วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครนางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 12

พอเดินลับตาคนอื่นออกมาได้ไม่ทันไร กำนันศรก็รีบคว้าคอยอดทันที คำรามใส่ด้วยความโมโห
      
       “ไอ้ยอด”
       ยอดอึกอักรู้ว่าพลาดไปแล้ว “พ..พ..พ่อกำนัน”
       “เอ็งนะเอ็ง ทำข้าแสบมาก งานนี้ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง”
       “ก็ชั้นไม่รู้นี่พ่อกำนัน ว่ามันเป็นตัวปลอม” ยอดเถียง
       “เออ ไม่รู้! ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้จะแก้ไขยังไง”
       ยอดคิดขึ้นได้ “พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสิพ่อกำนัน เราก็อ้างไปเลยว่าเราเป็นฝ่ายจับคนร้ายได้ แถมจับได้ก่อนตำรวจซะอีก เท่านี้ก็หมดปัญหา”
       กำนันศรครุ่นคิดแล้วเห็นด้วย “เออ…เอ็งหัวแหลมมากไอ้ยอด”
      
       เบิ้มถือสากกระเบือนั่งเฝ้าย้งในกระสอบอย่างใจจดใจจ่อ
       “อย่าฟื้นเชียวนะโว้ย ฟื้นเมื่อไหร่ เอ็งโดนแน่เดี๋ยวจะหาว่าสากกระเบือไม่เตือน ฮ่าๆๆเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือสากกระเบือจะมีอะไรได้อีก ฮ่าๆ”
       ขณะที่เบิ้มควงสากอยู่นั้น จู่ๆ มันก็โดนทุบด้วยครกจนหมดสติไป เป็นวาสนาที่ยืนถือครกอยู่
       “ขอโทษนะพี่เบิ้ม แต่ชั้นทนเห็นพ่อรังแกคนบริสุทธิ์ไม่ได้”
       วาสนาวางครกแล้วรีบไปแกะปากถุงกระสอบ แล้วปลุกย้ง
       “คุณลุง คุณลุงเป็นยังไงบ้าง คุณลุง”
       วาสนาเห็นหนวดปลอมของย้งห้อยร่องแร่ง จึงดึงออกจนทำให้ย้งรู้สึกตัว
       “คุณวาสนา” ย้งตกใจ ลืมตัว
       “นายย้ง นี่นาย นายปลอมตัวทำไม”
       ย้งมองไปรอบตัวแล้วเริ่มได้สติ “เอ่อ ย้งไหน นี่ไม่ใช่ย้งนะชั้นชื่อนำชัย หนูจำคนผิดแล้ว ลุง..ลุงขอตัวก่อนนะ”
       “ไม่นะ นายย้งบอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ นายไปทำอะไรมา ทำไมถึงต้องปลอมตัว”
       “ขอโทษนะหนู ชั้นไม่รู้จักหนู ชั้นต้องไปก่อนแล้ว” ย้งยืนกระต่ายขาเดียว
       วาสนาขัดใจ “นายย้ง”
       ย้งรีบวิ่งจู๊ดหนีไป
      
       ย้งวิ่งลนลานหนีมาที่หน้าบ้าน “อยู่ไม่ได้แล้วเผ่นก่อนละโว้ย”
       วาสนาวิ่งตามมาทีหลัง “นายย้ง กลับมาเดี๋ยวนี้นะ นายย้ง”
      
       ขณะนั้นเองรถจี๊ปของธัมโมก็แล่นมาจอดพรืดใกล้ๆ ทำเอาวาสนาตกใจ
       “ว๊าย ขับรถภาษาอะไรเนี่ย”
       ปรากฏว่าคบขับกลับกลายเป็นเถ้าแก่ตงนั่นเอง
       “อาคุงหมอ ช่วยอั้ว เอ๊ยช่วยอาผู้กองธัมโมด้วย อีได้รับบาดเจ็บ”
       วาสนาตกใจ “ผู้กอง” รีบไปดูที่รถเห็นธัมโมซึ่งนอนหัวแตกหมดสติอยู่
      
