วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 วันที่ 20 ส.ค. 55

ในระหว่างที่แดงนอนป่วย ทั้งธีระและกบจะช่วยกันดูแล ธีระช่วยป้อนข้าวและพูดให้กำลังใจเธอตลอด เธอถึงกับน้ำตาคลอฝากดูแลลูกถ้าตนเป็นอะไรไป กบเดินเข้ามาบอกว่าพรุ่งนี้คุณหมอให้กลับบ้านได้ พอเห็นแดงร้องไห้ก็ชะงักรีบถามร้องไห้ทำไม

“ไม่มีอะไรพี่กบ แดงแค่คิดถึงลูก” แดงปาดน้ำตาบอกสามีไม่ให้ตกใจ

ไม่ทันไร ไตรตั้นเปิดประตูวิ่งเข้ามากอด “แม่ ตั้นคิดถึงแม่”

“นี่ลูกมากับใคร” กบถามด้วยความแปลกใจ

พลัน จินดาเดินตามเข้ามาด้วยไม้เท้าสามขา ทุกคน ตกตะลึง สายตาที่เธอเห็นแดงหัวโล้นถึงกับอึ้งน้ำตาไหลรินเดินเข้ามาใกล้เตียง “นี่ลูกเป็นอะไร บอกแม่สิลูก ว่าลูกเป็นอะไร...”

แดงลุกขึ้นโผกอดแม่ ร้องไห้โฮ จินดาเขย่าลูกสาวถามย้ำ กบตอบแทนอย่างยากลำบากว่าแดงเป็นเนื้องอกในสมอง จินดาหน้าเสียโวย “แล้วทำไมพวกแกไม่บอกฉัน”

“ผมขอโทษครับ เราแค่ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ” ธีระถลาเข้าจับแขนแม่

“แม่อย่าไปว่าพี่กบกับธีเลยนะ หนูเป็นคนบอกพวกเขาเองว่าอย่าบอกแม่ หนูไม่อยากให้แม่กลุ้มใจ”

“แต่แกเป็นลูกแม่นะ มันเป็นหน้าที่ของแม่ ที่จะต้องรู้ว่าลูกมีทุกข์ มีสุขยังไง”

ทุก คนกล่าวขอโทษ จินดาถามว่าหมอมีทางรักษาให้หายใช่ไหม แดงพยักหน้าช้าๆก่อนจะเอื้อนเอ่ยว่าต้องใช้เวลา จินดาน้ำตาร่วง กอดลูกสาวอย่างมีความหวัง

“ช่างมันเถอะลูก จะนานแค่ไหนก็ขอให้มันหาย ลูกต้องอดทนนะแดง แม่จะอยู่กับลูก ลูกของแม่จะต้องหาย”
“ไม่ต้องห่วงครับแม่ พรุ่งนี้หมอให้พี่แดงกลับบ้านแล้ว” ธีระบอกปั๊บ ไตรตั้นโดดร้องดีใจ

ooooooo

วัน นั้นทั้งวัน จินดาเฝ้าดูแลป้อนข้าว เช็ดตัวให้แดงจนหลับ เธอก้มลงจูบหน้าผากลูกอย่างรักและห่วงใย พึมพำ “ขอให้คุณพระคุ้มครองลูกของแม่ด้วย ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ลูกของแม่ปลอดภัย ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูก ขอให้แม่รับเคราะห์นั้นแทนลูกด้วยเถิด”...

กบออกมายืนเหม่อคิดเศร้าๆ ธีระเข้ามาชวนไปทานข้าว เขาส่ายหน้าว่าไม่หิว ธีระเห็นสายตามีความกังวลของพี่เขยจึงถามว่ามีอะไร

“ถ้า พี่เล่าอะไรให้ฟัง สัญญาว่าจะไม่บอกแดงกับแม่นะ” ธีระรับปาก กบเล่าว่า “เมื่อกี้พี่คุยกับหมอ หมอบอก ว่าอาการของแดงไม่ดีขึ้น ให้คีโมไปแล้วมันยังไม่ได้ผลที่พอใจ”

“มันคงต้องใช้เวลามั้งพี่กบ”

“แต่พี่กลัวจังเลย พี่กลัวว่าหมอจะรักษาแดงไม่หาย”

“ไม่นะพี่กบ ผมว่าต้องหาย”

“นายก็รู้ คนที่เป็นโรคนี้เปอร์เซ็นต์ที่หายน้อยมาก ถ้าแดงเป็นอะไรไป พี่ไม่รู้จะอยู่ยังไง”

