วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครนางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 3 (ต่อ) วันที่ 27 ก.ค. 55

 ส่วนที่หน้าเรือนบ้านกำนันศรเวลานั้น ลิ้นจี่กำลังเก็บแก้วน้ำที่เหลือใส่ถาด
      
       หมู่โอฬารกุลีกุจอจะช่วย “ผมช่วยนะครับคุณลิ้นจี่”
       โอฬารหยิบแก้วไปวางที่ถาดซึ่งลิ้นจี่ถืออยู่ แต่แล้วก็มีตัวบุ้งตัวนึงหล่นตุบลงมาบนถาด
       โอฬารปัดถาดกระเด็น “อร๊ายยย กรี๊ดดดดด บุ้ง เค้ากลัวบุ้ง อี๋ๆๆ”
       ไชโยเซ็ง “หมู่โอฬาร ! ไว้หน้าเครื่องแบบบ้างโว้ย เป็นตำรวจภาษาอะไรกรี๊ดซะลั่นบ้าน คุณลิ้นจี่เค้ายังไม่กรี๊ดเลย”
      
       “ก็ผมกลัวคันนี่ครับจ่า ผิวผมบอบบางแพ้ง่ายขอโทษนะครับคุณ…” โอฬารเหลียวไปทางลิ้นจี่ มองแล้วสะดุ้ง “อร้ายยย คุณลิ้นจี่”
       สภาพลิ้นจี่เปื้อนน้ำหวาน แดงเถือกชุ่มไปทั้งตัว
       “ชั้นเพิ่งอาบน้ำแต่งหน้ามาหยกๆ หมู่นะหมู่ ฮึย”
       ลิ้นจี่สะบัดหน้าเดินหนีไป ไชโยมองโอฬารอย่างตำหนิ “ขายหน้ามั้ยหมู่ ทำตัว เฮ้อ”
      
       ผู้กองธัมโมกับกำนันศรยังสนทนากันอยู่ในห้องรับแขก โดยต่างไว้เชิงดูท่าทีกันและกัน
       “โรงพักเป็นสถานที่ของผู้รักษากฏหมาย ใครก็ตามที่บุกรุกก็ถือว่าท้าทายกฎหมายด้วยเช่นกัน”
       “แสดงว่าไอ้คนร้าย ที่บุกชิงตัวนักโทษเมื่อคืน มันคงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายล่ะมั้งผู้กอง” กำนันว่า
       “ใช่ครับ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเตือนหมอนั่น ให้เค้าวางมือซะ ก่อนที่จะสายเกินแก้” ผู้กองเหน็บ
       “ได้สิ ถ้าเจอตัวเค้าเมื่อไหร่ ผมจะบอกให้นะ ฮ่าๆๆๆ”
       กำนันศรว่าดังนั้นแล้วก็หัวเราะแค่นๆ กวนๆ ตามประสา
      
