วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครชิงนางตอนที่13 วันที่17 ส.ค. 55

ขณะวงเดือนกำลังจะเอาถาดใส่ยาไปเก็บในครัว มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอจะวิ่งไปรับ เมฆาเกรงจะเป็นสายจากภูผาชิงคว้าโทรศัพท์ตัดหน้า ถึงกับโล่งใจที่กลายเป็นสายจากเพื่อนของศรีดารา

“ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ตอนนี้คุณแม่ออกไปข้างนอก ถ้ากลับมาจะรีบเรียนให้โทร.กลับถึงท่านทันทีครับ...สวัสดีครับ” เขาวางสาย เผลอถอนใจเฮือกใหญ่ พอหันมาเห็นวงเดือนจ้องอยู่แสร้งถามกลบเกลื่อนว่าวันนี้ไม่ไปทำงานหรือ เธอเพิ่งจะเสร็จงาน อีกสักครู่ถึงจะไป

“เอ้า...พอดีเลย งั้นเดี๋ยวไปพร้อมกันเลยนะ...เดือนไปแต่งตัวสิ...ฉันจะรอ...ไปเร็ว”

วงเดือนจำต้องรับคำ โดยไม่เห็นว่าโฉมไฉไลแอบมองตามเธอด้วยสายตาริษยาคิดหาทางกลั่นแกล้ง...

ระหว่างที่โฉมไฉไลคิดแผนชั่วอยู่นั้น ดอยลุกขึ้นแต่เช้าติดเตาย่างไก่เพื่อเลี้ยงฉลองตำแหน่งว่าที่เจ้าสาวของภูผา ให้กับลูกพี่ หนูนาเขกหัวดอยแก้เขิน หาว่าพูดเพ้อเจ้อ ภูผากับนายสว่างยืนฟังอยู่อีกด้านหนึ่งโดยที่ทั้งคู่ไม่เห็น

“เพ้อเจ้อที่ไหนลูกพี่...ดอยได้ยินเต็มสองรูหู” เธอว่าแล้วทำเสียงและท่าทางล้อเลียนภูผา “...ตกลงครับ ผมยอมรับข้อแม้ของพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า...ฉันจะอยู่ดูแลเธอและไร่เหนือฟ้าตลอด ไป...ไงล่ะๆขนลุกเลย เห็นแข็งๆทื่อๆสมชื่อภูผาอย่างนั้นก็เหอะ บทจะหวานขึ้นมา ขนลุกพรึบเลย จริงไหมลูกพี่”

“จริง” ภูผาตอบน้ำเสียงเรียบๆ หนูนาหันมาเห็นเจ้านายยืนอยู่สะดุ้งโหยง พยายามสะกิดให้ดอยหยุดพูด แต่เด็กน้อยไม่สนใจ นินทาต่อไปอย่างสนุกปาก

“นั่นไง...แหม...เมื่อก่อนทำเป็นนินทาว่า นายภูผาไม่มีหัวใจ...นายภูผาขี้เก๊ก”

ภูผายืนฟังไปเรื่อยไม่แสดงสีหน้าอะไร ขณะที่นายสว่างแทบจะลงไปชักดิ้นตายเสียให้ได้ พอดอยหันมาเห็นเจ้านายยืนอยู่ ถึงกับหน้าเสีย ก่อนจะกุมท้องตัวเอง แกล้งร้องโอดโอย นายสว่างรู้ทัน ถามว่าเป็นอะไร

“ปวดอึจ้ะ...ดอยปวดอึ”

“ดีเลย งั้นข้าจะช่วยเตะให้ไส้เอ็งแตกซะตรงนี้เลยดีไหมไอ้ดอย” นายสว่างว่าแล้วยกเท้าเตะหลานสาวคนเล็ก แต่เธอรู้ทันวิ่งหนี เขาไม่ยอมรามือวิ่งไล่ ทิ้งภูผาให้ยืนจ้องหน้าหนูนาที่อยากจะแทรกแผ่นดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกัน เมฆากับวงเดือนมาถึง รพ.โดยไม่รู้ว่าโฉมไฉไลสะกดรอยตาม ทันทีที่หมอหนุ่มเดินแยกไปยังห้องทำงานตัวเอง ยัยตัวแสบปรี่เข้ามาหาเรื่องวงเดือน เธอพยายามจะเดินหนี โฉมไฉไลกลับลากมาตรงที่คนไข้จำนวนมากกำลังรอคิวหาหมอ แล้วประจานเธอลั่น

