วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครชิงนาง ตอนที่ 15

 วันเดียวกัน ที่บ้านแสนสมุทรยามนั้นเหตุการณ์ตึงเครียดมาคุสุดๆ พฤกษ์โดนอนุตตบฉาดใหญ่ ศรีดาราร้องไห้โฮโผเข้าห้าม
      
       “พอเถอะค่ะ อย่าทำอะไรลูกเลย”
       “ลูกเหรอ แกมันยังเป็นลูกฉันอยู่เหรอไอ้พฤกษ์? เสียแรงที่ฉันไว้ใจแกฉันเชื่อมาโดยตลอดว่า แกจะเป็นผู้นำของแสนสมุทรสืบต่อจากฉันได้ ฉันไม่น่าไว้ใจแกเลย” ปราดเข้าไปตบๆๆ ไม่ยั้ง
       เมฆาปราดเข้าไปช่วยแยกอนุตออกมา
       “พ่อครับ พ่อไม่สบายอยู่นะครับ”
       “ดี! ให้ฉันตายๆ ไปซะเลยยังจะดีกว่าต้องทน เห็นความอัปยศอดสูของแสนสมุทร” ชี้หน้าด่าพฤกษ์ “แกรู้มั้ยไอ้พฤกษ์ แกเกือบจะทำให้ทุกคนต้องตายเพราะแก เพราะแกคนเดียว”
       อนงค์สะดุ้งรีบกระทุ้งให้โฉมไฉไลแสดงละคร
       โฉมไฉไลตบอก หน้าตาเหลอหลา “คุณพระช่วย พฤกษ์...พฤกษ์ทำอะไรเหรอคะ คุณพ่อ”
       พฤกษ์หันขวับมองโฉมไฉไลกับอนงค์ตาเขียว คิดในใจก็เพราะแม่เธอนั่นแหละ
       อนงค์ตอแหลสุดๆ “นั่นสิจ๊ะ...พฤกษ์ พฤกษ์ไปทำอะไรไม่ดีไว้เหรอลูก”
       พฤกษ์อึ้งกับความตอแหลของสองแม่ลูก
       เมฆามองหน้าพฤกษ์ “พี่พฤกษ์...ริอ่านไปเล่นการพนันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
       พฤกษ์อึ้ง พูดไม่ออก
       เมฆาคาดคั้นซ้ำเติม “คิดยังไงถึงได้ไปยุ่งกับเรื่องแย่ๆ แบบนั้น”
       พฤกษ์อึ้งมองจ้องเมฆา คิดในใจว่าจะซ้ำเติมกันไปถึงไหน
       “ขี้เมาหยำเป” อนุตด่า พร้อมกับตวัดสายตามองโฉมไฉไล “ผัวไปทางเมียไปทาง”
       โฉมไฉไลสะดุ้งหน้าเจื่อนจ๋อย
       “ตกนรกคนเดียวไม่พอ ยังจะลากเอาพ่อแม่พี่น้องไปตายด้วย” อนุตของขึ้นอีกปรี่เข้าไปทุบตัวพฤกษ์พัลวัน ปากก็ด่าไป “แกมันลูกทรพี...ไอ้พฤกษ์ๆๆๆๆๆ ไอ้ตัวซวยๆๆ”
       พฤกษ์ยอมให้พ่อทุบตีโดยไม่สู้ซักนิด เพราะผิดจริงเลวจริง
       ศรีดาราร้องไห้ ใจจะขาดแล้ว บอกเมฆา “เมฆา..ห้ามพ่อสิลูก..ช่วยพี่ด้วย...ฮือๆ”
       เมฆากอดแม่ไว้ “อย่าห้ามเลยครับ...สมควรแล้ว”
       ศรีดาราผงะ “เมฆา” ปล่อยโฮออกมาอย่างคับแค้นใจ
       วงเดือนส่งสายตาอ้อนวอน “คุณเมฆา…ห้ามคุณพ่อเถอะค่ะ”
       เมฆาไม่อยากดูใจดำในสายตาวงเดือน ก็จำใจจะเข้าไปแยกอนุต แต่ไม่ทันได้แยก จู่ๆ อนุตก็เจ็บหน้าอกขึ้นมาทันที
       “โอ๊ย”
       “คุณพ่อ” เมฆากับวงเดือนกรูเข้าไปดูอนุตเร็วรี่ ศรีดาราปรี่ไปกอดพฤกษ์ไว้
       เมฆาดูอาการแล้วตกใจ “เดือน เราต้องพาคุณพ่อส่ง โรงพยาบาล”
       วงเดือนตกใจ “ค่ะ”
       พฤกษ์ กับศรีดาราทันทีชะงัก เมฆากับวงเดือน พยุงอนุตออกไปหน้าเรือนแล้ว
       ศรีดาราตระหนก “คุณ”
       พฤกษ์รู้สึกผิดมาก “พ่อ”
       สองแม่ลูกลุกพรวดตามไป
      