       ด้านเก่งกำลังแอบมองการสนทนาระหว่างผู้กองธัมโมกับกำนันศรจากบนกิ่งไม้ด้วยความเจ็บใจ เมื่อเห็นทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กัน
       “ฮึ เข้าอีหรอบเดิม สุดท้ายก็กลายเป็นพวกเดียวกัน เนี่ยเหรอเจ้าหน้าที่ของบ้านไม้งาม”
       ย้งปีนต้นไม้ขึ้นมาอาการกระดึ๊บๆ “ไอ้น้องทำอะไรอยู่วะ”
       “สอดแนมอยู่” เก่งเผลอหลุดปาก แล้วนึกขึ้นได้หันมาหา “เฮ้ย นี่นาย นายขึ้นมาได้ยังไง”
       “อ้าว ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า ไหน…สอดแนมอะไรของแกวะ” ย้งชะเง้อมองไปรอบๆ ก่อนจะชะงักไปทางหนึ่ง “โอ้แม่เจ้า เขาพระวิหาร”
       “หา? อยู่แถวนี้เหรอ”
       เก่งมองไปตามไป จึงเห็นลิ้นจี่กำลังนุ่งกระโจมอกอาบน้ำอยู่กับโอ่งข้างบ้าน
       “เฮ้ย นี่นายจะบ้าเหรอ ชั้นเปล่าถ้ำมองนะ”
       “โอ้ย อย่ามาไก๋หน่อยเลยไอ้น้อง หลักฐานคาตาขนาดนี้แกนี่มันลามก สกปรกที่สุด”
       เก่งฉุน เสียงดัง “นี่นายว่าชั้น แล้วนายดูทำไม”
       ย้งยิงมุกแก้เก้อ “ไม่ได้ดูนะ แต่ละสายตาไม่ได้”
       จังหวะนั้นเองที่ลิ้นจี่ซึ่งกำลังจ้วงขันตักน้ำอาบ ดันเหลือบตามาเห็นเก่งกับย้งอยู่บนต้นไม้พอดี
       “อ๊ายยย” ลิ้นจี่ร้องกรี๊ด
      
       กำนันศร ผู้กองธัมโม และยอดต่างหูผึ่งเพราะเสียงลิ้นจี่
       ลิ้นจี่ร้องเสียงดังลั่น “ช่วยด้วย มีคนโรคจิตแอบดูคนสวยอาบน้ำช่วยด้วย...เจ้าข้า”
       กำนันศรคำราม “ไอ้ลูกหมาตัวไหนมันกล้ากระตุกหนวดเสือวะ” สั่งการทันที “ไอ้ยอด จัดการ”
       ยอดรีบผละไป ธัมโมมองไปที่หน้าต่างแล้วเห็นย้งกับเก่งลิบๆอยู่บนต้นไม้ก็รู้สึกคุ้น
       “นั่นมัน...”
      
       ลิ้นจี่กรี๊ดโวยวายลั่น เอาขันเอย เอาสบู่เอย ปาใส่พวกเก่งกับย้งระยะต้องไกลๆ ซึ่งลิ้นจี่เห็นไม่ถนัดว่าใคร
       “ไอ้ถ้ำมอง ไอ้บ้ากาม ไอ้หื่น ใครก็ได้จับมันเร็วเข้า”
      
       อึดใจต่อมาย้งวิ่งนำเก่งมาที่กำแพง แต่ดันปีนขึ้นไปไม่ได้
       “เง้อ ซวยแล้วไอ้ย้ง ตอนขาเข้า ปีนได้ยังไงวะเนี่ย”
       เก่งซึ่งวิ่งตามมาทีหลัง โดดไต่กำแพงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
       “ไอ้น้องชายรอด้วย”
       ยอดนำสมุนเป็นขโยงโผล่ตามมา ยอดชักมีดพับผีเสื้อบินของมันออกมาควงขวับๆ
       “ไอ้บ้ากาม เอ็งจะหนีไปไหนพ้น”
       ยอดปามีดไปปักติดผนังกำแพง ห่างจากย้งแค่ไม่กี่คืบ
       “เหวอ...แม่จ๋า อาย้งซี๊เลี้ยว”
       ยอดเงื้อมีดอีกเล่มจะปาซ้ำ แต่แล้วเก่งก็กระชากคอย้งข้ามกำแพงไปได้ฉิวเฉียด
       “ขึ้นมา”
       ยอดกับสมุนมองตามอย่างเจ็บใจ
      