       ในห้องรับแขกบ้านเสี่ยเล้งยามนั้น นำชัยกำลังระเบิดอารมณ์ใส่เสี่ยเล้งที่อยู่กับเพลินตาอย่างดุเดือด โดยมีโฉมฉวีกับคนขับรถคอยปราม
       “ตกลงมันยังไงกันแน่เสี่ย ไหนเสี่ยบอกว่าบ้านไม้งามนี่เป็นของเสี่ยแต่เพียงผู้เดียวไง แล้วไอ้พวกโจรห้าร้อยนั่นมันโผล่มาจากไหน มันจับตัวผม ฆ่าบอดี้การ์ดของผมตาย แถมยังขโมยรถของผมไปอีก” พูดขู่อย่างมีอารมณ์ “บอกไว้ก่อนเลยนะเสี่ย ถ้าเสี่ยเอารถของผมคืนมาไม่ได้ล่ะก็ เรื่องที่เสี่ยจะลงสมัครในนามของพรรคเทิดธรรมน่ะ ลืมไปได้เลย”
       “ครับท่าน ผมจะพยายามตามรถของท่านคืนมาให้ได้ครับ”
       ระหว่างนั้นเองที่จำเริญกับมิ่งเพิ่งกลับมาถึง
       “ป๊า”
       เสี่ยเล้งมองมาที่จำเริญ
      
       เสี่ยเล้งคุยวงในกับจำเริญและมิ่งในห้องทำงาน
       “ได้เบาะแสอะไรบ้าง”
       “นางสิงห์ชุดดำที่เล่นงานเราผมว่าเป็นตัวจริง แต่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนก็คือมันมีแนวร่วม” จำเริญบอก
       “ผมว่าพรรคพวกของมัน ต้องเป็นคนในหมู่บ้านแน่ๆครับเสี่ย” มิ่งมั่นใจ
       “แล้วไอ้ธัมโม รู้เห็นด้วยรึเปล่า”
       “ไอ้ธัมโมมันตงฉินป๊า ถ้ามันเป็นพวกนางสิงห์จริงๆ ป่านนี้คงเชิดเงินเราหนีไปตั้งนานแล้ว” จำเริญว่า
       เสี่ยเล้งกังวล “งานนี้ถึงเราจะไม่เสียเงิน แต่เราก็เสียเครดิต ถ้าจัดการกับนางสิงห์ชุดดำไม่ได้ รับรองว่าเราต้องเดือดร้อนแน่” นิ่งคิด “เราต้องรีบตามหารถของท่านนำชัย ก่อนที่ทุกอย่างจะยุ่งยากไป
       กว่านี้”
       “ป๊า…ผมไม่เข้าใจ ทำไมท่านนำชัยถึงได้ห่วงรถมากขนาดนี้ทั้งที่องครักษ์ตายไปทั้งคน ยังไม่สนใจเท่าเรื่องรถหาย” จำเริญคาใจ
      
       “นั่นสิครับเสี่ย หรือว่าไอ้รถคันนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่”
       เสี่ยเล้งได้ฟังก็ชักเริ่มเอะใจ
      
       ด้านครูเพิ่มกำลังผ่าตัดเอากระสุนออกจากแผลที่หัวไหล่ของเพ็ญพร ที่นอนเปลือยแผ่นหลังอยู่
       “ยาชาไม่มี ทนเจ็บหน่อยนะ”
       เพ็ญพรพยักหน้ากัดฟันแน่น ครูเพิ่มใช้มีดผ่าปากแผลให้กว้างขึ้น ก่อนจะเอาคีมคีบเอาหัวกระสุนออกมา เพ็ญพรกัดฟันข่มความเจ็บปวด กว่าครูเพิ่มจะเอาหัวกระสุนออกมาได้เธอก็หายใจหอบแฮ่กแทบหมดสติไปเดี๋ยวนั้น
      