กบ น้ำตาไหลริน จินดาเดินเข้ามาด้านหลังโพล่งขึ้นว่า “แดงต้องไม่เป็นอะไร” เธอจับแขนลูกเขย “กบฟังแม่นะ เมียแกต้องหาย แกจะอ่อนแอไม่ได้นะ แกยังมีไตรตั้นที่ต้องดูแล เราทุกคนต้องเข้มแข็ง”

“ใช่ พี่กบ เราทุกคนต้องเป็นกำลังใจให้พี่แดงนะ” ธีระเห็นด้วยกับแม่

“เชื่อแม่ แดงจะต้องหาย แดงจะไม่เป็นอะไร”

กบโผกอดจินดาร่ำไห้ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ธีระมองน้ำตาซึม...
เย็นวันนั้น ธีระนั่งดื่มกาแฟมุมหนึ่งในโรงพยาบาล ครุ่นคิดถึงความรักของแม่ ของพี่เขยที่มีต่อพี่สาว ทำให้เขาอยากร้องไห้แต่พยายามสะกดกลั้นไว้ หนูดีเดินเข้ามาทัก

“พาคุณป้ามาหาหมอหรือคะ”

“เปล่าหรอก มาเยี่ยมพี่สาวน่ะ”

“ที่เป็นเนื้องอกในสมองน่ะหรือคะ”

ธี ระพยักหน้าแล้วถามเธอถึงโรคนี้มีโอกาสหายไหม หนูดีตอบว่า เคสของแดง รุ่นพี่พยาบาลคุยกันว่ามีโอกาสหาย ธีระถามย้ำโรคนี้หายขาดได้ด้วยหรือ

“ค่ะ อย่างแม่หนูดีก็เคยเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนั้นหนูดียังเรียนมัธยมอยู่เลย แต่แม่ก็ยังอยู่มาได้ทุกวันนี้นะคะ”

“เหรอ แล้วคุณแม่คุณรักษาที่ไหน”

“ก็ โรงพยาบาลรัฐนี่แหละค่ะ หนูดีว่าพี่สาวคุณธีน่าจะหายนะคะ เดี๋ยวนี้การรักษาและการให้ยาก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ ยิ่งคุณธีมีสตางค์ หนูดีว่าโอกาสที่จะหายก็มีสูงนะคะ” สีหน้าธีระตื่นเต้น หนูดีจึงย้ำ “แต่อยู่ที่กำลังใจของคนป่วยด้วย ตอนที่แม่หนูดีรู้ว่าเป็นมะเร็ง แม่เข้มแข็งมาก แม่บอกว่าแม่จะตายไม่ได้ ท่านจะต้องอยู่จนหนูดีเรียนจบแล้วได้แต่งงาน”

“แม่คุณคงรักและเป็นห่วงคุณมาก”

“ค่ะ เรามีกันแค่สองคน”

“แล้วคุณพ่อล่ะ”

“พ่อเสียตั้งแต่หนูดีสามสี่ขวบแล้วค่ะ” สายตาหนูดีเศร้าลง

ธีระขอโทษ พอดีมีคนโทร.มาตาม เขาจึงขอตัวลุกจะเดินไป หนูดีเรียกเขาไว้

“เดี๋ยวค่ะคุณธี หนูดีอยากจะบอกว่า คุณป้ารักคุณธีไม่น้อยกว่าแม่หนูดีนะคะ”

ธีระชะงัก มองเธอยิ้มๆ “ขอบใจ อ้อ แล้วก็ขอบใจอีกเรื่อง”

“เรื่องอะไรคะ”

“เรื่องของแม่คุณ ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย” ธีระยิ้มให้อย่างจริงใจ

หนูดีิยิ้มรับ มองเขาเดินไปตาเยิ้ม

ooooooo
ooooooo
ด้วยความที่เห็นลูกป่วย จินดาจึงฝืนสังขารลุกขึ้นมาทำอาหารบำรุงจะเอาไปให้ลูก ไม่วายเกิดหน้ามืดจะเป็นลม ดีที่พวกช้อยแวะมาเยี่ยมเข้าประคองไว้ได้ทัน ถามว่าเป็นอะไร

“เปล่า จะหยิบขวดน้ำตาล แต่ตามันพร่า”

ใหญ่ช่วยหยิบส่งให้ พอทุกคนเห็นว่าต้มซุป ภาแซว “แหม ทำไมรักตาธีเหลือเกิน นี่ตัวเองไม่สบายยังจะทำกับข้าวให้ลูกกินอีก”