       ย้งกับเก่งวิ่งกลับมาที่รถมอเตอร์ไซค์ของย้งที่จอดอยู่
       “รีบออกรถ”
       ย้งยิ้มรับคำ “ได้เลยไอ้น้อง”
       จังหวะที่เก่งจะขึ้นรถ แต่แล้วก็ถูกผู้กองธัมโมกระชากแขนไว้จนเธอตัวปลิวไปกับอ้อมอกของอีกฝ่าย
       “จะไปไหนนายเก่ง”
       เก่งชะงัก “ผู้กอง”
       ย้งหันมาตกใจ “เว้ย หมาต๋า” ตี๋ย้งหมายถึงตำรวจ
       ธัมโมหันมาเอาเรื่องย้ง “นายย้ง นายกับเพื่อนไม่อายผีสางหรือไง กลางวันแสกๆ
       มาแอบดูคนเค้าอาบน้ำ”
       เก่ปฏิเสธ “ผมเปล่าซะหน่อย”
       “ยังจะปากแข็งอีก ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่าพวกนายหนีมาจากบ้านกำนัน” ธัมโมบอก
       “ไหนบ้านกำนัน ผมไม่รู้นี่ ผมจะปีนเข้าไปเก็บมะม่วง” เก่งว่า
       ย้งขัดขึ้น “มะม่วงที่ไหนวะ ไอ้ต้นที่เราปีนมันสาเกนะ”
       เก่งหันมาถลึงตาใส่ย้งดุๆ
       “อ๋อ เออใช่ มะม่วง ไอ้เก่งมันจะเก็บมะม่วง ผมก็เลยปีนเข้าไปบอกมันไงผู้กอง ว่าต้นสาเกนะไม่ใช่มะม่วง ฮ่าๆๆ”
       ธัมโมไม่ขำ ย้งเลยจ๋อย
       “เลิกโยกโย้เถอะนายเก่ง แล้วบอกชั้นมา ว่านายดอดเข้าบ้านกำนันศรทำไม ถ้าเหตุผลฟังขึ้น ชั้นจะปล่อยนาย”
       “ก็ได้ ที่ผมแอบเข้าไปก็เพราะผู้กองนั่นแหละ” เก่งขยับตัวเข้ามาระยะประชิดใกล้ธัมโม “ผมสงสัยว่าผู้กองกำลังจะมีนอกมีในกับกำนันศร”
       ธัมโมฉุนกึก “พูดส่งเดช”
       “อ้าว ก็เห็นสนิทสนมกันแล้วนี่ ผิดกับตอนแรกเหมือนคู่แค้นกันมาแต่ชาติปางไหน” หันมาหาแนวร่วม...ย้ง “จริงมั้ยย้ง”
       ย้งพยักหน้าเห็นด้วย ธัมโมนิ่งคิดก่อนจะปล่อยมือหนูเก่ง
       “เอาล่ะ ชั้นเข้าใจ ชั้นรู้ว่ามีชาวบ้านหลายคนกังขาในตัวชั้น คงสงสัยว่าชั้นจะตายโหง หรือจะโกงกินเหมือนเจ้าหน้าที่คนอื่นแต่ชั้นขอรับรองว่า ไม่ใช่แบบนั้น”
       เก่งสวนทันควัน “เจ้าหน้าที่ก็พูดเหมือนกันทุกคน”
       “ถ้างั้นเจ้าหน้าที่คนนี้ ขอสาบาน ต่อหน้าแม่พระธรณีว่าชั้นจะมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรมของกฎหมาย ถ้าเมื่อใดชั้นไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ก็ขอให้ฟ้าดินลงโทษ”
       คำพูดอันจริงจังจริงใจนั้น สะกิดใจย้ง รวมถึงเก่งให้อ่อนท่าทีลง
       “ให้มันแน่เหอะ แล้วชั้นจะคอยดู”
       
       เก่งบอก ท่าทียังไม่ปักใจไม่เชื่อนัก
 ด้านกำนันศรรออยู่ที่ห้องรับแขก ยอดเข้ามารายงาน
       
