วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครชิงนางตอนที่14 วันที่19 ส.ค. 55


ชอุ่มได้ยินพวกเด็กรับใช้ในครัวแอบนินทาเรื่องที่โฉมไฉไลไปอาละวาดใส่องค์อร รีบเอาเรื่องนี้มาขยายต่อให้วงเดือนฟัง เธอไม่ได้สนใจนัก นั่งพับผ้าต่อ

“เออ...เดือน ...เดือนว่าคุณเมฆาจะยอมแต่งงานกับคุณหนูองค์อรไหม...น้าว่าไม่นะ เพราะดูลูกกะตาคุณเมฆายังไงก็ไม่ปิ๊งคุณหนูองค์อรสักนิด...ไม่เห็นจะเหมือน เวลามองเดือนเลย”

วงเดือนสะดุ้งโหยงที่ถูกพาดพิง ชอุ่มรู้สึกตัวว่าพูดมากไป เฉไฉคว้าตะกร้าผ้าที่วงเดือนพับเสร็จแล้วขึ้นมา

“น้า เอาผ้าพวกนี้ไปให้คุณผู้หญิงก่อนเผื่อจะรีบใช้...เออ เดือน จะว่าไปก็น่าสงสารคุณผู้ชายกะคุณผู้หญิงนะ มีลูกชายสี่คน...ทำไม...ถึงอาภัพรักทั้งสี่คนเลย...อ้า...น้าไปล่ะ”

วงเดือนมองตามชอุ่ม สีหน้าครุ่นคิด

ooooooo
มีการเปลี่ยนแผนการมาใต้ให้เร็วขึ้น เนื่องจากคุณโสภณลูกค้าเก่าของเหนือฟ้าต้องการตรวจสอบใบชาที่เพิ่งปลูกใหม่ ว่ารสชาติจะเพี้ยนไปจากเดิมหรือเปล่า ภูผาจึงต้องนำตัวอย่างใบชามาส่งที่ทางใต้ด้วยตัวเอง โดยไม่ลืมพาหนูนามาด้วยในฐานะเป็นผู้สืบทอดกิจการคนใหม่ของไร่เหนือฟ้า เธอลืมว่าตัวเองกำลังท้อง พยายามจะช่วยภูผายกกล่องใส่ใบชา ลงจากรถไฟ เขาไม่อยากให้เธอยกของหนัก วางของในมือตัวเองแล้วเข้าไปช่วย

“ก็บอก แล้วว่าเดี๋ยวฉันจะยกลงมาเอง คนท้องเขาไม่ให้ยกของหนักๆหรอกรู้ไหม...ไปนั่งรอตรงโน้นเลยไป...อย่ามายืน เกะกะ” เขาดันเธอไปที่ม้านั่ง แล้วยกข้าวของตามมาวางข้างๆ “เดี๋ยวเราหารถรับจ้างไปพบลูกค้า เอาตัวอย่างชาไปให้เขาดู”

“แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย” หนูนาสีหน้าหวั่นๆ

“อย่าปอด...นายหญิงไร่เหนือฟ้า อย่าปอด” ภูผาแหย่ขำๆ เธอผลักเขาแก้เขินที่ถูกเรียกว่านายหญิง...
ระหว่างที่นั่งรถสามล้อไปตามถนนในเมือง หนูนา ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบๆ เพราะเคยอยู่แต่บนดอย ไม่เคยไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ไม่นานนัก ทั้งคู่มาถึงบริษัทของคุณโสภณ หลังจากคุณโสภณชม ดม และชิมใบชาแล้ว รู้สึกพอใจที่ใบชาจากไร่เหนือฟ้ายังคงคุณภาพเดิมไว้ได้ จึงตกลงเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายชาเหนือฟ้าอย่างเป็นทางการ ทั้งภูผาและหนูนาดีใจมาก ชวนกันไปกินข้าวที่ตลาดฉลองความสำเร็จ

