วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อ่านละครแสบสลับขั้ว ตอนที่ 16 (ตอนจบ)

กลุ่มครรชิตออกมาทางหลังบ้านแล้วเดินตรงมายังรถที่จอดอยู่ พอมอมเห็นรถถึงกับตาโต
      
       “โห...รถใหม่เหรอคุณคัน ขนาดโดนโกงยังเหลือเงินเยอะแยะนะเนี่ย”
       ใหญ่ซึ่งกำลังจอดรถรอเขียวโดยเอนหลังพิงพนักหลับถึงกับชะงัก เบิกตากว้าง
       “เสียงคุ้นๆ แฮะ”
       ใหญ่ลุกขึ้น ค่อยๆ แอบมองไปทางทิศที่มาของเสียงแล้วชะงักเบิกตากว้างเมื่อเห็นป๋อง มอมและลุงป่องกำลังลูบคลำรถ
       “ขับดีๆ นะเว้ยไอ้มอม คันนี้เช่ามาแพง”
       “พวกคุณอดิศักดิ์ศรีนี่หว่า”
       ใหญ่รับยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกลุ่มลุงป่องในอิริยาบถต่างๆ จนทั้งหมดขึ้นรถขับออกไป โดยครรชิตขึ้นรถอีกคันขับตามไป ใหญ่รีบกดโทรศัพท์หาปกรณ์ทันที
       “ลูกพี่ ผมเจอพวกท่านอดิศักดิ์ศรี”
       “ที่ไหน”
      
       ใหญ่บอกสถานที่ที่เห็นกลุ่มลุงป่อง ปกรณ์จึงทำเสียงแปลกใจ
       “เฮ้ย...อภิมหาเศรษฐีจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงวะ...จะผิดหรือเปล่า...เออ...เออ ส่งมาให้ดูเดี๋ยวนี้เลย”
       “อะไรหรือพี่”
       เบ๊ ลูกน้องอีกคนถามเมื่อปกรณ์วางสายจากใหญ่
       “ไอ้ใหญ่มันไปเจอพวกท่านอดิศักดิ์ศรีแถวชุมชนพัฒนาสู่สุขาวดี”
       “ฮ้า”
       “รูปมาแล้ว”
       ที่จอโทรศัพท์ปกรณ์ ปรากฏภาพกลุ่มลุงป่องในอิริยบถต่างๆ ซึ่งในภาพมีครรชิตรวมอยู่ด้วยปกรณ์เห็นภาพครรชิตถึงกับชะงัก
       “เฮ้ย นี่มันไอ้ครรชิต”
      
       ปกรณ์รีบโทร.บอกเรื่องนี้กับเกริกก้อง
       “มิน่า...มันถึงดูพิลึกทุกคนเลย...เดี๋ยวจะจัดการต้อนรับให้เต็มที่”
       “ผมจะรีบไปที่ออฟฟิศนะครับ”
       “เออ...มาเดี๋ยวนี้เลย”
       เกริกก้องวางสายตากปกรณ์แล้วกดหาจันทร์ทิพย์ทันที จันทร์ทิพย์รับโทรศัพท์เกริกก้องแล้วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
       “จริงเหรอคะ...มันกล้ามาก...ค่ะ...ได้ค่ะ”
      