       “ผู้กองธัมโมไม่เจอคนร้ายครับ ตอนนี้ขอตัวกลับไปแล้ว”
       กำนันศรพยักหน้าช้าๆ “ฮืม”
       “พ่อกำนันครับ ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันแปลกๆ นะครับ บางทีไอ้โรคจิตที่ว่า มันอาจเป็นสายลับของไอ้ธัมโมก็ได้” ยอดว่า
       “ข้าก็คิดแบบนั้น งานนี้เราต้องระวังตัวกันหน่อย” กำนันคิดสักพัก รีบเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องคนของเราที่ถูกจับไป เอ็งเช็คบิลได้เลยอย่ารอให้ตำรวจสาวมาถึงข้า”
      
       ไม่นานต่อมาที่หน้าห้องขังบนโรงพัก ตำรวจคนหนึ่งพาผู้หญิงร่างใหญ่เบิ้มคนหนึ่ง สวมเน็ตคลุมผม มาที่หน้าห้องขัง
       “อย่านานล่ะ ผู้กองเค้าสั่งไว้”
       ที่แท้เป็นเบิ้มปลอมตัวมา เบิ้มดัดเสียง “ค่ะคุณตำรวจ”
       โจรปล้นนรถบัสมองหน้ากันงงๆ จำได้ว่าเป็นเบิ้ม
       “พี่เบิ้ม”
       เบิ้มหันมาหา “ไม่ต้องห่วง กำนันบอกว่า ต้องช่วยพวกเอ็งแน่ แต่ก่อนอื่น…” ยื่นโอเลี้ยงข้าวผัด “พวกเอ็งต้องกินอะไรรองท้องซะก่อนจะได้มีแรงหนี”
       พวกโจรยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ โดยไม่รู้ว่ามีภัยซ่อนอยู่ในข้าวผัดมรณะห่อนั้น
      
       เวลานั้น หมวยใหญ่ง่วนขายของอยู่คนเดียวอย่างคร่ำเคร่งอยู่ที่ร้าน ก่อนที่ย้งจะขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด
       “เจ๊ โอเลี้ยงสอง”
       หมวยใหญ่ใส่ทันที “ไอ้ย้ง ลื้อหายไปไหนมาทั้งวัน หนอย ปล่อยให้อั๊วขายของ
       คนเดียว แล้วยังมาสั่งโอเลี้ยงอีก”
       “ใจเย็นน่าเจ๊ อั้วพาเพื่อนมาด้วยนะ”
       ย้งก้าวลงจากรถ มีเก่งนั่งมาข้างๆ
       หมวยใหญ่ถูกใจนัก ส่ายตัวบิดตัวเขิน “อั๊ยย่ะ น้องหน้าหวานนี่เอง จะทานโอเลี้ยงเหรอจ๊ะ ใส่นมหรือไม่ใส่นมเอ่ย”
       เก่งบอก “เอาธรรมดาดีกว่าครับเจ๊ นมไม่ต้องส่าย เอ้ย ไม่ต้องใส่ก็ได้”
       “งั้นรอแป๊บนะ เดี๋ยวเจ๊จัดให้”
       หมวยใหญ่กระวีกระวาดไปชงโอเลี้ยง ระหว่างนั้นย้งก็มองไปรอบๆ อย่างผิดสังเกต
       “เอ แล้วนี่อาป๊าหายไปไหนอ่ะเจ๊ ไม่ขายของเหรอ”
       หมวยใหญ่บอกเซ็งๆ “โอ้ย ขานั้นน่ะออกไปกับลุงคงตั้งแต่บ่ายแล้ว เห็นว่าจะไปทำบุญหรือไงเนี่ย”
      
