วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครพริกกับเกลือ ตอนที่8 วันที่17 ส.ค. 55


ดิ่งหน้าเสียและคิดว่าตัวเองต้องเดือดร้อนแน่ ถ้าแม่บ้านที่มาเจอเขาอย่างไม่คาดฝันพูดความจริงให้จี๊ดฟังว่าเขาเป็นลูกชาย เจ้าของบ้านพักตากอากาศหลังนี้ แต่ดิ่งก็รีบเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดด้วยการดึงแม่บ้านไปคุยห่างจากจี๊ด

แม่ บ้านรับฟังเขาด้วยดีก่อนจะมาตอบคำถามจี๊ดว่าดิ่งเป็นลูกชายของอดีตแม่บ้าน หลังนี้ จี๊ดไม่ค่อยเชื่อนัก ซักไซ้ดิ่งเป็นการใหญ่ แต่สุดท้ายก็จับผิดเขาไม่ได้ ยอมเข้ามาอาศัยบ้านซุกหัวนอนอย่างไม่มีทางเลือก แต่พอดิ่งจะให้เธอทำความสะอาดบ้านแลกที่อยู่ที่กิน โดยอ้างว่าแม่บ้านบอกไว้ เธอก็เปลี่ยนใจไม่อยู่ เพราะทำงานบ้านไม่เป็น

ส่วนคุณพี่แม่บ้านของ ดิ่ง หลังจากตกปากรับคำดิ่งไว้แล้วว่าจะไม่พูดความจริง และที่สำคัญห้ามบอกใครที่กรุงเทพฯ ด้วยว่าตนมาพักกับผู้หญิง แต่เธอกลับไม่รักษาคำพูด โทร.ไปที่บ้านดิ่ง ปะเหมาะพอดีมารศรีรับสาย ก็เลยตั้งใจจะไปกระจ่ายข่าวให้เทวัญฟัง

ด้านคุณหนูจี๊ดขาวีน เธอหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านพักตากอากาศไปยืนรอรถนานเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นมี ผ่านมาสักคัน ดั้นด้นไปสอบถามร้านค้าแถวนั้นก็ได้คำตอบว่ารถหมดแล้ว และรีสอร์ตใกล้ๆ ก็ไม่มี ต้องเดินทางอีกหลายสิบกิโลกว่าจะเจอ

ในที่ สุด จี๊ดก็ต้องย้อนกลับมาร่วมชายคากับนายดิ่ง และยอมทำความสะอาดบ้าน แม้จะทำไม่ได้เรื่อง และหนักไปทางโต้เถียง แต่ดิ่งก็นึกเอ็นดูเธอ สองคนทำไปทะเลาะกันไป จากทะเลาะกลายเป็นหยอกล้อสนุกสนานไปโดยไม่รู้ตัว

ooooooo

ที่ กรุงเทพฯ หลังจากมารศรีเอางานมาอ้างกับเศกแล้วออกไปพบเทวัญ อยู่ทางนี้ทนายวิทยาได้ติดต่อมายังเศกเพื่อรายงานเรื่องที่ให้ไปสืบเกี่ยว กับมารศรี ซึ่งข้อมูลที่ได้มาทำให้เศกแทบช็อก เมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วมารศรีเคยเป็นคนรักของดิ่ง

หลังฟังข้อมูลจาก ทนายวิทยาแล้ว เศกเข้าไปเก็บตัวเงียบในห้องนอน ศุวิมลกลับมาไม่เห็น ทราบจากแม่บ้านว่าท่านเข้าห้องพักผ่อนก็ไม่เอะใจอะไร แต่มาติดใจตรงที่มารศรีทำไมต้องออกนอกบ้านในยามวิกาล แล้วเธอก็ยิ่งประหลาดใจเมื่อยอดชายมาขอพบอย่างปัจจุบันทันด่วน

ยอด ชายมาที่นี่ถูกเพราะสอบถามข้อมูลจากลูกศิษย์ศุวิมลที่มหาวิทยาลัย เธอไม่ชอบใจนักกับความจุ้นจ้านของเขา กระชากเสียงถามว่า “มาทำไม?”

“ไม่มาแล้วจะรู้เหรอว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นลูกสาวของคุณเศกแห่งลักชัวรี่คาร์”

“ฉันถามว่ามาทำไม”

“ผมก็แค่อยากรู้ว่า...ทำไมคุณถึงได้ตามติดคุณดิ่งนักหนา เลยอยากจะมาคุยด้วย และตอนนี้มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้มากขึ้น”
“เชิญออกจากบ้านฉันไปได้แล้ว” เธอตัดบทเร็วจี๋ แต่เขาไม่สน อยากรู้ว่าเธอกับลักชัวรี่คาร์เกี่ยวข้องอะไรกับดิ่ง “ไม่รู้! ฉันบอกให้ออกไป”

“ไปก็ได้...แต่ผมต้องรู้คำตอบให้ได้”

