วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครหงส์สะบัดลาย ตอนที่ 1 วันที่ 5 ส.ค. 55

เส้นทางชีวิตมาเฟีย แม้จะเป็นทางสู้บนทางเสี่ยง แต่คนไม่น้อยเลือกเดินเข้ามาประกาศตัวหนึ่งในนั้นคือพงษ์เลิศ ชัยธวัช

คนหนุนพงษ์เลิศคือ วิเชียร อิสราวัชร นักธุรกิจใหญ่ เขาไม่รู้เลยว่ากำลังติดเขี้ยวเล็บให้เสือ แล้วยังสนับสนุนให้มาเฟียเข้าเล่นการเมือง ด้วยเข้าใจว่าเป็นคนดี จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้

เมื่อรู้ตัวว่าพลาด ผู้สนับสนุนคิดถอนตัว แต่ไม่ง่าย เพราะจอมมาเฟียไหวตัวทัน และเกรงภัยจากวิเชียร ที่รู้ความลับมากเกินไป จึงคิดกำจัดทั้งครอบครัว

วิเชียร รู้ตัวว่าไม่รอดแน่ จึงรีบหาทางออกให้ลูกเมีย โดยขอให้คำเที่ยงมารับยศวีร์ลูกชายคนเล็กกับพรรณศรีภรรยาหนีไปก่อน แล้วโทร.ตามธำรงเพื่อนรักมารับตัวเนติมาหรือเนติ์ลูกสาวคนโตวัย 15 ปี ไปอยู่ต่างประเทศด้วย แต่พรรณศรีไม่ยอม เธอขออยู่เคียงข้างสามีจนนาทีสุดท้าย

นาทีมรณะเคลื่อนตัวมาอย่างรวด เร็ว วิเชียรตระหนักได้ว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว ครั้นคำเที่ยงมาถึง เขาตัดสินใจหยิบกล่องไม้เล็กๆ สองกล่องยื่นให้

“คำเที่ยง กล่องนี้มีของที่ฉันต้องการให้ลูกทั้งสองคน นี่ของวีร์ ส่วนใบนี้ของเนติ์ ฉันเขียนชื่อกำกับไว้ใต้กล่อง แล้วนี่นามบัตรคุณธำรง เมื่อเรื่องทุกอย่างสงบติดต่อเขาทันที ฉันฝากเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันด้วยนะ”

“ครับ คุณวิเชียรมีพระคุณกับผมท่วมหัว ผมจะดูแลเขายิ่งกว่าชีวิตครับ” คำเที่ยงรับคำด้วยความสะเทือนใจ ขณะที่พรรณศรีโผเข้ากอดยศวีร์ทั้งน้ำตา เธอพร่ำสั่งเสียลูกให้เป็นคนดี เด็กชายเห็นแม่ร้องไห้ก็พลอยร้องตาม วิเชียรยืนมองอย่างเจ็บปวด ก่อนตัดใจอุ้มยศวีร์จากอ้อมกอดของภรรยา ส่งให้คำเที่ยงพาขึ้นรถจากไป

เด็กชายร้องไห้คร่ำครวญ ขออยู่รอพี่สาวกลับจากโรงเรียนก่อน แล้วค่อยจากไปพร้อมกัน พรรณศรีแทบใจสลาย ก้าวเท้าตามลูก แต่วิเชียรรั้งไว้ ขณะพยายามกลั้นน้ำตาลูกผู้ชายมิให้ไหลออกมา

รถของคำเที่ยงแล่นลับตาไปแล้ว วิเชียรโทร.ตามกันต์เพื่อนบ้านผู้อาสาไปรับเนติมาจากโรงเรียนให้เพราะเธอ เรียนอยู่ห้องเดียวกับขวัญชนกลูกสาวของเขา

กันต์ตอบว่าวันนี้รถติดมาก ใกล้ถึงบ้านแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนสองสาวน้อยกำลังอ่านหนังสืออยู่เบาะหลัง

ด้านวิเชียร เขานึกได้ว่ามีของสำคัญอีกอย่าง ที่ต้องฝากคำเที่ยงไป แต่เพราะรีบร้อนจึงลืมเสียสนิท

“คุณรีบโทร.หาคำเที่ยง ของคุณเก็บไว้ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะรีบไปเอามาให้” พรรณศรีร้อนใจ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เสียงรถก็ดังเข้ามา