“จะหนีไปไหน...นังกากี อายเป็นด้วยหรือ...อ่อยผู้ชายกลาง รพ.ยังไม่อายใครเลย แล้วแค่นี้จะหนีไปไหน”

“คุณโฉม ปล่อยเดือน...พอได้แล้ว” วงเดือนอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน โฉมไฉไลยิ่งพอใจ ด่าไม่ไว้หน้าว่าเธอชอบแย่งผัวชาวบ้าน ทุกคนหันมองเธอเป็นตาเดียวกัน วงเดือนชักจะโกรธ สะบัดมือยัยตัวแสบออกแล้วผลักอย่างแรงจนล้มหัวกระแทกเก้าอี้เลือดไหล เธอเดือดจัดเข้าไปตบตีวงเดือนอุตลุด เจ้าหน้าที่ของ รพ.ต้องเข้ามาช่วยแยกตัวทั้งคู่ออก ยัยตัวแสบปากแดงขู่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด...

โฉมไฉไลทำตามที่ขู่ ร้องขอความเป็นธรรมเรื่องที่ถูกวงเดือนทำร้ายร่างกายต่อ ผอ.รพ.โดยมีบาดแผล

เป็นพยานหลักฐาน วงเดือนแก้ต่างว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย โฉมไฉไลมาต่อว่าเธอก่อน แต่พอท่าน ผอ.ถามว่าต่อว่าเรื่องอะไร เธอกลับอึกๆอักๆไม่กล้าเล่าความจริงน่าอายให้ฟัง ยัยตัวแสบได้ที ใส่ไม่ยั้ง

“ใครมันจะไปกล้าเล่าล่ะคะ...เรื่องที่ดิฉันมาต่อว่าวงเดือนก็คือเรื่องที่วง เดือนพยายามจะเข้ามาเป็นมือที่สาม ระหว่างดิฉัน...กับสามีน่ะสิคะ” โฉมไฉไลว่าพลางปรายตามองเมฆา วงเดือนอับอายมาก ขณะที่เมฆาโกรธสุดขีด อยากจะ บีบคอยัยตัวแสบให้ตายคามือ แต่ทำไม่ได้ จำต้องเก็บความแค้นไว้ ทันทีที่กลับถึงบ้านแสนสมุทร เมฆาดันโฉมไฉไลกระแทกผนังบ้าน ส่งเสียงลอดไรฟันให้ได้ยินเพียงแค่สองคน
“คุณพูดอะไรฮึ...โฉม...นี่ใจคอคุณกะจะเอาผมกับเดือนให้ตายทั้งคู่เลยใช่ไหม”

“คุณกับนังวงเดือน?...โฉมเอ่ยชื่อคุณตอนไหนไม่ทราบ” เธอลอยหน้าลอยตาน่าตบ

“ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คุณใช้คำว่าสามี แล้วมองมาที่ผม”

“ต๊าย...คุณ พระช่วย ตกลงนี่คุณยอมรับว่าเป็นสามีอีกคนหนึ่งของโฉมแล้วหรือคะ” เธอยิ้มสะใจ เมฆาเพิ่งรู้ตัวว่าหลงกลยัยตัวแสบ จะเข้าไปเอาเรื่อง พฤกษ์ซึ่งแอบฟังอยู่นาน รีบเข้าไปขวางไว้สั่งให้พอได้แล้ว

“พี่มาก็ ดีแล้ว หัดดูแลเมียพี่ซะบ้าง อย่าปล่อยให้ไปเที่ยวระรานคนอื่นอีก...ถ้ามี ฉันจะไม่เกรงใจใครทั้งนั้น” เมฆาพูดจบเดินหัวเสียจากไป โฉมไฉไลเข้าไปออดอ้อนฟ้องพฤกษ์ว่าถูกวงเดือนทำร้ายแต่เขาไม่สนใจเดินหนี...

ด้าน เมฆาแวะไปหาวงเดือนที่ห้อง พยายามเคาะประตูเรียกให้ออกมาคุยด้วย แต่เงียบไม่มีเสียงขานรับ เขาถอดใจหันหลังจะกลับ เจอชอุ่มยืนมองอยู่ แสร้งถาม แก้เก้อว่าวงเดือนไม่อยู่หรือ

“สงสัยจะไม่อยู่ในห้องหรอก ค่ะ เมื่อกี้ชอุ่มก็เคาะ เรียกตั้งนานแต่ก็เงียบฉี่เลยค่ะ ว่าแต่...ทำไมวันนี้กลับจาก รพ.กันแต่วันเลยล่ะคะคุณเมฆา” ชอุ่มสอดรู้สอดเห็น เขาไม่ตอบ เดินหนีไปเลย ฝ่ายวงเดือนนั่งพิงประตูร้องไห้อยู่ในห้องตัวเองเงียบๆ คิดถึงภูผาเหลือเกิน ถ้าเขาอยู่ที่นี่ด้วยเธอคงไม่ท้อแท้หมดกำลังใจแบบนี้...