“ไม่ใช่ธีหรอก จะทำไปให้แดง”

ใหญ่ ช้อย และภาติงว่า นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะแดงมีลูกมีผัวแล้ว หากินเองได้ ห่วงตัวเองที่กำลังไม่สบายอยู่จะดีกว่า จินดาโพล่งขึ้น ตนอยากตาย ทุกวันนี้ไม่อยากอยู่แล้ว

“จะรีบหนีไปไหน อยู่ด่าพวกฉันอีกซักพักนึง เถอะ” ภากระเซ้า

จินดาถอนใจ “เฮ้อ เห็นลูกเป็นอย่างนี้แล้วไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรอก”

“ทำไม กัปตันได้เมียใหม่อีกแล้วหรือ” ใหญ่หยั่งเชิง

จินดา ค้อนเพื่อนๆก่อนจะบอกว่า ไม่ต้องปิดบัง ตนอีก ตนรู้เรื่องของแดงแล้ว พวกช้อยหน้าเจื่อนรู้ได้อย่างไร เธอตอบว่าเมื่อวานไปเยี่ยมถึงได้กลับมาต้มรากบัวให้ สามคนรีบขอโทษ

“พูดแล้วก็สงสารแดงมันนะ ไม่น่ามารีบด่วนจากไปเลย” ช้อยเปรย

“พี่ช้อย ทำไมพูดยังงั้น แดงมันยังไม่ตายนะ” ภาเอ็ด

ช้อยแก้ตัวหมายถึงในไม่ช้า “ก็มันจริงมั้ยล่ะ คนเป็นมะเร็งกี่รายที่รอด เห็นตายทุกคน”

“จะว่าไปก็จริงของพี่ช้อยนะ พี่จินก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง จะได้ไม่เสียใจภายหลัง”

จินดาน้ำตาร่วง “ถ้ามีอะไรทำให้ฉันแลกชีวิตกับลูกได้ ฉันก็ยอมนะ เพราะฉันคงทนเห็นลูกตายไม่ได้”

ใหญ่ ตำหนิช้อยไม่น่าพูดให้จินดาเสียใจ ภาโอบกอดปลอบใจจินดา...หลังจากต้มรากบัวเสร็จ พวกช้อยก็พาจินดาเอามาให้แดงที่บ้าน และเฝ้าดูแดงทานอย่างห่วงใย แดงชมว่าอร่อยมาก

“นี่แม่ยังเหลืออีกครึ่งหม้ออยู่ในตู้เย็นนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปเยาวราชกับพวกป้าช้อย จะไปคุยกับซินแส ว่ามีอะไรที่ต้มให้ลูกกินแล้วดีขึ้น”

แดงท้วงว่าอย่าเลยเพราะแม่ก็ยังป่วย ใหญ่รีบบอกว่า จะดูแลอย่างดี อยากให้จินดาออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่บ้านจะไม่แข็งแรง

ธีระเพิ่งคุยโทรศัพท์กับหมอเสร็จ เดินเข้ามาเพื่อบอกแดงให้อาบน้ำแต่งตัวไปหาหมอที่เคยรักษาเพื่อนตนจนหาย จินดาดีใจรีบถามว่า

“หมอคนนี้เขาเก่งใช่มั้ยลูก จะช่วยพี่แดงได้ใช่มั้ย”

“ต้องให้เขาตรวจอาการก่อนครับแม่”

ภา บอกกบว่าดีแล้วที่ไม่ยึดรักษากับหมอคนเดียว ใหญ่กับช้อยเสนอ ถ้าไม่หายให้หันมากินยาหม้อของหลวงปู่ ที่เพชรบุรี จินดาว่าอะไรก็ได้ ขอให้ลูกสาวหายเป็นพอ ธีระสบตากับกบ รู้ซึ้งถึงความห่วงใยของแม่...

ใน ห้องหมอที่ธีระกับกบพาแดงมารักษา หมอตรวจเช็กแล้วอธิบายให้ทั้งสามฟังก่อนจะรับการรักษาต่อไป “ยาตัวใหม่ที่หมอจะให้ หมอก็ไม่รับรองว่าจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ แต่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการทดลองมันก็ได้ผลดี แต่อาจมีผลข้างเคียงและราคาสูงมากด้วย”

แดงมองหน้ากบเศร้าๆ กบรีบบอก “เรื่องเงินผมไม่มีปัญหาครับขอให้ภรรยาผมหาย”

หมอยิ้มลุกนำออกไป กบปลอบแดงไม่ต้องกลัว เธอยิ้มจางๆ

“ขอให้พี่กบอยู่ข้างๆ แดงไม่กลัวหรอกค่ะ”

แดงสบตาธีระ เขายิ้มให้กำลังใจ เธอเดินตามหมอออกไป ธีระให้กำลังใจกบ อย่างน้อยก็ยังมีหวัง กบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย...