จาก นั้น ทั้งคู่พากันเดินชมตลาด หนูนาไม่เคยเห็นร้านตัดเสื้อมาก่อน หยุดชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในด้วยความสนใจ ภูผายิ้มให้อย่างเอ็นดู อธิบายว่านี่คือร้านตัดเสื้อที่ดังที่สุดของที่นี่ ใครๆ ก็อยากมาตัดเสื้อที่ร้านนี้

“แล้วคุณวงเดือนล่ะ” เธอเห็นเขาอึ้ง รู้ตัวว่าพลาด “ขอโทษ...ฉันเห็นเสื้อผ้าคุณวงเดือนสวยทุกชุดน่ะก็เลย...”

“อยาก ตัดมั่งไหม” เขาไม่รอคำตอบ จูงมือเธอเข้าไปในร้านทันที เจ้าของร้านเห็นลูกชายตระกูลแสนสมุทร รีบกุลีกุจอมาต้อนรับ สายตาสอดส่ายอยากรู้อยากเห็นไปหมด ภูผาขอให้เธอวัดตัวหนูนาเพื่อตัดชุด เธอรีบเอาสายวัดมาวัดที่รอบอก หญิงสาวเขินที่เขายืนมองอยู่รีบเอี้ยวตัวหลบ
“อะไรน่ะ...หนูนา ยืนเฉยๆสิ ยังงี้เมื่อไหร่จะเสร็จ” ภูผาเอ็ด หนูนาจับหน้าเขาหันไปทางอื่น เขาถึงบางอ้อทันทีว่าเธออาย ขยับออกมาเล็กน้อย...

อีกมุมหนึ่งของตลาด วงเดือนเร่งฝีเท้าจะไปร้านตัดเสื้อ เพื่อเอาเสื้อของศรีดารามาแก้โดยมีเมฆาคอยตามประกบแจ ทั้งๆที่เธอไม่ได้ขอร้องให้มาด้วย พอถึงหน้าร้านขายข้าวแกงซึ่งอยู่เยื้องๆ กับร้านตัดเสื้อ เขาคว้าข้อมือเธอไว้ ชวนกินข้าวมื้อกลางวันด้วยกัน คุยว่าร้านนี้ทำอาหารอร่อย เธอยังไม่หิวอยากทำธุระให้เสร็จก่อน

“แต่ฉันหิวจัง” เมฆาอ้อน

วงเดือนหนีไม่ออกจำต้องเข้าไปนั่งร้านขายข้าวแกงเป็นเพื่อนโดยนั่งหันหลังออกไปนอกร้าน...

ใน เวลาเดียวกัน ขณะที่เจ้าของร้านตัดเสื้อกำลังวัดสัดส่วนช่วงเอว หนูนาเตือนว่าอย่าวัดแน่นมาก เผื่อหลวมๆไว้ด้วย เธอไม่เห็นด้วย ถ้าใส่หลวมๆทรงเสื้อ

จะไม่สวย ภูผารีบตัดบท อ้างว่าชอบให้ใส่ชุดหลวมๆ

“แหม...คุณ ภูผาหายไปตั้งนาน ที่แท้แอบไปมีแฟนนี่เอง...เลือกเก่งนะคะ หน้าตาน่ารัก ว่าแต่...ตกลงจะตัดชุดอะไรคะ...มีแบบในใจหรือยัง มีวาระพิเศษอะไรหรือเปล่า” เจ้าของร้านจ้อไม่หยุดราวกับโดนผีเจาะปาก

หนูนาไม่รู้จะตอบอย่างไร วาระพิเศษที่อยากจะให้มีก็ยังไม่มีวี่แวว เปลี่ยนใจไม่ตัดเสื้อชวนภูผากลับ เขาสงสารเธอจับใจ หันไปบอกเจ้าของร้านว่าจะตัดชุดแต่งงาน หนูนาอาย รีบดันเขาออกจากร้าน เขาขืนตัวไว้