“เรื่อง ของนาย” ศุวิมลผลักไสไล่เขาออกไป เศกออกมาเห็นพอดี ถามว่ามีอะไรกัน ศุวิมลกลัวความแตกเรื่องที่ตัวเองเจอดิ่งแล้ว จึงโกหกพ่อว่ายอดชายเป็นแฟนของตนเพื่อไม่ให้พ่อซักอะไรอีก

“ศุนัดเขา มาเปิดตัวกับคุณพ่อ ให้คุณพ่อพิจารณาค่ะ แต่ท่าทางคุณพ่อจะเหนื่อย วันนี้คงไม่สะดวก ศุจะให้เขากลับก่อนนะคะ กลับบ้านค่ะ คุณยอดชาย” เธอรวบรัดแล้วลากเขาออกมาหน้าบ้านทันที

ยอดชายไม่ทันตั้งตัว เหวอไปครู่หนึ่งก่อนจะประท้วงขึ้นว่า “เป็นข้อแก้ตัวหลบเลี่ยงที่ซวยผมมากเลย”

“นายก็เกือบทำฉันซวยเหมือนกันแหละ”

“ซวยเรื่องอะไร บอกมา”

“ไม่บอก!”

“ไม่ บอก ผมไม่กลับ แล้วผมจะไปกราบเรียนว่าที่พ่อตาว่าแฟนผมไปเฝ้าผู้ชายที่ชื่อดิ่งที่โม เดิร์นคาร์ ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับพ่อตาทุกวัน” ยอดชายหันหลังทำท่าจะกลับเข้าไปข้างใน ศุวิมลตกใจรีบดึงเขาไว้ เธอทั้งขู่ทั้งขอร้องเขาก็ไม่ยอมท่าเดียว เอาแต่ตะโกนเรียกคุณพ่อให้ลั่นไปหมด

เมื่อหมดทางเลี่ยง ศุวิมลจำใจพูดความจริงออกมา ยอดชายได้ฟังถึงกับอึ้งย้งงงงวย ไม่อยากเชื่อว่าดิ่งคือศยามลูกชายของนายเศก แถมยังเป็นแฟนกับมารศรีด้วย

“พี่ดิ่งยังไม่ยอมเปิดเผยตัว ยังคงอยู่ที่โมเดิร์นคาร์ ไม่ยอมกลับบ้าน”

“หรือว่าแอบมาเป็นหนอนบ่อนไส้”

“ไส้อะไร แล้วทำไมตอนนี้บริษัทพ่อฉันถึงได้ทรุดเอาๆ อย่าเว่อร์ พี่ดิ่งเป็นคนดี ไม่คิดทำอะไรอย่างนั้นแน่นอน”

“ผมรู้ คุณดิ่งเป็นคนดี...หนอนบ่อนไส้คือคนอื่น...ไม่ใช่เขา”

“แล้วเพราะอะไรพี่ดิ่งถึงอยากอยู่ที่นั่นต่อไป”

“อาจจะมีเหตุผลอื่น เช่น เป็นห่วงสุขภาพพ่อคุณ กลัวท่านได้รับความกระทบกระเทือนใจถ้ารู้ความจริงเกี่ยวกับคุณมารศรีและคุณดิ่ง”

“จริงด้วยสิ สมองนายก็มีรอยหยักเหมือนกันเนอะ ทำไมฉันคิดไม่ได้นะ”

ยอด ชายไม่พอใจทำท่าจะโวยใส่ เธอยิ้มแหยๆ รีบขอโทษเขาทันที หลังจากนั้นเธอไม่ลืมกำชับเขาอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร เธออยากคุยกับพี่ดิ่งก่อน แต่ยอดชายตีรวนว่าไม่รับปาก เธอเลยขู่ว่า อยากตายนักใช่ไหม?

“ไม่อยาก...ไม่บอกก็ไม่บอก แต่ที่ไม่บอกไม่ใช่เพราะไม่อยากตาย แต่...”

“แต่อะไร”

“เหตุผลที่คุณดิ่งปกปิดฐานะของตัวเองอีกข้อหนึ่งคือ เขาต้องการช่วยผมกระชากหน้ากากคู่หมั้นของจี๊ด ที่

เคยใส่ร้ายพ่อคุณว่าบงการมือปืนมาลอบทำร้ายคุณเจตนา”

“เลวจริงๆ” ศุวิมลด่าใส่หน้ายอดชายเต็มๆ

“เฮ้ย! นายเทวัญนะ ไม่ใช่ผม”

“ก็ใช่น่ะสิ...ขอบใจนะที่เชื่อใจพี่ชายฉัน”

“ผมมีสมอง แยกแยะได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ช่วยมองผมซะใหม่นะยัยเพี้ยน”

“จะไม่มองว่าดีก็ตอนนี้แหละ ปากเสีย”

ยอดชายหัวเราะร่าเดินออกไป ศุวิมลเผลอยิ้ม แอบประทับใจเขาเหมือนกัน...ขณะเดียวกันนั้น นายเศก