แดงเข้าไปนอนในห้องที่ให้ยา กบกับธีระรอลุ้นอยู่หน้าห้อง เวลาผ่านไป หมอออกมาบอกสองหนุ่มว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ คงต้องนอนพักฟื้นเพื่อดูอาการ”

ทั้งกบและธีระหันมายิ้มให้กำลังใจกันและกัน...

ooooooo

ด้านจินดาที่รอฟังข่าวลูกอยู่ที่บ้าน หนูดียกน้ำและยามาให้ทาน ขอวัดความดัน เธอมองหนูดียิ้มๆก่อนจะถาม

“หนูเป็นพยาบาลมากี่ปีแล้วลูก”

“ยังไม่ถึงปีเลยค่ะ”

“แล้วทำไมถึงอยากเป็นพยาบาล”

“ตอนหนูเด็กๆแม่หนูไม่สบายบ่อยๆ ไม่มีใครดูแลแม่ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูโตขึ้นหนูได้เป็นพยาบาล เวลาแม่แก่หนูจะได้ดูแลแม่ได้”

“หนูนี่น่ารักจังนะ ถ้าฉันเป็นแม่หนู ฉันคงดีใจมากที่มีลูกกตัญญูแบบหนู”

“แต่คุณป้าก็โชคดีนะคะ เพราะคุณธีเขารักและเป็นห่วงคุณป้ามาก”

“ใช่ ใครๆก็บอกว่าฉันโชคดีที่มีลูกชายเป็นคนดี รักและห่วงใยดูแลแม่...สมัยเขาเด็กๆนะ เวลาฉันไปทำผม เขาต้องไปนั่งรออยู่กับฉัน ไปไหนไม่ได้ ตามติดแม่ยังกะตังเม ส่วนพี่เขาก็เหมือนกัน รักแม่รักน้อง พอพ่อตายเขาก็ดูแลน้องดูแลแม่มาตลอด เฮ้อ... ไม่น่าโชคร้ายมาเป็นมะเร็งเลย” จินดาเล่าไปน้ำตาคลอเบ้า

“คุณป้าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลูกคุณป้าเป็นคนดี หนูเชื่อว่าพระต้องคุ้มครองค่ะ”
จินดายิ้มที่ให้กำลังใจ พอธีระเดินเข้ามา เธอรีบถาม ถึงแดงอย่างห่วงใย เขาบอกให้แม่สบายใจว่าเรียบร้อยดี หมอให้ยาตัวใหม่ต้องนอนพักฟื้นรอดูผลของยา เขาชูถุงในมือ

“ผมซื้อขนมจีบซาลาเปามาให้แม่ครับ เดี๋ยวผมใส่จานให้” ธีระถือถุงเดินเข้าครัว

จินดาวานหนูดีเข้าไปช่วยธีระ ส่วนเธอนั่งพนมมือขอคุณพระคุณเจ้าช่วยให้ลูกสาวหาย

หนูดีเข้ามาช่วยธีระแกะของใส่จาน เขาส่งกล่องหนึ่งให้เธอพร้อมกับบอกว่า ฝากไปให้แม่ที่บ้าน

“ผมเห็นว่าเจ้านี้อร่อย คุณแม่คุณคงชอบ”

หนู ดีไหว้ขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของเขา เธอช่วยแกะราดหน้าใส่จาน และจัดเรียงซาลาเปา ขนมจีบลงบนจาน จินดาชะเง้อมองลูกชายคุยกับหนูดี ท่าทางยิ้มแย้ม พอเธอยกจานมาวางให้จึงถามขึ้นว่า

“คุยอะไรกับลูกชายฉัน”

“อ๋อ คุณธีเขาซื้อขนมจีบซาลาเปาฝากแม่หนูน่ะค่ะ”

จินดาพยักหน้ารับรู้ หนูดีกลับไปช่วยธีระยกของ จินดามองตามอย่างครุ่นคิด...