“ทำไมล่ะ...เฮ้ย...ก็ตัดชุดแต่งงานเตรียมไว้”

เธอ ยืนยันว่าไม่อยากตัด แล้วดันตัวเขาออกไป เมฆาที่นั่งอยู่ในร้านข้าวแกงถึงกับชะงัก เมื่อเห็นหนูนาผลักภูผาออกมาหน้าร้านตัดเสื้อ เหลือบมองวงเดือนที่นั่งไม่รู้เรื่องสลับกับมองไปที่คู่ของพี่ชาย แผนชั่วผุดขึ้นมาในสมองของเขาทันที คว้ามือวงเดือนจะพาออกจากร้าน อารามรีบร้อนมือปัดแก้วน้ำหกเลอะเสื้อเธอ

“ขอโทษ...ขอโทษทีเดือน” เขาหันไปคว้ากระดาษเช็ดปากแถวนั้นมาเช็ดเสื้อให้ พอหันไปทางร้านตัดเสื้ออีกที ภูผากับหนูนาก็หายไปแล้ว เขารีบจูงมือวงเดือนไปที่ร้านตัดเสื้อ

ooooooo
ทันทีที่เจ้าของร้านตัดเสื้อเห็นหน้าเมฆา คุยว่าวันนี้ร้านเธอดวงดี มีแต่คนของแสนสมุทรมาอุดหนุนภูผาเพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่นี้เอง วงเดือนประหลาดใจมาก ขณะที่เมฆาตาวาวด้วยความพอใจ ทำเนียนว่าไม่รู้มาก่อน

“อ้าว...เหรอครับ พี่ผามาได้ยังไง แล้วมาคนเดียวหรือครับ”

“ไม่ได้มาคนเดียวค่ะมากับแฟน จะแค่แฟนหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะคะ เพราะเห็นว่าอยากจะตัดชุดแต่งงาน”

เมฆา แทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจแต่ต้องเก็บอาการไว้ แสร้งถามว่าพวกนั้นจะตัดชุดแต่งงานจริงหรือ เธอตำหนิว่าเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมถึงไม่รู้ เขาแก้ตัวว่าเคยได้ยินพี่ชายพูดมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้

“ว้าย...ไม่เร็วไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะป่องไปมากกว่านี้” เจ้าของร้านนินทาอย่างสนุกปาก

“ว่าไงนะคะ?” วงเดือนร้องเสียงหลง

“เอ้า...ก็ คุณภูผานะสิคะ ท่าทางจะน้ำยาแรง เมื่อกี้สั่งชุดเจ้าสาวหลวมๆ ท้องชัวร์ค่ะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะคะ คุณเมฆาจะได้อุ้มหลานแล้ว” เจ้าของร้านนินทาสนุกปาก เมฆาแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ จังหวะนั้น หนูนาพรวดพราดเข้ามาในร้าน ชี้ไปที่กระเป๋าสะพายที่ลืมไว้ที่เก้าอี้

“นั่น ไง...ลืมไว้ที่นี่จริงๆ ด้วย” เธอเพิ่งสังเกตเห็นวงเดือนอยู่ในร้าน แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ภูผาตามเข้ามาเสียก่อน ถึงกับหยุดกึกเมื่อเห็นหญิงคนรักยืนอยู่กับน้องชาย ปรี่เข้าไปหา เมฆารีบโอบเอววงเดือนไว้แสดงตัว

เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ก่อนจะร้องทักทายพี่ชาย เจ้าของร้านสาระแนขึ้นทันที

“ตกลงกันได้รึยังคะคุณภูผา ว่าอยากได้ชุดแต่งงานแบบไหน”

วง เดือนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ภูผายังไม่ทันจะอธิบายอะไร เมฆาชิงแสดงความยินดีกับเขาเสียก่อน และหวังว่าจะได้อุ้มหลานในเร็ววันนี้ วงเดือนทนฟังต่อไปไม่ไหว รีบยื่นถุงใส่เสื้อของศรีดาราให้เจ้าของร้าน

“ช่วยแก้ชุดของคุณศรีดาราให้พอดีด้วยนะคะ...