       ที่บ้านลุงป่อง ขณะนั้นเซียนกับปลาใหญ่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมา
       “รับประทานไม่ลงกันทั้งสองท่านเลยหรือคะ”สายพิณแขวะ
       “อย่ามาแดกดันกันได้มั้ย”
       ปลาใหญ่บอกอย่างหงุดหงิด
       “คิดถึงนังคุณน้ำเน่าใช่มั้ยล่ะ”
       “เขาเพิ่งบอกว่าอย่าแดกดัน”
       “นายเกี่ยวอะไรด้วย” สายพิณหันมาต่อว่าเซียน
       “ไม่ได้เกี่ยว แต่มันรำคาญ”
       “รำคาญก็ลุกหนี หรือไม่ก็ไปที่อื่น” สายพิณพูดไม่ทันจบปลาใหญ่ลุกเดินเข้าห้องปิดประตูห้องใส่หน้า “พี่เซียน”
       “อย่าไปยุ่งกับเขาเลยน่า นายเซียนเขาหงุดหงิดเรื่องไม่ได้เจอน้ำเพชร”
       “เลิกตอกย้ำเสียทีได้มั้ย...สมน้ำหน้าใคร”
       “สมน้ำหน้าใคร” เซียนย้อนถาม
       “สมน้ำหน้ามันทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะพี่เซียน...จะได้รู้เสียทีว่ายัยเจ๊แม่น่ะรังเกียจตัวเองขนาดไหน ป่านนี้คงพยายามหาลูกเขยเศรษฐีให้แล้วมั้ง”
       “ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้อยากรวยกันนัก ทั้งๆ ที่รวยแล้วใช่ว่าจะมีความสุข...ดูอย่างผมก็ได้”
       สายพิณมองเซียนเต็มตา สีหน้าแววตาค่อยๆ อ่อนลง
      
       ที่ร้านทองกิมฮวย ขณะนั้นน้ำเพชรแต่งตัวสวยเดินลงมาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเติมศักดิ์กับกิมฮวยนั่งเฝ้าอยู่
       “โห...นี่มานั่งเฝ้าตั้งแต่เช้าเลยหรือคะ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
       “อย่ามาทำพูดดี ขืนไม่เฝ้าลื้อได้แอบออกไปน่ะซิ”
       “แล้วนี่จะไปไหน”
       “ไปพบคุณปลาใหญ่ค่ะ”
       “อั๊วไม่เชื่อ” กิมฮวยกับเติมศักดิ์บอกออกมาพร้อมกัน
       “แหม...พูดทีละท่านก็ได้ค่ะ คืองี้...คุณปลาใหญ่ไม่ค่อยสบาย น้ำเลยจะไปช่วยเข่นฆ่าพยาบาท” เติมศักดิ์กับกิมฮวยสะดุ้ง “เอ๊ย...รักษาพยาบาลน่ะค่ะ”
       “ค่อยยังชั่ว เมื่อกี้ใจหายหมดเลย”
       “อั๊วยังไม่เชื่อ เพราะอั๊วเชื่อคนยาก โดยเฉพาะพวกเจ้าเล่ห์แบบอาน้ำ”
       “ไม่เป็นไรค่ะ ของดีจริงเขาสามารถพิสูจน์ได้”
       น้ำเพชรล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ขณะนั้นปลาใหญ่กำลังนั่งเซ็ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลาใหญ่หยิบขึ้นมาดูอย่างเนือยๆ พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาท่าทางปลาใหญ่เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นดีใจทันที
       “ฮัลโหล สวัสดีครับคุณน้ำเพชร”
       “สวัสดีค่ะ ปลาใหญ่ big fish”
       ปลาใหญ่งงเป็นไก่ตาแตก...
       “คุณ...คุณน้ำ”
       “คืองี้ค่ะ...อาเตี่ยกับอาหม่าม้าท่านไม่เชื่อว่า น้ำจะไปแลดู ดูแลเยี่ยมเหยียน เอ๊ย...เยี่ยมเยียนคุณ...big fish ช่วยยืนยันกับท่านหน่อยได้มั้ยคะ ไม่งั้นท่านจะไม่ให้น้ำไป”
       “จัดเต็มให้เลยครับ”
       น้ำเพชรส่งโทรศัพท์ให้กิมฮวย
       “อาโหล....อาโหล”
       “กราบสวัสดีครับอาหม่าม้า...ฝากกราบสวัสดีอาเตี่ยด้วยครับ” ปลาใหญ่บอกแล้วไอ
       “ลื้อเป็นอะไร อาท่านประธานปลาใหญ่”
       “ผมเป็นไอครับ...2-3 วันมานี่ผมมีอาการปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย ก็ได้คุณน้ำนี่แหละครับมาคอยดูแล”
       กิมฮวยหันมามองเติมศักดิ์
       “อีเป็นหลายอย่าง...ทั้งปวดหัวตัวร้อนนอนไม่หลับกระสับกระส่าย”
       “นับว่าอาการหนักพอสมควร”
       “อาท่านประธาน ถ้าอั๊วให้อาน้ำไปรักษาพยาบาท เอ๊ย...พยาบาล ลื้อต้องคอยจับตาดูให้ดี อย่าให้อีหลอกลื้อหนีไปหาอาเซียนได้นา อียิ่งเจ้าเล่ห์อยู่”
       “แน่นอนครับ ผมจะคอยระวังตาไม่กระพริบเลยครับ อาหม่าม้าไม่ต้องกลัว”
       “งั้นก็โอเค” กิมฮวยส่งโทรศัพท์คืนน้ำเพชร “เอ้า...อั๊วอนุญาต แต่ลื้อต้องทำตามสัญญา”
       “แน่นอนค่ะ อาหม่าม้า น้ำไปนะคะ”
       น้ำเพชรจุ๊บแก้มแม่แล้วเดินออกไป
       “ในที่สุดอีก็เข้าใจกับอาท่านประธานปลาใหญ่เสี่ยที ลื้อโล่งใจจริงๆ”
       กิมฮวยกับเติมศักดิ์ปลาบปลื้มกันไป
      