หลังทานอาหารเสร็จ ธีระยกน้ำชามาให้จินดาซึ่งนั่งดูทีวีอยู่ เธอจับมือลูกมาหอมอย่างรักและภูมิใจ

“แม่ขอถามอะไรอย่าง อย่าโกหกแม่นะ”

ธีระรับคำยิ้มๆ เธอถามว่าตอนนี้เขามีใครอยู่ในใจหรือเปล่า เขาชะงักย้อนถาม หมายถึงผู้หญิงหรือ เธอตอบว่าใช่

“ผมบอกแม่ตามตรงนะครับ ไม่มี แล้วผมก็คิดว่าผมจะไม่มีใครอีกต่อไปแล้ว”

“เป็นเพราะแม่ใช่มั้ย แม่ขอโทษนะที่แม่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกต้องเลิกกับผู้หญิงทุกๆคน”

“ไม่ หรอกครับแม่ แม่อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถึงผมแต่งงานกับใครซักคนไป บางทีผมอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ ถ้าผมต้องทิ้งให้แม่อยู่ตามลำพัง” ธีระยิ้มให้แม่สบายใจ

“แต่แม่รู้ว่าลูกของแม่ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก ลูกจะไม่มีวันทอดทิ้งแม่ แม่รู้”

ธีระจับมือจินดามาหอม เธอมองลูกชายอย่างรู้สึกผิด

“จาก นี้ไป ถ้าลูกจะรักจะชอบใคร แม่ก็จะไม่ขัดขวางลูกอีกต่อไปแล้ว...แม่พูดจริงๆนะ แม่มาคิดๆดู แม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับลูกได้อีกนานแค่ไหน”

“อย่าพูดยังงั้นสิครับแม่ แม่ต้องอยู่กับผมไปถึงร้อยปี”

“เมื่อ ก่อนแม่ก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น แต่พอเกิดเรื่องกับแดง ทำให้แม่ได้สติ ได้รู้ว่าแม่ไม่ควรเห็นแก่ตัวผูกมัดลูกๆไว้กับตัวเอง...เมื่อก่อนแม่คิดว่า มีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่รักลูกๆมากที่สุด แต่พี่เขยของลูก ทำให้แม่รู้ว่ายังมีคนที่รักแดงมากเท่าๆกับที่แม่รัก...ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกก็ควรจะได้เจอใครที่เขารักลูกเท่ากับแม่ หรือบางทีเขาอาจจะรักลูกมากกว่าแม่ก็ได้”

“ไม่มีหรอกครับแม่ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครรักผมมากไปกว่าแม่” ธีระมองแม่น้ำตารื้น

จินดา ดึงลูกชายมากอด หนูดียืนมองภาพความรัก ของสองแม่ลูกอย่างตื้นตัน ก่อนจะเดินเข้ามาลากลับ จินดาเห็นว่าค่ำมืดแล้วจึงขอให้ธีระไปส่ง

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับเองได้”

“อย่าเลย ให้พี่เขาขับไปส่งปากซอยแล้วกัน ค่ำๆ มืดๆป้าไม่อยากให้ออกไป ไม่ปลอดภัย”

หนูดีไม่อาจปฏิเสธได้ ขณะที่นั่งมาในรถ เธอประหม่า วางตัวไม่ถูก ธีระถามขึ้นว่าบ้านอยู่ที่ไหน เธอตอบตะกุกตะกัก

“ประชาชื่นค่ะ เอ่อ...เดี๋ยวคุณธีจอดปากซอยได้เลยค่ะ”

“ไม่เป็นไร ผมขับไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า” ธีระเห็นเธอเกร็ง จึงเปิดเพลงให้ผ่อนคลาย

หนูดีแอบมองอมยิ้ม พอเขาหันมามองก็รีบหันกลับทำเฉย...

ooooooo

ธีระขับรถไปตามทางที่หนูดีบอกจนใกล้ถึงบ้าน เห็นรถตำรวจจอดหน้าบ้าน เปิดสัญญาณไฟ

“มีเรื่องอะไรกัน มีรถหวอด้วย” ธีระรีบถามหนูดี

“นั่นสิคะ สงสัยใครจะมีเรื่องกัน ขอบคุณนะคะ” หนูดียกมือไหว้แล้วลงจากรถ

ป้าจิตเพื่อนบ้านเห็นหนูดีรีบร้องเรียก “หนูดี...เอ็งมาก็ดีแล้ว แม่เอ็งโดนซ้อมปางตาย”

“หา!...แม่...” หนูดีตกใจวิ่งไป ธีระได้ยินรีบตาม...