       ขณะที่สองแสบแม่ลูกนั่งอึ้ง บื้อใบ้กันอยู่แค่ 2 คน โดยเฉพาะโฉมไฉไลยังมึนกับเรื่องวุ่นวายโกลาหลที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
       “อะไรกันเนี่ย? นี่มันวันโลกาวินาศอะไรกันเนี่ย โอ๊ย..อยากจะบ้าตาย”
       อนงค์ตั้งสติได้ก่อน “แกยังตายไม่ได้นังโฉม! รีบตามมันไป รพ.เร็วสิ!”
       “โอ๊ย จะไปทำไม ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากเห็นพวกมันตายกันอีกคน แค่นี้ก็กลัวผีจะแย่แล้ว” โฉมไฉไลวี้ด
       อนงค์ตีแขนลูกสาวเผียะ “กลัวไม่ได้!! ถ้ามันตายขึ้นมาจริงๆ เราต้องตามไปแบ่งมรดกมันก่อน!! เดี๋ยวอีนังวงเดือนมันก็ฮุบไปคนเดียวหมดหรอก”
       โฉมไฉไลนึกได้ “เออ..จริงด้วย”
       อนงค์ผลักอย่างแรง “ก็ไปสิ..เร็ว”
       สองแม่ลูกทะยานออกไปด้วยแรงริษยา
      
       มองตามขวดน้ำเกลือเอย ขวดเลือดเอย ที่ระโยงรยางค์อยู่ข้างเตียงคนไข้ เห็นเป็นภูผานอนหลับอยู่โดยมีหนูนานั่งจ้องหน้าตาไม่กะพริบอยู่ใกล้ๆ สักพักหนูนาเริ่มตาปรอยสัปหงก ก่อนจะสะดุ้ง สะบัดหัวไล่ความง่วงให้ตัวเองตื่น
       ภูผาปรือตาเริ่มขยับเหมือนจะรู้สึกตัว หนูนาตาโตหายง่วงทันที
       หนูนาดีใจ “คุณภูผา คุณภูผาฟื้นแล้ว คุณภูผาไม่ตายแล้ว”
       หนูนาโผเข้ากอดภูผาเต็มแรง จนภูผาสะดุ้งเฮือก
       ภูผาร้องแต่แทบจะไม่มีเสียง “โอ๊ย”
       หนูนาตกใจ “โอ๊ย ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณไม่เป็นไรนะ” จับมือมากุม “ฉันขอโทษ”
       ภูผาเหนื่อยใจ เบือนหน้าไปทางหน้าต่างอย่างโรยแรง
       ที่โรงพยาบาลในเวลาเดียวกันเมฆากำลังห่มผ้าให้อนุตที่มองมายังเมฆาด้วยสายตาขอบใจ
       “ต่อไปนี้...พ่อต้องไม่เครียดแล้วนะครับ อะไรตัดได้ก็ตัดซะ” เมฆาเอ่ยขึ้น
       “เมฆา...” อนุตพูดปลงๆ “ขายเรือแสนสมุทรซักลำ เอาเงินไปใช้หนี้ของพฤกษ์ให้หมด”
       “พ่อว่าไงนะครับ”
       อนุตพูดลอยๆ “เพื่อความสงบสุขของทุกคน และเพื่อศักดิ์ศรีของแสนสมุทร”
       “ครับ” เมฆารับคำ แม้จะไม่เห็นด้วย
       อนุตมองหน้าเมฆา “ฉันจะได้เห็นหลานก่อนตายมั้ย”
       เมฆาอึ้ง “พ่อ”
       วงเดือนยิ่งอึ้งหนัก
       โฉมไฉไลกับอนงค์ตาโตมองสบตากัน สองแม่ลูกคิดในใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต้องแย่แน่ๆ
       “คุณคะ...ทำไมพูดจาไม่เป็นมงคลแบบนั้น” ศรีดาราฟังแล้วไม่สบายใจ
       อนุตไม่ตอบ จ้องหน้าเมฆา ถามย้ำ “ไง..เมฆา พ่อถามว่า พ่อจะได้เห็นหลานก่อนตายมั้ย”
       เมฆาตวัดสายตาหันไปมองเดือนเป็นเชิงถาม ว่าไง?
       วงเดือนหลบตาวูบ
       “พ่ออย่าพูดอย่างนี้อีกนะครับ” เมฆายิ้มบางๆ จับมือพ่อ “ผมสัญญาว่าจะรีบมีหลานให้พ่ออุ้ม พ่อจะได้อารมณ์ดี สุขภาพจะได้แข็งแรง” หันไปถามมัดวงเดือน “จริงมั้ย...เดือน”
       วงเดือนสะดุ้ง “เอ่อ..จริง..จริงค่ะ”
       เมฆายิ้มแก้มแทบแตก ดีใจมาก หันมามองพ่อ สายตาอนุตดูสบายใจมากขึ้น
      
