลหยิบขึ้นมาแล้วปรี่เข้าไปฟาดที่หน้าของสาโรจน์ทันที
       “ชิโลสู้ตายยย”
       ผั๊วะ !!...ถาดเหล็กฟาดเข้าหน้าสาโรจน์เต็มๆทำเอายืนตัวแข็งทื่อหันมามองหน้าชิโลตาขวาง
       “นะ....นะ...นังตัวแสบ”
       สาโรจนเดินตัวเซก่อนจะทรุดฮวบหมดสติ อุ้มสมรีบเข้ามาคว้าข้อมือชิโล
       “รีบไปจากที่นี่เร็ว”
       “เดี๋ยว...ฉันต้องไปช่วยคุณป้า”
       “คุณป้าไม่เป็นอะไรหรอก เราตามผู้กองสการมาช่วยไปแล้ว”
       “ผู้กองสการ !!” ชิลึ้งไป
      
       เมื่อกลับมาที่คอนโด สการนั่งกอดอกตีหน้าซีเรียสจริงจัง ส่วนคุณนารีนั่งหน้าจ๋อยๆ
       “นี่..อย่ามามองแม่แบบนั้นนะตาแซม ฉันเป็นแม่นะ”
       สการเสียงแข็ง
       “ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”
       “ก็เพราะเราไม่พูดแล้วเอาแต่นั่งหน้าดุใส่แม่แบบนี้น่ะสิ แม่ถึงได้กลัว”
       “ถ้าแม่กลัวผมโกรธ แล้วแม่ออกไปเที่ยวผจญภัยกับยัยตัวแสบนั่น จนเกือบต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลทำไมครับ”
       “ก็...ก็แม่ออกไปทำธุระ แล้ว...แล้วมันก็เกิดเรื่องที่หนูชิโลเขาไม่ตั้งใจ”
       “นี่ขนาดไม่ตั้งใจ ถ้าผมไปไม่ทัน แม่ได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่ ...ผมบอกแล้วว่ายัยนั่นอยู่ใกล้ไม่ได้ เกิดเรื่องแบบนี้ยังไม่โผล่หัวมาขอโทษอีก แบบนี้ผมเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
       สการหุนหันเดินออกไป นารีเป็นห่วงว่าจะไปกันใหญ่
       “ตาแซม...อย่าไปว่าหนูชิโลเขาเลย”
       นารีจะลุกตามแต่เจ็บข้อเท้าอยู่ทำให้ลุกไปไหนไม่ได้
      
       ทางด้านชิโลจะเดินออกจากห้อง แต่อุ้มสมดึงแขนรั้งไว้
       “เดี๋ยวก่อนชิโล”
       “ปล่อยเรานะอุ้มสม เราต้องไปขอโทษคุณป้า”
       “เราไม่ได้ห้ามเจ้าไม่ให้ไปขอโทษคุณป้า แต่เราไม่อยากให้เจ้าไปตอนนี้ รอให้ผู้กองสการใจเย็นกว่านี้ก่อน เจ้าค่อยไปดีกว่า”
       ชิโลเชิด
       ”เราไม่กลัวเขาหรอกอุ้มสม”
       “แต่เราว่าเจ้าควรจะกลัวนะ ขนาดปกติเขายังไม่ค่อยชอบหน้าเจ้าเท่าไหร่ แล้วนี่เจ้าพาแม่เขาไปเจ็บตัวจนเกือบต้องนอนโรงพยาบาลแบบนี้ เขาไม่ปล่อยเจ้าแน่”
       “ถ้าเขาอยากจะทำอะไรเรา คราวนี้เราจะไม่ขัดขืน เราจะปล่อยให้เขาทำ”
       ชิโลยืนกรานเสียงแข็งโดยไม่รู้ตัวว่า สการโผล่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อุ้มสมเห็นก็อึ้ง
       “ชิ..ชิโล..”
       “หยุดห้ามได้แล้ว ในเมื่อเราเป็นคนผิดเราก็ต้องยอมรับผิด คราวนี้เราจะยอมเขาทุกอย่าง”
       อุ้มสมหน้าเสียแล้วชี้ให้ชิโลหันไปข้างหลัง
       “อะไรอุ้มสม”
       “หันหลัง..หันหลังไปสิ”
       ชิโลหน้างงๆแล้วหันขวับไปเจอสการ ยืนกอดอกตีหน้ายักษ์แต่มีรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
       “ผู้กองหน้ายักษ์ !!”
       “ยอมฉันทุกอย่างใช่มั้ย...ดีมาก !!”
       สการเข้าไปจับข้อมือชิโลแล้วยิ้มร้ายใส่
       “เธอโดนฉันจัดชุดใหญ่ให้แน่ยัยตัวแสบ”
       สการฉุดกระชากชากดึงชิโลพาออกไป อุ้มสมหน้าเสียเสียงอ่อย
       “เราช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว..เจ้าดันพลั้งปากยอมเขาเอง”
      