       ครูเพิ่มเดินเช็ดเหงื่อออกมาพักสงบสติที่หน้าระเบียงบ้าน เก่งเดินเข้ามาถามอาการร้อนใจ
       “ครู คุณบัวปลอดภัยรึเปล่า”
       “ปลอดภัย แค่เสียเลือดมากเกินไปเท่านั้นเองพักซะหน่อยก็คงรู้สึกดีขึ้น”
       เก่งเห็นครูเพิ่มดูเครียดก็เป็นห่วง “แล้วครูล่ะเป็นยังไงบ้าง”
       “เอ็งรู้มั้ยไอ้เก่ง วันนี้ข้ายิงคนตาย”
       เก่งอึ้งไป
       “มันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าจับปืน ข้าไม่คิดเลยว่ามันกลายเป็นแบบนี้ชีวิตคนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะแผนการณ์ของเรา”
       “ไม่ใช่แบบนั้นนะครู มันไม่ใช่ความผิดของเรา ที่เราทำไปทุกอย่างก็เพื่อขัดขวางอิทธิพลเถื่อน เราทำเพื่อชาวไม้งามทุกคน”
       “บอกตามตรงนะไอ้เก่ง ข้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าแผนของเรามันจะได้ผล” มองไปเบื้องหน้า “ข้าสังหรณ์ใจ ว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม”
       เก่งเองก็ชักเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นเพราะคำพูดนั้น
      
       ธัมโมซึ่งมีผ้าพันแผลที่ศรีษะสะดุ้งตื่นขึ้นบนเตียงภายในห้องพักฟื้นคนไข้ ที่สถานีอนามัย
       “นางสิงห์ระวังนะ นางสิงห์ ระวัง”
       วาสนาเข้ามาดู “ผู้กอง เป็นยังไงบ้างคะ”
       ธัมโมเจ็บแผลแต่แข็งใจ “ผมไม่เป็นไรครับ แล้วนางสิงห์ นางสิงห์หนีไปได้รึเปล่า”
       “เห็นเถ้าแก่ตงบอกว่าหนีได้ค่ะ แต่ไม่ได้เอาเงินไปด้วย ตอนนี้พวกตำรวจกับเสี่ยเล้งกำลังตามล่ากันอยู่”
       ธัมโมได้ฟังค่อยโล่งใจหน่อย
       “สงสัยงานนี้ผู้กองต้องกลายเป็นฮีโร่แน่ๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยบุคคลสำคัญเอาไว้ ยังขัดขวางนางสิงห์ไม่ให้ปล้นเงินไปได้อีกด้วย”
       “มันเป็นเรื่องบังเอิญครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางสิงห์อยู่เบื้องหลังแล้วนี่พวกของนางสิงห์ มีใครถูกจับบ้างรึยังครับ”
       วาสนาได้ยินคำถามเรื่องนี้ก็อึ้งๆ ไป ด้วยความหนักใจ เพราะเริ่มสงสัยว่าย้งอยู่ในกลุ่มด้วย
      
       เถ้าแก่ตงปฏิเสธวาสนาที่แวะมาบอกและเชื้อเชิญให้เข้าเยี่ยมธัมโม
       “ไม่เป็นไรอาคุงหมอ อาผู้กองอีปลอดภัยก็ดีแล้ว ให้อีพักผ่อนเหอะ อั้วจะได้กลับบ้านซะที”
       “อ้าว แล้วไม่เข้าไปเยี่ยมหน่อยเหรอเถ้าแก่”
       “หม่ายน่อ อั้วไม่อยากรบกวน อั้วแค่เป็นห่วงอีเท่านั้นเอง เพราะวันนี้อีอุตส่าห์ช่วยอั้วตามหาอาหมวยใหญ่ที่หนีออกจากบ้าน นี่ขนาดอาย้งมันยังไม่สนใจเลย” เถ้าแก่ตงบ่นอุบ
       “แล้วนายย้งเค้ามัวทำอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมสน” วาสนาลองหยั่งเชิงดู
       “อั้วก็ไม่รู้ แต่มันบอกว่ามีธุระสำคัญ”
       “ฝากเตือนเค้าด้วยนะเถ้าแก่ บอกเค้าว่าอย่าเลือกเดินทางผิดเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ ชั้นจะไม่ถือว่าเค้าเป็นเพื่อนอีกต่อไป”
      
       เถ้าแก่ตงได้แต่งุนงงว่า ลูกชายไปทำอะไรให้ วาสนาถึงได้เทศนาหนักเช่นนี้
ท่ามกลางแสงตะเกียงวิบวับภายในห้องนอนบ้านผู้ใหญ่ทอง เก่งกำลังประคองเพ็ญพรให้ดื่มน้ำ
       