       “แย่แล้ว...นังโฉม” อนงค์วิตกอย่างหนักหันมากระซิบลูกสาว
       “ทำไงดีล่ะ..หม่าม้า” นางมารโฉมไฉไลครวญคร่ำ
       “จะทำไง ยังจะมาถาม รีบไปตามผัวแกมา ทำหลานให้พ่อผัวแกอุ้มตัดหน้านังวงเดือนนั่นอย่างเร็วเลยสิ..นังโง่”
      
       โฉมไฉไลฟังแล้วเครียดหนัก
 ค่ำนั้นโสภีนุ่งกระโจมอกตักน้ำในตุ่มหลังบ้านอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ อยู่อย่างเซ็กซี่ พออาบเสร็จ ก็ผลัดผ้าถุงเปียกเป็นผ้าถุงแห้ง แต่พอหันมาต้องชะงัก
      
       เมื่อเห็นเป็นพฤกษ์ยืนมองนิ่งอยู่ โสภีมองด้วยสายตาเยือกเย็นว่างเปล่า ไม่ได้แปลกใจหรือตกใจใดๆ
      
       พฤกษ์นั่งกอดเข่าเจ่าจุกอยู่ในกระท่อมแล้ว โสภีเข้ามาหา “ติดใจของฟรีหรือไง?”
       พฤกษ์เกรงใจรีบบอก “ไม่ใช่อย่างนั้น” ถอนหายใจแผ่วๆ “ฉันแค่...ไม่มีที่ไป..ไม่รู้จะไปไหน”
       โสภีฟังหน้านิ่ง สายตามองอย่างคนรู้จริง เนื่องเพราะมีประสบการณ์โชกโชนเจอผู้ชายมาทุกรูปแบบ
       พฤกษ์มองโสภี “รู้แต่ว่า..เวลาอยู่กับเธอแล้ว..มันสบายใจ”
       “หึ” โสภีหัวเราะแค่นๆ หยันอยู่ในที ”ก็แน่ล่ะ..ผู้ชายมาหาฉันก็สบายใจสบายตัวกันทุกคน”
       “เปล่านะ..ฉันไม่ได้หมายถึง..เอ่อ..ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
       โสภีมองพฤกษ์สายตาฉงน
       พฤกษ์มองตอบด้วยสายตาซื่อ จริงใจ “ฉันเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมฉันถึงรู้สึกสบายใจที่ได้..เอ่อ..อยู่กับเธอเมื่อวันก่อน”
       โสภีมองไม่อยากจะเชื่อน้ำคำ
       พฤกษ์พูดลอยๆ ตัดพ้อชะตาต่อ “ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน ฉันมันก็เป็นได้แค่ไอ้ตัวซวย”
       โสภีมองด้วยสายตาอ่อนโยนลง
       พฤกษ์พูดขึ้นมาลอยๆ อีก “เธอคิดว่าเธอน่ารังเกียจ” พฤกษ์หัวเราะขื่นๆ เย้ยหยันชีวิตแสนบัดซบของตัวเอง “หึ ฉันต่างหาก...ไอ้ตัวน่ารังเกียจ..ไอ้ตัวซวยของแสนสมุทร”
       พฤกษ์น้ำตารื้นขึ้นมา จังหวะนั้นมือของโสภียื่นมาลูบหัวพฤกษ์เพื่อปลอบโยนอย่างเข้าใจ พฤกษ์หันมามองจ้อง โสภีโน้มคอพฤกษ์เข้ามาหาตัวเอง สองคนจ้องตากันอย่างลึกซึ้ง
      