กลับ เข้ามาในห้องนอน แล้วก็หมกมุ่นครุ่นคิดด้วยความเสียใจเรื่องที่ทราบจากทนายวิทยาว่ามารศรีกับ ดิ่งเป็นแฟนกัน คิดมากก็เครียดมากจนนอนไม่หลับ

ค่ำคืนเดียวกันที่ บ้านพักตากอากาศ จี๊ดมีอาการปวดท้องนอนร้องครวญครางด้วยโรคกระเพาะกำเริบ เดือดร้อนดิ่งต้องวิ่งวุ่นหายาให้เธอกินบรรเทา แต่กว่าเธอจะสงบลงได้ก็นานพอสมควร ทำเอาดิ่งใจหายใจคว่ำเฝ้าดูแลเธออย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ส่วนที่ กรุงเทพฯ มารศรีตั้งใจไปหาเทวัญที่คอนโดฯ แต่ดันมาเจอทันวิทย์น้องชายวัยรุ่นของเขา และถ้าเทวัญไม่กลับมาเจอเสียก่อน เธอคงได้เคี้ยวหญ้าอ่อนไปแล้วก็ได้

“คุณมีธุระอะไร รีบๆพูดมา ผมอยากพักผ่อนเต็มทีแล้ว” เทวัญเร่งเสียงเครียด

“รับปากฉันก่อน ว่าถ้าบอกไปแล้วคุณต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ ไม่ใช่ไร้น้ำยาอย่างที่แล้วๆมา”

“คุณมารศรี มันจะมากไปแล้วนะ”

“ทำไม จะทำอะไรฉัน”

“อย่าดูถูกผม เพราะผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด”

“งั้น บอกมาสิ...ถ้าดิ่งเป็นลูกชายของนายเศกแห่งลักชัวรี่คาร์ และเป็นคนพาคุณหนูจี๊ดไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักตากอากาศของคุณเศก....คุณ จะทำอะไรได้”

“อะไรนะ!” เทวัญตกใจกับข้อมูลใหม่ที่มารศรีจงใจเยาะเย้ยให้ฟัง               

ooooooo

ตั้งแต่ เมื่อคืนถึงเช้าวันใหม่ ดิ่งอุทิศแขนตัวเองให้จี๊ดหนุนนอนจนเหน็บกินไปทั้งตัว ตื่นขึ้นมาเขาแทบเดินไม่เป็น จี๊ดรู้สึกผิดและสงสารจะช่วยบีบนวดให้ แต่เขาไม่ยอม สั่งเธอไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า เดี๋ยวตนจะทำข้าวต้มให้กิน

เช้าวันเดียวกันที่กรุงเทพฯ ศุวิมลเพิ่งทราบว่าพ่อไม่สบายและหมดสติตั้งแต่เมื่อคืน เธอตกใจมากรีบพาท่านส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน

แต่ ดิ่งไม่รู้เลยว่าพ่อกำลังแย่ เขามีความสุขที่ได้อยู่ใกล้จี๊ด ขณะเดียวกัน จี๊ดเองก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความใกล้ชิด...ไม่ว่าจะดีหรือทะเลาะกันเกิดเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งในจิตใจ ที่ต่างฝ่ายต่างบอกกันไม่ได้

หลังจากดิ่งทำข้าวต้มปลาเสร็จเรียบร้อย เขาและเธอกินด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย แถมจี๊ดยังเปิดเพลงฟังอย่างมีความสุข แต่ไม่นึกเลยว่าช่วงเวลาแห่งความสุขจะสะดุดหยุดลงในอีกครู่ต่อมา เมื่อเทวัญกับมารศรีปรากฏตัวพร้อมกัน!
เมื่อเทวัญและมารศรีปรากฏตัว...ใช่แค่ความสุขของจี๊ดกับดิ่งจะเหือดหายไป แต่มันยังกลายเป็นความบาดหมางครั้งใหญ่ระหว่างเขาสองคนขึ้นมาทันที

เทวัญ เปิดโปงความจริงเรื่องดิ่งเป็นลูกชายของเศกแห่งลักชัวรี่คาร์ คู่แข่งทางธุรกิจของพ่อจี๊ด นั่นหมายความว่าดิ่งต้องมีแผนชั่วอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ ถึงได้แฝงตัวเข้ามาในโมเดิร์นคาร์...จี๊ดตกใจและผิดหวังอย่างแรง คิดว่าดิ่งตั้งใจมาหลอก เธอต่อว่าเขาหลายคำ ขณะที่เทวัญก็พลอยกระหน่ำซ้ำเติมด้วยความสะใจ ไม่เชื่อว่าดิ่งบริสุทธิ์ใจอย่างที่พูดมา

“ใครจะเชื่อแก ฉันเข้าใจล่ะ เพราะอย่างนี้ใช่ไหม แกถึงได้ปกป้องพ่อแกว่าไม่ใช่คนจ้างวานฆ่าคุณเจตนา”