พรรณ ศรีเข้าใจว่าเป็นลูกสาว จะก้าวออกไปรับ แต่วิเชียรดึงภรรยาไว้ แล้วมองลอดช่องออกไป เห็นรถตู้คันงามวิ่งเข้ามาจอด ทนง โปรย ชูศักดิ์ ลงมาจากรถ ตามด้วยปาน และมาเฟียจอมเนรคุณนามพงษ์เลิศ

เหล่าวายร้าย เดินเข้ามาในบ้าน พวกมันมองวิเชียรกับพรรณศรีอย่างใจเย็น ด้วยล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี เจ้าของบ้านสูดลมหายใจลึกๆ มองตอบอย่างไม่เกรงกลัว

ooooooo

รถของกันต์แล่นมาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน

อิสราวัชร เนติมาลงมาจากรถ เธอยกมือไหว้ขอบคุณกันต์ แล้วหันมาโบกมือลาเพื่อนรัก

กันต์ขับรถออกไป แล้วเลี้ยวเข้าบ้านซึ่งอยู่ติดกัน

เด็กหญิงยิ้มอารมณ์ดี ขยับจะเดินเข้าบ้านแต่ต้องชะงัก เพราะประตูเข้าบ้านเปิดค้างอยู่ เธอแปลกใจรีบเข้าข้างใน

เวลา เดียวกันนั้น พงษ์เลิศนั่งบนโซฟาหรูอย่างใจเย็น สายตามองวิเชียรกับพรรณศรีที่ถูกมัดมือไพล่หลัง และมัดปากไว้ ใบหน้าของวิเชียรเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ใกล้กันปานยืนคุมอยู่ ห้องถูกรื้อค้นข้าวของกระจุยกระจาย

สักครู่ ทนง ชูศักดิ์ และโปรยลงมาจากชั้นบน ทั้งสามรายงานเจ้านายว่าไม่พบของที่ต้องการ พงษ์เลิศมองวิเชียรอย่างหงุดหงิด ก่อนพยักหน้าให้ปานเข้าซ้อมวิเชียรอีกยก พลางบังคับให้บอกที่ซ่อนของ แต่วิเชียรไม่ปริปาก พงษ์เลิศหมดความอดทน หันไปสั่งให้โปรยโชว์ผลงาน

โปรยไม่รอช้า ตรงเข้าทำร้ายพรรณศรี วิเชียรสงสารภรรยาจับใจ แต่ช่วยเธอไม่ได้

“ทำ กับแก อย่างมากแกก็เจ็บตัว แต่ทำกับคนที่แกรัก แกเจ็บไปถึงข้างใน มันสะใจฉันกว่า ฮ่าๆ ในเมื่อแกไม่ยอมบอกว่าของที่ฉันต้องการอยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่บังคับอะไรแกล่ะ ฉันรู้ว่าความลับไม่มีวันตายแต่คนที่กุมความลับมันตายเป็น” พงษ์เลิศเอ่ยอย่างเลือดเย็น

จังหวะนั้น พรรณศรีกระเสือกกระสนพลิกตัวกลับขึ้นมา เธอต้องชะงัก เมื่อเห็นเนติมายืนช็อกอยู่มุมหนึ่งของสวนหย่อมหน้าบ้าน ผู้เป็นแม่พยายามส่งสายตาบอกลูกว่าอย่าเข้ามา โชคดีที่พงษ์เลิศไม่ทันเห็น เขาหันไปสั่งปานให้จัดการกับวิเชียรและพรรณศรี

“ครับนาย” ปานรู้งาน หยิบปืนขึ้นมาสวมลำกล้องเก็บเสียงด้วยความชำนาญ

เนติ มายืนตะลึง ตกใจสุดขีด เมื่อเห็นพ่อกับแม่ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ขณะจะร้องออกมาเพราะเกินอดกลั้น พลันมีมือเข้ามาปิดปากไว้ แล้วดึงตัวหลบออกไป เวลาเฉียดฉิวกันนั้น พงษ์เลิศกับปานเดินออกมา