       สองแม่ลูกหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้านแสนสมุทร
       อนงค์พรวดเข้ามาถามอย่างร้อนใจ “เจอมั้ย..ผัวแก”
       “ไม่เจอ..หาจนทั่วแล้ว ไม่รู้มันหายไปไหนของมัน” โฉมไฉไลไม่ใส่ใจนัก
       อนงค์สั่งเสียงขุ่น “ไม่รู้ไม่ได้นะยัยโฉม! แกต้องหาผัวแกให้เจอให้ได้ ขืนปล่อยให้มันหายหัวไปอย่างนี้มีหวังมรดกแกก็ต้องหายไปด้วย เฮ้อ! ซวยจริงๆ ชั้นไม่น่าช่วยแกจับไอ้พฤกษ์ตั้งแต่แรกเล๊ย นี่ถ้าหาทางจับคุณหมอเมฆาให้อยู่หมัดซะตั้งแต่แรก ป่านนี้เราคงนอนนับสมบัติแสนสมุทรสบายบรื๋อไปแล้ว…เฮ้อ”
       โฉมไฉไลตาวาวเป็นประกาย “แต่มันก็ยังไม่สายเกินไปนะหม่าม้า”
       “แกหมายความว่ายังไงยัยโฉม” อนงค์งวยงง
       “แหม..แค่นี้ก็คิดไม่ได้ ก็หมายความว่า ถ้าเราเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเมฆาแทนพฤกษ์ซะเลยล่ะหม่าม้า”
       อนงค์ผลักหัวอย่างหงุดหงิด “แกจะบ้าเหรอ ขืนพ่อผัวแม่ผัวแกรู้เข้า ว่าแกจะทำตัวเป็นนางวันทองสองใจ แถมยังเป็นนางอิจฉาไปแย่งเมฆาจากนังวงเดือนนั่นอีกล่ะก้อ นอกจากแกจะอดมรดกแล้ว แกยังจะโดนเค้าเฉดหัวแกออกจากแสนสมุทรอีกต่างหากนะนังลูกโง่! ไม่ได้ๆ..ฉันขอสั่งให้แกทำตัวเป็นนางเอกต่อไป และรีบออกตามล่าหาผัวแกให้เจอให้ได้..ยัยโฉม”
       โฉมไฉไลไม่ต่อปากต่อคำ แต่ในใจแอบคิดถึงแผนของตัวเอง ว่าเด็ดกว่าแผนแม่ร้อยเท่าพันเท่า
      