“พ่อผมเป็นคนดี”

“กล้าพูดคำนี้ได้ยังไง ที่แกทำทุกอย่างตั้งแต่ทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตคุณเจตนา สร้างเรื่องโกหกจนได้เข้ามาอยู่ในบ้าน เป่าหูทุกคนให้เห็นว่าฉันเป็นหนอนบ่อนไส้ นอกใจน้องจี๊ด สุดท้ายพอน้องจี๊ดใจอ่อนกับแก ทุกอย่างของโมเดิร์นคาร์ก็จะอยู่ในกำมือแก”

“ไม่...” ดิ่งพูดไม่ทันจบ จี๊ดขัดจังหวะสวนขึ้นมาทันทีด้วยความเสียใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

“คน เลว! นายทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง” พูดจบหันไปมองมารศรีที่ยิ้มเย้ยอยู่ในที จี๊ดเจ็บใจด่าเข้าให้ “ทำได้ไง รวบทั้งลูกทั้งพ่อ คงมีแต่คนชั่วๆอยู่ในบ้านนั้นสินะ”

“ปากดี!” มารศรีตบหน้าจี๊ดแล้วสำทับอย่างเอาเรื่อง “ฉันไม่ใช่คนที่เธอนึกจะด่าก็ด่าได้ตามใจนะ”

เท่า นั้นเอง จี๊ดสติแตกผลักมารศรีที่ไม่ทันตั้งตัวจนซวนเซล้มลงไป ดิ่งกับเทวัญเข้ามาห้ามเธอก็ไม่ฟัง ยังทำร้ายมารศรีต่อไป ที่สุดดิ่งต้องกอดเธอไว้ สั่งให้หยุดแต่จี๊ดกลับตบหน้าเขาอย่างเจ็บแค้นใจ หาว่าเขาปกป้องมารศรี

“ฉันโง่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนี้อย่าหวังว่าฉันจะโง่เชื่อคนหลอกลวงอย่างนายอีก นายศยาม!”

จี๊ดวิ่งร้องไห้ออกไปด้วยความเสียใจ เทวัญได้โอกาสตามมาปลอบ ทิ้งมารศรีไว้กับดิ่งตามลำพังในบ้าน

“พี่เทวัญ จี๊ดขอโทษ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษพี่ แค่จี๊ดปลอดภัยยังไม่ถูกไอ้สารเลวนั่นทำอะไร พี่ก็โล่งใจแล้ว ขอแค่นี้ แค่นี้จริงๆ”

“พี่ เทวัญ...จี๊ดเกลียดเขา เกลียด!! ทั้งๆที่จี๊ดรู้สึกดีกับเขาไปแล้ว...รู้สึกดีไปแล้ว” คำพูดรำพึงรำพันของจี๊ดทำให้เทวัญยิ่งโกรธแค้นดิ่ง

“เสียไปแค่ความรู้สึก ไม่เป็นไรหรอกน้องจี๊ด อีกไม่นานก็หาย พี่จะอยู่เคียงข้างให้กำลังใจน้องจี๊ดเอง เงียบซะนะคนดี”

“แต่จี๊ดจะไม่ยอมให้มันเสียไปฟรีๆหรอก ใครที่ทำจี๊ดเจ็บ จี๊ดจะเอาคืนเป็นสองเท่า นายศยามต้องรับผิดชอบที่ทำให้จี๊ดเสียใจ”
เธอสะอื้นในอ้อมกอดเทวัญที่ยิ้มย่ามใจ วาดหวังว่าทุกอย่างกำลังจะกลับเข้าสู่ความปกติ ส่วนดิ่งยืนมองมาจากในบ้าน เห็นภาพสองคนนั้นโอบกอดกันก็หน้าสลด ต่างจากมารศรีที่กำลังหน้าระรื่นหวังจะคืนดีกับดิ่งให้ได้

เมื่อมารศรีเริ่มมารยาโผเข้าใส่ ดิ่งกลับนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไรตามไปด้วยทั้งนั้น นอกจากความรังเกียจที่เพิ่มมากขึ้น

“ทำแบบนี้ทำไม” ดิ่งถามเสียงขุ่น

“ทำอะไร...อ๋อ...ที่พาเจ้าของตัวจริงมาทวงคนรักคืนน่ะเหรอ”

“คุณกับนายเทวัญรู้จักสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เรื่อง คนอื่นไว้ทีหลังได้ไหม ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่เราสองคน ศรีคิดถึงคุณ อยากใช้เวลาอยู่กับคุณเหมือนเมื่อก่อน คุณยังคิดถึงศรีอยู่ใช่ไหม” ดิ่งปฏิเสธเสียงแข็งจนเธอผงะเล็กน้อย ถามว่าทำไม? “ยังต้องถามอีกเหรอ คนไม่มีสำนึกถูกผิดดีชั่วเท่านั้นแหละที่จะยังคิดถึงผู้หญิงที่ทิ้งเขาไป อย่างไม่ไยดีเพื่อแต่งงานกับพ่อของผู้ชายคนนั้น แล้วโกหกทุกคนหน้าตายว่าไม่เคยรู้จักกัน”