ในขณะที่วง เดือนร้องไห้เป็นทุกข์ใจอยู่เพียงลำพัง คนที่เธอคิดถึงเหลือเกินกำลังนั่งมองหนูนากินมะม่วง มะยม และมะดันแล้วอดเข็ดฟันแทนไม่ได้ ดอยถือถ้วยพริกกับเกลือเข้ามาให้ เห็นลูกพี่เคี้ยวมะม่วงอย่างเอร็ดอร่อยถึงกับทำหน้าสยอง ไม่รู้ว่ากินเข้าไปได้อย่างไรโดยไม่ต้องจิ้มพริกกับเกลือ หนูนากลับบอกว่าไม่เปรี้ยว ท้าให้ดอยพิสูจน์ เธอส่ายหน้า โยนให้ภูผาลองชิมแทน หนูนายื่นมะม่วงให้เขา รับรองหนักแน่นว่าถ้าเปรี้ยวให้เตะ

ภูผาเอาใส่ปากยังไม่ทันจะเคี้ยว ต้องรีบคายมะม่วงทิ้งเพราะเปรี้ยวมาก ทั้งหนูนา ดอย และนายสว่างพากันขำกลิ้ง ภูผาแก้เผ็ดจับมะดันยัดปากหนูนาที่กำลังหัวเราะเยาะตนเอง ทั้งดอยและนายสว่างต่างโดนผลไม้เปรี้ยวยัดปากกันถ้วนหน้า ต่างหัวเราะกันสนุกสนาน

“เออ...ว่าแต่เห็นลูกพี่กินของเปรี้ยวอย่างนี้ ถ้าไม่รู้จักกันเนี่ย ดอยนึกว่าลูกพี่ท้องแล้วนะเนี่ย”

คำพูดแบบผีเจาะปากของดอยทำให้หนูนา ภูผาและนายสว่างหยุดหัวเราะมองหน้ากันอึ้ง

ooooooo
ที่บ้านแสนสมุทร ขณะที่อนุต ศรีดารา พฤกษ์ เมฆา และโฉมไฉไลนั่งล้อมวงเตรียมจะกินมื้อเย็นด้วยกัน อนุตอดแขวะลูกชายคนโตไม่ได้ว่าทำไมวันนี้ถึงโผล่หัวมากินข้าวกับพ่อกับแม่ ได้ ศรีดาราต้องขอร้องให้เขาหยุดพูดโฉมไฉไลรีบเบนความสนใจสั่งให้ชอุ่มตักข้าว ให้ท่านทั้งสองได้แล้ว ศรีดาราทักท้วงให้รอก่อน วงเดือนยังไม่มา

“อุ๊ย...คงไม่มาหรอกค่ะคุณแม่” โฉมไฉไลว่าแล้วปรายตามองเมฆา ก่อนจะยิ้มเยาะ

“ทำไมล่ะจ๊ะ ทำไมเดือนถึงไม่มา”

โฉม ไฉไลจะเล่าเหตุการณ์ที่ รพ.เมื่อเช้าแต่เจอหน้าถมึงทึงของเมฆากับพฤกษ์ จำต้องปิดปากเงียบ เมฆาอธิบายให้แม่ฟังที่วงเดือนไม่มาเพราะปวดหัว อยากจะนอนพัก อนุตพยักหน้ารับรู้ แล้วถามเมฆาว่าเรื่องคุณณรงค์ไปถึงไหนแล้ว พฤกษ์ชะงักรอฟังด้วยความสนใจ

“คุณณรงค์ยอมรับการแบ่งชำระเงินชดใช้ ค่าเสียหายของเราครับ แต่เขาขอให้เราชำระเงินงวดแรกหนึ่งแสนบาท ภายในสองวันนี้” เมฆามองหน้าพี่ชายแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว อนุตหันขวับมองพฤกษ์