“แล้วลูกของมันอีกสองคน นายจะทำยังไงครับ” ปานกวาดสายตาไปรอบๆ

“ไอ้ วิเชียรมันรู้ตัวว่าจุดจบของมันจะเป็นยังไง ป่านนี้มันคงเอาลูกไปซ่อนที่ไหนสักแห่ง ตามไปจัดการเด็กสองคนนั่นให้ได้ ฉันไม่อยากให้มันกลับมาเป็นหอกข้างแคร่ในอนาคต” พงษ์เลิศพูดอย่างเอาจริงเอาจัง ก่อนเดินนำสมุนไปขึ้นรถ

ธำรงพาเนติมาหลบหลังพุ่มไม้พลางกระซิบสั่ง “นิ่งไว้นะหนูเนติ์ แล้วหนูจะปลอดภัย”

เนติมาน้ำตาไหลพราก ทั้งตกใจและเสียใจ เธอพยายามมองผ่านพุ่มไม้เข้าไปในบ้านด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่

เวลา เดียวกัน เจือจันทร์ภรรยาของกันต์กำลังจัดของในห้องให้เข้าที่เข้าทาง เธอขยับรูดม่านหน้าต่างให้เปิดออก แต่ต้องชะงัก เมื่อสายตามองผ่านหน้าต่างเข้าไปที่ชั้นล่างของบ้านอิสราวัชร เห็นขาของพรรณศรีนอนราบอยู่ที่พื้น ก่อนจะเลื่อนหายไป

“ว้าย” เจือจันทร์รีบปิดม่านตั้งสติ แล้วแง้มผ้าม่านมองลงไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นชูศักดิ์ยืนอยู่ แถมมองสวนขึ้นมาด้วยสายตาดุดัน

ooooooo
ธำรงพาเนติมาหลบพวกนั้นมาขึ้นรถหนีอย่าง

รวดเร็ว เขาเสียใจมากที่มาช่วยวิเชียรไม่ทัน แต่สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือ พาเนติมาไปอยู่ต่างประเทศตามคำขอร้องของเพื่อนรัก ส่วนเนติมายังไม่หายอาการช็อก นั่งร้องไห้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ธำรงเอ่ยกับเด็กหญิงอย่างใจเย็น

“อาจะไม่บอกให้หนูพยายามลืมนะหนูเน ติ์ เพราะในความเป็นจริงมันลืมไม่ได้แน่นอน แต่หนูต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นเนติมาคนใหม่ ที่จะไม่ทำให้พ่อแม่ของหนูผิดหวัง”

“แล้วน้องของหนูอยู่ไหนคะคุณอา”

“อยู่ในที่ที่ปลอดภัย แต่ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่าเขาไปอยู่ที่ไหน”

เนติมาร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ธำรงเอื้อมมือไปลูบหัว

“เปลี่ยน ความทรงจำร้ายๆ ให้เป็นอนาคตที่สดใสให้ได้ อารู้ว่ามันยาก แต่หนูต้องทำให้ได้ คมของมีดดาบ มันยังต้องผ่านการตีตอนที่มันร้อนๆ คมของคนมันก็ลับคมด้วยความเดือดร้อนของชีวิตเหมือนกัน โตขึ้น หนูจะเข้าใจ”

เนติมากำมือแน่นพยายามกลั้นน้ำตาอย่างที่สุด ก่อนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เราจะไปไหนกัน?

“สนามบิน...” ธำรงส่งยิ้มอบอุ่น

จุดหมายปลายทางคือ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ooooooo

10 ปีผ่านไป ศิวัช กิตติธร ลูกชายคนเดียวของธำรง และเนติมา อิสราวัช เติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มสาว ความใกล้ชิดก่อให้เกิดความผูกพัน แล้วกลายเป็นความรัก

ใกล้ค่ำของทุกวัน ถ้าศิวัชมีเวลา เขาจะชวนเนติมาวิ่งขึ้นบันไดหอไอเฟล เพื่อชมความงามของกรุงปารีสยามค่ำคืน กิจกรรมนี้หญิงคนรักโปรดปรานนัก เพราะได้รอลุ้นว่า หอไอเฟลจะเปลี่ยนเป็นสีอะไร

“เปลี่ยนไฟสีใหม่ด้วยสวยจังเลย ถ่ายรูปกันเถอะค่ะ” เนติมาตื่นเต้นดึงศิวัชเข้ามาใกล้แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปคู่ เพิ่มความหวานให้กับชีวิตรัก

