วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครรักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 13

หนูดีเข้ามาในครัวก็เห็นธีระกำลังแกะขนมจีบซาลาเปาใส่จานอยู่
       “มาค่ะหนูดีช่วย”
       ธีระส่งกล่องขนมจีบซาลาเปาให้หนูดี
       “นี่ของแม่ แล้วนี่ผมซื้อมาฝากคุณ” ธีระบอก
       “ขอบคุณค่ะ”
       “อ้อ แล้วนี่ ขนมจีบซาลาเปากล่องนี้ ฝากไปให้แม่คุณด้วย”
       หนูดีอึกอัก “เอ่อ”
       “ผมเห็นว่าเจ้านี้อร่อย คุณแม่คุณคงชอบ”
       หนูดียกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
       “นี่ราดหน้าทะเลของแม่ผม” ธีระบอก
       หนูดีหันไปหยิบจานแล้วแกะถุงเทใส่
       จินดามองเห็นหนูดีกับธีระยืนคุยกัน
       หนูดีถือจานขนมจีบซาลาเปาเข้ามาให้
       “คุณป้าขา นี่ค่ะ ขนมจีบซาลาเปา”
       “คุยอะไรกับลูกชายชั้น” จินดาถาม
       “อ๋อ คุณธีเค้าซื้อขนมจีบซาลาเปาฝากแม่หนูน่ะค่ะ”
       จินดาพยักหน้ารับรู้ หนูดีเดินกลับไปหาธีระในครัว จินดาเหลียวมองตาม
       จินดาเห็นธีระคุยกับหนูดี หนูดีจะยกจานราดหน้าออกมาแต่ธีระทักขึ้น
       “เดี๋ยวหนูดี น้ำจิ้มด้วย”
       “ค่ะ”
       จินดามองทั้งสองอย่างครุ่นคิด
       หนูดีถือจานราดหน้ากับน้ำจิ้มขนมจีบเข้ามาวางให้จินดาแล้วเดินกลับไป ในครัว จินดามองตามพลางคิดว่าธีระจะสนใจผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า
      