“ศรีบอกแล้วไงว่าศรีถูกข่มขืน จะให้ศรีเปิดเผยว่าเคยเป็นคนรักให้ชาวบ้านเขาซ้ำเติมเหยียบย่ำศักดิ์ศรีตัวเองอีกหรือไง”

“ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว ผมไม่เชื่อคำพูดโกหกหลอกลวงของคุณ”

“ไม่ จริง คุณยังรักและคิดถึงศรี คุณไม่ลืมศรีไปง่ายๆ แบบนี้ เหมือนที่ศรีเองก็ไม่เคยลืมคุณ ดิ่งคะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ศรีจะเลิกกับพ่อคุณ เราจะมีความสุขด้วยกัน ตอนนี้ศรีไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว นอกจากคุณคนเดียว”

มารศรีทั้งพูดทั้งนัวเนียกอดรัด แต่ดิ่งไม่เล่นด้วย ผลักเธอล้มลงอย่างไม่ไยดี

“ดิ่ง! คุณกล้าทำแบบนี้กับศรีได้ยังไง”

“เพราะผมขยะแขยงคุณไง ผมเคยโง่ไปรักคุณได้ยังไง ยิ่งคุณแสดงธาตุแท้ออกมาแบบนี้ ผมยิ่งปล่อยให้คุณทำลายครอบครัวผมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”

ดิ่งผลุนผลันไปแล้ว ทิ้งมารศรีเต้นเร่าๆ กรีดร้องด้วยความผิดหวัง

ooooooo

เทวัญ พาจี๊ดกลับมาส่งบ้าน จี๊ดขอโทษพ่อกับแม่ก่อน จะเล่าความจริงเกี่ยวกับดิ่งให้ท่านฟัง วันดีซึ่งไม่ชอบดิ่งอยู่แล้วด่าไม่เลี้ยง ขณะที่เจตนายังนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด

“เราปล่อยให้เสือให้จระเข้ มาอยู่ใกล้ตัวอยู่ได้ตั้งนาน ฉันเตือนคุณแล้วนะคุณเจตนา ว่ามันไม่น่าไว้ใจ...ลูกสาวไปค้างอ้างแรมกับคนลวงโลกอยู่ตั้งหลายวัน เพราะคุณเองที่เป็นคนปิดปากเงียบไม่บอกใครว่าลูกอยู่ที่ไหน ไงล่ะ ความเชื่อใจที่ให้กับคนผิดมันเกือบย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง นี่ถ้าตาเทวัญไม่...”

“หยุดพูดก่อนได้มั้ย ผมอยากคุยกับนายดิ่งก่อนที่จะสรุปว่าเขาเป็นเสือหรือจระเข้”

“แล้ว ที่จี๊ดเล่าไปทั้งหมดยังไม่พออีกเหรอคะ ทำไมคุณพ่อยังจะไปฟังคนโกหกคนนั้นอีก” ขาดคำของจี๊ด ...ดิ่งเดินเข้ามา เธอแผดเสียงใส่เขาทันที “นายดิ่ง!! ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ ออกไปเลยนะ ออกไป”

จี๊ดผลักไสและทุบตีดิ่งไม่ยั้ง และดิ่งก็ปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นโดยไม่ปกป้องตัวเอง

“ยัย จี๊ด พอได้แล้ว” เจตนาขึ้นเสียง...จี๊ดหยุดชะงัก มองดิ่งอย่างเกลียดชัง และยิ่งไม่พอใจเมื่อพ่อของตนเอ่ยปากขอคุยกับดิ่งเป็นการส่วนตัว

เมื่อ อยู่กันตามลำพังดิ่งเริ่มต้นด้วยการยกมือไหว้ขอโทษเจตนา แต่เจตนาบอกว่าตนจะยังไม่รับคำขอโทษ จนกว่าเขาจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นความจริง

“ท่านยังจะรับฟังเหตุผลของผมอยู่เหรอครับ”

“ถ้าเธอคิดจะปกครองและบริหารคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เธอต้องฟังเหตุผลทั้งสองด้าน ส่วนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นมันเป็นอีกเรื่อง”

“ครับ ผมพูดความจริงเสมอ...ผมไม่เคยคิดร้ายกับท่านและคนในครอบครัวท่าน ผมพยายามทำดีที่สุดเพื่อช่วยทุกคน”

“ทำไมไม่กลับบ้าน”

“ผมยังกลับไม่ได้ จนกว่าผมจะรู้ว่าทำไมคุณเทวัญต้องใส่ร้ายพ่อผม และที่สำคัญ ถ้าผมกลับไปอาจจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณพ่อ”

“เคยทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างไหม”

“ท่านหมายความว่ายังไงครับ”

“ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ฉันเห็นแต่เหตุผลที่ทำเพื่อคนอื่นทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรที่เธอทำเพื่อตัวเองเลย”