ครั้นชมความงามของแสงสีจนพอใจแล้ว ศิวัชชวนคนรักไปนั่งเรือเล่นกันต่อ ทั้งสองเดินกุมมือกันออกไป

อีกมุมหนึ่งในหอไอเฟล ระบิลอดีตตำรวจคอมมานโดฝีมือดี ยืนคุยอยู่กับรูปถ่ายของคนรักด้วยความคิดถึง

“ทายสิ วันนี้พี่พาหนูมาเที่ยวที่ไหน ทายไม่ถูกใช่ไหมล่ะ แอ่นแอ๊น...” ระบิลค่อยๆพลิกรูปให้หันออกไปยังวิวด้านนอก “หอไอเฟล สวยไหมคะเอม อึ้งๆ ชอบอ่ะดี๊” ชายหนุ่มหันรูปกลับมามอง พลางเอื้อมมือไปสัมผัสรูปเอมมิกาอย่างทะนุถนอม “พี่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเอมแล้วนะคะ เราสองคนจะไปด้วยกันทุกที่ เราจะไม่มีวันพรากจากกัน” อดีตคอมมานโดหน้าสลดไปนิด ก่อนตัดใจเก็บรูปเข้าไปในเสื้อแจ็กเกต

ด้านเนติมากับศิวัช ทั้งสองนั่งดินเนอร์อยู่ในเรือหรูกลางแม่น้ำแซนน์ หญิงสาวชื่นชมบรรยากาศอันแสนโรแมนติก พลางเปรยว่า ชอบชีวิตที่ปารีสมาก

“เนติ์ไม่อยากกลับเมืองไทยเหรอจ๊ะ”

เนติ มาถอนใจ ตัดความกังวลเรื่องราวในเมืองไทยในสมอง ก่อนตอบคนรัก “อยากสิคะ ที่นั่นบ้านของเนติ์ เนติ์มีเรื่องต้องกลับไปสะสางที่นั่น”

“พี่ สัญญา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะอยู่ข้างๆ เนติ์ตลอดไป” ศิวัชเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาว แล้วหยิบกล่องแหวนออกมาเปิด เผยให้เห็นแหวนเรียบๆประดับเพชรรูปหัวใจด้านใน

เนติมาเขินอาย ขณะที่ศิวัชพูดอย่างอ่อนโยน “แต่งงานกับพี่นะเนติ์” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ลงมานั่งคุกเข่าตรงหน้าหญิงสาว พลางยื่นแหวนให้

นัก ท่องเที่ยวหันมามองทั้งคู่เป็นจุดเดียว ก่อนช่วยกันปรบมือเชียร์ให้เธอตอบตกลง หญิงสาวสบตากับศิวัชอย่างอายๆ แล้วเอ่ย “มองตาเนติ์สิคะ พี่ศิวัชน่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่คะ”

ศิวัชดีใจมาก หยิบแหวนสวมนิ้วนางข้างซ้ายของเนติมาอย่างนุ่มนวล นักท่องเที่ยวรายรอบต่างปรบมือ แสดงความยินดี

“ขอบคุณนะคะ” เนติมาดึงศิวัชให้ลุกขึ้น

“พี่รักเนติ์นะจ๊ะ” ศิวัชโอบร่างเนติมาเข้ามากอดด้วยความรัก

ooooooo

ขณะที่เนติมาเติบโตมาด้วยความรักของธำรงกับศิวัช แต่อิทธิหาญลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพงษ์-เลิศกลับเติบโตท่ามกลางความชั่ว อย่างสมบูรณ์แบบ

ทายาทมาเฟียถือว่ามีพ่อเป็นผู้ทรงอิทธิพล ไม่มีใครอยากต่อกรด้วย จึงทำตัวเป็นเพลย์บอย บ้ากาม เลือดร้อน ชอบใช้กำลังมากกว่าสมอง พฤติกรรมร้ายๆ สร้างความอิดหนาระอาใจพ่อยิ่งนัก

วัน หนึ่งพงษ์เลิศเรียกลูกชายมาเตือนให้เพลาๆ ลงบ้าง เพราะลูกน้องเพิ่งรายงานว่า อิทธิหาญข่มขืนผู้หญิงแล้วฆ่าพร้อมกับแฟนของเธออย่างเลือดเย็น เนื่องจากไม่พอใจที่ฝ่ายชายโกงเงินในบ่อน แต่ลูกชายตัวดีกลับหัวเราะชอบใจ อ้างว่าไม่มีใครกล้าหือกับลูกนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่อย่างตน