       ยามค่ำ จินดานั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน ธีระเอาน้ำชาเข้ามาให้
       “ชาร้อนครับแม่ ยังไม่ง่วงหรือครับ”
       “ยังลูก ยังหัวค่ำอยู่เลย” จินดาบอก
       ธีระลงไปนั่งข้างๆ แม่ จินดาจับมือลูกชายมาหอม ธีระยิ้มให้แม่
       “แม่ขอถามอะไรอย่าง อย่าโกหกแม่นะ”
       “ครับ”
       “ตอนนี้ลูกมีใครอยู่ในใจมั้ย”
       “แม่หมายถึงผู้หญิงหรือครับ”
       “จ้ะ”
       “ผมบอกแม่ตามตรงนะครับ ไม่มี แล้วผมก็คิดว่าผมจะไม่มีใครอีกต่อไปแล้ว”
       “เป็นเพราะแม่ใช่มั้ย” จินดาถาม ธีระมองหน้าแม่ “แม่ขอโทษนะ ที่แม่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกต้องเลิกกับผู้หญิงทุกๆคน”
       ธีระยิ้ม “ไม่ใช่หรอกครับแม่ แม่อย่าโทษตัวเองเลยครับ ถึงผมแต่งงานกับใครซักคนไป บางทีผมอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ถ้าผมต้องทิ้งให้แม่อยู่ตามลำพัง”
       “แต่แม่รู้ว่าลูกของแม่ไม่ใช่คนอย่างงั้นหรอก ... ลูกจะไม่มีวันทอดทิ้งแม่ แม่รู้”
       ธีระมองแล้วจับมือแม่ขึ้นมาหอม
       “จากนี้ไปถ้าลูกจะรักจะชอบใครแม่ก็จะไม่ขัดขวางลูกอีกต่อไปแล้ว” จินดาบอก
       ธีระมองหน้า
       “แม่พูดจริงๆนะ แม่มาคิดๆดู แม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับลูกได้อีกนานแค่ไหน”
       “อย่าพูดอย่างงั้นสิครับแม่ แม่ต้องอยู่กับผมไปถึงร้อยปี”
       “เมื่อก่อนแม่ก็อยากให้มันเป็นอย่างงั้น แต่พอเกิดเรื่องกับแดงทำให้แม่ได้สติ ได้รู้ว่าแม่ไม่ควรเห็นแก่ตัวผูกมัดลูกๆไว้กับตัวเอง”
       ธีระมองหน้าแม่ จินดาพูดต่อ
       “เมื่อก่อนแม่คิดว่ามีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่รักลูกๆมากที่สุด แต่พี่เขยของลูกทำให้แม่รู้ว่ายังมีคนที่รักแดงมากเท่าๆกับที่แม่รัก” จินดาจับแก้มธีระ “ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกก็ควรจะได้เจอใครที่เค้ารักลูกเท่ากับแม่หรือบางทีเค้าอาจจะรักลูก มากกว่าแม่ก็ได้”
       “ไม่มีหรอกครับแม่ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครรักผมมากไปกว่าแม่” ธีระบอก
       จินดามองหน้าลูกชายแล้วก็น้ำตารื้น เธอดึงธีระเข้ามากอด หนูดียืนมองสองแม่ลูกอยู่บนบันได หนูดีขยับเดินลงจากบันไดเข้ามาหา จินดาหันมอง
       “คุณป้าคะ หนูลานะคะ”
       “จะกลับแล้วหรือลูก” จินดาถาม
       “ค่ะ สองทุ่มแล้ว”
       “ธี ไปส่งน้องหน่อยลูก”
       “ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับเองได้” หนูดีบอก
       “อย่าเลย ให้พี่เค้าขับไปส่งปากซอยแล้วกัน ค่ำๆมืดๆป้าไม่อยากให้ออกไปไม่ปลอดภัย”
       “แต่หนูไปได้นะคะ”
       “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปส่งให้ เดี๋ยวผมมานะครับแม่” ธีระบอก
       “ไม่ต้องห่วงลูก”
       “หนูไปนะคะคุณป้า”
       จินดารับคำ “จ้ะ”
       หนูดีกับธีระเดินออกไปจากบ้าน จินดามองตาม
      
       หนูดีนั่งอยู่ในรถของธีระด้วยท่าทางประหม่า ธีระนั่งขับรถนิ่ง หนูดีเหลือบมองอย่างวางตัวไม่ถูก
       “บ้านคุณอยู่ไหน” ธีระถามขึ้น
       “ประชาชื่นค่ะ เดี๋ยวคุณธีจอดปากซอยได้เลยค่ะ”
       “ไม่เป็นไร ผมขับไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า”
       “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูดีกลับเองได้ นั่งรถเมล์แค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะ”
       “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ขึ้นทางด่วนดีกว่าสิบนาทีก็ถึงแล้ว”
       หนูดีรู้สึกเกรงใจ “แต่ว่า”
       “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเกรงใจ”
       “ก็ได้ค่ะ”
       ธีระกดเปิดเพลง หนูดีนั่งนิ่งแล้วค่อยๆเหลือบมองธีระ เธอเห็นหน้าธีระขับรถนิ่ง หนูดีมองแล้วก็อมยิ้ม ธีระหันมามอง หนูดีหันหน้ากลับแล้วทำเฉย ธีระหันกลับโดยไม่ได้สนใจ หนูดีหันมามองอีกที ธีระยังคงขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย
      
       รถของธีระแล่นไปตามทาง หนูดีบอกธีระ
       “เลี้ยวซ้ายซอยหน้าเลยค่ะ”
      