คุณ เมฆาไปกันเถอะค่ะ” วงเดือนว่าแล้วขยับจะไป เมฆายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะคว้าข้อมือเธอไว้ อ้างว่าตัวเองยังไม่ได้ตัดชุดเจ้าบ่าวเลย ภูผาตะลึงหันมองหญิงคนรัก

“ไหนๆ มาแล้ว...เดือนจะวัดตัวตัดชุดเจ้าสาวซะเลยไหม” เมฆาหวังจะขยี้ให้ใจสลายกันไปเลยทั้งวงเดือนและภูผา วงเดือนรับแรงกดดันต่อไปไม่ไหว ผลุนผลันออกไป ภูผาจะตามแต่น้องชายตัวดีคว้าแขนไว้

“ผมดีใจมากที่พี่รักษาสัญญาและ ก็ขอแสดงความยินดีกับพี่อีกครั้ง ถ้าเป็นไปได้ ผมจะขอร้องคุณพ่อ ขอให้ท่านยอมให้พี่มาร่วมงานแต่งงานของผม...กับเดือน” เมฆาพูดจบหันไปบอกเจ้าของร้านว่าวันหลังจะมาใหม่ แล้วเร่งฝีเท้าออกไป ภูผามองตามหัวใจแทบสลาย หนูนาเข้าใจความรู้สึกของเขาดี ตบบ่าเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ...

ด้านวงเดือนวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา ยิ่งคิดถึงอดีตรักหวานชื่นระหว่างตัวเองกับภูผาและคำสัญญาที่เขาบอกว่ารัก เธอคนเดียวถึงกับปล่อยโฮหมดแรงจะวิ่งต่อไป ทรุดลง

กับพื้น เมฆาเข้ามาประคองไว้ เธอโผซบเขาน้ำตาไหลพรากหัวใจแหลกไม่มีชิ้นดี เมฆายิ้มย่องที่แผนสร้างความร้าวฉานสำเร็จด้วยดี...

ค่ำวันเดียวกัน พฤกษ์เอานาฬิกากับสร้อยทอง

ของเก่าที่ขโมยมาจากบ้าน วางกระแทกลงตรงหน้าเฮียเส็ง

เพื่อจะปลดหนี้ เฮียเจ้าเล่ห์ตีราคาของแต่ละชิ้นแค่

ห้า ร้อยบาท เท่ากับเหลือหนี้ที่พฤกษ์ต้องจ่ายให้เขาอีก สองแสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท บวกดอกเบี้ยอีกหนึ่งแสนบาท รวมทั้งหมดเป็นเงินสามแสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท

พฤกษ์โกรธจัด นี่เท่ากับโกงกันชัดๆ ด่าเฮียเส็งไม่ยั้งแถมถ่มน้ำลายใส่ เขาไม่พอใจมากสั่งสมุนสั่งสอนให้เข็ดหลาบ พฤกษ์ถูกซ้อมสะบักสะบอม และยังถูกขู่ว่าถ้าคิดจะเบี้ยวไม่ใช้หน้ี แสนสมุทรจะเหลือแต่ซาก แล้วเตะเขาส่งท้ายก่อนจาก สักพัก มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าพฤกษ์ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ...