“ใกล้เลือกตั้งแล้ว พ่อไม่อยากให้คนซุบซิบนินทาในทางไม่ดี จะทำให้เสียคะแนน ช่วงนี้แกทำอะไรก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน”

“พ่อกลัวเหรอ”

“พ่อมีลางสังหรณ์ว่าพวกมันจะกลับมา”

“ใคร” อิทธิหาญมองผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย

“ก็ ไอ้เจ้าของบ้านอิสราวัชรที่แกเอาไปทำคลังเก็บอีหนูนั่นไง จำไว้ พวกมันเหมือนงูพิษที่เราตีไม่ตาย วันหนึ่งมันต้องกลับมาแว้งกัดเราแน่” พงษ์เลิศพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ooooooo

วันต่อมา ในกรุงปารีส ระบิลเข้าฝึกศิลปะการต่อสู้กับเพื่อนชาวยุโรปร่างใหญ่เพื่อเตรียมรับงาน บอดี้การ์ด แต่ไม่มีใครสู้เขาได้สักคน ครูฝึกร่างบึ้กเข้ามาชมระบิลและชวนไปเป็นการ์ดส่วนตัวผู้นำประเทศแถวยุโรป ด้วยกัน แต่เขาว่าอยากกลับเมืองไทยมากกว่า

“โอเค ผมเข้าใจ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พบกัน” ครูฝึกเดินแยกออกไป

ระบิล ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนรู้สึกหิวขึ้นมา เขาหันไปมองหาร้านอาหาร พลันชะงักเมื่อเห็นเนติมานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสืออยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มมองอย่างชั่งใจ ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปถามว่า เธอใช่คนไทยหรือเปล่า
เนติมาชะงักมองต้นเสียง เห็นชายหนุ่มยิ้มแฉ่งให้ เธอยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร “สวัสดีค่ะ”

“สุด ยอด ไม่ได้คุยกับคนไทยมาเป็นเดือนจนจะเฉาตายอยู่แล้ว ผมมาเรียนที่นี่ครับ แล้วคุณล่ะ” ระบิลดีใจรีบชวนเธอคุย แต่ศิวัชเข้ามาขัดจังหวะ เขาถามคนรักว่าคุยกับใคร
“คนไทยเหมือนกันค่ะ เขามาเรียนที่นี่เหมือนกัน”

“สวัสดีครับ” ระบิลทัก

ศิวัชยิ้มรับแล้วดึงเนติมาให้ลุกออกไปด้วยกัน เพราะมีงานสำคัญรออยู่ เนติมาหันมาลาระบิล ชายหนุ่มมองตามอย่างเสียดาย เพราะไม่ทันได้รู้ชื่อหญิงสาว และแอบอิจฉาเล็กๆ เมื่อเห็นหนุ่มสาวเดินจูงมือกันออกไป คิดพลางหยิบรูปคนรักออกมาดู

“หนู ไม่ต้องอิจฉาเขานะคะ หนูก็รู้ว่าพี่หวานกว่านั้นได้อีกสามพันเท่า” ระบิลยิ้มมองรูปภาพด้วยความรัก ในจังหวะเดียวกัน สายตาก็ชำเลืองไปเห็นหนังสือของเนติมาที่อ่านอยู่เมื่อครู่วางอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมา แล้ววิ่งตามออกไป เมื่อไม่ทันก็ได้แต่ถอนใจ

ooooooo

ศิ วัชพาเนติมากลับคฤหาสน์หรูของธำรงเพื่อเซอร์ไพรส์วันเกิด หญิงสาวน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันเพราะลืมวันเกิดตัวเองเสียสนิท จากนั้นหนุ่มสาวก็ออกไปหามุมสงบนั่งคุยเรื่องวันวิวาห์

“กลับเมือง ไทยเมื่อไหร่ เราจะแต่งงานกันทันที” ศิวัชเอ่ยกับคนรัก เนติมายิ้มรับมีความสุขที่สุด แต่ไม่ทันเห็นธำรงที่ยืนมองอยู่ไกลๆ อย่างไม่สบายใจนัก