       รถธีระเลี้ยวมาจอดหน้าห้องเช่าของหนูดี รถตำรวจเปิดไฟหวอจอดอยู่ด้านหน้า ชาวบ้านยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่
       หนูดีกับธีระที่ยังนั่งอยู่ในรถมอง
       “มีเรื่องอะไรกัน มีรถหวอด้วย” ธีระสงสัย
       “นั่นสิคะ สงสัยใครจะมีเรื่องกัน ขอบคุณนะคะ”
       หนูดียกมือไหว้ธีระแล้วก้าวลงจากรถ
       ป้าจิตเพื่อนบ้านวิ่งเข้ามาเรียกหนูดี
       “หนูดี”
       “มีอะไรคะป้าจิต” หนูดีถาม
       “เอ็งมาก็ดีแล้ว แม่เอ็งโดนซ้อมปางตาย”
       “หา แม่” หนูดีรีบวิ่งไป ธีระมองตามด้วยความตกใจ
      
       หนูดีวิ่งเข้ามาก็เห็นแม่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะตำรวจในสภาพหน้าตาบวมปูด และมีชาวบ้านกำลังช่วยปฐมพยาบาล
       หนูดีตกใจ “แม่”
       “หนูดี”
       “นี่แม่เป็นอะไรคะเนี่ย” หนูดีถาม
       “ไม่มีอะไรลูก”
       “แล้วทำไมหน้าตาแม่เป็นอย่างนี้ล่ะคะ”
       “นิดหน่อยลูก ไป เข้าบ้านเถอะ”
       แม่ขยับลงจากรถจะเดินไป แต่ตำรวจเข้ามาเรียก
       “เดี๋ยวนะครับ ต้องไปให้ปากคำที่โรงพักก่อน”
       “มีเรื่องอะไรหรือคะ” หนูดีถาม
       “มีคนมาทำร้ายแม่คุณ เมื่อกี้เท่าที่คุย น่าจะเป็นพวกหนี้นอกระบบ”
       “ชั้นไม่เอาเรื่องหรอกค่ะคุณตำรวจ”
       “ถึงคุณไม่เอาเรื่อง แต่ก็ต้องไปให้ปากคำครับมันเป็นคดีอาญา”
       “งั้นเป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ” หนูดีถาม
       “ก็ได้ครับ งั้นผมลาล่ะ” ตำรวจขึ้นรถแล้วขับออกไป
       “นี่นิด พี่ว่ายังไงก็ต้องแจ้งความไว้นะ ขืนไม่แจ้งความมันจะกลับมาเอาเรื่องอีก” จิตบอก
       “เดี๋ยวพรุ่งนี้ชั้นจะโทรไปเคลียร์กับเสี่ยวิทย์เค้าเอง” แม่หนูดีพูด
       หนูดีเงยหน้ามาเห็นธีระยืนมองอยู่
       “คุณธี”
       “ผมว่าพาคุณแม่ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่ามั้ย” ธีระเสนอ
       “นี่คุณธีค่ะแม่ ที่หนูไปดูแลคุณแม่ให้เค้า” หนูดีแนะนำ
       “ชั้นไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
       “แต่ผมว่าควรจะไปให้หมอเค้าดูซะหน่อยนะครับ”
       “ใช่แม่ ไปเอกซเรย์ดูซะหน่อยนะ” หนูดีบอก
       “ไปครับ ผมไปส่ง” ธีระอาสา
       หนูดีเกรงใจ “เอ่อ”
       “ไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ”
       ธีระเดินนำไปที่รถ แม่มองหนูดี หนูดีพยักหน้าให้
      
       หนูดีเปิดประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน ธีระนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าห้อง หนูดีเดินเข้ามาหา
       “หมอทำแผลแม่เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ว่าขอให้แม่นั่งพักดูอาการซักแป๊บ” หนูดียกมือไหว้ “หนูดีต้องขอโทษนะคะ ที่ทำให้คุณธีต้องเสียเวลา”
       “อย่าพูดอย่างงั้นสิ คุณยังช่วยเหลือดูแลแม่ผมเลย” ธีระบอก
       “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณธีกลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณป้าจะเป็นห่วง อีกซักพักหนูดีจะพาแม่กลับบ้านเอง”
       “ผมโทรบอกคุณแม่แล้วว่าเดี๋ยวส่งคุณแล้วผมจะกลับ”
       “ไม่เป็นไรนะคะ หนูดีกลับเองได้”
       “ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
       “งั้นหนูดีไปจ่ายเงินก่อนนะคะ”
       “ไม่ต้องหรอก ผมจ่ายให้แล้ว”
       “เท่าไหร่คะ” หนูดีเปิดกระเป๋าจะหยิบเงิน
       “นิดหน่อย”
       หนูดีอึกอัก “เอ่อ”
       “อย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณเลยนะ เมื่อกี้ผมได้ยินที่ตำรวจคุยกับคุณ แม่คุณเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่”
       “ประมาณสามแสนน่ะค่ะ”
       “พรุ่งนี้ผมจะให้คุณยืมเงินไปใช้หนี้ก่อนสามแสน เมื่อไหร่ที่คุณมีเงินค่อยมาทยอยใช้ผม”
       “ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้หนูดีจะจัดการเรื่องนี้เอง”
       “คุณจะจัดการยังไง คุณมีเงินหรือ”
       “เอ่อ” หนูดีอึกอัก
       “ขอโทษที่พูดอย่างนี้ ผมหมายถึงว่าคุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก เพราะผมไม่ได้ให้คุณฟรี ๆ ผมเพียงแต่ต้องการให้เรื่องทุกอย่างจบลง คุณกับแม่จะได้ปลอดภัย คุณจะได้มีเวลาดูแม่ผม ตกลงมั้ย”
       “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณธีมากนะคะ”
       พยาบาลเดินออกมาเรียก
       “หนูดี หมอจะคุยด้วย”
       “ขอตัวก่อนนะคะ” หนูดีบอกธีระ
       “เชิญ” ธีระบอก หนูดีเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ธีระมองตาม
      
       ประตูห้องเช่าเปิดออก หนูดีประคองแม่เข้ามานั่งบนเตียง
       “แม่นอนพักก่อนนะ ปวดแผลมั้ย”
       “ไม่ปวดแล้วลูก คุณธีเค้าดีนะ อุตส่าห์ไปรับไปส่งเรา”
       “ใช่จ้ะ เค้าดีมากเลย นี่เค้ายังออกค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยนะแม่ แล้วพรุ่งนี้เค้าจะเอาเงินให้เรายืมสามแสนไปใช้หนี้เสี่ยวิทย์”
       “จริงหรือลูก”
       “จริงค่ะ”
       “ทำไมเค้าถึงดีกับเรา หรือว่า...”
       “หรือว่าอะไรแม่” หนูดีงง
       “หรือว่าเค้าชอบลูก ถึงเอาเงินมาซื้อลูก”
       หนูดีขำ “ไม่ใช่หรอกแม่ คิดมากไป คุณธีเค้าเพียงแต่ต้องการให้หนูดูแลแม่เค้าให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้สิน และอีกอย่างเค้าให้ยืมนะแม่ ไม่ได้ให้เปล่า ๆ”
       “ถ้าอย่างงั้นก็แล้วไป แม่นึกว่าเค้าจะเอาเงินมาซื้อลูก”
       “แต่จะว่าไปนะ ถ้าเค้าซื้อจริงๆแม่ไม่ชอบหรือ คุณธีเค้ามีเงินนะ แถมยังหล่ออีกด้วย”
       “นี่ลูกชอบเค้าหรือ”
       “เปล่าแม่ หนูแค่อำเล่น เอาล่ะแม่นอนนะ หนูจะไปอาบน้ำ”
       หนูดีเดินออกไป แม่มองตามแล้วถอนใจ
      
       หนูดีเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วมองกระจก
       “ถ้าเค้ามาชอบเราจริง เราจะชอบเค้าดีมั้ยนะ”
       หนูดีนึกถึงตอนที่ธีระขับรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย
       หนูดียิ้มขำ
       “เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา” หนูดีเดินออกไป
      