“ไงล่ะ...ทีนี่จะทำยังไง...ฉันน่าจะเชื่อคุณย่าแกตั้งแต่แรก คุณย่าแกพูดไว้ไม่มีผิดเลย คนอย่างแกไม่เหมาะที่จะดูแลแสนสมุทรจริงๆ”

พฤกษ์ ไม่พอใจตบโต๊ะเปรี้ยง “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะรับผิดชอบ ผมจะหาเงินมาใช้หนี้ให้แสนสมุทรเอง” พูดจบลุกพรวดออกไป ไม่สนใจเสียงทักท้วงของแม่ซึ่งมองตามด้วยความเป็นห่วง ในเวลาต่อมา ขณะพฤกษ์เดินหน้าเครียดมาตามถนนสายเปลี่ยว เจออนงค์กำลังถูกเฮียเส็งกับสมุนล้อมกรอบทวงหนี้พนันอยู่ เธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือลั่น พฤกษ์รีบเข้าไปขวาง ถามว่ามีเรื่องอะไรกัน อนงค์คิดแผนชั่วขึ้นมาได้ทันที

“เอ่อ...ไม่มีอะไรจ้ะ เพื่อนกัน ล้อเล่นกันน่ะจ้ะ... แม่ขอแนะนำให้รู้จักกันซะเลยนะจ๊ะ นี่เฮียเส็งเพื่อนของ

แม่ เฮียคะ นี่พฤกษ์ลูกเขยของฉันเอง พฤกษ์เป็นลูกคนโตของแสนสมุทร” อนงค์ว่าพลางแอบสบตากับเฮียเส็งซึ่งมองตอบอย่างเข้าใจแผน พฤกษ์จะพาเธอกลับบ้าน เธออ้างว่ามีธุระที่บ่อนของเฮียเส็งชวนเขาไปเป็นเพื่อน ทีแรกเขาไม่เข้าไปข้องแวะกับสถานที่แบบนั้น แต่ทนเธอรบเร้าไม่ไหว พอเขาคล้อยหลัง เธอหันไปกระซิบกระซาบกับเฮียเส็ง

“หาลูกค้ารายใหญ่ ให้แล้ว พอจะชดเชยความผิดได้ไหมคะเฮีย” เธอว่าแล้วเดินตามลูกเขย เฮียเส็งยิ้มพอใจที่จะได้ปลาตัวใหญ่มาติดเบ็ด ครู่ต่อมา อนงค์กับพฤกษ์มาถึงบ่อนพนันของเฮียเส็ง

เธอใช้คารมเกลี้ยกล่อมจนเขา ยอมเล่นพนันด้วย เฮียเส็งพยักหน้าให้เจ้ามือที่โต๊ะพนันอย่างรู้กัน แกล้งแจกไพ่อ่อยเหยื่อให้พฤกษ์ชนะพนันจากเงินกองเล็กๆ กลายเป็นเงินนับแสนบาท พฤกษ์ยิ้มพอใจที่จะมีเงินไปชำระค่าเสียหายงวดแรกให้คุณณรงค์ ที่สำคัญที่สุดจะได้ทำให้พ่อเห็นว่าเขาทำได้จริงตามที่พูด

ooooooo

ชอุ่ม เห็นวงเดือนมาช่วยซักผ้าไม่ยอมไปทำงาน อดถามไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถอนใจเฮือก ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟัง ชอุ่มยุว่าอย่ายอมให้นังปากแดงนั่นมารังแกข้างเดียว เธอไม่อยากทำให้คุณพ่อต้องหนักใจอีก แค่นี้ท่านก็มีเรื่องให้กลุ้มใจมากพอแล้ว และอีกอย่างหนึ่งทาง รพ.ก็แค่ตักเตือนไม่ได้ไล่เธอออก

“อ้าว...แล้วทำไมเช้านี้เดือนถึงไม่ไปทำงานล่ะ”

วงเดือนอึกอักไม่รู้จะบอกอย่างไร พลันมีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง “เดือนไม่อยากเจอหน้าฉัน”

ทั้ง สองคนหันขวับไปมอง เห็นเมฆายืนอยู่ เขาขอคุยกับวงเดือนเป็นการส่วนตัว แล้วเดินนำเธอมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เขารู้ว่าเธอไม่สบายใจเรื่องโฉมไฉไล ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะพาเธอไปให้ไกลจากที่นี่

“แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ” เธอทักท้วง

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้...ฉันจะรอ...รอจนกว่าเดือนจะรักฉัน” เมฆายืนยันหนักแน่น ก่อนจะเดินจากไป...