       ขณะนั้นสายพิณนั่งอยู่กับเซียน สายพิณมองหน้าเซียนแล้วพูดขึ้นลอยๆ
       “เมื่อคืนไม่มีใครเห็นผีไอ้เอ็กซ์แม้แต่หมอแม่น”
       “คงได้เห็นอีกทีตอนที่นายเซียนจะตายนั่นแหละ”
       “เอ๊ะ...พูดแบบนี้จะแช่งพี่เซียนของฉันใช่ไหม ไอ้เรารึอุตส่าห์สงสาร...”
       “อ๋อ...ไม่ต้องมาสงสารผมหรอก ตลอดชีวิตผมเคยมีแต่คนอิจฉาในคุณสมบัติที่เพียบพร้อมทุกอย่าง”
       “เฮอะ งั้นลองให้พวกนั้นมาเห็นสภาพนายตอนนี้ซิ รับรองว่าจะมีแต่ความสมเพชและสะใจ”
       เสียงกระแอมดังขึ้น เซียนกับสายพิณหันไปมองจึงเห็นปลาใหญ่แต่งตัวใหม่เอี่ยม ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ในมือถือขวดน้ำหอม หน้าตาแจ่มใส
       “ใส่น้ำหอมทำไม มันกลบกลิ่นเน่าไม่ได้หรอก แถมยังเหม็นหนักขึ้นไปอีก” เซียนบอก
       “อย่ามาอิจฉาเฮีย”
       “พี่เซียนจะไปไหนน่ะ”
       “ไม่ได้ไป แต่เดี๋ยวคุณน้ำจะมา” สายพิณตาลุก
       “ไหนว่าอาแม่อาพ่อมันไม่ให้มาแล้วไง”
       “สงสัยจะทนคิดถึงเฮียไม่ได้เลยต้องหาหนทางมา พิณ...ช่วยไปซื้อน้ำหอมดับกลิ่นอับมาให้พี่หน่อยได้ไหม”
       “ไม่”
       “สายพิณ”
       “มีแต่น้ำกรดจะเอามั๊ย”
       “นายใจร้ายมากนะ นายเซียน” เซียนต่อว่าปลาใหญ่ “ต่อให้นายตายแล้วไปเกิดใหม่อีกกี่สิบชาติ ก็ไม่มีวันได้เจอผู้หญิงที่รักนายขนาดนี้”
       “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี” สายพิณหันมาตวาดเซียน
       “อ้าว”
       สายพิณหันขวับมาที่ปลาใหญ่
       “พิณเกลียดพี่เซียนแล้ว...เกลียดที่สุดในโลก” สายพิณหันไปหาเซียน “เกลียดแกด้วย ไอ้ปลาใหญ่”
       สายพิณสะบัดหน้าเดินออกไป เซียนรีบตาม
       “พี่ก็สงสารพิณนะ แต่ทำไงได้ในเมื่อใจมันรักแต่คุณน้ำเพชร เฮ้อ”
       ปลาใหญ่บอกตามหลัง
 เซียนเดินไม่ค่อยตรงนักตามสายพิณออกมา
       “สายพิณ...จะไปไหน”
       “จะไปกระโดดน้ำตายให้รู้แล้วรู้รอด”
       “เรื่องขี้ผงแค่เนี่ย”
       สายพิณหันขวับมา
       “อย่ามาดูถูกความรักของฉันว่าเป็นเรื่องขี้ผง...” น้ำตาสายพิณไหลพรากออกมา “ถึงจะยากจน แต่ความรักของฉันก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใคร...พี่เซียนชอบผู้หญิงเก่ง ฉันก็อุตส่าห์ไปลงเรียนต่อเพื่อจะได้ทำงานดีๆ...เป็นผู้หญิงเก่งกับเขาบ้าง แล้วทำไมพี่เซียนถึงไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว”
       “ทำไมคุณไม่คิดว่าเรียนเพื่อตัวเอง...เพื่ออนาคตล่ะ...ทำไมต้องคิดว่าทำเพื่อคนอื่น”
       “เพราะฉันรักเขาไง...บอกกี่ครั้งแล้วไม่รู้จักจำ คนโง่”
       “คุณนั่นแหละโง่...โง่ที่เอาตัวเองไปผูกติดกับคนอื่น...คนที่เขาทำ ให้คุณเสียใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่คุณก็ไม่เข็ด ยังทะลุทะลวงรักเขาอยู่นั่นแหละ นี่ถ้าเขาตายคุณก็จะยอมตายด้วยงั้นซิ”
       “เออ” สายพิณตอบรับอย่างประชด
       “แล้วคนที่เขารักคุณล่ะ...โดยเฉพาะยายปิ่น แกรักคุณโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่คุณก็ยังจะใจร้ายทิ้งแกไปตายตามผู้ชายที่ไม่ได้รักคุณสักนิด” คำพูดของเซียนทำให้สายพิณยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น “ทุกวันนี้แทนที่คุณจะคอยช่วยแกขายของ...บีบนวดเวลาแกเมื่อย...หรือคอยดูแล เวลาแกเหนื่อย คุณกลับเอาเวลามาทุ่มให้นายเซียน แล้วผลที่ได้มันคุ้มกันมั๊ย” สายพิณสะอื้นฮักๆ “ผมเคยพูดเรื่องนี้กับคุณแล้ว แต่คุณก็ไม่เคยฟัง นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะพูดกับคุณ...ปกติผมไม่พูดให้ใครฟังหลายๆ ครั้งอย่างนี้หรอก โดยเฉพาะพวกที่พูดไม่รู้เรื่อง”
       “บอกซิว่าจะให้ฉันทำยังไง”
       “แค่ยอมรับมัน แล้วดำเนินชีวิตต่อไป อีกหน่อยคุณก็จะลืมเอง...ยิ่งมีสิ่งใหม่ๆ ผ่านเข้ามาให้คุณต้องคิด ต้องติดสินใจ ไม่ใช้คุณก็จะลืม ไม่มีใครอกหักรักสลายเศร้าไปตลอดชาติหรอก เชื่อผมเถอะ”
      