       ธีระหยิบเงินสามแสนบาทออกจากซอง แล้วส่งเงินให้แม่หนูดี
       “นี่ครับคุณแม่ สามแสน”
       แม่ยกมือไหว้ “ชั้นกราบขอบพระคุณคุณธีมากนะคะ”
       “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
       “ชั้นจะไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง ชั้นจะรีบหาเงินไปใช้คุณให้เร็วที่สุดค่ะ”
       “ไม่ต้องรีบหรอกครับ เอาไว้คุณแม่มีเมื่อไหร่ค่อยทยอยใช้ก็ได้”
       หนูดียกมือไหว้ “หนูดีต้องขอบคุณคุณธีอีกครั้งนะคะ ถ้าไม่ได้คุณธีช่วยครั้งนี้เราสองคนคงแย่”
       “แน่ใจนะว่าไม่มีหนี้ที่อื่นอีก”
       “ไม่มีแล้วค่ะ หนี้ก้อนนี้มันก็เป็นมานานแล้ว ความจริงชั้นยืมเค้ามาแค่แสนเดียวส่งหนูดีเรียน แต่นี่เค้ารวมดอกเบี้ยทบไปทบมากลายเป็นสามแสน เลยใช้ไม่หมดซะที”
       ธีระพยักหน้ารับรู้ “เอาล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมคงต้องลา”
       “ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หนูดีไปส่งท่านสิ”
       “ไม่ต้องหรอกครับ” ธีระหันมาถามหนูดี “แล้วเย็นนี้คุณจะไปดูแม่ผมมั้ย”
       “ไปค่ะ” หนูดีตอบ
       “งั้นเย็นนี้เจอกัน สวัสดีครับ”
       ธีระยกมือไหว้แม่หนูดีแล้วออกไป แม่หันมาบอกหนูดี”
       “ลูกต้องตั้งใจดูแลแม่คุณธีให้ดีนะ อย่าให้ท่านผิดหวังในตัวเรา”
       “จ้ะแม่”
       “งั้นแม่จะเอาเงินไปใช้ไอ้เสี่ยนั่นก่อนนะ”
       หนูดีพยักหน้า แม่ลุกเดินออกไป หนูดีถอนใจด้วยความโล่งอก
      
       ตอนเย็น หนูดีจัดอาหารให้จินดา หนูดีเข็นรถวีลแชร์ให้จินดามาที่โต๊ะอาหารแล้วก็คอยดูแลป้อนอาหารให้
       วันใหม่ หนูดีอ่านหนังสือให้จินดาฟัง
       วันต่อไป หนูดีวัดความดันและเจาะน้ำตาลให้จินดา
       วันต่อมา ธีระในชุดนักบินกลับมาจากการไปบิน เขาตรงเข้าไปกอดและหอมแม่ หนูดียืนมองแล้วก็ยิ้ม
      
       แดงกับกบเดินมาตามทางเดินในโรงพยาบาล
       เมื่อเข้ามาพูดคุยกับหมอในห้องหมอแล้ว แดงก็ถามขึ้น
       “จริงหรือคะหมอ”
       “จริงครับ” หมอตอบ “เซลมะเร็งลดลงเหลือแค่ศูนย์จุดสามเปอร์เซ็นต์”
       “หมายความว่าภรรยาผมจะหายจากโรคมะเร็งใช่มั้ยครับ” กบถาม
       “เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ครับ”
       แดงหันไปมองหน้ากบ แล้วทั้งสองก็โผเข้ากอดกัน
       “พี่กบ”
       “แดง พี่ดีใจจริงๆ”
       “ชั้นก็ดีใจพี่กบ”
       “ขอบคุณหมอมากนะครับ”
       “แต่มันยังไม่ได้หายขาดซะทีเดียวนะครับ ต้องให้ยาไปเรื่อย ๆ ถ้าร่างกายอ่อนแอลงมันอาจจะกลับมาเป็นได้อีก” หมอบอก
       “ค่ะ ชั้นจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเลยค่ะหมอ”
       หมอพยักหน้า แดงกับกบหันมากอดกันอีกครั้ง
      