ใน เวลาเดียวกัน ภูผา หนูนา และนายสว่างพากันมาที่ไร่เหนือฟ้า เพื่อสำรวจสถานที่ พบว่าต้นชายืนต้นตายเป็นจำนวนมาก เพราะขาดคนดูแล นายสว่างเห็นสภาพโดยรวมของไร่แล้วถึงกับส่ายหัว ถามเจ้านายว่าจะปรับปรุงไหวหรือ เขาเชื่อว่าทำได้ ขนาดไร่วงเดือนซึ่งมีสภาพย่ำแย่กว่านี้ พวกเรายังฟื้นฟูจนกระทั่งเก็บใบชาส่งขายได้ หนูนามองไร่ชาที่เพิ่งได้รับมรดกแล้วอดนึกถึงเจ้าของไร่คนเก่าไม่ได้...

คน ที่หนูนากำลังนึกถึงไม่ได้ตายอย่างที่ใครๆคิด เหนือฟ้ารอดตายจากการถูกวันชัยทำร้ายจนตกหน้าผา เพราะได้รับความช่วยเหลือจากมะขิ่น ซึ่งเป็นชาวเขากับมะยอลูกสาวของเขา และทั้งคู่ยังช่วยนำร่างแหลกเหลวของใครบางคนกลับไปที่ไร่วงเดือน ทำให้ทุกคนคิดว่าเหนือฟ้าตายไปแล้ว เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง

“ว่าแต่เมื่อไหร่พ่อเลี้ยงเหนือฟ้าถึงจะกลับไปไร่เหนือฟ้าครับ” มะขิ่นมองเหนือฟ้าอย่างรอคำตอบ

“ถ้าฉันฆ่าไอ้วันชัยได้เมื่อไหร่...ก็เมื่อนั้น” เขานึกถึงคนชั่วคนนั้นขึ้นมาครั้งใดแค้นใจขึ้นมาเมื่อนั้น...

หลัง จากสำรวจความเสียหายในไร่เหนือฟ้าเรียบร้อย ภูผาไม่รอช้าลงมือปรับปรุงต้นชาทันที หนูนาเห็นแล้วอดท้อใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าไร่แห่งนี้จะกลับมาเก็บผลผลิตได้อีกครั้ง ภูผามุ่งมั่นจะทำให้ที่นี่กลับมามีสภาพดีเหมือนเดิมให้ได้ เพราะสัญญากับเหนือฟ้าไว้ เมื่อวันที่เปิดพินัยกรรมว่าจะช่วยดูแลหนูนาและไร่ชาแห่งนี้ และในส่วนที่เขาสัญญาไว้ว่าจะแต่งงานกับเธอ เขาก็ต้องทำอย่างที่รับปากไว้เหมือนกันเธอไม่ต้องห่วง

“เธอจะได้ตอบกับใครๆได้ว่าใครเป็นพ่อไอ้ตัวเล็ก” เขาพูดพลางมองไปที่ท้องของเธอ

หนู นารู้สึกไม่ยุติธรรมกับเขาถ้าเขาจะแต่งงานกับเธอเพื่อเหตุผลนั้น เพราะคนเราจะแต่งงานกันก็ควรจะแต่งด้วยความรัก ภูผาทักท้วงว่าไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป มีคนบางคนที่จำเป็นต้องแต่งงานทั้งๆที่ไม่ได้รัก หนูนาเข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงวงเดือน รู้สึกอิจฉาเธอมากที่ได้ใจเขาไปเต็มๆ ดีกว่าตนเองที่ได้แต่ตัวเขามากมายนัก แล้วขอตัวเข้าไปดูในบ้านเหนือฟ้า แต่ลุกไม่ขึ้นเพราะติดท้องที่เริ่มโต ต้องทรุดลงนั่งอย่างเก่า ภูผารีบเข้ามาช่วยประคอง
“จะลุกจะนั่งต้องระวังหน่อยสิ ไม่ใช่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ถึงจะได้แก่นกระโดกกระเดกได้ตามชอบใจ” พูดจบช่วยประคองเธอลุกขึ้นยืน เธอต้องขยับกางเกงที่ดูเหมือนจะแน่นไปให้คลายออก