“ผม จะกล้าทำอะไรเพื่อตัวเองอีก ในเมื่อผมขาดสติทำลายอนาคตของตัวเอง ทำให้คุณพ่อผิดหวังที่เรียนไม่จบ นับจากนี้ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้คุณพ่อ”

“คุณเศกโชคดีที่มีลูกชายอย่างเธอ”

“ท่านก็โชคดีครับ ที่มีลูกสาวอย่างคุณจี๊ด”

“เห็นความดีในตัวยัยจี๊ดเหมือนกันเหรอ”

“เธอเป็นคนดี คิดดี เพียงแต่อาจจะเรียกร้องความสนใจมากไปสักนิด”

เจตนาจับความรู้สึกของดิ่งได้ ถามลองใจว่า “คิดยังไงกับลูกสาวฉัน”

ดิ่ง นิ่งเงียบไม่กล้าตอบ...แต่เวลานั้น เทวัญกำลังให้คำตอบกับวันดี เขามั่นใจว่าจี๊ดรักนายดิ่ง แล้วเมื่อเทวัญเดินออก มาได้ยินเจตนาพูดกับดิ่งก็ชะงักแอบฟังด้วยความไม่พอใจ

“ถึงเธอไม่พูด ฉันก็พอจะรู้...รู้ว่าเธอคิดยังไงกับลูกสาวฉัน”

“ที่ผมไม่พูด เพราะพูดออกไปมันก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้คุณจี๊ดเกลียดผม ท่านไม่เห็นเหรอครับ”

“รัก มากก็แค้นมากไง ส่วนเธอ รักมากก็เสียใจมาก...ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างก็แล้วกัน ฉันมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง รู้ไหมอะไร”

“ไม่ทราบครับ”

“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา สักวันฉันคงจะยอมรับคำขอโทษของเธอและให้อภัยเธอได้ เธอเข้าใจฉันนะ”

“ขอบพระคุณครับ ที่ให้โอกาสผม” ดิ่งยกมือไหว้เจตนาอีกครั้ง...เทวัญแอบมองตาขวาง คำรามในลำคอ ด้วยความโกรธแค้น

“ฉันจะทำให้แกไม่มีโอกาสนั้น ไอ้ดิ่ง!”   

ooooooo
หลังจากเคลียร์กับเจตนาจบลงด้วยดีแล้ว ดิ่งมาบอกลาพวกป้าเพ็ญที่รวมตัวกันอยู่ในครัว ทุกคนรู้หมดแล้วว่าเขาคือศยามทายาทเศรษฐี ก็เลยคิดว่าเขาจะมายโสโอหังเอาคืน โดยเฉพาะแช่มที่ข่มดิ่งเอาไว้มาก แต่กลายเป็นว่าเขาก็ยังเป็นดิ่งคนเดิม อ่อนน้อมถ่อมตนยกมือไหว้ขอโทษทุกคนที่ต้องโกหก

“ผมมีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น ผมอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ขอบคุณทุกคนมากครับสำหรับทุกอย่าง ...ผมลานะครับ”

ทุกคนรับไหว้ดิ่งแทบไม่ทัน...มองตามเขาไปด้วยความเห็นใจ

“ทำไม คุณหนูจี๊ดบอกว่าพี่ดิ่งเป็นคนไม่ดี คนไม่ดีแบบไหนกัน ไปลามาไหว้เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนทั้ง ต่อหน้าและลับหลังได้ขนาดนี้ ว่าไหมป้า” สำรวยขอความเห็น...ป้าเพ็ญถอนใจเฮือกก่อนตอบอย่างหนักใจ

“ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหนูตัดสินคนจากอะไร ก็ภาวนาให้คุณหนูใจเย็นๆ แล้วก็เข้าใจชีวิตเร็วๆ จะได้มีความสุขมากกว่านี้”

ขณะ ดิ่งก้าวออกจากบ้านไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ จี๊ดแอบมองจากบนห้อง เธอน้ำตาไหลพรากทำใจไม่ได้ แต่ยังปากแข็งว่าดีใจที่คนโกหกไปจากที่นี่เสียได้...

ออกจากบ้านจี๊ด มาแล้ว ดิ่งกลับไปบ้านตัวเองและทราบจากแม่บ้านว่าเศกไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ดิ่งตกใจมากรีบตามไปเยี่ยมพ่อ ซึ่งก่อนหน้านี้มารศรีก็กลับมาที่บ้านแล้วรีบร้อนไปโรงพยาบาลหลังโดนศุวิมล ด่าซะหน้าซีดหน้าเสีย

ต่อหน้าคนอื่นมารศรีทำเป็นห่วงใยสงสารเศก แต่ลับหลังเธอยิ้มสมใจที่ยาของเทวัญออกฤทธิ์เร็วเกินคาด...เมื่อดิ่งปรากฏ ตัวต่อหน้าหมอเวทย์และมารศรีใน

ห้องคนไข้ที่เศกกำลังหลับสนิท หมอเวทย์มองดิ่งอย่างจำได้ว่าเคยเจอกันที่บ้านเจตนา

“คุณศยาม...งั้นผมก็เข้าใจถูกน่ะสิ ว่าผมเจอลูกชายคุณเศกที่บ้านคุณเจตนา ผมบอกคุณมารศรี แต่...”