       ที่บ้านของจินดา จินดาถามอย่างดีใจ
       “จริงหรือลูก นี่ลูกไม่ได้หลอกให้แม่ดีใจใช่มั้ย”
       “ไม่จ้ะแม่ แดงหายจริงๆ” แดงยืนยัน
       “แม่ดีใจที่สุดในโลกเลย” จินดากอดลูกสาวน้ำตาริน “ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยลูกของแม่ไว้”
       กบกับธีระมองหน้ากัน แล้วกบก็ดึงธีระไปกอด
       “ดีใจด้วยนะพี่กบ” ธีระบอก
       “ขอบใจนายมากนะธี ที่เป็นกำลังใจให้แดง”
       “ดีใจด้วยนะพี่แดง” ธีระบอกพี่สาว
       ธีระกอดพี่สาว หนูดีที่ยืนอยู่อีกมุมยิ้มอย่างดีใจไปด้วย
      
       ณ บ้านพักริมทะเล กบ แดง ไตรตั้น จินดาและธีระกำลังถ่ายรูปร่วมกันอยู่ริมทะเล โดยมีหนูดีเป็นตากล้อง
       “ยิ้มหน่อยค่ะ หนึ่งสองสาม ... อีกรูปนะคะ หนึ่งสองสาม”
       ทุกคนยิ้ม ภา ช้อย ใหญ่เดินเข้ามา
       “เดี๋ยว เดี๋ยว อย่าเพิ่งแยก” ภาบอก
       “ขอพวกเราด้วย” ช้อยว่า
       “ขอรูปหมู่มวลกันหน่อย” ใหญ่พูด
       จินดาเรียก “มาทางนี้ พี่ช้อยมาข้างๆชั้น”
       “พี่ภาอย่าบังชั้นสิ” ใหญ่ว่า
       “พร้อมนะคะ หนึ่ง สอง สาม” หนูดีนับ ทุกคนยิ้ม เสียงลั่นชัตเตอร์ดังขึ้น
      
       กบ ไตรตั้น และแดงนั่งเล่นกองทรายด้วยกันอยู่ จินดานั่งมองลูกสาวและครอบครัว จินดายิ้มอย่างมีความสุข หนูดีถือยาเดินเข้ามาให้
       “คุณป้าคะ ทานยาค่ะ”
       “ขอบใจลูก” จินดาเอายาใส่ปาก “มาทะเลสนุกมั้ย”
       “สนุกค่ะ ตั้งแต่เรียนจบก็เพิ่งได้มานี่แหละค่ะ”
       “แล้วปีนี้หนูอายุเท่าไหร่” จินดาถาม
       “ยี่สิบสี่ค่ะ”
       “มีแฟนรึยัง” จินดาถามต่อ
       “ยังค่ะ”
       “อะไรกัน หน้าตาสวยๆอย่างหนูไม่มีใครมาจีบเลยหรือ”
       “ไม่มีจริงๆค่ะ”
       “แสดงว่าหมอที่โรงพยาบาลตาถั่วกันหมด”
       พูดจบจินดาก็หัวเราะ ช้อย ใหญ่และภาเดินเข้ามา
       “ขำอะไรหรือพี่จิน” ช้อยถาม
       “กำลังพูดกับแม่หนูดีว่าหมอที่โรงพยาบาลเค้าตาถั่วหรือไง ถึงไม่มีใครคิดจะจีบ”
       “พี่จินพูดอย่างงั้นไม่ได้นะ ชั้นว่าต้องมีคนมาจีบบ้างล่ะ แต่หนูดีเค้าอาจจะไม่สนใจก็ได้” ภาบอก
       “นั่นน่ะสิ สวยๆแบบนี้ป้าไม่เชื่อหรอก” ใหญ่ว่า
       ช้อยถาม “มีแฟนมากี่คนแล้วล่ะ”
       “ไม่มีจริงๆค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ” หนูดีลุกเดินออกไปเพราะอาย
       “พอคุยเรื่องนี้ชิ่งหนีเลยนะหนูดี” ภาพูด ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมา
      