เขาไม่อยากให้เธอ ใส่กางเกงแบบนี้อีก เดี๋ยวจะไปรัดท้องรัดไปถึงเด็กในท้อง ตัดสินใจคว้าข้อมือเธอพาขึ้นรถ ขับตรงไปที่ตลาดเพื่อหาซื้อชุดที่ใส่สบายๆให้ เขาเลือกทั้งสีเลือกทั้งแบบให้เสร็จสรรพ หนูนายิ่งหลงรักเขาหมดหัวใจ ทั้งคู่ไม่ทันเห็นเหนือฟ้าในชุดชาว เขามีผ้าโพกหัวอำพรางใบหน้า แอบมองมาจากอีกมุมหนึ่งตาละห้อย

ooooooo

อนงค์คิดว่าพฤกษ์จะ ให้เงินที่ได้จากบ่อนพนันแก่โฉมไฉไล จึงตามมาถึงแสนสมุทรเพื่อจะขอส่วนแบ่งจากลูกสาวมาใช้บ้าง ถือเป็นค่าชี้ทางสว่างให้พฤกษ์ โฉมไฉไลโวยวายแม่ลั่นว่า ตัวเองเสียเงินหมดตัวไม่พอ ดันมาช่วยผัวของเธอไปเป็นผีพนันด้วย อนงค์ตบปากลูก

“นี่แน่ะ นังปากพาซวย พูดจาไม่เป็นมงคล หมดตัวที่ไหน นี่ถ้าฉันไม่พาผัวแกไปเข้าบ่อน ผัวแกจะมีเงินแสนมาถวายแกเรอะ...นังนี่ แทนที่จะสำนึกบุญคุณ”
โฉมไฉไลไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วนึกขึ้นมาได้ว่าพฤกษ์น่าจะเอาเงินจำนวนนั้นไปให้ใคร จัดแจงชวนแม่ไปทวงถามเงินจากวงเดือนถึงห้องพักของเธอ พอเธอปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น สองแม่ลูกไม่เชื่อช่วยกันรื้อค้นข้าวของหาเงินที่อาจจะซ่อนเอาไว้ เธอพยายามอธิบายว่าพฤกษ์ไม่ได้เอาเงินที่ไหนมาให้ พวกนั้นไม่ฟัง ตรงไปกระชากลิ้นชักใส่ของซึ่งมีรูปถ่ายคู่ของเธอกับภูผา โฉมไฉไลหยิบรูปขึ้นมาขู่ให้เธอบอกที่ซ่อนเงินไม่อย่างนั้นจะฉีกรูปใบนี้ทิ้ง

“คุณโฉม...ขอร้องเถอะค่ะ คืนรูปให้เดือนเถอะ”

ยัย ตัวแสบจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเธอไม่บอกมาว่าเอาเงินที่พฤกษ์ให้ไปไว้ไหนจะได้เห็นรูปใบนี้กลายเป็นชิ้น เล็กชิ้นน้อย ในเมื่อวงเดือนไม่มีคำตอบให้ โฉมไฉไลจัดการฉีกรูปขาดกระจุย เธอถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงนั่งร้องไห้โฮ

“แม่ว่าดูท่าทางมันจะไม่รู้เรื่องจริงๆนะยัยโฉม”

“ไม่ รู้ล่ะ คราวนี้แล้วไป แต่คราวหน้า ฉันจะฉีกเนื้อแกออกเป็นชิ้นๆแทน ไม่เชื่อก็คอยดู นังวงเดือน” โฉมไฉไลว่าแล้วชวนแม่กลับ วงเดือนค่อยๆเอามือกอบเศษรูปขึ้นมาแนบอก น้ำตาไหลพราก...

ทางฝ่ายอนงค์ยังเคืองลูกสาวไม่หาย ต่อว่า

ว่า เป็นเมียแบบไหน ผัวหายไปยังไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอทำหน้าเซ็งสุดๆประชดว่าเขาคงจะจมน้ำตายไปแล้ว แล้วย้อนถามแม่ว่าเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้เป็นห่วงลูกเขยขนาดนี้

“ห่วง สิไม่ห่วงได้ไง ฉันเพิ่งจะพามันไปเป็นลูกค้าใหม่ของเฮียเส็ง ถ้าเกิดมันจมน้ำทะเลตายไปจริงๆอย่างแกว่า ฉันก็ซวยสิ ไอ้เฮียนั่นมันต้องไม่เกรงใจฉัน มันต้องเอาฉันตายแน่...รีบไปตามหาผัวแก แล้วลากมันไปเข้าบ่อนกับฉันเร็วๆเลย อ้อ...แกเองก็เหมือนกัน นังโฉม วันๆเอาแต่เดินลอยไปลอยมา หัดไปทำมาหากินในบ่อนมั่งสิยะ”