       สายพิณมองหน้าเซียน แล้วซบอกเขาร้องไห้ราวกับจะยึดเป็นที่พึ่ง เซียนลูบหลังสายพิณอย่างอ่อนโยน
      
        มอมทำหน้าที่ขับรถแล่นเข้ามาในบริษัทปลาใหญ่ โดยรปภ.โค้งแล้วโค้งอีก
        “คุณคัน...ผมอยากกลับ”
       ลุงป่องบอกกับครรชิต
       “กลับไม่ได้ ไหนๆ ก็มาจนป่านนี้แล้ว นายต้องสู้...สู้...สู้...สู้เว้ย”
       “สู้ไม่ไหวแล้วเว้ย”
       รปภ.โบกรถ นำไปจอดในบริเวณผู้บริหาร
       “ลุงป่อง...เงียบได้แล้ว”
       “เอ็งเป็นท่านอดิศักดิ์ศรีแทนข้าหน่อยซิวะ”
       ลุงป่องบอกกับมอม รปภ.เข้ามาเปิดประตูรถอย่างนอบน้อม
       “เชิญครับ...คุณกรณ์กำลังรอท่านอยู่”
       “ลุงป่องยิ้มแห้งๆ
       “ขอบคุณครับ”
       ป่องบอกแล้วดันหลังลุงป่องให้เดิน
       “ออฟฟิศที่นี่เล็กกว่าเราสักเท่าตัวได้นะครับท่าน...เห็นแล้วอึดอัด ไม่สบายตัว”
       มอมบอกขณะเดินเข้าไปด้านใน
      