ขณะ เดียวกัน ภายในห้องพักของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีเตียงนอนเตียงเดียว หนูนาอาสาจะนอนที่พื้นเอง ภูผาเอ็ดตะโรลั่น เธอกำลังท้องกำลังไส้ควรจะได้นอนสบายๆไม่ต้องทำเป็นอวดเก่ง

“คุณนั่นแหละ อย่าอวดเก่งนักเลย ทำเป็นเสียสละเพื่อฉัน...แล้วไงล่ะ”

เขา ไม่ได้ทำเพื่อเธอเท่านั้น แต่ทำเพื่ออรุณ เพื่อพ่อกับแม่และแสนสมุทรด้วย หนูนาอยากรู้จริงๆ วงเดือนมีดีอะไรนักหนา ใครต่อใครถึงได้พากันรุมรักรุมแย่ง

“เดือนเป็นคนดี อ่อนโยนแต่ก็เข้มแข็ง มีน้ำใจ เข้าใจทุกคน ที่สำคัญก็คือรู้ใจฉันทุกเรื่อง”

“ฉันคงจะแพ้ยับอีตรงข้อสุดท้ายนี่แหละ”

“ฉัน ก็แพ้...แพ้ยับ” ภูผาหน้าเศร้า หนูนาเห็นใจเขามากยุให้สู้ต่อ ล้มเลิกงานแต่งงานระหว่างเรา แล้วไปชิงวงเดือนคืนมา เขาส่ายหน้า ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ทั้งๆที่สงสาร แต่หนูนาอดดีใจไม่ได้ที่เขาถอดใจ...

วงเดือนเศร้าใจไม่แพ้ภูผาเช่นกัน หยิบสร้อย

หนัง ถักที่เขาให้ไว้แทนใจขึ้นมามองด้วยน้ำตานองหน้า ตัดพ้อว่าคำสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะรักเธอคนเดียวเป็นแค่คำโกหก แม้จะเจ็บปวดใจเพียงใด เธอพยายามกล้ำกลืนไว้

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆาตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่า จะแต่งงานกับวงเดือน อนุตทักท้วงว่าเธอไม่ได้รักเขา
แต่ผมก็ไม่ได้รักน้ององค์อร...คุณพ่อครับ... เห็นใจผมด้วยเถอะครับ ผมยินดีจะแต่งงานมีหลานให้พ่อกับแม่ แต่ผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วย ผมขอให้เป็นวงเดือนเถอะครับ” เมฆามองพ่อลุ้นๆโฉมไฉไลเดินผ่านมาพอดี รีบหลบมุมแอบฟัง อนุตมองไม่เห็นทางว่าจะบังคับใจวงเดือนให้แต่งงานกับเมฆาได้อย่างไร

“เดือนต้องไม่ปฏิเสธแน่ ถ้าเป็นความต้องการของคุณพ่อ”

ยัย ตัวแสบทนพิษรักแรงหึงไม่ไหว ปรี่เข้ามาห้ามไม่ให้ทั้งคู่แต่งงานกัน เมฆาไม่พอใจ มีสิทธิ์อะไรมาห้ามในเมื่อเธอเป็นแค่พี่สะใภ้ โฉมไฉไลเห็นท่าทางเอาเรื่องของเขา จำต้องหุบปากไม่กล้าประกาศว่าตนเองเป็นเมียของเขาไม่ใช่เป็นแค่พี่สะใภ้ ศรีดาราขอร้องให้ลดเสียงลงหน่อย เกรงใจพ่อบ้าง เมฆาไม่สนใจ โวยลั่น

“แทนที่จะมายุ่งเรื่องคนอื่น ไปตามหาสามีตัวเองก่อนดีไหม ป่านนี้ไปเมาอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้”

“นั่นสิ...พฤกษ์หายไปไหนทั้งคืน หนูโฉมรู้บ้างหรือเปล่า” ศรีดารามองเธออย่างรอคำตอบ เธอถึงกับเซ็ง...

คน ที่ศรีดาราถามหาเพิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในกระต๊อบเก่าๆของโสภี ผู้หญิงซึ่งช่วยเขาไว้ เธอมีน้ำใจจัดข้าวกับปลาทูทอดมาให้เขากินทั้งๆ ที่ไม่ค่อยจะมีเงิน พฤกษ์อดสงสัยไม่ได้ มาช่วยเขาทำไม

“ฉันก็เคยโดนกระทืบหวิดตายอย่างคุณเหมือนกัน”

“เธอทำงานอะไร”

พอ เธอบอกว่าเป็นผู้หญิงขายตัว พฤกษ์ถึงกับสำลัก เธอชินชาแล้วกับการถูกดูถูกดูแคลน จึงไม่สนใจอะไร เขารู้ตัวรีบขอโทษ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ เธอเห็นเขาไม่แตะต้องอาหาร เอื้อมมือไปแกะปลาทูในจานให้ เสื้อคอกระเช้าของเธอคอกว้างมากเห็นไปถึงไหนต่อไหน พอเธอแกะปลาเสร็จเรียกให้เขากิน พฤกษ์มัวแต่มองเพลินถึงกับสะดุ้งโหยง รีบตักข้าวเข้าปาก เผลอกระแทกแผลที่โดนซ้อมถึงกับร้องลั่น โสภียื่นหน้าเข้ามาดูแผลให้ ใบหน้าของทั้งคู่เกือบจะชนกัน ตาต่อตาประสานกันอย่างจัง จุดไฟปรารถนาในตัวทั้งคู่ให้ลุกโซน...

โฉม ไฉไลแค้นใจไม่หาย ตามไปหาเรื่องวงเดือนถึงที่ห้องพักของเธอ จิกหัวเธอมาตบโทษฐานมายุ่งกับเมฆาของตน แล้วด่าเธอว่าเป็นแม่มด ผู้ชายคนไหนยุ่งด้วยต้องมีอันเป็นไปทุกคน ไม่จากเป็นก็ต้องจากตาย

“ใจ คอแกจะทำให้ผู้ชายแสนสมุทรฉิบหายให้หมดทุกคนใช่ไหม...แต่สำหรับเมฆาของ ฉัน...ฉันไม่ยอม” เธอว่าแล้วปรี่เข้าไปจะตบซ้ำ เมฆาเข้ามาขวางเสียก่อน ขู่ว่าจะออกไปดีๆเอง หรือจะให้เขาโยนออกไป

“เมฆาจะแต่งงานกับนังนี่ไม่ได้...ในเมื่อโฉมเป็น...” เธอพูดยังไม่ทันจบ เขาลากเธอออกจากห้องขู่ซ้ำ

“ถ้า ยังไม่หยุด ฉันเอาเธอตายแน่...ฉันไม่ได้ล้อเล่น ถ้าฉันพัง...เธอตาย...เราต่างคนต่างอยู่ได้แล้ว” เขาผลักเธอกระเด็นไปกองกับพื้น แล้วเดินจากไป

“จำไว้เลย...เมฆา...ถ้าฉันตาย...คุณก็ตาย” โฉมไฉไลมองตามแค้นใจ

ooooooo

ครู่ ต่อมา เมฆากลับมาหาวงเดือนด้วยความเป็นห่วง เธอขอร้องเขาให้เลิกยุ่งกับเธอได้แล้ว เธอเป็นตัวกาลกิณีของบ้านแสนสมุทร เขาไม่เข้าใจว่าเธอไปเอาเรื่องงมงายที่ไหนมาพูด เธออ้างว่าคุณย่าศรีเรือนเคยพูดมาตลอดตั้งแต่เธอเป็นเด็ก ที่ผ่านมาเธอรู้สึกผิดมากพอแล้ว อย่าให้เธอต้องรู้สึกแย่มากไปกว่านี้

“พิสูจน์สิเดือน ฉันพร้อมจะเอาชีวิตทั้งชีวิตของฉันพิสูจน์คำพูดของคุณย่าว่ามันจริงหรือเปล่า”

วงเดือนยังไม่ทันจะพูดอะไร ชอุ่มวิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ให้เมฆารีบไปดู...