       “เพราะชั้นแท้ๆ งานนี้ทุกคนถึงต้องเหนื่อยฟรี เงินก็เอามาไม่ได้แถมยังต้องเจ็บตัวอีก” เกงบ่น
       “อย่าพูดแบบนั้นสิ เป้าหมายของเราคือการทำลายฐานเสียงของเสี่ยเล้ง ตอนนี้เราก็ทำสำเร็จแล้วนี่ ชั้นไม่เชื่อหรอกว่าจะมีพรรคการเมืองไหนสนับสนุนเสี่ยเล้งให้ลงเลือกตั้ง” เพ็ญพรว่า
       “แต่ถึงยังไง คนชั่วอย่างเสี่ยเล้ง อย่างกำนันศรก็ต้องหาทางขยายอำนาจของตัวเองจนได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ที่เราทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า” เก่งหนักใจ
       “ไม่มีทาง ชั้นขอแลกตายกับพวกมัน ดีกว่าจะปล่อยให้พวกมันมายึดครองแผ่นดินเกิดของชั้น” เพ็ญพรเสียงแข็ง
       “อย่านะคุณบัว ชั้นไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น”
       เพ็ญพรลูบแก้มเก่ง “ชั้นแค่ล้อเล่นน่ะ อย่าคิดมากสิ”
       ไม่พูดเปล่าเพ็ญพรขยับหอมแก้มเก่งเข้าทีหนึ่ง ทำเอาเก่งถึงกับอึ้งไป…(เฮ้ย อะไรรึเปล่าเนี่ย)
       เก่งอึ้งอยู่อย่างนั้น “ค..คุณบัว”
       “ทำเป็นหน้าตื่นไปได้ ทีตอนเด็กๆ เธอยังเคยหอมแก้มชั้นเลย”
       ไม่ทันที่เก่งจะได้โต้เถียงอะไร ครูเพิ่มก็ผลุนผลันเข้ามาในห้องเสียก่อน
       “มีคนมา”
       ไวเท่าความคิด เก่งรีบหันไปดับตะเกียงทันควัน
      
       เป็นย้งซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดปกติเรียบร้อย เดินย่ำโคลนขึ้นมาบนบ้าน
       “เฮ้อ มีแต่ขี้ดินขี้โคลนทั้งนั้น ที่ทางเยอะแยะไม่ไปนัดเจอกันทำไมต้องมาที่นี่ด้วยวะ” หันมาเจอปืนในมือเก่งก็ตาเหลือกร้องลั่น “เว้ย ตาเถร”
       เก่งลดปืนลง “ไอ้ย้ง” หันไปบอกพรรคพวก “ปลอดภัยแล้วครู”
       ครูเพิ่มประคองเพ็ญพรออกมาจากห้องข้างใน ตะเกียงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง เห็นย้งกำลังนั่งเล่าข่าวให้ฟัง
       “ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ยอดกับไอ้เบิ้มมันจับตัวชั้นไปทำไมแต่ที่แน่ๆ คุณวาสนาเป็นคนช่วยชั้นออกมา”
       “แล้วคุณวาสนาเค้าจำเอ็งได้รึเปล่า” ครูเพิ่มกังวล
       “ก็ไม่รู้สิ อาจจะได้หรือไม่ได้” ย้งยักไหล่
       “ถ้าจำได้ แล้วคุณวาสนาไปแจ้งความ ตำรวจต้องสาวมาถึงเราแน่” เพ็ญพรมองจ้องหน้าย้ง “เราต้องฆ่าหมอนี่ปิดปาก”
       ย้งผวาร้องลั่น “เย้ย อย่าโหดนักสิเจ๊ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง อย่างมากชั้นรับผิดคนเดียวก็ได้นี่นา แล้วอีกอย่างเรื่องแค่นี้มันใช้เป็นหลักฐานมัดตัวไม่ได้ ซะหน่อย ทำเป็นซีเรียสไปได้”
       “แล้วในหมู่บ้านตอนนี้มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง” เก่งถาม
       “ฮืม ก็แปลกๆ นะ พวกตำรวจตอนนี้ดูเหมือนจะเร่งรีบตามหารถของท่านนำชัย ยิ่งกว่าตามหาคนร้ายซะอีก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”
       “ฮึ ของรักของหวงละมั้ง” เพ็ญพรคิด
       “ถ้างั้นก็เอาไปคืนเค้าดีมั้ย”
       “ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป ตำรวจอาจได้เบาะแสของเราจากรถคันนั้นชั้นว่าเอาไปทิ้งดีกว่า” เพ็ญพรว่า
       ครูเพิ่มบุ้ยหน้ามาที่ย้ง “ไอ้ย้ง หน้าที่เอ็งละกัน”
       ย้งบ่นอุบ ฝันที่จะมีเมียสลายไปตรงหน้า “โห อะไรวะ เงินก็ไม่ได้ โดนใช้ลูกเดียวเลย”
      