       เมื่อกลุ่มลุงป่องเดินเข้ามาในบริษัทก็พบจันทร์ทิพย์กับรัญญาตั้งแถวรอต้อนรับอยู่ ทุกคนต่างไหว้ลุงป่องอย่างนอบน้อม
       “พวกเราทุกคนยินดีต้อนรับท่านอดิศักดิ์ศรีค่ะ”
       ลุงป่องพยักหน้า กวาดสายตาดูโดยรอบ
       “ที่นี่เล็กกว่าออฟฟิศของเราเกือบเท่าตัว อย่างที่ลีโอและภูเป็ด” ทุกคนชะงัก ลุงป่องรู้สึกตัวจึงรีบแก้ตัว “เอ๊ย...รูเพิร์ทพูดจริงๆ”
       จันทร์ทิพย์ รัญญาแอบทำหน้าสมเพช
       “แค่ก็โอเคนะท่านรูเพิร์ท”
       “ก็โอเคอยู่”
       “เชิญที่ลิฟท์ค่ะ”
       คณะลุงป่องเดินตามรัญญามาที่ลิฟท์
      
       รัญญาพาทุกคนมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง พอเข้ามาในห้องทำงานเกริกก้องกลุ่มลุงป่องถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นเกริกก้อง ปกรณ์ยืนยิ้มเยาะอยู่กับตำรวจ
       ลุงป่องรีบหันหลังกลับจะเดินออกไปแต่ปกรณ์ขยับมาขวางประตูไว้
       “จะไปไหนล่ะครับ ท่านอดิศักดิ์ศรี”
       “กลับออฟฟิศครับ”
       “ไอ้รูหนูในสลัม ชุมชนพัฒนาสู่สุขาส้วมของพวกแกน่ะเหรอ”
       มอมนึกฉุนที่เกริกก้องเรียกชื่อชุมชนตัวเองแบบไม่ให้เกียจ
       “สู่สุขาวดีเว้ย ไม่ใช่สุขาส้วม เดี๋ยวพ่อฟ้องหมิ่นประมาทซะเลย”
       “คุณตำรวจจับไอ้พวก 18 มงกุฎนี้ไปเลย พวกมันสมคบกันหลอกลวงฉ้อโกงผม”
       เกริกก้องบอกตำรวจ
       “ฉ้อโกงตรงไหน คุณเป็นคนเชิญพวกผมเองนะครับ” ป๋องบอก
       “แล้วพวกผมก็ไม่เอาเงินคุณมาซักแดง ตรงกันข้ามกับเป็นฝ่ายจ่ายเงินเลี้ยงอาหารด้วย”
       “เสียไปตั้งเกือบแสน คุณยังชวนผมร่วมหุ้นด้วย นั่นแน่คิดจะโกงผมใช่มั๊ยล่ะ เห็นว่ารวยล่ะซิ”
       กลุ่มลุงป่องใส่เป็นชุดเมื่อตั้งสติได้ ตำรวจหันมามองเกริกก้อง
       “อ้าบ้า แกมันพวกไอ้เซียน”
       เกริกก้องบอกอย่างฉุนจัด
       “เป็นเพื่อนไอ้เซียนแล้วไง คนเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ” ป๋องย้อนถาม
       “คุณตำรวจจับมัน พวกมันบุกรุก” จันทร์ทิพย์บอก
       “บุกรุกที่ไหน พวกคุณแทบจะปูพรหมกราบให้พวกเราเข้ามา บุกรุกยังไง” มอมบอก
       “คุณโปลิศ พวกนี้หลอกพวกเรามาจะทำร้าย” ป๋องบอก รัญญาเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
       “จับพวกมันครับ คุณตำรวจ”
       “ต้องจับพวกมันถึงจะถูก”
       “ตกลงจะให้ผมจับใครกันแน่...มึน”
       ตำรวจย้อนถาม
      