       ภายในบ่อนเสี่ยเล้ง ผู้คนคลาคล่ำ ตาคงสัปเหร่อหยิบรากไม้สกปรกจากย่ามมาอวดให้เถ้าแก่ตงดู
       “นี่ไงเถ้าแก่ ว่านขุนแผนชมบ่อน เข้าบ่อนไหนเจ้ามือวายวอด”
       เถ้าแก่ตงอึ้ง เพิ่งได้ยิน “มีด้วยเหรอวะอาคงขุนแผนชมบ่อน อั้วเคยได้ยินแต่ขุนแผนชมตลาด”
       “เออนั่นแหละ สรรพคุณคล้ายกัน ดีเด่นทางด้านเมตตามหาละลาย” ตาคงว่า
       “ละลวย” เถ่แก่ตงบอกงงๆ
       “ละลาย พูดไม่ผิดหรอก เพราะไอ้เนี่ยมันละลายทรัพย์เจ้ามือมานักต่อนักแล้ว”
       เถ้าแก่ตงตาค้าง “ฮ้า แล้วใช้ยังไงวะ”
       “ก่อนเสี่ยงโชค เถ้าแก่ก็ท่องนะโมสามจบนะแล้วอมว่านเนี่ยไว้ใต้ลิ้น”
       “เอ่อ ไปให้เตี่ยลื้ออมเหอะอาคง ดุ้นอย่างกับฟืน ใครจะอมไหว”
       “ปัดโธ่เถ้าแก่ อย่าซื่อได้ไหม อมทีเดียวหมดก็ปากฉีกพอดีเขาให้เด็ดอมทีละนิดโว้ย นี่ไง” ตาคงอมเป็นตัวอย่าง
       เถ้าแก่ตงย้ำ “ได้ผลแน่นะ”
       “ไม่ลองไม่รู้ มาด้วยกันลงทุนด้วยกัน อย่างมากก็หมดตูดทั้งคู่”
       เถ้าแก่ตงเออออ “เอาวะ อมก็อม” พลางเด็ดรากไปอม “อื้อหือ ขุนแผนรากขมอิ๊บอ๋าย”
       ตาคงเอ็ดเอา “อย่าบ่น ท่องตะโมสามจบเร็วเข้า จะได้ลุยกันซะที”
       ตาคงว่าแล้วพนมมือสวดคาถาขมุบขมิบ เถ้าแก่ตงทำตาม
       ระหว่างนั้น ลิ้นจี่กำลังเคร่งเครียดอยู่ที่วงไพ่
       “ไฮโลไม่รุ่ง มุ่งเล่นไพ่ดีกว่า ให้มันรู้ไปสิวะว่าจะหมดตัวอีก”
      
       กลับถึงโรงพัก ผู้กองธัมโม จ่าไชโย หมู่โอฬารกำลังหารือกันอยู่ในห้องทำงานผู้กอง
       “เฮ้อ มันก็เป็นแบบนี้แหละครับผู้กอง อย่าว่าแต่ตำรวจอย่างเราเลยครับ คนอย่างกำนันศร ต่อให้ผีก็ไม่กลัวเพราะกำนันศรไม่เคยแพ้ใคร” ไชโยว่า
       “งั้นที่ผ่านมา กำนันศรเคยมีคู่ปรับบ้างรึเปล่า” ธัมโมสงสัย
       “เยอะครับ แต่ที่เป็นตำนานโด่งดังสุดๆ ก็มีแค่ผู้ใหญ่ทอง เพราะเค้าเป็นคนแรก และคนเดียวที่กล้าปลุกระดมชาวบ้านให้ต่อต้านกำนันศร” โอฬารสาธยาย
       “แล้วผลเป็นยังไง”
       โอฬารไม่ทันตอบ พลตำรวจนายหนึ่งก็รีบลงมารายงาน
       “ผู้กองแย่แล้วครับ ผู้ต้องหาถูกวางยาเบื่อ”
       “ฮึ๊ย เรื่องขี้ผง ก็หาอะไรให้ทำแก้เบื่อสิวะ” โชโยบอกฉุนๆ ไม่ทันคิด
       โอฬารระอาใจ “เค้าหมายถึงยาพิษจ่า นี่ฮาหรือโง่จริงๆ เนี่ย”
       “อ้าว บรรลัยแล้วไง โง่จริงโว้ย”
       “ให้คนไปตามหมอ เร็ว” ธัมโมสั่งรวดเร็ว
       พลตำรวจรีบวิ่งไป ฉับพลันนั้นลำโพงเสียงตามสายจากบ้านกำนันศรก็ทำงานอีกครั้ง คราวนี้เป็นเพลง “เย้ยฟ้าท้าดิน” เสียงของ สันติ ลุนเผ่
       โดยที่ต้นเสียงกำนันศรกำลังกระดกลูกคอตามเสียงเพลงจากเทปคาสเซ็ตอย่างอารมณ์ดี โดยมียอด และเบิ้มยืนยิ้มกริ่มอยู่ข้างหลัง
      