กลางดึกคืนนั้น เนติมาฝันถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อน เธอกรีดร้องเรียกหาพ่อแม่ด้วยความหวาดกลัว

“เนติ์ เนติ์ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” ธำรงกับศิวัชเปิดประตูเข้ามา

เนติ มาสะดุ้งตื่นทั้งน้ำตา เธอบอกสองพ่อลูกว่า ฝันเห็นพวกมันอีกแล้ว ศิวัชเอื้อมมือไปแตะริมฝีปาก “เรื่องมันผ่านไปแล้วนะจ๊ะเนติ์ เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว”

“แต่เมื่อไหร่ที่คนชั่วพวกนั้นยังลอย นวล ฝันร้ายของเนติ์คงไม่จบลงแน่ คุณอาคะ เนติ์อยากกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด” เนติมาพูดอย่างร้อนใจ

ธำรงยิ้มให้กำลังใจเพราะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี

ส่วนที่เมืองไทย พงษ์เลิศออกมาพบกับชลกรสาวเสน่ห์แรงผู้ใช้เรือนร่างเป็นสะพานทอดไปสู่ความ สำเร็จทางธุรกิจ หญิงสาวขอบคุณพงษ์เลิศที่ช่วยชงให้ท่านเขมชาติอนุมัติให้บริษัทของญาติเธอ ได้รับเหมาก่อสร้างโครงการสร้างทาง เพราะได้ผลประโยชน์ตอบแทนจำนวนมหาศาล

มาเฟีย รุ่นใหญ่หัวเราะชอบใจ หันมองเหล่าคนงานซึ่งทำงานอยู่ไม่ห่างด้วยสายตาดูถูก “ต้องขอบคุณไอ้พวกนั้นไง จำไว้นะชลกร คนรากหญ้าพวกนี้เราต้องเลี้ยงไว้ เพราะตราบใดที่มีพวกมันอยู่ คนรากแก้วอย่างเรายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น เฮ้อ สิบปีที่พวกเราผูกขาดบริหารประเทศมานี่ ผมมีความสุขที่สุดเลยรู้ไหมเหมือนเล่นหมากรุกอยู่ข้างเดียว จะเดินเกมให้ใครเป็นใครตายก็ได้ตามใจชอบ สะใจจริงๆ”

“แล้วคุณไม่ห่วงเหรอคะ ว่าวันหนึ่งใครนะคะ จะกลับมา...”

“แล้วคุณคิดว่าผมจะให้มันกลับมาง่ายๆเหรอ ฮึ ถ้ามันอยากกลับมา ก็ต้องนอนมาในโลงกลับมาเท่านั้น”

ooooooo

เช้า วันใหม่ ณ กรุงปารีส ธำรงเรียกศิวัชกับเนติมาออกมาคุยเรื่องกลับเมืองไทย เพราะพรรค การเมืองของเขา พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

“ได้เวลาทวงความยุติธรรมคืนมาแล้วสินะคะ” เนติมามุ่งมั่น แต่ศิวัชต่อรองว่า จะขอแต่งงานกับเนติมาก่อนเริ่มงานการเมือง

ธำรงส่ายหน้าบอกว่าไม่ใช่ตอนนี้ เนื่องจากยังมีภารกิจสำคัญอีกมากต้องกลับไปทำ โดยเฉพาะเนติมา แล้วยกสารพัดเหตุผลมาโน้มน้าว ให้ทั้งสองเลื่อนการแต่งงานออกไปก่อน

ศิ วัชกับเนติมามองหน้ากันรู้สึกไม่สบายใจนัก ธำรงจึงตัดบท “เอาน่า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะจัดงานแต่งงานให้ยิ่งใหญ่สมกับที่อดทนรอคอย ผลไม้สุก มันหอมหวานกว่าผลดิบเปรี้ยวไม่ใช่เหรอ”

ศิวัชกับเนติมาถอนใจพยักหน้ายอมรับในเหตุผล ก่อนศิวัชจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“แต่ถึงยังไง ผมก็ยังอดเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเนติ์ไม่ได้ครับคุณพ่อ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พ่อมีแผนไว้หมดแล้ว” ธำรงพูดด้วยความสบายใจ ขณะที่ศิวัชกับเนติมาชักสีหน้าด้วยความสงสัย