       เกริก้องเล่นงานกลุ่มป่องไม่ได้ ทั้งหมดจึงกลับมาที่รถ ลุงป่องโทรหาครรชิตทันที
       “เป็นไงบ้าง”
       ครรชิตรีบถาม
       “ราบรื่นแทบตาย”
       “เดี๋ยวค่อยไปคุยกันที่บ้าน”
       “คุณคันอยู่ที่ไหนล่ะ”
       “อยู่ในรถ...กำลังเดินทางกลับ”
       “เอาตัวรอดนี่หว่า”
       ลุงป่องต่อว่าแล้วปิดโทรศัพท์
       “คุณคันว่าไง” มอมถาม
       “กำลังกลับบ้าน”
       “หน็อย...ไม่ได้คิดจะเข้าไปช่วยเล้ย”
       “ดีกว่าป๋องหัวไวไอเดียกระฉูด”
       “ไอเดียข้าโว้ย ไอ้ป๋อง”
       ลุงป่องเอนตัวลงนอนก่ายหน้าผากกับเบาะขณะที่มอมกับป๋องเถียงกัน
      
       ลุงป่องกลับมาบ้านแล้วปรึกษากับครรชิต เซียน ปลาใหญ่ น้ำเพชร สายพิณว่าจะทำยังไงต่อไป
       “ตกลงจะเอายังไงกันต่อไป”
       ลุงป่องถามขึ้นมา
       “เฮ้อ...” ครรชิตถอนหายใจ
       “ไม่ต้องเอายังไงแล้วละ...อีกไม่เท่าไหร่ก็ตายแล้ว อย่าไปหวงสมบัติให้มันเดือดร้อนเล้ย ปลาใหญ่” ปลาใหญ่บอกเซียน
       “ไม่ใช่สมบัติของนายก็พูดได้น่ะซิ” น้ำเพชรบอก
       “ฉันไม่ได้หวงไว้ใช้เอง แต่จะมอบให้องค์กรการกุศล”
       “ผมเกือบลืมไปเลยคุณปลาใหญ่ คุณพ่อคุณทำซีดีไว้แผ่นหนึ่ง”
       ครรชิตบอกอย่างตื่นเต้น
       “โอย...ทำไมไม่ไปนึกได้ตอนปลาใหญ่ตายซะก่อนล่ะ คุณคัน”
       “แกนึกได้ก็ประเสริฐแล้ว แกชราป่านนี้”
       “อ่ว...นายป๋อง แล้วแกหนุ่มนักเรอะ” ครรชิตย้อนถาม
       “เอาล่ะ พอแล้ว...ซีดีอะไรคุณครรชิต” เซียนถามครรชิต
       “เป็นซีดีเกี่ยวกับคำสั่งสุดท้ายของท่าน ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันและแก้ไขในกรณีที่คุณก้องจะยึดบริษัทมหาทรัพย์”
       “โห...คนอะไรจะมองการณ์ไกลได้ขนาดนั้น”
       “แล้วซีดีนั่นอยู่ที่ไหนคะ”
       “อยู่ในโคมไฟกลางห้องทำงานของท่าน ซึ่งก็คือห้องประธานกรรมการบริษัทนั่นเอง”
       “สงสัยพ่อนายจะดูหนังมากไปหน่อย แล้วละปลาใหญ่”
       “แต่ก็ต้องนับว่าท่านฉลาดและรอบคอบมาก”
       “แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนไปเอา”
       “ผมเอง” เซียนบอก
       “ไม่ได้เด็ดขาด”
       ครรชิตกับน้ำเพชรบอกพร้อมกัน
       “อย่าห้าม”
       “ผมถอนตัว...ขออนุญาตไม่ไปช่วย” ลุงป่องบอก
       “ฉันจะไปกับนาย ปลาใหญ่” ปลาใหญ่บอก ทุกคนหันขวับมามองปลาใหญ่อย่างพิศวง “นี่ ไม่ได้คิดจะให้ใครมาชื่นชมหรอก แต่อย่างน้อยหากตายไปจะได้มีความดีความชอบไปรายงานยมบาลบ้าง”
       “ขอบใจ”
       “อย่า...อย่ามาทำหน้าซึ้งใจกับฉัน งานนี้ฉันทำเพื่อตัวเอง”
       น้ำเพชรมองหน้าปลาใหญ่ด้วยสีหน้าแววตาพิศวง
 อีกด้านหนึ่งหมอแม่นถูกจับตัวมาขังไว้ที่เซฟเฮ้าส์ เบ๊ยกชามเกี๊ยวกับน้ำมาวางให้หมอแม่น
      