หนูดีเห็นแม่นั่งอยู่ท้ายกระบะตำรวจ หน้าตาปูดบวม ชาวบ้านช่วยกันปฐมพยาบาล

“แม่...นี่แม่เป็นอะไรคะเนี่ย”

“ไม่มีอะไรลูก” แม่ไม่อยากบอก

“แล้วทำไมหน้าตาแม่เป็นอย่างนี้ล่ะคะ”

“นิดหน่อยลูก ไป เข้าบ้านเถอะ” แม่ขยับลงจากรถตำรวจ

“เดี๋ยวนะครับ ต้องไปให้ปากคำที่โรงพักก่อน” ตำรวจเข้ามากัน

หนู ดีรีบถามว่ามีเรื่องอะไร ตำรวจบอกเธอว่า มีคน มาทำร้ายแม่เธอ น่าจะเป็นพวกเจ้าหนี้นอกระบบ แม่หน้าเสียปฏิเสธว่าตนไม่เอาเรื่อง แต่ตำรวจกลับตอบว่า

“ถึงคุณไม่เอาเรื่อง แต่ก็ต้องไปให้ปากคำครับ มันเป็นคดีอาญา”

“งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ” หนูดีขอร้อง

ตำรวจเห็นใจ ยอมขึ้นรถกลับไป ป้าจิตเตือน

หนูดีต้องแจ้งความ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะกลับมาทำอีก แม่รีบบอกตนจะไปเคลียร์กับเสี่ยวิทย์เอง...หนูดีเงยหน้ามาเห็นธีระก็ตกใจ

ธีระขยับเข้าใกล้  “ผมว่าคุณพาแม่ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่ามั้ย”

“นี่คุณธีค่ะแม่ ที่หนูไปดูแลคุณแม่ให้เขา” หนูดี แนะนำ

“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”

“แต่ผมว่าควรไปให้หมอเขาดูซะหน่อยนะครับ”

หนูดีขอร้องแม่ ไปเอกซเรย์ดูหน่อย ธีระอาสาไปส่ง หนูดีพยุงแม่เดินไปขึ้นรถ

ooooooo
ระหว่างนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน หนูดีมาขอบคุณธีระที่ทำให้ต้องเสียเวลา แต่เขากลับบอกเธอว่า ทีเธอ ยังช่วยดูแลแม่ของเขา หนูดีเกรงใจ

“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณธีกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณป้าจะเป็นห่วง อีกสักพักหนูดีจะพาแม่กลับบ้านเอง”

“ผมโทร.บอกคุณแม่แล้ว ว่าเดี๋ยวส่งคุณแล้วผมจะกลับ”

หนูดีเกรงใจขอพาแม่กลับเอง แต่ธีระไม่ยอม เธอจึงขอตัวไปจ่ายค่ารักษา เขากลับบอกว่า

“ไม่ต้องหรอก ผมจ่ายให้แล้ว”

หนู ดีตกใจรีบหยิบกระเป๋าสตางค์จะคืนเงิน ธีระส่ายหน้า “อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณเลยนะ เมื่อกี้ผมได้ยินที่ตำรวจคุยกับคุณ แม่คุณเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่”

“ประมาณสามแสนน่ะค่ะ”

“พรุ่งนี้ผมจะให้คุณยืมเงินไปใช้หนี้ก่อนสามแสน เมื่อไหร่ที่คุณมีค่อยมาทยอยใช้ผม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้หนูดีจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“คุณจะจัดการยังไง คุณมีเงินหรือ”

หนู ดีอึกอัก ธีระขอโทษที่พูดตรงๆ และยํ้าว่าไม่ได้ให้เธอฟรีๆ เพียงแต่ต้องการให้เรื่องมันจบ เธอกับแม่จะได้ปลอดภัย และมีเวลาดูแลแม่ตนได้อย่างสบายใจ หนูดีคิดสักพักก่อนจะยอมตกลง เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง พอดีพยาบาลมาตามให้เธอไปฟังผลกับหมอ...

ooooooo

ธี ระขับรถกลับมาส่งหนูดีกับแม่ที่บ้าน เธอประคองแม่เข้ามานั่งบนเตียง และจัดที่ทางจะให้นอน แม่เปรยขึ้นว่าธีระเป็นคนดี อุตส่าห์ไปรับไปส่ง

หนู ดีเผลอยิ้ม “ใช่จ้ะ เขาดีมากเลย นี่เขายังออกค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยนะแม่ แล้วพรุ่งนี้เขาจะเอาเงินให้เรายืมสามแสน ไปใช้หนี้เสี่ยวิทย์”

แม่แปลกใจ “จริงหรือลูก ทำไมเขาถึงดีกับเรา หรือว่า...”