อึด ใจเดียว เมฆากับวงเดือนวิ่งตามชอุ่มมาถึงลานหน้าบ้าน เห็นศรีดาราสีหน้าหวาดหวั่นยืนตัวสั่นกอดแขนอนุตมองดูไก่ถูกเชือดเลือดนอง ตรงหน้า หมอหนุ่มเดินไปหยิบกระดาษที่มีข้อความเขียนด้วยเลือดไก่ขึ้นมาอ่าน

“จ่ายหนี้ซะ...ถ้าไม่อยากโดนเชือด”

โฉม ไฉไลมองภาพนั้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบไปรายงานเรื่องนี้ให้อนงค์ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ฟังเธอตกใจไม่แพ้ลูกสาว มั่นใจว่านี่ต้องเป็นฝีมือของเฮียเส็งที่ส่งซากไก่มาขู่ลูกเขยของเธอ โฉมไฉไลไม่เข้าใจ ทำไมต้องขู่พฤกษ์ด้วย อนงค์เชื่อว่าเขาคงติดหนี้เฮียเส็งแล้วไม่มีจ่าย

“หา!...เพราะหม่า ม้าคนเดียวเห็นไหม แทนที่พฤกษ์มันจะเอาเงินมาให้โฉม มันกลับต้องเอาไปให้ไอ้เฮียเส็ง เพราะหม่าม้าคนเดียว” เธอโวยลั่น แทนที่อนงค์จะสำนึกกลับอ้างว่าที่ทำไปเพราะต้องการให้เงินของพฤกษ์งอกเงย เธอตำหนิแม่ว่าทำให้บ้านเราหมดตัวไม่พอ จะยังพาบ้านแสนสมุทรหมดตัวไปด้วย แล้วทีนี้เราจะไปเกาะใครกิน

“อย่าโง่ไปหน่อยเลยยัยโฉม ไอ้พฤกษ์มันหมดตัวก็เรื่องของมัน บ้านแสนสมุทรยังมีทรัพย์สมบัติ มีมรดกตั้งเยอะแยะ พ่อผัวแกเขาอยากอุ้มหลานใจจะขาดไม่ใช่หรือ...งั้นแกก็รีบๆ ท้องกับพฤกษ์ให้ไวเบ่งหลานออกมาให้พ่อผัวแกอุ้มซะ แค่นี้แกก็ไม่ต้องไปเกาะใครให้เหนื่อย เกาะลูกตัวเองกินสบายไปตลอดชาติ...เข้าใจไหม”

โฉมไฉไลเบ้ปากไม่อยากมีลูกกับผู้ชายไม่เอาไหนพรรค์นั้น แล้วเดินสะบัดออกไป อนงค์มองตามขัดใจ...

หลัง จากชอุ่มเก็บกวาดทำความสะอาดซากไก่เรียบร้อย เมฆาหันไปปลอบพ่อกับแม่ว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า ศรีดาราเห็นด้วย เพราะบ้านเราไม่เคยบาดหมางกับใคร อีกทั้งคุณณรงค์ก็ไม่ใช่นักเลงหัวไม้ที่จะใช้วิธีทวงนี้พฤกษ์แบบนี้ อนุตไม่วางใจ สั่งให้เมฆาจัดการใช้หนี้ให้คุณณรงค์ไปให้หมด

“แต่พี่พฤกษ์จะต้องเป็นคนใช้หนี้นะครับ”

“ทำ ตามที่พ่อบอก...พ่ออยากจัดการอะไรๆ ให้มันจบๆไป อยากให้แสนสมุทรกลับมางดงามเหมือนเดิม ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้แปดเปื้อนเสื่อมเสีย” เขานิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วหันไปขอร้องวงเดือนให้แต่งงานกับเมฆา เพื่อช่วยกู้หน้ากู้ศักดิ์ศรีให้แสนสมุทร “แต่งงานแล้วก็รีบมีลูกซะ...มรดกของแสนสมุทรจะได้มีคนสืบทอดต่อไป”

source. thairath.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น