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ มีธุระ” มารศรีชิงตัดบททั้งที่หมอเวทย์ยังพูดไม่จบ

ศุวิมลก้าวตามไปด้วยความไม่พอใจ คว้าแขนมารศรีถามว่าจะหนีไปไหน มารศรีทำไม่รู้ไม่ชี้ ยอกย้อนว่าทำไมตนต้องหนี

“เพราะ เธอกลัวว่าเมื่อคุณพ่อตื่นขึ้นมาเจอพี่ดิ่ง วิมานที่เธอวาดไว้ในอากาศก็จะพังทลายลง กลับไปหมดเนื้อหมดตัวอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านนอก”

“ผิดแล้ว ศุวิมล...คนอย่างฉันไม่เคยกลัว”

“ไม่กลัวก็อยู่ต่อสิ รอให้คุณพ่อตื่น”

“ฉัน ควรปล่อยให้พ่อลูกได้อยู่ด้วยกัน ก่อนที่จะ ไม่มีโอกาสนั้นอีก” มารศรีจ้องหน้าท้าทายแล้วนวยนาดจากไป ศุวิมลสีหน้าไม่สู้ดี รู้ทันทีว่าเธอต้องมีแผนชั่วอีกแน่

ในห้องคนไข้ ดิ่งวิตกกังวลเมื่อทราบจากหมอเวทย์ว่าพ่อของตนหัวใจวายเพราะเลือดไปเลี้ยง หัวใจไม่ทัน ซึ่งมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งอายุ อวัยวะต่างๆที่เริ่มเสื่อมลงตามธรรมชาติ บวกกับร่างกายอ่อนแอมาก มีความเครียดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

“แต่หมอสงสัย...คราวที่แล้วที่ ตรวจสุขภาพท่านแข็งแรงมากกว่านี้ จู่ๆร่างกายก็อ่อนแอลงกะทันหันเหมือนคนที่ป่วยเรื้อรังมาเป็นปีๆได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละ เมื่อใจอ่อนแอ ร่างกายก็อ่อนแอตามลงไปได้เหมือนกัน ...คุณกลับมาก็ดีแล้วจะได้ช่วยกันดูแลท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ท่านทำงานน้อยๆลงหน่อยก็ดี”

ดิ่งพยักหน้า หมอเวทย์อยากจะซักเรื่องดิ่งต่อด้วยความสงสัย แต่ก็ยั้งไว้ ไม่พูดดีกว่า

“หมอไปนะ แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่”

“ขอบพระคุณมากครับ”

เมื่อ อยู่สองคนกับพ่อที่ยังหลับสนิท ดิ่งกอดท่านและพร่ำพูดแต่คำขอโทษ ศุวิมลกลับเข้ามาเห็นสะเทือนใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่...ครั้นเช้าวันรุ่งขึ้น เศกลืมตาเห็นลูกชายซบหน้าอยู่กับแขนของตน วูบหนึ่งเขาดีใจที่ลูกชายกลับมา แต่พอดิ่งรู้สึกตัวถามไถ่อาการ เขากลับมึนตึงเมินหน้าหนี ยังรู้สึกโกรธดิ่งที่ทิ้งอนาคตกลับเมืองไทยโดยไม่บอกกล่าว

ooooooo

ทาง ด้านคุณหนูจี๊ดเจ้าอารมณ์ เช้านี้เธอซึมเศร้าและเหม่อลอย แต่พอยอดชายกับใจดีแวะมาหาถึงบ้านแล้วพูดถึงดิ่งในด้านดี เธอก็วีนเหวี่ยงใส่เพื่อน ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น

“พวกแกไม่เข้าใจฉันหรอก ว่าฉันเจ็บ...เจ็บมาก แกไม่เคยถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังเหมือนฉัน”

“เจ็บกว่าตอนถูกคุณเทวัญหักหลังหรือเปล่า”

“พี่เทวัญไม่ได้หักหลังฉัน”

“จี๊ดกำลังจะบอกว่า...เป็นเงาะอย่างนั้นเหรอ ที่หักหลังจี๊ด”

“ใช่!” คำตอบหนักแน่นของจี๊ดทำให้เพื่อนไม่พอใจ ใจดีย้ำว่าเงาะเป็นเพื่อนเรา จี๊ดเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนได้ยังไง “ก็เพื่อนไม่ใช่เหรอที่จ้องจะตีท้ายครัวฉันตลอด อิจฉาฉันไม่เลิก เงาะชอบพี่เทวัญ เมื่อไม่ได้เลยหาทางใส่ร้าย โดยที่มีนายดิ่งและพวกเธอร่วมมือด้วย”