       บรรยากาศยามเช้าที่โรงพยาบาลแสนสดใส เมฆาเดินเคียงมาพร้อมกับวงเดือนที่ถือกระติกน้ำซุปมาเยี่ยมอนุตแต่เช้า
       “วันนี้ต้มซุปอะไรมาให้คุณพ่อ” เมฆาถาม
       “ซุปใสค่ะ..อยากให้ท่านทานอะไรที่ย่อยง่ายๆ”
       อีกมุมหนึ่งหนูนาเดินถือถุงโจ๊กเข้ามาเจอกันเข้าพอดีที่หน้าห้องพักฟื้นของภูผาเป๊ะๆ
       “หนูนา” วงเดือนถามถึงเขาโดยอัตโนมัติ “คุณภูผา...” พอนึกได้ก็ชะงักกึก เหลือบมองเมฆาที่จ้องเหล่อยู่ วงเดือนเลยเงียบ
       “คุณภูผารู้สึกตัวแล้ว เค้าอยากกินโจ๊ก” หนูนาชูถุงโจ๊ก “ฉันเลยไปซื้อโจ๊กมาให้”
       วงเดือนบอกทันที “ยังให้ทานไม่ได้นะจ๊ะ ทานได้แต่ของเหลวๆ ก่อน”
       เมฆากระแอมเตือน วงเดือนชะงัก
       “อ้าว..เหรอ? น่าสงสารจัง อดกินเลย” หนูนาบ่น
       เมฆาเร่ง “ป่านนี้คุณพ่อหิวแย่แล้ว”
       วงเดือน จำใจหันไปบอกกับหนูนา “ฉันไปก่อนนะ”
       เมฆาทำท่าดึงแขนวงเดือนจะไปแล้ว
       หนูนาตัดสินใจโพล่งขึ้น “จะไม่เข้าไปเยี่ยมหน่อยเหรอ”
       วงเดือนหันขวับ
       หนูนาชี้ที่ประตูห้อง “คุณภูผาอยู่ห้องนี้”
       วงเดือนอยากไปเห็นหน้าใจจะขาด
       “เดือน” เมฆาเตือนอยู่ในที
       วงเดือน มองมาด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณเมฆาคะ...เดือนขอแบ่งซุปนี่ให้คุณภูผาทานซะหน่อยได้มั้ยคะ”
       นัยน์ตาเมฆาวาวโรจน์ ไม่พอใจอย่างมาก
       “นะคะ..ฝากหนูนาไปให้..เท่านั้น”
       เมฆาลดสายตาแข็งกร้าวนั้นลง เอ่ยขึ้น
       “ไปแบ่งที่ห้องคุณพ่อ” พูดกับหนูนา “เดี๋ยวจะฝากพยาบาลให้เอามาให้ อ้อ โจ๊กนั่นน่ะ เธอก็ควรจะเก็บไว้กินเองนะหนูนา คนท้องก็ต้องบำรุงลูกในท้องด้วย” เมฆาจงใจพูดใส่วงเดือน “อย่าลืม”
       วงเดือนนิ่งงัน รู้ดีว่าเมฆาพยายามตอกย้ำว่าภูผามีลูกกับหนูนาแล้ว
       เมฆาดึงวงเดือนออกไป “ไปได้แล้ว”
      
       หนูนามองตามสองคนนั้นไปแล้วมองไปที่ประตูห้องภูผา นึกสงสารภูผาขึ้นมาครามครัน แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
ครู่ต่อมาภูผานั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงหันมามองหนูนาที่เปิดประตูเข้ามา
      
       “หายไปตั้งนาน”
       หนูนาชะงัก ยิ้มกลบเกลื่อนแล้วเฉไฉเอาโจ๊กไปวางก่อนจะกลับมานั่งข้างๆ ภูผา
       “อ้าว โจ๊กล่ะ”
       หนูนาทำเป็นจ้องหน้าสู้สายตา “คุณยังกินไม่ได้”
       ภูผางง “ทำไมจะกินไม่ได้”
       “ก็คุณ..คุณพยาบาลเค้าห้าม”
       ภูผาอารมณ์เอาแต่ใจมากรุ่นๆ “ห้าม คุณพยาบาลที่ไหนมาห้าม ใจดำเป็นบ้า ก็คนมันอยากกิน ไม่เห็นใจกันเลย”
       หนูนาไม่รู้จะพูดยังไง ไปไม่เป็น
       “หนูนา ไปเอาโจ๊กมา ฉันจะกิน” ภูผาสั่งเสียงเข้ม
       หนูนาร้องลากเสียง “ไม่ด้าย... ก็เค้าห้าม....”
       “เค้าห้ามก็ช่างเค้า”
       หนูนาปวดกบาล
       ภูผาลั่น “พยาบาลอะไร ใจดำ”
       จังหวะนั้นเองพยาบาลเปิดประตูเข้ามาพอดี เป็นพยาบาลวัยคราวป้า หน้าดุ ดูเหมือนครูใหญ่ ป้าพยาบาลชะงัก ภูผาก็ชะงัก หนูนาทำหน้าไม่ถูก
       ป้าพยาบาลถามเสียงเข้ม “ว่าใครใจดำคะ”
       ภูผาเฉไฉไม่ตอบ ป้าพยาบาลเดินเอาซุปมายื่นให้หนูนา “ซุปใสของคนไข้ค่ะ” มองเหล่ ภูผาอีกทีก่อนจะเดินออกไป
       “ไงล่ะ..อาละวาดดีนัก” หนูนาเหน็บ
       “ก็คนมันโมโหหิว”
       “หิวก็กินซะ” หนูนาตักซุปป้อนให้
       ภูผากินอย่างเอร็ดอร่อย “อื้ม ...ซุปอะไร อร่อยจัง”
       หนูนาชะงัก
       “อย่าบอกนะว่าคุณป้าพยาบาลเมื่อกี๊เป็นคนทำ”
       ภูผาพูดขำๆ ขณะที่หนูนาอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วแสร้งทำขำเนียนๆ ไปด้วย แต่ในใจนึกไปถึงวงเดือน
      