       หมอวาสนาเดินออกมาดูที่หน้าอนามัยด้วยความสงสัย
       “แปลกจัง ปกติพ่อไม่เปิดเพลงเวลานี้นี่นา หรือว่า…”
       เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วาสนาหันมองไปเหมือนตระหนักถึงลางร้าย
      
       หมอวาสนาพาตัวเองมาอยู่บนโรงพักและกำลังเปิดไฟฉายส่องดูม่านตาของโจร ทั้ง 2 ก่อนจะพบว่าไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง ทั้งคู่ขาดใจในสภาพน้ำลายฟูมปาก ข้าวผัดที่ทานยังไม่หมดกล่องเลยด้วยซ้ำ เห็นหมอวาสนาหยิบกล่องข้าวผัดมาลองดมดูก่อนจะหันไปบอกธัมโม พบว่าไซยาไนต์ไม่มีกลิ่น)
       “น่ากลัวจะเป็นไซยาไนต์ค่ะ ถึงได้ออกฤทธิ์ไวขนาดนี้”
       ผู้กองธัมโมโมโหมาก รู้ว่าเป็นฝีมือกำนันศรแน่ “เลวมาก ขนาดพวกเดียวกันยังไม่เว้น ไอ้กำนันศรนี่มันชาติชั่วจริงๆ”
       หมู่กะจ่า ไชโยกับโอฬารสะดุ้งโหยงอุทาน “เย้ย” ก่อนจะหันไปมองหมอวาสนา เพราะรู้ดีว่าหมอวาสนาเป็นลูกกำนันศร
       “ผู้กองคะ ใจเย็นๆ ก็ได้ค่ะ จะกล่าวหาใครมันต้องมีหลักฐาน” วาสนาบอก
       “อ๋อต้องมีแน่ครับ ผมต้องหาหลักฐานมาเอาผิดไอ้เดรัจฉานตัวนี้ให้ได้เพื่อความสงบสุขของบ้านไม้งาม”
       ไชโยปราม “ผู้กอง…อย่าพูดอีกเลยครับ ได้โปรด”
       “ทำไมล่ะจ่า ผมสั่งแล้วไง ว่าห้ามกลัวกำนันศรตาแก่นั่น มันก็เป็นอาชญากร มันโรคจิต”
       วาสนายืนพรวด “แต่เค้าเป็นพ่อชั้น”
       “ใช่ ดังนั้นเราต้อง…” ผู้กองชะงักกึก “หา คุณหมอว่าอะไรนะครับ”
       “กำนันศร.. เป็นพ่อชั้น”
       ธัมโมอึ้ง…และหันไปมองจ่าไชโยกับหมู่โอฬารอย่างขอความเห็น
       “หรือในทางกลับกัน คุณหมอวาสนา เธอเป็นลูกของกำนันศรครับ” หมู่ว่า
       “หรือในทางกลับกันอีกทีก็คือ กำนันศรเป็นคนทำให้หมอวาสนาได้เกิดมาบนโลกใบนี้” จ่าเสริม
      
       ผู้กองธัมโมหันกลับมามองหมอวาสนาที่จ้องอยู่อย่างไม่พอใจ
ขอขอบคุณจาก manager.co.th    

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น