โฉมไฉไลถึง กับร้องเสียงหลง แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่แม่ชักนำตนเองให้ไปข้องแวะกับอบายมุข อนงค์ไม่สนใจจะได้เงินด้วยวิธีไหน ขอให้ได้มาเป็นพอ แล้วแนะว่าช่วงนี้ลูกควรจะรีบโกยทรัพย์สมบัติของแสนสมุทรมาเข้ากระเป๋าตัว เองบ้าง หยิบอะไรพอไปทำทุนได้ก็รีบโกยๆ

เอาไว้ จะรอแบมือขอเงินอย่างนี้ไม่มีประโยชน์

ooooooo

พฤกษ์ เห็นครั้งที่แล้วได้เงินจากบ่อนมาง่ายๆ หวังจะกลับไปโกยเงินมาอีก แต่คราวนี้ไม่หมูอย่างที่คิด เพราะเฮียเส็งต้องการเอาเงินที่เสียให้เขาคืนพร้อมดอกเบี้ยทบต้น เมื่อเขาเสียเงินหมดหน้าตัก เฮียเส็งทำตัวเอื้ออารี ให้เงินกู้เอาไปเล่นพนัน พฤกษ์ไม่รับ ลุกขึ้นจะกลับ เฮียเส็งกดให้เขานั่งลงอย่างเดิม

“ไม่ต้องเกรงใจน่า เรามันคนกันเอง เอาไปเล่นให้หายเครียดก่อนน่า รวยเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้อั๊ว” พูดจบเดินนำสมุนออกไปยืนคุมเชิงห่างๆ พฤกษ์มองเงินตรงหน้าอย่างลังเล...

ขณะ ที่ผีพนันเข้าสิงพฤกษ์เต็มๆ อนุตเร่งให้เมฆารีบแต่งงานจะได้มีหลานไว้สืบสกุลและสืบทอดกิจการตอนนี้ท่าน มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นหลักของบ้าน ศรีดาราไม่เห็นด้วย ลูกมีงานล้นมือ ไหนจะงานที่ รพ.ไหนจะที่คลินิก แถมยังต้องดูแลพ่ออีก จะเอาเวลาที่ไหนไปจีบสาว น่าจะยกหน้าที่นี้ให้โฉมไฉไลกับพฤกษ์มากกว่า

“พ่อ มันก็ขนาดนั้น แม่มันก็ขนาดนั้น ผมไม่อยากได้หลานจากสายเลือดแบบนั้นหรอก” อนุตเสียงแข็ง แล้วรีบตัดบท ฝากเมฆาไปคิดเรื่องนี้ให้ด้วย...

ชอุ่ม แอบได้ยินสิ่งที่อนุตพูดกับเมฆาเก็บมาเล่าให้วงเดือนฟังขณะกำลังช่วยกันพับ ผ้าที่เก็บมา เพราะรู้นิสัยของลูกๆบ้านนี้เป็นอย่างดี งานนี้ไม่ง่ายอย่างที่

อนุตคิดเพราะเมฆาเป็นคนเรื่องมาก นินทาเจ้านายมากไปรู้สึกวิงเวียนจะเป็นลม วงเดือนรีบไปชงยาลมมาให้ แล้วอาสาจะเอาผ้าเหล่านี้ไปเก็บบนตึกใหญ่ให้...

ครู่ต่อมา วงเดือนถือตะกร้าผ้าจะเดินขึ้นบ้านเกือบชนเมฆาที่เดินสวนมา เขาขอโทษที่ไม่ได้มองทาง แล้วถามด้วยความเป็นห่วงว่าดึกป่านนี้แล้วยังจะเอาผ้ามาเก็บทำไม รีบแย่งตะกร้าใส่ผ้าจากมือเธอจะยกขึ้นไปให้เอง

เธอดึงคืนไม่ยอมให้ เขากระชากกลับมาอีก คราวนี้ออกแรงมากไปทำให้เธอเซเข้ามาในอ้อมแขน ทั้งสองมองสบตากันตะลึง เมฆาถึงกับเคลิ้มออกปากขอเธอแต่งงาน เธอยังไม่ทันจะว่าอะไร พฤกษ์ซึ่งอยู่ในอาการเมามายเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน แล้วเหวี่ยงหมัดสะเปะสะปะใส่น้องชาย แต่ตัวเองกลับเสียหลักหัวทิ่มลงไปกองกับพื้น วงเดือนรีบเข้าไปถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง พฤกษ์ค่อยๆ พลิกตัวขึ้นมาอย่างหมดสภาพ