       ส่วนในห้องพักฟื้นของอนุต วงเดือนก็กำลังป้อนซุปใสให้อนุตอยู่ โดยมีเมฆายืนยิ้มปลื้มปริ่มข้างๆ
       “ทานเยอะๆ นะครับคุณพ่อ ซุปนี้เดือนทำเองเลยนะครับ”
       อนุตยิ้มบางๆ มองเดือนอย่างขอบใจ ศรีดาราที่ยืนอยู่ตรงข้ามตัดสินใจถาม
       “เมฆา..ภูผาเป็นยังไงบ้างลูก”
       สามคนชะงักไปตามๆ กัน
       ศรีดาราพึมพำ เป็นห่วงประสาแม่ “ป่านนี้..จะมีอะไรทานบำรุงบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
       วงเดือนหน้าเศร้าลงทันตา เมฆาหันขวับมอง
       “คุณคะ..ขอฉันไปเยี่ยมลูกเถอะนะคะ ลูกต้องเจ็บขนาดนั้น ก็เพราะปกป้องน้อง” ศรีดาราพูดพลางปรายตามองเมฆา “ปกป้องเดือน ปกป้องพวกเราทุกคน ฉันเป็นห่วงลูกใจจะขาดอยู่แล้ว”
       เมฆาตวัดสายตามองพ่อ อนุตหน้านิ่ง
      