       หนูดีเดินขึ้นบ้านพักมาเจอกับธีระที่เดินลงบันไดมา
       “อ้าวหนูดี ถ้าอยากจะเล่นน้ำก็เล่นได้นะ เดี๋ยวผมจะดูแม่เอง” ธีระบอก
       “ไม่เล่นหรอกค่ะ”
       “เดี๋ยวหนูดี”
       “คะ”
       “ถ้าลงมาอีกทีช่วยหยิบเสื้อหนาวให้แม่ด้วยนะ” ธีระบอก
       “ค่ะ”
       จินดาเห็นหนูดียืนคุยกับธีระ ป้าทั้งสามมองตาม
       “พี่ใหญ่ว่าอย่างกัปตันจะชอบหนูดีมั้ย” ภาถามขึ้น
       “ชั้นว่าไม่นะ” ใหญ่ตอบ
       “ทำไมถึงคิดว่าไม่” ช้อยถามต่อ
       “ชั้นว่าหนูดีมันเด็กไปสำหรับกัปตัน” ใหญ่บอก
       “เด็กแล้วมันไม่ดีตรงไหน” ภาสวน
       “แกไม่เห็นหรือว่าแฟนแต่ละคนของกัปตันที่ผ่านมา เค้าทั้งสวยทั้งโตกว่านี้เยอะ นี่มันเด็กกะโปโล”
       “แต่ชั้นว่ากัปตันอาจจะชอบนะแต่ไม่แสดงออก” ช้อยเดา
       “ทำไมพี่ช้อย” ภาถาม
       “ขืนแสดงออกก็ ...” ช้อยมองจินดา
       “ทำไม จะบอกว่านายธีกลัวชั้นหรือ” จินดาถาม
       “อ้าว พี่จินแล้วที่ผ่านๆมาพี่จินยิ้มรับว่าที่ลูกสะใภ้ซะที่ไหนล่ะ”
       “นั่นมันเมื่อก่อน” จินดาบอก
       ทั้งสามชะงัก “อะไรนะ”
       “ชั้นบอกว่ามันเมื่อก่อน ตอนนี้ชั้นไม่ได้คิดจะกีดกันเค้าแล้ว”
       “นี่หมายความว่าตอนนี้ยอมให้ลูกชายมีเมียได้แล้วหรือ” ภาถาม
       “อืมม์ เค้าจะรักจะชอบใครชั้นไม่ว่าแล้ว” จินดาบอก
       “จริงหรือพี่จิน ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ยอมแพ้ง่ายๆ”
       “คนเราก่อนจะตายมันก็ต้องคิดได้บ้างล่ะพี่ช้อย” ใหญ่บอก
       “ถูกของแม่ใหญ่ ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่ง ขืนชั้นยังกีดกันลูก วันนึงที่ชั้นตายขึ้นมาก็จะไม่มีใครรักและห่วงใยลูกแทนชั้น” จินดาพูด
       “ชั้นดีใจจริงๆที่พี่จินสำนึกได้” ภาบอก
       “แหม ดีใจแทนกัปตันจริงๆ จะได้มีเมียกับเค้าซะที” ช้อยว่า
       ใหญ่ร้องขึ้น “ไช ...”
       ภากับช้อยรับคำ “โย”
       ป้าทั้งสามร้องพร้อมกัน “ไช ..โย”
      
       แดงมองไปก็เห็นแม่กับเพื่อนๆ หัวเราะกัน แดงหันมาถามกบ
       “พวกแม่เค้าเฮอะไรกัน”
       “คงดีใจเรื่องแดงล่ะมั้ง” กบบอก
      