       สการดึงชิโลพามาที่รถ ชิโลโวยวาย
       “ปล่อยฉันนะ จะพาฉันไปไหน”
       “ไม่ต้องถาม”
       “แต่ถ้าฉันจะถูกลงโทษ ฉันควรจะต้องรู้ว่าฉันจะโดนอะไร”
       “จะรู้ไปทำไม”
       “ก็...ก็...จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า”
       “หึ...ต่อให้ทำใจไว้ ยังไงเธอก็ต้องโดนแน่”
       “งั้น...ฉันไม่ยอมแล้ว ฉันหนีดีกว่า”
       ชิโลจะหนีแต่โดนสการดึงคอเสื้อไว้
       “ปล่อยฉันเถอะ อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง”
       “ไหนบอกธรรมะธัมโม ที่บ้านถือศีลไง ไม่ทันไรก็จะผิดศีลข้อสี่แล้ว”
       ชิโลนิ่งไปด้วยจนแต้ม คอตกหน้าจ๋อยยอมเดินเข้าไปนั่งในรถดีๆ
       “ชิโล...แย่แล้ว”
       สการปิดประตูรถใส่มองชิโลที่นั่งคอตกห่อเหี่ยวจ๋อยสุดฤทธิ์ สการหยิบบีบี ขึ้นมากดส่งข้อความบางอย่างออกไปก่อนจะเข้าไปนั่งที่คนขับ ดึงเข็ดขัดนิรภัยมาใส่ให้ชิโลแล้วขับออกไป ชิโลอยู่ในอาการสำนึก
      
       ที่โกดังมืดๆทึมๆ รถสการขับเข้ามาจอด ชิโลนั่งอยู่ในรถสายตาเริ่มมีแต่ความระแวง สการลงจากรถแล้วเดินไปปิดประตูโกดังบานใหญ่ทำให้สภาพแสงในโกดังดูทึมๆน่า กลัว
       ชิโลนั่งตัวแข็งกลืนน้ำลาย...เอื๊อก สการโผล่มาข้างรถทำเอาสะดุ้ง
       “ลงมาได้แล้ว”
       ชิโลเอามือจับเข็มขัดนิรภัยแน่นแล้วส่ายหน้า
       “ไม่เอา...ไม่ลง”
       “ฉันบอกให้ลง !!”
       “ไม่ลง”
       สการเสียงดัง
       “บอกให้ลงมา”
       “เรื่องอะไรจะลง คนใจยักษ์ใจมารแบบคุณ พาฉันมาที่น่ากลัวแบบนี้ ฉันไม่เหลือชิ้นดีกลับบ้านแน่”
       “ยังจะพยศอีกใช่มั้ย..ได้ งั้นเห็นดีกันแน่”
       สการเปิดประตูรถแล้วเข้าไปปลดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งต้องอ้อมตัวเบียดกัน ชิโลพยายามยื้อยุดไม่ยอม
       “ไม่...ฉันไม่ลง...ไม่ลง !!”
       สการกับชิโลยื้อยุดกันอยู่ในรถแคบๆ ทำให้เผลอหน้าชนกันจมูกชิดจมูก ชิโลผงะสบตากันนิ่ง ทั้งคู่มองหน้ากันซึ้งๆอย่างลืมตัว ก่อนที่ชิโลจะรู้ตัวรีบดันตัวสการ
       “ยอมแล้ว...ฉันยอมลงแล้ว”
       ชิโลเบือนหน้ากลัว สการเลยปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ชิโลรีบก้าวลงจากรถใจเต้นตึกตัก
      
       สการผลักไหล่ชิโล ให้เข้ามาไปที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งตั้งกลางห้องโถงของโกดัง
       “ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวนั้น”
       ชิโลยืนอึ้งมองไปรอบๆนอกจากจะมีเก้าอี้แล้ว ใกล้ๆกันยังมีเตียง และโซ่ตรวนที่ไว้ใช้ทรมานนักโทษ
       “ที่...ที่นี่มันอะไรกัน ทำไมมีของพวกนั้นเต็มไปหมด”
       “ฉันเรียกว่าเซฟเฮ้าส์ เป็นที่ปลอดภัยไว้สำหรับเล่นของหนักกับพวกคนร้ายปากแข็ง”
       “ไม่นะ...ฉัน...ฉันไม่ยอมให้คุณทรมานฉัน”
       ชิโลจะหนีแต่โดนสการจับตัวไว้แล้วลากมานั่งที่เก้าอี้ เอากุญแจมือมาล็อคแขนไว้ทันที
       “ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยฉันที”
       “อยู่ที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกยัยตัวแสบ”
       สการยิ้มร้ายแล้วเอาเทปมาปิดปาก ชิโลได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ดิ้นสุดฤทธิ์ สการหยิบห่อผ้าสีดำออกมาคลี่กาง โชว์อุปกรณ์ทรมานแบบต่างๆเต็มไปหมด ทั้งมีด เลื่อย ค้อน ที่ตอกเล็บ สการหัวเราะลงลูกคอน่ากลัวสุดๆ
       “เธอเสร็จฉันแน่..ยัยตัวแสบ...ฮ่าๆๆๆ”
      