       ที่บ้านกำนันศร เบิ้มนั่งอุ้มครกกับสากปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ ขณะที่ถูกกำนันศรและยอดซักถาม
       “อะไรของเอ็งวะไอ้เบิ้ม เอ็งปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ยังไง”
       “ม..ม..ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ พ่อกำนัน ชั้นถือสากกระเบือนั่งเฝ้ามันอยู่ดีๆ ก็หมดสติไป พอตื่นมาก็เห็นครกวางอยู่ข้างๆ สงสัยผีครกมันคงโมโหที่ชั้นเอาสากมาใช้ในทางที่ผิดแน่ๆ เลยจ้ะ แบบว่ามันเป็นผัวเมียกัน”
       “เดี๋ยวก็เจอยันกระทืบผีหรอกไอ้นี่ ผีครกผีสากมีที่ไหนกันวะ” กำนันศรหงุดหงิดมาก
       “สงสัยคงเป็นคุณวาสนา เมื่อช่วงสายเห็นเด็กมันบอกว่าคุณวาสนากลับมาเอาตำราที่ห้อง” ยอดนึกได้
       กำนันศรรำพึงด้วยความหนักใจ “นังลูกคนนี้ ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง”
      
       ด้านเก่งขับรถมาส่งครูเพิ่มที่บ้าน พร้อมกับเพ็ญพร
       “ครู เดี๋ยวครูเข้าไปก่อนนะ ชั้นจะไปส่งคุณบัว”
       ครูเพิ่มกำชับกับเพ็ญพร “ระวังหน่อยนะคุณบัว อย่าให้ใครรู้ว่าคุณบาดเจ็บเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่”
       เพ็ญพรพยักหน้า “จ้ะชั้นจะระวัง”
      
       วาสนาเปิดประตูสถานีอนามัยออกมาด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นเพ็ญพรกลับมาพร้อมกับเก่ง
       “ผู้หมวดได้ข่าวว่าไม่สบายไม่ใช่เหรอคะ”
       “อ๋อ ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ พอดีได้นายเก่งพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาก็เลยรู้สึกดีขึ้น”
       เพ็ญพรทำเป็นกอดแขนกระแซะเก่งเพื่อกลบเกลื่อน
       “แหม ถ้าหายดีขนาดนั้น ก็น่าจะไปช่วยตำรวจคนอื่นเค้าหน่อยนะคะวันนี้เค้ามีเรื่องวุ่นวายไล่จับคน ร้ายกัน หรือว่าผู้หมวดไม่ทราบ” วาสนาดักคอ
       เก่งรีบถาม “แล้วมีใครเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
       “ผู้กองธัมโมบาดเจ็บ ตอนนี้นอนพักอยู่ข้างใน”
       “เอ่อ ถ้างั้นผมเข้าไป…”
       วาสนาดักคอ “ไว้พรุ่งนี้เถอะนายเก่ง ตอนนี้ดึกมากแล้ว”
       เก่งมองชะเง้อไปที่ห้องพักคนป่วยด้วยความเป็นห่วง จนเพ็ญพรจับสังเกตได้
      
       ธัมโมกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงห้องพักฟื้น สักครู่หนึ่งเก่งในคราบของนางสิงห์ก็โหนตัวเข้ามาทางหน้าต่างก่อนจะเดินมา ที่เตียงอย่างเงียบเชียบ
       เก่งลูบแผลที่ศรีษะธัมโม ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเขาเอาไว้
       “ก็ไหนผู้กองบอกชั้นว่าเราเป็นศัตรูกันถ้าเป็นศัตรูกัน ทำไมผู้กองถึงไม่กล้ายิงชั้นแล้วมาช่วยชั้นไว้ทำไม”
       ธัมโมลืมตาตื่นเห็นนางสิงห์ทั้งตกใจและดีใจ แต่อย่างหลังมากกว่า “นางสิงห์”
       “ผู้กอง”
       “เธอปลอดภัยใช่มั้ย”
       แทนคำตอบ นางสิงห์ลูบหน้าของธัมโมอย่างนุ่มนวล
       “ชั้นเป็นหนี้ชีวิตคุณ ถ้าไม่ตายซะก่อนชั้นต้องชดใช้คืนแน่”
       ธัมโมสบตากับนางสิงห์…อย่างลึกซึ้งผูกพัน
       “เราไม่ควรเจอกันในสภาพนี้เลย”
       “ถ้าเลือกทางชีวิตได้ ชั้นก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”
       ธัมโมบีบมือนางสิงห์กอบกุมไว้แนบแน่น โดยที่ทั้งสองไม่รู้ว่าเพ็ญพรกำลังแอบแง้มประตูมองอยู่อย่างไม่พอใจ
       เพ็ญพรกลับเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูเธอไม่มีความสุขมากนักที่เห็นเก่งสนิทกับคนอื่น
       เพ็ญพรเครียดบ่นกับตัวเองออกมา “ผู้กองธัมโม”
      
       ย้งขับรถของท่านนำชัยแล่นมาตามเส้นทางอันขุรขระกลางป่าเปลี่ยวเพื่อนำไปทำลาย แต่แล้วเครื่องยนต์ก็เกิดติดๆดับๆขึ้นมา
       “อ้าวเฮ้ย มันเป็นอะไรของมันอีกวะ” ลองสตาร์ท “น้ำมันก็ยังมีอยู่นี่หว่า เฮ้ย อย่าสำออยสิวะแหมไอ้รถนอก แค่ให้มาแล่นกลางป่าแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้เฮ้ยติดสิโว้ย ปัดโธ่”
       สาร์ทแล้วสตาร์ทอี รถก็ไม่ติด ย้งเปิดประตูลงมาเตะล้อรถอย่างหัวเสีย
      
       “ฮึ่ย ไอ้รถซังกาบ๊วยเอ๊ย มาเสียอะไรกลางป่ากลางเขาแบบนี้วะเนี่ยยุ่งตายเลยทีนี้ จะซ่อมได้รึเปล่าวะ”
       ย้งเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อเอาไฟฉายส่องดูเครื่องยนต์
       “ฮืม ถ้ามีเครื่องมือก็พอไหวมั้ง เอาวะลองดูสักตั้ง” เดินไปท้ายรถเปิดดูเครื่องมือ “ว่าแต่ไอ้นักการเมืองนั่นมันจะมีเครื่องมือติดรถมาบ้างรึเปล่า”
       ย้งเดินเปิดฝากระโปรงท้ายรถก่อนจะอึ้งไป เมื่อท้ายรถมีเพียงลังกระดาษใบหนึ่ง
       “อะไรวะเนี่ย ประแจสักอันก็ไม่มี แล้วนี่มันกล่องอะไรของมันวะ”
       ย้งบ่นงึมงำ แล้วเห็นฝากล่องสานขัดกันอยู่ ก็นึกสงสัย จึงกระชากแรงๆ จนฝากล่องขาด ปรากฏว่ามีเงินที่เรียงเป็นฟ่อนๆอยู่ในกล่องไหลทะลักออกมาทันที
      
       “เฮ้ย..เงิน…เงิน…เงินทั้งนั้นเลยนี่หว่า” ย้งมือไม้สั่น หยิบเงินมาดูปึกใหญ่ “รวยแล้วไอ้ย้ง”
      
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น