       “เอ้า...กินซะป้า”
       “ไม่กิน จนกว่าเอ็งจะบอกว่าลักพาตัวข้ามาทำไม”
       “งั้นก็อย่ากินเลย”
       เบ๊ยกชามเกี๊ยวกลับ หมอแม่นรีบบอก
       “กิน...หิวจะตายอยู่แล้ว”
       จังหวะนั้นมีเสียงบีบแตรดังอยู่ข้างนอก
       “ไอ้เขียว...ไปเปิดประตู”
       “ไอ้เขียวทั้งปี” เขียวบ่นก่อนจะเดินออกไป
       “ใครมาเหรอ” หมอแม่นถามอย่างสงสัย
       “ไม่บอก...ให้รู้เอง”
       “เรื่องมาก”
       หมอแม่นนั่งกินเกี๊ยวด้วยความหิว ขณะนั้นเกริกก้องกับปกรณ์เดินเข้ามา ใหญ่กับเบ๊รีบลุกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
       “เป็นไง...เกี๊ยวอร่อยมั๊ย”
       เกริกก้องถาม
       “เป็นหัวหน้าไอ้พวกนี้ละซิ ไหนบอกมาซิว่าจับข้ามาทำไม”
       “ฉันอยากรู้ทุกเรื่องในชุมชนของยาย”
       “มันเยอะ ขี้เกียจเล่า”
       “ยังพูดไม่จบ ทุกเรื่องเกี่ยวกับไอ้เซียน...ปลาใหญ่...ไอ้ครรชิต ตลอดจนพลพรรคของมัน”
       “เรื่องผีไอ้เอ็กซ์ด้วยครับเจ้านาย” เขียวบอก
       “นั่นไม่สำคัญเพราะมันตายไปแล้ว เร็ว...เล่ามา”
       “คุณเป็นเจ้านายของเจ้าเอ็กซ์ใช่ไหม” หมอแม่นย้อนถาม
       “ถามทำไม”
       “เปล่า”
       “งั้นก็เล่ามา”
       หมอแม่นมองหน้าแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนมองหมอแม่นอย่างโหดเหี้ยมจนหมอแม่นนึกกลัว
      
       ค่ำวันเดียวกันนั้นเมื่อสายพิณกลับมาบ้านยายปิ่นถามถึงเซียนทันที
       “ไอ้เซียนมันเป็นยังไงบ้างล่ะ”
       สายพิณนั่งลงแล้วถอนหายใจ
       “ก็แย่ลงทุกวันน่ะจ้ะ...แย่ลงทั้งสองคนเลย”
       “เอ็งก็ควรจะทำใจซะ”
       “มันทำลำบากเหมือนกันน่ะยาย” สายพิณบอกพร้อมกับน้ำตาที่คลอออกมา
       “องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ถึงความผันแปรไม่แน่นอน ของชีวิต แบบที่เราๆ พูดกันว่าอนิจจังไม่เที่ยง เกิด...แก่...เจ็บ...ตาย เป็นของธรรมดา”
       “แต่พี่เซียนกับปลาใหญ่ยังไม่ทันแก่เลย”
       ยายปิ่นชะงัก
       “แล้วคุณปลาใหญ่มาเกี่ยวอะไรด้วย ทุกทีเอ็งไม่เคยกล่าวถึงเขาเลยนี่”
       สายพิณชะงัก แตะปากตัวเองแบบรู้สึกแปลกใจ
       “พิณไปอาบน้ำก่อนนะยาย”
       สายพิณลุกเดินเข้าห้อง ยายปิ่นมองตามอย่างแปลกใจ
       “วันนี้ไอ้พิณมันทำท่าแปลกๆ”
      