“หรือว่าอะไรแม่...”

“หรือว่าเขาชอบลูก ถึงเอาเงินมาซื้อลูก”

“ไม่ ใช่หรอกแม่คิดมากไป คุณธีเขาเพียงแต่ต้องการให้หนูดูแลแม่เขาให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สิน และอีกอย่างเขาให้ยืมนะแม่ ไม่ได้ให้เปล่าๆ”

“ถ้ายังงั้นก็แล้วไป แม่นึกว่าเขาจะเอาเงินมาซื้อลูก”

หนูดีพูดติดตลก  “แต่จะว่าไปนะ  ถ้าเขาซื้อจริงๆ

แม่ไม่ชอบหรือ คุณธีเขามีเงินนะ แถมยังหล่ออีกด้วย”

“นี่ลูกชอบเขาหรือ”

“เปล่าแม่...หนูดีแค่อำเล่น เอาล่ะแม่นอนนะ หนูจะไปอาบนํ้า”

หนูดีเข้ามาในห้อง ยืนมองตัวเองในกระจก ถามตัวเองว่า ถ้าเขาชอบตนจริง ตนจะชอบเขาได้ไหม ว่าแล้วก็หัวเราะที่ตัวเองเพ้อเจ้อไปกันใหญ่

ooooooo

เช้า วันรุ่งขึ้น ธีระนำซองเงินมามอบให้แม่หนูดี เธอถึงกับจะกราบขอบคุณ เขารีบห้ามและยํ้าไม่ต้องกังวลหรือรีบหามาคืน มีเมื่อไหร่ค่อยทยอยใช้ หนูดียกมือไหว้เขาแทนแม่ เขาย้อนถามว่าไม่มีหนี้ที่ไหนอีกใช่ไหม

“ไม่ มีแล้วค่ะ หนี้ก้อนนี้มันก็เป็นมานานแล้ว ความจริงฉันยืมเขามาแค่แสนเดียว ส่งหนูดีเรียน แต่นี่เขารวมดอกเบี้ยทบไปทบมา กลายเป็นสามแสน เลยใช้ไม่หมดซะที”

“เอาล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องลา” ธีระพยักหน้ารับรู้

“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หนูดีไปส่งท่านสิ”

“ไม่ ต้องหรอกครับ แล้วเย็นนี้คุณจะไปดูแลแม่ผมไหม” ธีระหันมาถามหนูดี เธอตอบว่าไป เขาจึงบอกว่าเย็นนี้เจอกันแล้วยกมือไหว้แม่เธออย่างอ่อนน้อม

พอธีระกลับไป แม่ของหนูดีซาบซึ้งนํ้าใจของเขา หันมาเตือนลูก ตั้งใจดูแลแม่ของธีระให้ดี อย่าทำให้เขาผิดหวัง เธอรับคำ

เมื่อ เลิกงาน หนูดีมาดูแลจัดอาหารให้จินดา และทุกๆวันเธอจะอ่านหนังสือให้ฟัง เจาะเลือดเช็กค่านํ้าตาล วัดความดัน ปรนนิบัติจินดาเป็นอย่างดี บางวันก็ได้เจอธีระกลับจากบินเข้ามากอดหอมแม่ ทำให้เธอซาบซึ้งความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อแม่อย่างมาก

ooooooo

หลาย วันผ่านไป ผลการรักษาของแดงเป็นที่น่าพอใจ หมอแจ้งให้ทราบว่าเซลล์มะเร็งลดลงเหลือแค่ศูนย์จุดสามเปอร์เซ็นต์ ทุกคนดีใจมาก หมอยํ้าถึงอย่างไรก็ยังไม่หายขาด ต้องให้ยาไปเรื่อยๆ อย่าให้ร่างกายอ่อนแอ มันอาจจะกลับมาอีก แดงรับปากจะดูแลตัวเองให้ดี

กบพาแดงมาบอกข่าวจินดาที่บ้าน เธอกอดลูกสาวด้วยความดีใจ ยกมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หนูดีพลอยดีใจไปกับครอบครัวนี้...