       ด้านหนูนาขอดน้ำซุปช้อนสุดท้ายที่ก้นถ้วยจะป้อนให้ภูผา
       ภูผาชะโงกดู ร้องโวย “อะไร หมดแล้ว ยังไม่อิ่มเลย”
       “ตะกละจริงๆ ก็มีแค่นี้แหละ อ่ะ!! คำสุดท้าย”
       ภูผาส่ายหน้าเสียดาย “วันหลังบอกคนทำให้เค้าทำมาเยอะๆ หน่อยนะ”
       หนูนารีบเปลี่ยนเรื่อง “อ่ะๆ กินซะเร็ว จะได้กินยา”
       หนูนาป้อนคำสุดท้าย ภูผาอ้ำ จังหวะนั้นยินเสียงประตูห้องเปิดเข้ามา สองคนชะงัก ศรีดารากะวงเดือนเดินเข้ามา
       “ภูผา” ศรีดาราเรียก
       วงเดือนเห็นภาพหวานสองคนป้อนซุปกันก็ชะงัก ภูผาเห็นวงเดือนก็นิ่งงันไป
       ศรีดาราถลาเข้ามาหา “ภูผาลูกแม่ ไม่เป็นไรแล้วนะลูกนะ โถ… เจ็บมากมั้ยลูก” ลูบหัวลูบหน้าลูกชายอย่างอาทร “โชคดีนะที่เมฆาเค้าเก่ง วงเดือนก็ด้วย เค้า 2 คนช่วยชีวิตลูกไว้นะจ๊ะ”
       ภูผาสะอึกสะท้อนใจ เป็นหนี้ชีวิต 2 คนนี้
       ศรีดาราหันไปมองทางวงเดือน “อ้าว! เดือน เข้ามาสิลูก”
       วงเดือนเดินเข้ามายืนเคียงข้างศรีดารา
       หนูนาลอบมองภูผากับวงเดือนจับอาการ
       ศรีดารามองหนูนาตัดสินใจถาม “แล้วแม่หนูคนนี้”
       หนูนาอึ้งๆ มองภูผาประมาณว่าจะตอบไงดี?!
       “หนูนาครับ” ภูผาแนะนำ
       สีหน้าศรีดาราฉงน “หนูนา”
       “หนูนา..เป็นภรรยาของผม” ภูผาพูดต่อ
       ถ้อยความจากปากชายเดียวในดวงใจ ทำเอาวงเดือนเจ็บแปล๊บในใจ
       หนูนาตะลึงตาค้าง “คุณ”
       ศรีดาราอึ้ง “อะไรนะ ภรรยา”
       “ครับแม่..หนูนาเป็นภรรยาของผม เรากำลังจะแต่งงานกัน”
       วงเดือน...เบือนหน้าหลบไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่กำลังทะลักออกมา หนูนามองเห็นน้ำตานั้น
       ศรีดาราท้วงกิริยางวยงง “แต่...ภูผา..ไม่เคยบอกแม่”
       “ผมไม่มีโอกาสที่จะได้บอกแม่..ผมขอโทษนะครับ”
       ศรีดารา พยายามฝืนยิ้ม “ไม่...ไม่เป็นไรจ้ะ อะไรที่เป็นความสุขของลูก แม่ก็ยินดี”
       วงเดือนพยายามอย่างหนัก สะกดกลั้นก้อนสะอื้นกลืนกินลงไป
       ศรีดาราเอื้อมมือไปจับมือหนูนา “หนูนาต้องดูแลภูผาให้ดีที่สุดนะจ๊ะหนูนา ภูผาเป็นคนดี…คนดีมาก”
       หนูนาปรายตาไปมองทางวงเดือน เพราะวงเดือนก็เคยพูดคำนี้
       “รับปากกับฉันสิจ๊ะหนู”
       สาวดอยแก่นกะโหลกอย่างหนูนาเก้อเขิน ทำท่าทีเปิ่นๆ “จ้ะ...ฉันรับปาก”
       วงเดือนไม่ไหวแล้ว ยืนก็แทบจะไม่อยู่ “เดือนขอตัวก่อนนะคะ”
       วงเดือนพรวดออกไปทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเมฆาเข็นรถให้อนุตนั่งเข้ามา
       “เดือน จะไปไหน” เมฆาถามทั้งๆ ที่รู้เต็มอก
       วงเดือนชะงัก ยกมือปาดเช็ดน้ำตา เมฆาจ้องมองสายตาเย็นเฉียบ
       ภูผาหันมาเห็นอนุต “พ่อ”
       เมฆาเข็นรถเข้ามาผ่านวงเดือนก็พูดสั่งอยู่ในที “อยู่ด้วยกันก่อนสิ”
       วงเดือนอยากจะเป็นหายตัวไปจากตรงนั้น จำใจต้องเดินตามเมฆากลับมา
       อนุตมองภูผา ถามเรียบๆ อย่างวางฟอร์ม “เป็นยังไงบ้าง”
       ภูผาปลื้มใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าพ่อมาแนวไหน? “ค่อยยังชั่วแล้วครับ”
       อนุตพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยออกมาประโยคที่ไม่มีใครคาดคิด “ถ้าค่อยยังชั่วแล้ว...ก็กลับบ้าน...”
       อนุตค้างคำไว้แค่นั้น ภูผาเลิกคิ้วมองหน้าพ่อรอฟัง
       อนุตพูดต่อ “...กลับแสนสมุทร”
       เมฆาเหลียวขวับช็อกคาที่ “พ่อ”
       ภูผาอึ้งตะลึงงัน แทบไม่เชื่อหูตัวเอง
       ศรีดาราปล่อยโฮออกมาด้วยความดีใจ สวมกอดภูผา “กลับบ้านนะลูก กลับบ้านเรานะ...ภูผา”
       ภูผาน้ำตาเอ่อมองพ่อ อนุตยังฟอร์มเช่นเคย
       หนูนาอึ้งไปไม่เป็นคิดในใจ…แล้วไงวะเนี่ย
       เช่นเดียวกับวงเดือนที่นิ่งงันไป ในใจอดคิดไม่ได้ว่า แล้วจะอยู่กันยังไง?
source: manager.co.th 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น