       เมื่อเข้ามาในห้องสายพิณทรุดตัวลงนั่งกอดเข่านึกถึงสิ่งที่คุยกับยายปิ่น
       “แต่พี่เซียนกับปลาใหญ่ยังไม่ทันแก่เลย”
       “แล้วคุณปลาใหญ่มาเกี่ยวอะไรด้วย ทุกทีเอ็งไม่เคยกล่าวถึงเขาเลยนี่”
       สายพิณตบปากตัวเองเบาๆ
       “พูดถึงเขาทำไม”
      
       อีกด้านหนึ่งที่ร้านทองกิมฮวย เมื่อน้ำเพชรเดินเข้ามาก็เจอกิมฮวยกับเติมศักดิ์นั่งจิบน้ำชามองอยู่
       “อ้าว...หม่าม้ากับเตี่ยยังไม่ขึ้นนอนอีกหรือคะ”
       “เราสองคนรอลื้อ...ทำไมกลับค่ำ”
       “อ๋อ...นี่ค่ะ”
       น้ำเพชรส่งถึงเกาลัดให้
       “เกาลัด”
       “ค่ะ”
       “คุณปลาใหญ่นี่ดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็คิดถึงอั๊วกับอาเติม” กิมฮวยพูดถึงปลาใหญ่อย่างชื่นชม
       “น้ำขึ้นไปอาบน้ำนะคะ...เหนียวตัวจัง”
       “ไปเลย...อั๊วจะกินเกาลัด”
       น้ำเพชรลอบถอนหายใจแล้วรีบขึ้นห้อง
      
       เมื่อเข้ามาในห้อง น้ำเพชรทรุดตัวลงนั่งถอนหายใจแล้วคิดถึงคำพูดของปลาใหญ่ที่บ้านลุงป่อง
       “ฉันจะไปกับนาย...ปลาใหญ่”
       “ขอบใจ”
       “ก็ไม่ได้คิดจะให้ใครมาชื่นชมหรอก แต่อย่างน้อย...หากตายไปจะได้มีความดีความชอบไปรายงานยมบาลบ้าง”
       ภาพปลาใหญ่เลือนหาย
       “คนบ้า...จะตายอยู่แล้วยังทำตลก”
       น้ำเพชรเอนหลังพิงพนัก สีหน้าแววตาครุ่นคิด
      
       ที่บ้านลุงป่อง ครรชิต ลุงป่อง เดินตามปลาใหญ่กับเซียนออกมา
       “ผมโทรไปบอกวิโรจน์แล้ว...พอคุณปลาใหญ่ไปถึงก็โทรเข้าหามันเลยนะครับ วิโรจน์จะออกมารับคุณปลาใหญ่กับเจ้าเซียนเข้าไป”
       “ไว้ใจได้แน่นะ...วิร่งวิโรจน์อะไรเนี่ย”
       “อ๋อ...ได้แน่ เขาเป็นลูกน้องเก่าผม เป็นคนดีมาก”
       “งั้นผมไปล่ะ”
       “ผมไปด้วยมั้ยครับ” ครรชิตถาม
       “อย่าเลย...คุณควรอยู่นี่แหละ ไปล่ะลุงป่อง”
       “โชคดีนะครับ”
       ปลาใหญ่หันมาโบกมือให้
       “อยู่กันดีๆ นะทั้งสองคน เซียนไปแล้ว อาจจะไปลับ”
       “ไอ้บ้า...ไอ้ปากอัปมงคล” ลุงป่องต่อว่า
       เซียนกับปลาใหญ่เดินออกไป ครรชิตกับลุงป่องมองตามด้วยความเป็นห่วง
source: manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น