สายวันเดียวกัน ครูฝึกโทร.แจ้งข่าวดีกับระบิลว่า หางานที่เหมาะสมให้ได้แล้ว พร้อมนัดให้ไปพบธำรงนายจ้างที่ริมแม่น้ำแซนน์

“ผมดีใจที่ได้คนมีฝีมืออย่างคุณมาร่วมงานด้วย” ธำรงเข้ามาทักทาย

“คุณธำรงเห็นฝีมือผมจริงๆ คุณอาจน้ำตาตกในก็ได้นะครับ” ระบิลอมยิ้มอารมณ์ดี

“จะใช้งานคนให้เป็น ก็ต้องรู้ศักยภาพของคนๆนั้นก่อนไม่ใช่เหรอ จะทดสอบไหมล่ะ ว่าผมรู้ประวัติคุณดีแค่ไหน”

“โอ๊ยๆ ไม่ต้องครับๆ จริงจังซะขนาดนี้ สงสัยรู้ถึงชื่อปู่ผมแน่ๆ เอาเป็นว่าผมทำงานให้คุณธำรงคุ้มเม็ดเงินแน่ๆ แต่ขออย่างเดียว อย่าให้ผมทำงานผิดกฎหมายก็พอ”

“งานนี้นอกจากไม่ใช่งานผิดกฎหมายแล้ว คุณยังจะมีส่วนร่วมทำให้แผ่นดินไทยสูงขึ้นด้วย”

“แหม ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในหนังซุปเปอร์ฮีโร่แล้วนะครับนี่ อ้อ แล้วจะให้ผมเริ่มงานคุ้มครองท่านเมื่อไหร่ครับ”

“ทันที ที่เท้าเราสัมผัสแผ่นดินไทย อ้อ ผมลืมบอกไป คุณไม่ต้องมาคุ้มครองอะไรผมหรอกนะ โน่นคนที่คุณจะต้องคุ้มครองมาโน่นแล้ว” ธำรงมองออกไป

ระบิลมองตามไป พลันชะงัก เมื่อเห็นเนติมาเดินจูงมือมากับศิวัช ทั้งสามจำกันได้ ศิวัชบอกพ่อว่า เคยเจอระบิลที่ร้านอาหาร ธำรงยิ้มชอบใจก่อนแนะนำให้เนติมากับศิวัชรู้จักกับระบิลอย่างเป็นทางการอีก ครั้งในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของเนติมา

ooooooo

ในตอนเย็น ระบิลนัดเนติมากับศิวัชออกมาพบที่ร้านกาแฟเพื่อคืนหนังสือให้ เนติมาดีใจมาก ศิวัชลูบหัวคนรักอย่างอ่อนโยนพลางล้อว่า เป็นโชคดีของตนที่ไม่ต้องตระเวนหาซื้อมาคืนให้เพราะหนังสือหายากมาก

ระบิล เห็นทั้งสองหวานใส่กันก็อดแซวไม่ได้ “ท่าทางงานนี้ผมทำงานไป ตาคงร้อนผ่าวๆไปแน่ๆ เพราะเป็นโรคขี้อิจฉาเวลาคนมาสาดความหวานกันตรงหน้าน่ะ อย่าคิดมาก เดี๋ยวผมปิดตาก็ได้”

ศิวัชกับเนติมาหันมายิ้มให้กัน แล้วสาวเจ้าก็ชวนคนรักขึ้นไปดูวิวบนหอไอเฟล เพื่อบอกลา เธอยังใจดีชวนระบิลไปด้วย แต่ยังไม่ทันได้ออกจากร้าน ธำรงก็โทร.ตามศิวัชให้กลับไปประชุมงานด่วน

เนติมาหน้าจ๋อยเสียดายโอกาสดีๆ ศิวัชไม่อยากให้คนรักผิดหวัง เขาขอให้ระบิลพาเนติมาไปชมหอไอเฟลแทน

“ทริ ปพาแฟนเจ้านายเที่ยวนี่ไม่ใช่หน้าที่บอดี้–การ์ด แต่ผมถือว่าเป็นโปรโมชั่นเสริมแถมให้ก็แล้วกันนะคุณ” ระบิลหันมาล้อ แล้วจะเดินไปซื้อตั๋วขึ้นลิฟต์ แต่เนติมารั้งไว้
ขอขอบคุณจาก thairath.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น