ธี ระพาครอบครัวมาพักผ่อนชายทะเล และขอให้หนูดีลาพักร้อนมาด้วย ทีมสามสาว ใหญ่ ภา และช้อยไม่พลาดที่จะมาเที่ยวร่วมทีม สีหน้าทุกคนมีแต่ความสุข จินดานั่งอยู่บนวีลแชร์ เฝ้ามองความสุขของลูกหลาน หนูดีนำยามาให้ทาน

“ขอบใจลูก มาทะเลสนุกมั้ย”  จินดาถามอย่างเอ็นดู

“สนุกค่ะ ตั้งแต่เรียนจบก็เพิ่งได้มานี่แหละค่ะ”

“แล้วปีนี้หนูอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบสี่ค่ะ”

จินดา หยั่งเชิงถามมีแฟนหรือยัง เธอตอบอายๆว่ายัง จินดาจึงว่าหมอที่โรงพยาบาลตาถั่วทั้งหมดแล้วหัวเราะ สามสาวเข้ามาแปลกใจคุยอะไรกันถึงหัวเราะเสียงดัง จินดาว่าหมอที่โรงพยาบาลตาถั่วถึงไม่มีใครมาจีบหนูดี

ภาแย้งว่าหนูดีอาจจะไม่สนใจใครเลยมากกว่า หนูดีรู้สึกเขินรีบขอตัวลุกหนี ธีระเดินสวนเข้ามา

“อ้าวหนูดี ถ้าอยากจะเล่นน้ำก็เล่นได้นะ เดี๋ยวผมจะดูแม่เอง”

หนู ดีปฏิเสธเดินหนีหน้าแดง ธีระงงๆร้องบอกให้เธอช่วยหยิบเสื้อหนาวของจินดามาให้ด้วย ภากระซิบถามใหญ่กับช้อย ว่าธีระจะชอบหนูดีไหม ใหญ่ว่าไม่ เพราะหนูดีดูเด็กเกินไป แฟนแต่ละคนของธีระทั้งสวยและโตกว่านี้ แต่ช้อยไม่เห็นด้วย

“ฉันว่า กัปตันอาจจะชอบนะ แต่ไม่แสดงออก”

ภาฉงน ช้อยขยายความว่า “ขืนแสดงออกก็...” ช้อยชำเลืองมองไปทางจินดา

“ทำไม จะบอกว่านายธีกลัวฉันหรือ” จินดาโวยใส่

“อ้าวพี่จิน แล้วที่ผ่านๆมา พี่จินยิ้มรับว่าที่ลูกสะใภ้ซะที่ไหนล่ะ” ใหญ่โต้

จินดา ถอนใจบอกเพื่อนๆว่านั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ตนไม่กีดกันใครอีกแล้ว พวกช้อยตื่นเต้นไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างจินดาจะยอมแพ้ง่ายๆ ใหญ่เปรยคนใกล้ตายมักจะคิดได้

“ถูกของแม่ใหญ่ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง ขืนฉันยังกีดกันลูก วันหนึ่งที่ฉันตายขึ้นมาก็จะไม่มีใครรักและห่วงใยลูกแทนฉัน”

พวกช้อยไชโยดีใจกันยกใหญ่ กบกับแดงเดินเข้ามามองงงๆว่าหัวเราะอะไรกัน

มื้อ เย็นวันนี้เป็นมื้อที่จินดารู้สึกมีความสุขมาก เห็นลูกทั้งสอง ลูกเขย หลาน และเพื่อนๆ ร่วมทานอาหารอย่าง สนุกสนาน ต่างถ่ายรูปร่วมกัน โดยมีหนูดีเป็นคนถ่ายให้

ตกดึก ธีระพาจินดาเข้านอน เขาถามอาการแม่อย่าง ห่วงใย เธอตอบว่าเหนื่อยนิดหน่อย

“พรุ่งนี้เช้าผมจะพาแม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ”

“ลูกตื่นไหวหรือ”

ธีระบอกไหว ตนอยากให้เธอได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ มันสวยมาก จินดาพยักหน้ายิ้มๆ ดึงมือลูกชายมาหอม

“ขอบใจที่ลูกเป็นลูกที่ดีของแม่”

“คงเป็นเพราะความรักที่แม่มีให้กับผม ไม่เคยเสื่อมคลายมั้งครับ”

“ก็เพราะลูกทั้งสองคือลมหายใจของแม่” จินดาหอมมือลูกชายอีกครั้ง

ธีระก้มลงจูบหน้าผากแม่ “ฝันดีนะครับ...”

จินดามองลูกชายเดินออกไปอย่างมีความสุข เธอ ค่อยๆหลับตาลงด้วยใบหน้ายิ้มละไม

ooooooo



source: thairath.co.t

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น