“เมา...หมดตัวแล้ว...มันต้องเมาสิเว้ย”

เมฆา ชะงัก ก่อนจะเข้ามาช่วยเธอประคองเขาไปนอนพักที่ห้องเขาเอง แล้วบอกให้เธอปล่อยเขาไว้อย่างนั้น เธอเห็นสภาพพฤกษ์แล้วอดสงสารไม่ได้ เมฆาแอบไม่พอใจ ติงว่าน่าจะสงสารคุณพ่อมากกว่า นอกจากสุขภาพไม่ค่อยดี ยังต้องมาเจอลูกชายในสภาพแบบนี้อีก นานแล้วที่แสนสมุทรไม่มีอะไรให้ท่านได้ชื่นใจบ้างเลย

“ฉันตั้งใจไว้ เลยนะว่า ต่อจากนี้ไป ถ้าฉันจะทำอะไรเพื่อให้ท่านชื่นใจได้ ฉันจะทำทันที จะไม่ปล่อยให้อะไรสายเกินไปเหมือนเมื่อครั้งคุณย่า แล้วก็...อรุณ” เขาแสร้งตีหน้าเศร้า ขณะที่วงเดือนคิดคล้อยตาม

ooooooo

หนูนา ยิ้มปลื้มเมื่อใส่ชุดแซกที่ภูผาซื้อให้แล้วได้รับคำชมจากคนให้ว่าใส่ชุดแบบ นี้เธอก็สวยได้เหมือนผู้หญิงคนอื่น เธอปากไวถามว่าสวยเหมือนวงเดือนใช่ไหม เขาถึงกับอึ้ง รีบเปลี่ยนเรื่องพูด ว่ามีข่าวดีจะบอก

เธอแอบดีใจคิด ว่าเขาจะพูดเรื่องงานแต่งงาน แต่ต้องซดน้ำแห้วเพราะข่าวดีที่ว่าคือคุณโสภณลูกค้าเก่าของเหนือฟ้า ติดต่อขอซื้อใบชามาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น เราคงต้องลุยงานกันหนักขึ้น ถ้าโชคดีอีกไม่เกิน 3 เดือน เราน่าจะลงใต้เอาใบชาไปส่งให้คุณโสภณได้ หนูนานึกขึ้นได้ ร้องทักว่าที่นั่นเป็นบ้านของเขาไม่ใช่หรือ

“เคย...เป็นบ้านของฉัน แต่วันนี้ บ้านของฉันอยู่ที่นี่”

“ฉัน อยากเห็นใบชาจากไร่เหนือฟ้าเร็วๆจังเลยคุณภูผา ถ้าเหนือฟ้ายังอยู่เขาคงจะดีใจมาก” เธอยิ้มอย่างมีความสุข ทำให้เขาพลอยสุขใจไปด้วย...

ขณะที่การสานต่อกิจการใบชาของไร่เหนือ ฟ้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เหนือฟ้าซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่ากับสองพ่อลูกชาวเขา เห็นฝีมือเป่าลูกดอกของมะยอแล้ว รีบฝากเนื้อ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ เธอไว้เชิงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“พ่อเลี้ยงเรียนไว้น่ะดีแล้ว และก็ควรจะเรียนอีกหลายๆอย่าง เผื่อวันข้างหน้ามันจะมีประโยชน์ต่อพ่อเลี้ยง”

เหนือ ฟ้ามองมะขิ่นอย่างเข้าใจความหมายว่าประโยชน์ที่ว่าคือการไล่ล่าวันชัย มะยอเล่นตัว อ้างวันนี้ไม่ว่างแล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย มะขิ่นขอร้องว่าอย่าไปถือลูกสาวของตน เหนือฟ้ามองตามยิ้มๆ...

หลัง จากกินมื้อกลางวันเสร็จ เหนือฟ้าเดินทอดน่องมาตามริมลำธารชื่นชมธรรมชาติที่ยังไม่ถูกรบกวน เห็นสายน้ำใสสะอาดเบื้องหน้านึกอยากจะว่ายน้ำเล่น ยังไม่ทันจะถอดเสื้อ สายตาเหลือบไปเห็นมะยอกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุข เขาตะลึงในความงามของเธอเผลอยืนจ้อง หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ หันขวับเหนือฟ้ารีบหลบหลังโขดหินได้ทัน เธอไม่เห็นอะไร จึงหันไปเล่นน้ำต่อ

ooooooo

source: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น