       ธีระแกะกุ้งส่งให้จินดา
       “แม่ครับกุ้งเผา”
       “พอแล้วลูก” จินดาบอก
       “งั้นปูหน่อยนะคะแม่” แดงที่นั่งอีกข้างแกะปูส่งให้
       “ไม่ไหวแล้วลูก แม่อิ่มจริง ๆ”
       “งั้นป้ากินแทนเอง” ใหญ่บอก
       “นี่ครับป้าใหญ่” ธีระส่งให้
       “พี่จินดานี่นะ จะว่าไปแล้วมีบุญจริงๆ” ช้อยโพล่งออกมา
       “มีบุญยังไงพี่ช้อย” จินดาถาม
       “ก็ดูสิ ลูกชายแกะกุ้งด้านขวา ลูกสาวแกะปูให้ด้านซ้าย ชีวิตนี้จะไปหาได้ที่ไหน”
       “ใช่ มีลูกชายหญิงกตัญญูขนาดนี้ นึกถึงลูกชั้นแล้วก็ราวฟ้ากับดิน วันๆมันสนใจแต่เมียแต่ลูกของมัน นี่ดีนะที่ชั้นมีเงินไม่งั้นคงต้องไปขอทานกิน” ใหญ่บอก
       จินดามองธีระกับแดงแล้วก็กุมมือลูกทั้งสอง
       “แม่อยากบอกให้ลูกสองคนรู้นะว่าแม่ดีใจที่ลูกสองคนเกิดมาเป็นลูกแม่” จินดาพูด
       “เราสองคนก็ดีใจค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่” แดงบอก
       “กบ ถึงแกจะเป็นแค่ลูกเขย แม่ก็รักแกนะ” จินดาบอก
       “ครับ ถึงแม่จะเป็นแค่แม่ยายแต่ผมก็รักแม่เหมือนแม่ผม” กบพูด
       “ตั้นก็รักยายที่สุดในโลกเลยครับ” ไตรตั้นเอ่ยขึ้น
       “มาให้ยายกอดหน่อย” ไตรตั้นวิ่งมากอดยาย
       “ซึ้งใจจริง ๆ” ช้อยบอก
       “นั่นสิ พูดแล้วชั้นขนลุกเลยนะ” ภาว่า
       ใหญ่ถาม “ขนลุกทำไม”
       “ก็มันซาบซึ้งจริงๆนะ” ภาตอบ
       “เอา แม่หนูดีช่วยถ่ายรูปพวกเราอีกรูปเถอะ” ช้อยขอ
       หนูดียกกล้องขึ้น “พร้อมนะคะ หนึ่ง สอง สาม”
       หนูดีถ่ายทั้งรูปหมู่ รูปครอบครัว รูปจินดากับแดงและธีระ รูปจินดากับธีระ
      
       ธีระเข็นรถวีลแชร์ที่จินดานั่งเข้ามาในห้อง
       “มาครับแม่ ค่อยๆลุก” ธีระประคองแม่ “เหนื่อยมั้ยครับแม่”
       “นิดหน่อยลูก” จินดาตอบ
       “พรุ่งนี้เช้าผมจะพาแม่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นนะ”
       “ลูกจะตื่นไหวหรือ”
       “ไหวครับ”
       “ไม่ต้องหรอก ลูกนอนเถอะ”
       “ผมอยากให้แม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าที่นี่ มันสวยมากครับ”
       “ก็ได้ลูก”
       จินดาล้มตัวนอน ธีระห่มผ้าห่มให้ จินดาคว้ามือลูกชายมาจับ
       “เดี๋ยวธี” จินดาดึงมือมาหอมแล้วมองลูกชาย “แม่ขอบใจนะลูก”
       “ขอบใจผมเรื่องอะไรครับ”
       “ขอบใจที่ลูกเป็นลูกที่ดีของแม่”
       ธีระมองแล้วยิ้ม
       “คงเป็นเพราะความรักที่แม่มีให้กับผมไม่เคยเสื่อมคลายมั้งครับ”
       จินดายิ้มแล้วพยักหน้า “ก็เพราะลูกทั้งสองคือลมหายใจของแม่”
       จินดาจับมือธีระไปหอมอีกครั้งแล้วมองลูก ธีระก้มลงจูบหน้าผากแม่
       “ฝันดีนะครับแม่”
       จินดาปล่อยมือจากธีระอย่างช้าๆ ธีระเดินออกมาแล้วหยุดมองแม่ จินดายิ้มให้ ธีระยิ้ม จินดาค่อยๆ หลับตาลงช้ๆ ธีระหันเดินออกมา จินดาหลับตานอนยิ้ม
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น