       ชิโลหน้าซีดหลังจากคิดไปเองว่า ตัวเองกำลังถูกสการพามาทรมาน สการจับหมับที่บ่า ชิโลตกใจส่งเสียงดังลั่น
       “อ๊ายยยย”
       สการแสบแก้วหู
       “โอ้ยยยย...หุบปาก...แสบแก้วหู”
       “อย่านะ...อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันสู้จริงๆด้วย”
       “นี่เธอคิดอะไรของเธอเนี่ยยัยตัวแสบ”
       “ก็...ก็คุณพาฉันมาที่แบบนี้” ชิโลมองไปที่เครื่องทรมาน “คุณคงไม่พาฉันมาเลี้ยงข้าวหรอก”
       สการเห็นท่าทางกลัวของชิโลก็หัวเราะขำ
       “ฉันนึกว่าเธอจะดีแต่เพี้ยน สติไม่สมประกอบ แต่เอาเข้าจริงก็ฉลาดเหมือนกัน”
       ชิโลเหวอ
       “นี่...นี่คุณจะพาฉันมาทรมานจริงๆเหรอ คนใจยักษ์ ใจมาร คุณไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์เลย คอยดูนะฉันกลับสวรรค์ไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะเสกให้คุณหัวล้าน ไม่เหลือผมบนหัวสักเส้น”
       “เอ้า...ยังไม่เลิกเพี้ยนอีก เดี๋ยวก็จับทรมานเอาไฟฟ้าช็อตให้หายเพี้ยนซะเลย”
       “อย่านะ”
       “ฉันพูดเล่นน่ายัยตัวแสบ ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ เพราะฉันอยากหาที่คุยกับเธอสองต่อสอง โดยที่แม่ฉันไม่ต้องมารับรู้เรื่องด้วย”
       ชิโลชะงัก
       “ไม่ได้พาฉันมาทรมานจริงๆนะ”
       “นี่...ฉันเป็นตำรวจนะ จะไปทรมานใครซุ่มสี่ซุ่มห้าได้ยังไง ไอ้ของพวกนั้นมีไว้ขู่อย่างเดียว ไม่เคยใช้จริงๆหรอก”
       ชิโลโล่งอก
       “งั้นคุณอยากคุยอะไรกับฉัน”
       “ก็เรื่องวันนี้ที่เธอโดนตามล่าตัวฉันอยากรู้ว่าเป็นฝีมือใคร”
       ชิโลอึ้งไปกับคำถาม
      
       สิริสุดานั่งหน้าไม่พอใจอยู่ในบ้าน ส่วนทองทิวหันมาใส่อารมณ์กับสาโรจน์
       “กับแค่ผู้หญิงคนเดียว ยังจับตัวมาไม่ได้ แล้วฉันจะไว้ใจให้แกทำงานให้ฉันได้อีกเหรอ”
       สาโรจน์หน้าจ๋อย
       “ผมขอโทษครับนาย”
       “คราวหน้าอย่าให้ฉันเห็นว่าแกทำงานไม่ได้เรื่องอีก...ไป !!”
       สาโรจน์เดินออกไป ทองทิวเข้ามานั่งโอบไหล่ลูกสาว
       “ป๋าขอโทษนะ คราวหน้าป๋าสัญญาว่าป๋าจะไม่ปล่อยให้นังผู้หญิงคนนั้นหนีรอดไปได้อีก”
       “มันหนีไปได้แบบนี้ แล้วจะมีคราวหน้าอีกเหรอคะป๋า”
       “มีสิ...ลูกเคยเห็นป๋าสัญญาอะไรแล้วทำให้ไม่ได้บ้างล่ะ”
       ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของทองทิวดัง ทองทิวเอาเบอร์มาดูแล้วแปลกใจ
       “ผู้กองดรัณโทรมา”
       “ดรัณจะโทรหาป๋าทำไมคะ”
       “คงคิดจะขอความเห็นใจจากป๋าน่ะสิ...”
       ทองทิวจะกดปิดสาย สิริสุดารีบบอก
       “เอ่อ...รับสายเขาเถอะค่ะป๋า ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหู ป๋าก็ด่าไปเลย จะได้ไม่กล้าโทรมาอีก”
       ทองทิวพยักหน้ารับแล้วกดรับสาย สิริสุดาขยับเข้าไปอยากฟัง อยากรู้อยากเห็นเพราะลึกๆแล้วยังตัดดรัณไม่ขาด
      
       “มีธุระอะไรเหรอครับผู้กองดรัณ” ฟังอยู่ครู่แล้วแปลกใจ “ว่าไงนะ”
ขอขอบคุณจาก manager.co.th     

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น