“จี๊ด!!!” ยอดชายกับใจดีอุทานเสียงหลง

“ฉันพูดถูกใช่ไหม เห็นไหมว่าฉันถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังซ้ำซากไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันมันโง่จริงๆ”

“ใช่...เธอ มันโง่ โง่ที่หลงเชื่อนายเทวัญ” ยอดชายด่าอย่างไม่เกรงใจ แต่จี๊ดก็ยืนยันว่าพี่เทวัญเป็นคนเดียวที่ไม่เคยทำให้ตนเสียใจ ยอดชายสวนกลับอย่างสุดทน “ไม่มีคนดีขนาดนั้นในโลก ยกเว้นพวกเสแสร้งแกล้งทำ ไว้เธอเลิกโง่ได้เมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน...ใจดี กลับ!”

ยอดชายลุกพรวดออกไป จี๊ดเลิ่กลั่กรีบถามใจดี “นี่พวกแกตั้งใจจะเป็นศัตรูกับฉัน ไม่ใช่เพื่อนฉันใช่มั้ย”

“พวก เราไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับแก และก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่มีวิจารณญาณ เอาแต่อารมณ์อย่างแกเหมือนกัน” ใจดีทิ้งท้ายแล้วลุกหนีไปอีกคน

“เออ...ไปเลย ฉันไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนก็ได้” จี๊ดโวยวายไล่หลัง แต่พออยู่คนเดียวก็ซึมเศร้าหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด...

ที่ โรงพยาบาล เศกยังหมางเมินไม่ยอมรับคำขอโทษจากลูกชาย ศุวิมลเห็นแล้วหนักใจ พยายามไกล่เกลี่ยให้พ่อเข้าใจและเห็นใจดิ่งที่ทิ้งอนาคตตัวเองเพราะมารศรี เป็นต้นเหตุ มารศรีโกหกพ่อ เธอมีแผนบางอย่างถึงได้ยอมแต่งงานกับพ่อ

เศกรับฟังแต่ไม่ทันจะพูดอะไร มารศรีก็โผล่เข้ามาพอดี เธอค้านคำพูดทุกอย่างของศุวิมลจนมีปากเสียงกันเอ็ดอึง

“เธอไม่บริสุทธิ์ใจ เธอหวังอะไรจากครอบครัวของเรา เธอหลอกคุณพ่อทำไม”

“พวก คุณเป็นลูกประเภทไหนกัน ทั้งๆที่พ่อตัวเองไม่สบายแท้ๆ แต่กลับเอาเรื่องไร้สาระมาพูดอยู่ได้” ว่าแล้วมารศรีเข้าไปอ้อนเศกราวกับห่วงใยรักใคร่เสียเหลือเกิน “คุณเศกคะ นอนพักผ่อนก่อนนะคะ อย่าไปฟังลูกๆของคุณเลย เดี๋ยวจะทรุดลงอีกนะคะ”

“มารศรี...เลิกเล่นละครได้แล้ว” ดิ่งโพล่งขึ้น

“พวกคุณนั่นแหละที่รวมหัวกันเล่นละคร”

ดิ่งกับศุวิมลอึ้ง ไม่คิดว่ามารศรีจะด้านมาไม้นี้ เศกมองมารศรีนิ่ง...อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนจะแก้ตัวยังไง

“ทำไม กลัวฉันจะแย่งสมบัตินักหรือไง สัญญาก่อนจดทะเบียนสมรสฉันก็เซ็นไปแล้วว่าจะไม่มีส่วนในทรัพย์สินใดๆทั้ง สิ้น แล้วยังต้องการอะไรจากฉันอีก หรือจะให้ฉันออกไปจากชีวิตของคุณเศกให้ได้”

“ใช่!” ศุวิมลสวนทันควัน

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าคุณเศกไม่เอ่ยปากไล่ฉันออกไปเอง ฉันก็ไม่ไป”

สองพี่น้องหันมองพ่อ...รอคอยการตัดสินใจ กระทั่งได้ยินเศกไล่ดิ่งออกไป มารศรีถึงกับยิ้มหน้าบาน ขณะที่ ดิ่งกับศุวิมลตะลึงคาดไม่ถึง

“พวกแกได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันเคยประกาศเอาไว้แล้วใช่ไหมว่าเจ้าดิ่งไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป แกมาทำไมเอาป่านนี้...มันสายเกินไปแล้ว”

ดิ่งพูดไม่ออก เดินลิ่วออกมาด้วยความเสียใจ ศุวิมลวิ่งตามมาเรียกพี่ชาย ห้ามไม่ให้ไป แต่เขาบอกน้องสาวว่า พี่ฝากดูแลคุณพ่อด้วย

“พี่ดิ่งอย่าโกรธคุณพ่อนะ คุณพ่อกำลังหลงยัยมารศรี ทำให้มองความจริงบิดเบือน พี่ดิ่งต้องเข้าใจคุณพ่อนะ”
source: thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น